Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
17 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน SIM Story --- เรื่องของอาซิม

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ช่วงนี้หน้าฝนแล้ว เป็นฤดูมรสุมที่หลายจังหวัดพบปัญหาเกี่ยวกับพายุฝนบ้าง น้ำท่วมฉับพลันบ้าง ก็ฟังข่าวพยากรณ์อากาศของทางอุตุนิยมวิทยาไว้บ้างก็ดีครับ จะได้เตรียมตัวรับมือกับภัยธรรมชาติได้ทัน ความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สินจะได้น้อยจนถึงน้อยที่สุด เพราะสมัยนี้เทคโนโลยีทางการพยากรณ์อากาศเขาก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะภาพถ่ายสภาพอากาศจากดาวเทียมที่จะทำให้คาดการณ์ได้ค่อนข้างแม่น ... อย่างในหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง "ทวิสเตอร์" ที่เกี่ยวกับนักล่าพายุ (นักวิทยาศาสตร์ที่พยายามศึกษาการเกิดพายุ) ตั้งแต่สมัย 10-20 ปีก่อน ที่ทำให้สามารถคาดการณ์การเกิดพายุได้ล่วงหน้า และประกาศเตือนภัยได้ทันท่วงที

วันก่อนเห็นข่าวน้ำท่วมครั้งร้ายแรงในรอบ 50 ปีของประเทศอินเดียและปากีสถาน ทำเอาคนเสียชีวิตกว่าสามร้อยคน ก็มองถึงบ้านเราว่าคงต้องเตรียมตัวกันไว้บ้าง เพราะประกาศของกรมชลประทานก็ให้หลายจังหวัดในที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลางเตรียมตัวยกของขึ้นที่สูงกันบ้างแล้ว ทั้งชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา โดยเฉพาะ ท่าเรือ เสนา บางบาล ผักไห่ ส่วนจังหวัดอื่นๆห่างไกลก็อย่าชะล่าใจ เพราะฝนตกเยอะ ดินชุ่มน้ำ มีสิทธิ์จะเกิดโคลนถล่มได้ บ้านใครอยู่ใกล้เชิงเขา เนินเขา ก็ต้องระวังตัวด้วย

ส่วนร้านหนังสือก็ยังเปิดอยู่ครับ รับสายลมสายฝนที่ตกกระหน่ำมาพร้อมกับลูกค้าต่างชาติ ทั้งชาติเอเชียและยุโรป ทั้งหนุ่มสาววัยกลางคนจนถึงแก่เฒ่า ผู้ที่มีการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในหัวใจ ต้องการใช้หนังสือคู่มือสำหรับการเดินทาง วางแผนท่องเที่ยว วางงบประมาณค่าใช้จ่าย ตลอดจนที่พักและสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ โดยที่ร้านมีหนังสือท่องเที่ยวทั้งใหม่มือหนึ่งและเก่ามือสองให้ได้เลือก ไม่ว่าจะเป็นโลนลีแพลนเน็ต ราฟท์ไกด์ อินไซด์ไกด์และนอกเหนือไปจากภาษาอังกฤษแล้ว ก็ยังมีภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ฮีบรู และภาษาอื่นๆอีกหลากหลาย ส่วนท่านที่มีหนังสือแล้ว ก็ยังสามารถแวะมาเลือกหาเฟรสบุ๊คหรือแผนที่ท่องเที่ยวประเทศต่างๆได้เช่นกัน

พูดถึงลูกค้าส่วนใหญ่ ก็มักจะเป็นรุ่นที่ยังมีเรี่ยวแรงสำหรับ "บินเดี่ยว" หรือไม่ก็ "ไปเป็นคู่" โดยมักจะไม่เจอ "มนุษย์ป้า" อย่างที่บ่นๆกันอยู่ในเน็ต ซึ่งมักจะไปกันเป็นกลุ่มเป็นแก๊งค์ เพราะไปกันเยอะๆแล้วมีพวก แต่ที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้เป็นเรื่องของ "ซิม" คนละเรื่องกัน ... จริงๆแล้ว มันคือซิมที่ใส่ใน โทรศัพท์น่ะครับ

พูดถึงซิมกับนักท่องเที่ยว ก็เหมือนกับกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องปรุง บางคนก็เติมบ้างนิดหน่อยพอเป็นพิธี แต่บางคนเติมรสจัด ขณะที่บางคนนิยมกินก๋วยเตี๋ยวแบบจืดๆ เรื่องซิมโทรศัพท์ก็เหมือนกัน นักท่องเที่ยวบางคนใช้โทรศัพท์อย่างเดียว ไม่สนใจอินเตอร์เน็ต ขณะที่บางคนต้องการอินเตอร์เน็ตแบบเต็มเหนี่ยว แต่บางคนก็ไม่ใช้เลย ประมาณเที่ยวอย่างเดียว ไม่สนใจเรื่องการสื่อสาร ลูกค้านักท่องเที่ยวที่มาที่ร้านก็เหมือนกันครับ หลายคนเข้ามาถามหาซิมโทรศัพท์บ้าง สายชาร์จบ้าง บางทีก็ถามหาเม็มโมรีการ์ดของกล้องดิจิตอล ล่าสุดเพิ่งวันก่อนนี้เอง หนุ่มสาวจีนคู่หนึ่งเดินเข้ามายามดึก ถามผมว่าคุณรู้ไหมว่าผมจะใช้ของในมือนี่ยังไง ... ผมหยิบมาพลิกดูอยู่ในมือ 2-3 รอบก่อนตอบไปว่าไม่รู้เหมือนกัน ... ขนาดมันประมาณเมาส์ของคอมพิวเตอร์ทั่วไปนั่นแหละ แต่แป้นกว่ากันเล็กน้อย ไม่มีสาย ข้างๆมันพิมพ์ไว้ว่าเป็น "พอร์ทเทเบิ้ลไวไฟ" ... ถ้ามีมาถามบ่อยๆเข้า ผมคงต้องหาความรู้เพิ่มบ้างแล้ว ... Smiley

กลับมาที่ "ซิม" กันดีกว่าครับ ... คือลูกค้าถามบ่อยๆเข้า ก็ซื