Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 ตุลาคม 2558
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Road trip 2 - ลูกค้าชาวโปล

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ กินได้ นอนหลับ ครบ 32 และยังสามารถเข้ามาเขียนเล่าเรื่องราว จากร้านหนังสือในถนนข้าวสาร ให้ได้อ่านเล่นฆ่าเวลากันอีกครั้ง ตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนตุลาคมแล้ว ฝนฉ่ำฟ้าทุกวี่วัน พร้อมๆกันกับที่สายลมหนาวเริ่มพัดโปรยปรายเข้ามาเยือน ลูกค้าแบ็คแพ็คเกอร์ต่างก็ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพื่อเลือกหาหนังสือไกด์บุ๊คที่ตัวเองต้องการ ทั้งเล่มมือสองใช้แล้ว มือหนึ่งใหม่กิ๊ก ฉบับพิมพ์เก่าซึ่งจะได้ราคาที่ไม่หนักกระเป๋าสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกันกับที่ลูกค้าเก่าบางคนเอามาคืนครึ่งราคา บางคนก็เอามาเปลี่ยนเป็นไกด์บุ๊คสำหรับทริปถัดไป หรือไม่ก็เอาหนังสืออ่านเล่นไปแทน

แต่ค่ำนั้น หนุ่มใหญ่ชาวโปลมาแปลก เข้ามาพร้อมกับนั่งเล่า นั่งคุยเสียเป็นส่วนมาก ทำเอาคนขายนั่งฟังอ้าปากค้างเป็นเวลากว่าชั่วโมง บทสนทนาเริ่มขึ้นง่ายๆ

"Do you know how can I go to Sihanoukville by land?" คุณรู้ไหมว่าผมจะไปสีหณุวิลล์ได้ยังไง ไปทางบกนะ ... หน้าตาประมาณเมล กิ๊บสัน + แจ็ค นิโคลสัน มายำรวมกัน

"Basically you have to cross border at "Aran". And then you head down continuously. You may take a rest 1 night at "Koh Kong" or arrive there quite late in the night. If you book hotel there already, it is possible. But if not, 1 night at "Koh Kong" may be better. Then you arrive there around noon of next day." เท่าที่ผมรู้ทั่วไปนะ คุณต้องข้ามพรมแดนที่ด่านอรัญฯ แล้วก็มุ่งลงทางใต้ไปเรื่อยๆ คุณอาจจะแวะพักสักคืนที่เกาะกงสบายๆ หรือไม่ก็ไปถึงที่หมายเลยตอนมืดๆก็ได้ ถ้ามีโรงแรมจองไว้แล้วก็อาจจะโอเค ไม่ต้องไปงมหาที่พักเอาตอนดึกๆดื่นๆ แต่ถ้าไม่ได้จองไว้ละก็ ผมว่าคุณพักที่เกาะกงสะดวกกว่า เพราะถึงที่นั่นเย็นๆ หัวค่ำ แถมเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยไปต่ออีกสักครึ่งวันกำลังสวยเลย ... ผมเล่ายาว พร้อมบอกทางเลือกโดยประมาณให้กับลูกค้านักท่องเที่ยวสำหรับตัดสินใจ

"Good, I have enough time for planning." ดีเลย ผมมีเวลาตัดสินใจวางแผนการเดินทางสบายๆ ... ลูกค้าพยักหน้า พร้อมยิ้มกว้างอย่างดีใจ

"Do you travel alone?" คุณเดินทางคนเดียวเรอะ ... ผมถาม ชวนคุยเรื่อยเปื่อย ประสาพ่อค้าอัธยาศัยดี แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นจุดเปลี่ยนของการสนทนาตลอดชั่วโมงต่อมา

"Yes, I do. I'm just separate from my wife." ใช่ ใช่ ผมเดินทางคนเดียว ผมเพิ่งแยกทางกับภรรยามาไม่นานนี้เอง ก็เลยเป็นโสด ไปไหนมาไหนได้อิสระ ไม่ต้องบอกใคร ... ลูกค้าโปลิชเล่าต่อ พร้อมกับขยับกระเป๋าวางลง

"Oh, sorry." อ้า เสียใจด้วย ... ผมออกปาก ตามมารยาท

"No, don't worry. Nothing bad. I have 1 son and 1 daughter. My son is 20 years old and work already. I proud with him so much. It's the best of my life now after 25 years together. " ไม่ ไม่ต้องเป็นห่วง มันไม่ได้แย่อะไรนัก ผมมีลูกชายคน ลูกสาวคน ลูกชาย 20 แล้วทำงานแล้ว ผมภูมิใจตัวเขามาก หลังจากแยกกันกับภรรยา ตอนนี้มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด หลังจากอยู่ด้วยกันมา 25 ปี ... ลูกค้าเอียงคอคิดเล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้าเล่าเสียงหนักแน่น

"Really?" จริงรึ ... ผมเลิกคิ้วถาม ... ใช่ บ้านเราพักหลังนี่เห็นข่าวดารารุ่นใหญ่แยกทางกัน ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์มากขึ้น สังคมเปลี่ยนไป เวลาผ่านไปนานๆ ความรักเริ่มกัดกร่อน ความอดทนเริ่มลดลง ถึงจุดหนึ่ง ก็ไม่มีอะไรจะต้องทนต่อ มีเงิน มีชีวิตต่อไป อยากทำอะไรก็ทำ คนอื่นๆก็ทำกัน ดาราบ้าง คนในสังคมบ้าง จะโสดสนิท หรือจะตกพุ่มหม้ายก็เยอะแยะ หรือบางทีจะเปลี่ยนไปอยู่กับเพศเดียวกัน ก็ตามที่สบายใจ ในเมื่อทางเลือกของชีวิตเปิดกว้าง ทางเลือกเพศที่สาม สี่ ห้า ตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็เต็มไปหมด แค่หย่าร้างกัน ไม่เห็นจะแปลกอะไรสักหน่อย

"Yes, 25 years ago was OK. But now everything changes. She saw the world from internet. And then question "Why I am not ? ... Why we have no new car ? ... I want new house. ... I am very tired and headache over 5 years in pain. She changes become devil. When she talk to police / to court officer, she talk talk talk .... and after finish, I have to pay million million euro to her. But it is unfair, along 25 years I never do anything bad to her. Never hit her. Never see any lady. This is my experience, not tell your wife how much money you can make. How many you have." จริงสิ 25 ปีก่อนนะมันโอเค แต่ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไป ภรรยาผมหล่อนเห็นโลก เห็นทุกอย่างผ่านทางอินเตอร์เน็ต แล้วก็เริ่มมาตั้งคำถามเปรียบเทียบกับคนอื่นเขาว่า ทำไมฉันถึงไม่มีนั่น ฉันไม่มีนี่ ทำไมไม่เปลี่ยนรถคันใหม่ ฉันอยากได้บ้านใหม่ ... ผมโคตรเหนื่อยเลย ตลอด 5 ปีหลังที่มีเรื่องต้องทะเลาะกัน หล่อนเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน เป็นนางมารร้าย ตอนที่เราหย่าร้างกัน ต้องไปคุยกับตำรวจ ไปคุยกับศาล หล่อนจะพูด พูด พูด ... จนกระทั่งท้ายที่สุด ผมต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เธอเป็นล้านยูโร คุณคิดดู มันไม่แฟร์เลย ตลอด 25 ปี ผมไม่เคยทำอะไรเลวร้าย ไม่เคยตบตีลงไม้ลงมือกับเธอ หรือนอกใจเธอเลยสักครั้ง มันเป็นประสพการณ์ชีวิตราคาแพง ... ห้ามเลยนะ ห้ามคุยเรื่องเงินเดือน เรื่องเงินเก็บ กับเมียคุณเลยนะ ไม่งั้นคุณจะแย่ ... ลูกค้าพ่อหม้ายเล่ายาว ดราม่าน้ำตาจะไหล

"I know. I know." เอ้อ รู้แล้ว รู้แล้ว ... ผมพยักหน้ารับ ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก เรื่องอย่างนี้ เวลาอย่างนี้ สถานะอย่างนี้ อาตมาก็เป็นได้แค่ผู้ฟังที่ดีเท่านั้นแหละ โยม

"Once we talked about the new car. Why don't you buy new benz for us? But you can spend money for house renovation, new bedroom, new kitchen." ครั้งหนึ่งที่เราเคยทะเลาะกันเรื่องรถใหม่ ทำไมคุณไม่เปลี่ยนรถเราเป็นรถเบนซ์คันใหม่ซักทีล่ะ เห็นมีเงินซ่อมบ้าน ทำห้องนอน ห้องครัวใหม่ จ่ายเงินไปตั้งเยอะ ... เสียงเล่าต่อมา อย่างค้างคาในอารมณ์

"I told her you have to think more. Money for my house renovation is more efficiency. How many hours I spend in the house, 8 hours when I sleep. I can eat in my kitchen, right? So I can refund back profit from my payment. But new benz is for who, in the same time that I can drive my current one. New benz is for you to show to the f_cking idiot neighbor and others who walk on the street that you have benz. And I get nothing more from that new benz." ผมบอกเธอไปว่า ลองคิดดูซิ เงินที่ผมเอาไปซ่อมบ้านน่ะ ได้ใช้ประโยชน์มากแค่ไหน ลองคิดดูซิ ผมใช้เวลาอยู่ในบ้านแค่ไหน ได้นอนหลับสบายในบ้าน 8 ชั่วโมง ได้กินอาหารในครัว ถูกไหม นั่นแสดงว่าผมได้ใช้ประโยชน์กลับคืนมาจากเงินที่จ่ายไป แต่รถเบนซ์คันใหม่ล่ะ ใครได้ประโยชน์จากมันในขณะที่ผมก็ยังสามารถใช้งานได้ ... ไอ้รถเบนซ์คันใหม่น่ะ มันสำหรับคุณเอาไว้โชว์ให้ไอ้พวกเพื่อนบ้านปัญญาอ่อนกับคนทั่วไปที่ไม่รู้จัก ได้รู้เท่านั้นแหละ ว่ากรูมีปัญญาซื้อเบนซ์นะโว้ย ในขณะที่ผมไม่เห็นได้ประโยชน์อะไรจากมันเลย ... ลูกค้ารำพึงรำพันยาวเหยียด พร้อมกับปลายหางเสียงเริ่มออกอาการ "ขึ้น"

"I see. I see." เอ้อ เข้าใจ เข้าใจ ... ผมพยักหน้ารับ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย พองาม พยายามประคองสถานการณ์และบทสนทนา

"Do you watch football? You know Lewan, right? He is very good in match but our national team is not so good. Our league is quite weak, that's why he has to play in Bundes." คุณดูฟุตบอลไหม น่าจะรู้จัก เลวานฯ เขาเป็นนักเตะกองหน้าที่เก่งมาเลย แต่ทีมชาติเราค่อนข้างแย่ แล้วก็ลีกของเราก็ไม่ได้เรื่อง เขาเลยต้องไปเล่นในบุนเดส ฟุตบอลลีกของเยอรมัน ... ลูกค้าเปลี่ยนช่องบ้าง ไปเป็นเรื่องฟุตบอล ... และ แน่นอน ผมตามข่าวฟุตบอลอยู่แล้ว เลวานดอฟสกี้ ยอดกองหน้าสัญชาติโปล ที่ย้ายจากดอร์ทมุนด์ไปอยู่กับบาร์เยิน มิวนิค ล่าสุดแสดงความเทพด้วยการซัด 5 ประตูใน 9 นาทีใส่ โวล์ฟบวร์ก เมื่อปลายเดือนกันยาฯ ที่ผ่านมา

"But you are pol. You belong to russian, right?" แต่โปแลนด์นั้นอิงอยู่กับรัสเซียใช่ไหม ... ผมหมายถึงทางการเมือง

"Yes, for our politic. Actually we ever had democracy but after world war, communist took over us. Before changing again later. ... From WW, do you know who is the strongest?" ใช่ ใช่ ในทางการเมือง ก่อนนี้เรามีประชาธิปไตย แต่ก็มาเปลี่ยนไปเป็นคอมมูนิสต์ภายใต้การปกครองของรัสเซียในช่วงสงครามโลก ก่อนจะมาเปลี่ยนอีกทีตอนหลัง พูดถึงสงครามโลก คุณรู้ไหม เบื้องหลังสงคราม ใครคือผู้ที่เข้มแข็งที่สุด ... ประเด็นการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาในบทสนทนาได้อย่างไร ไม่มีใครรู้ แต่มันกู่ไม่กลับแล้ว

"Of course after WW2 finish, german lost. US & England win in europe fight. they run from the left. And communist from russia walk from the right to german." แน่สิ ใครก็รู้ สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รับชัยชนะในสงครามภาคพื้นยุโรป หลังจากการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี รุกเข้าไปทางฝั่งตะวันตกของเยอรมัน ในขณะที่กองทัพแดงของคอมมิวนิสต์รัสเซียขนาบเข้ามาทางตะวันออกถึงเบอร์ลิน ... ผมพยักหน้า ตอบไปงงๆ

"Yes, but the secret history is more different. It is one organization call .... hm ... Freemason, sign "Square & compass". They control everything from backside. Big banker, Politician, Elite, Millionaire, Ministry of all country. Previously all people always go to church and of course money donation to priest. So they build church and can earn money a lot become big and bigger. This jewish back up to american, to israel and big politician family in europe. They can control money, bank, business value and direction until weapon business and war. That's why they use square and compass, it's meaning is they build and control direction. I'll show you their sign. We are man, you own your bookshop. You must be the book reader and you can read a lot of their secret history in europe." ใช่ แต่เบื้องหลังมันมีอะไรเยอะกว่านั้น มันมีองค์กรลับในประวัติศาสตร์ของยุโรปที่ชื่อว่า ... อืม ... ฟรีเมสัน สัญญลักษณ์เป็นไม้ฉากกับวงเวียน องค์กรนี้มันอยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์ และพยายามเข้าไปคุมทุกอย่าง มีทั้งนายธนาคารยักษ์ใหญ่ นักการเมือง ชนชั้นสูง มหาเศรษฐี รัฐมนตรีของหลายๆประเทศ เมื่อก่อนนี้คนนับถือศาสนาคริสต์จะไปโบสถ์กัน และแน่นอนเงินบริจาคให้บาทหลวงก็ตามมา พวกนี้ก็เห็นช่องทางทำเงินได้ ก็สร้างโบสถ์ระดมเงินบริจาคกัน องค์กรก็ใหญ่ขึ้นๆ ยิวพวกนี้ก็อยู่เบื้องหลังอเมริกัน หนุนหลังอิสราเอล ตระกูลนักการเมืองใหญ่ในยุโรป โลกตะวันตก สามารถกำหนดทิศทางการเงิน การธนาคาร ธุรกิจ อาวุทธและสงคราม องค์กรนี้เลยใช้สัญญลักษณ์เป็นไม้ฉากกับวงเวียนไง ไม้ฉากหมายถึงการสร้างขึ้นและวงเวียนคือการควบคุมไว้ในอุ้งมือ คุณลองเสิร์ชรูปสัญญลักษณ์ของฟรีเมสันดูสิ พวกเราเป็นผู้ชาย คุณเป็นเจ้าของร้านหนังสือ ต้องเป็นนักอ่านด้วยแน่ๆ เรื่ององค์กรลับฟรีเมสันนี่แหละ มีเรื่องให้อ่านเยอะเลย ... ลูกค้าเบรคแตก เล่ายาว พร้อมกับชี้ให้ผมดูรูปสัญญลักษณ์องค์กรฟรีเมสันในอินเตอร์เน็ต จากวิกิพีเดีย และก็เว็บไซต์อ้างอิงอีกยาวเหยียด

ผมพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับเคาะๆดูเรื่องราวในเว็บ โน่น นี่ นั่น ไปเรื่อย ลูกค้าเองท่าจะเริ่มเหนื่อยแล้ว หลังจากได้คุย ได้พูด มาร่วมชั่วโมง



1 ในสัญญลักษณ์ของ ฟรีเมสัน (Square & Compass)

"I have plan to go to "Koh Tonsay" or "Rabbit Island" in cambodia. Can you show me the picture from internet?" ผมมีแผนจะไปเกาะกระต่าย ในคัมโบเดีย คุณลองโชว์ภาพให้ผมดูหน่อยสิ ในเน็ตน่ะ ... ลูกค้าโชว์กระดาษโน๊ตยับยู่ยี่ให้ดู มันมีชื่อเกาะ แล้วก็หมายเลขขยุกขยิก น่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์
"Hmm ... Nice. Good idea to visit there." อืมมม ... สวยดีนะ น่าไป น่าไป ... ผมตอบ แต่ในใจบอกว่า หาดไม่สวยกว่าหัวหิน ทรายไม่ขาวไปกว่าป่าตองบ้านเรา

"Tomorrow if I come back, we can talk about my plan or about Freemason." พรุ่งนี้ถ้าผมกลับมาเจอกันอีก เดี๋ยวมาคุยเรื่องแผนเที่ยว หรือไม่ก็ฟรีเมสัน กันต่อนะ ... ลูกค้ายิ้ม หลังจากพักหายเหนื่อยแล้ว

"Nice to talk. Thank you very much." เยี่ยมเลย ดีใจที่ได้คุยกัน ขอบคุณมากครับ ... ผมตอบพร้อมกับสัมผัสมือที่ยื่นมา พร้อมกับมิตรภาพ

"Not forget my suggestion. Not tell her about your money. How much you earn, how many you have. She will not change to evil." อย่าลืมคำแนะนำของผมนะ อย่าบอกเขาเรื่องเงินเด็ดขาด เงินเดือนเท่าไหร่ เงินเก็บเท่าไหร่ ไม่งั้นเธอจะกลายเป็นนางมารสำหรับคุณ ... ลูกค้าโปลทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มลึกลับ ... ดูคล้ายกับรอยยิ้มจากซาตาน หรือไม่ก็ปรารถนา-ประสงค์ร้ายจากใครบางคนแถวนี้

ผมมองตามหลังไป พร้อมกับคำถามในใจว่า "พรุ่งนี้ ผมจะอยู่เฝ้าร้านรอบดึกดีไหม" SmileySmileySmiley

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858
jettajan227@yahoo.com

...
........
...............

คริสต์มาสอีฟปีก่อน หลังจากตกลงใจปัจจุบันทันด่วน ว่าพรุ่งนี้เผ่นดีกว่า คำถามตามมาว่า "ไปไหน" ตัวเลือกแรกที่โผล่ออกมาเลยก็คือ "สะพานมอญ" แห่งสังขละบุรี ที่ซ่อมแซมใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ระยะเวลาของทริปโดยประมาณคือ 3 วัน 2 คืน น่าจะเอาอยู่ หลังจากนั้นอาจจะเลยไปตากหรือไม่ก็วนเวียนโซนตะวันตก

ตัวเลือกถัดไปคือ "ขึ้นเหนือ" ไปไหนก็ว่ากันอีกที มีเวลาคิด มีตัวเลือกมากมายหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ปาย เชียงคาน น่าน ลำพูน ทริปนี้สามารถจัดเต็มแม็กซิมัมเบรคได้ หายห่วง ไม่ต้องห่วง

"สามพันโบก" เป็นม้ามืดอีกหนึ่งตัวที่โผล่เข้ามาอย่างปัจจุบันทันด่วน ชั่วแวบ ก่อนจะทิ้งค้างไว้ในลิสต์รายชื่อรอบสุดท้าย ภาพหาดหินของลำน้ำโขง เมืองอุบล ดูสวยงามลึกลับน่าพิศวง โค้งเว้าของหินท้องน้ำที่ถูกกัดเซาะ ชวนจินตนาการสุดหยั่งถึง

ทริป "ล่องใต้" ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่อาจมองข้าม หลายปีแล้วที่ไม่เคยเลยไปไกลกว่าประจวบคีรีขันธ์ จากพาหนะ 4 ล้อที่หมุนไปเอง ไม่นับก่อนหน้านั้นกับ ภูเก็ตบ้าง กระบี่บ้าง หรือไม่ก็ทะเลสมุยที่นานจนลืม รสชาติอร่อยจัดจ้านของร้าน "V1" ตอนไปเที่ยวกระบี่ครั้งแรก พร้อมกับทริปพายเรือ "คายัค" เลาะริมหาดโกงกาง ว่ายน้ำในสระมรกต ยังส่งเสียงเรียกร้องอยู่ไม่ไกล ในจิตสำนึกส่วนลึก

... ก่อนหลับตาลง ในค่ำคืนที่สมองปั่นป่วนไปด้วยภาพ ทะเล ภูเขา ชายหาด ถ้ำ น้ำตก วนเวียนกลับไป กลับมา โดยไม่รู้สึกตัว จนหลับสนิท

... และตื่นขึ้นมาตอนเช้าโดย ยังไม่รู้คำตอบอยู่ดีว่าตกลงจะไปไหนกันแน่

... รู้แต่ว่า ต้องเก็บเสื้อผ้าแล้ว จะไปนอนกี่คืน ก็ไม่รู้ เอาไปสัก 5 ชุดก่อนละกัน ถ้าไปเกินนั้นค่อยแก้ปัญหา ว่ากันอีกที

... กินอาหารเช้าเสร็จ พร้อมกับสมาชิกผู้ร่วมขบวนอีก 3 ชีวิต ก็ออกจากบ้าน เกือบ 11 โมงเช้าผมดูนาฬิกาข้อมือแล้วหัวเราะอยู่ในใจ "กว่าจะออกจากบ้าน ปาเข้าไปเกือบเที่ยง สงสัยจะเหลวซะละมั้ง" สัญชาติญาณกวักมือเรียกไหวๆให้ไปเติมเชื้อเพลิงให้เต็มถังก่อน 4 ล้อรถหมุนขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า สู่ถนนลอยฟ้าบรมราชชนนี ถ้าจะลงใต้ปกติจะลงตรงหน้าสายใต้ใหม่ ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าวงแหวนกาญจนาภิเษก ไปทางบางแค ก่อนจะตัดขวาออกธนบุรีปากท่อ

... แต่รถกลับเหหัวลงตรงตลิ่งชัน ก่อนจะหักพวงมาลัยขึ้นสะพานข้ามแยกออกขวา สู่ถนนราชพฤกษ์ มุ่งวงเวียนพระราม 5 ก่อนจะแวะเติมเชื้อเพลิงเต็มถัง

... "ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือดีกว่า" ว่าแล้วล้อรถก็วิ่งฉิวตามทางวงแหวนตะวันตก ผ่านลาดหลุมแก้ว สามโคก ก่อนจะหักซ้ายเข้าไปทางบางปะอิน คิดอยู่ในใจ "วันนี้มาก่อนเที่ยง น่าจะไม่มีปัญหา" น่าจะมีของให้กินสบายๆ จอดรถแล้ว ผมชำเลืองหางตาไปยังตู้กระจกหน้าร้าน ผักยังเหลือ เส้นมี หมู-เนื้อ-ลูกชิ้น ครบ ว่าแล้วก็สั่งซะ

"หมี่แห้งหมู หมี่น้ำเนื้อ" ตามด้วยสมาชิกร่วมทริป ปกติไปกินที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ชามเปล่าจะวางซ้อนกัน 20 ชาม ไม่น้อยกว่านั้น เบรคสูงสุดสำหรับ ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 คือที่ 34-35 ชาม จำไม่ได้เสียแล้ว สำหรับวันนี้ กว่าจะเก็บเงินก็บ่ายกว่า แสงแดดเริ่มเอียงจากแนวตะวันตรงศรีษะ จุดมุ่งหมายเริ่มไกลออกไปทุกที แผนล่องใต้ ถ้าไปตอนนี้อาจได้ถึงเพชรบุรีสบายๆ พักแถวชะอำ-หัวหินคงเหมาะ แต่นั่นหมายความว่าต้องย้อนกลับลงมาทางนนทบุรีอีกครั้ง ส่วนแผนกาญฯก็ยังได้อยู่ถ้าย้อนมาสักครึ่งทางก่อนจะหักพวงมาลัยออกขวามือที่แยกสุพรรณ มุ่งหน้าสู่นครปฐมเป็นเป้าหมายแรก สำหรับสามพันโบกก็คงต้องข้ามแยกทางยกระดับมุ่งวังน้อย สระบุรีเป็นเป้าหมายแรก ... แต่

ออกจากบางปะอิน ผมกลับหักพวงมาลัยรถออกซ้าย เข้าสู่ถนนสายเอเชียผ่านโลตัส ผ่านนิคมไฮเทคก่อนจะเหยียบคันเร่งทะยานออกไป รู้ตัว ณ บัดนั้นเองว่า "ขึ้นเหนือ"

ว่าแต่ ถ้าออกตัวตอนนี้ แล้วก็ถ้าไม่ถอดใจแวะหาที่นอนกลางทางเสียก่อน คืนนี้คงได้ลอง "Night drive" หรือ "Night trip" กับเขาดูสักทีละมัง

ว่าแต่ (อีกที) รถเราก็คงไม่ได้เหยียบจมคันเร่งขนาดไหน แถมเห็นเขาว่าจากลำปาง มันเป็นทางขึ้นเขานี่หว่า ไม่เคยมา ยังไม่เท่าไหร่ ไม่รู้ทางนี่สิ มืดอีกต่างหาก ถนนดีไหมก็ไม่รู้ ... จะรอดถึง "แม่ปิง" ไหมเนี่ย SmileySmileySmiley



Create Date : 18 ตุลาคม 2558
Last Update : 18 ตุลาคม 2558 22:45:15 น. 1 comments
Counter : 1758 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 19 ตุลาคม 2558 เวลา:4:21:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.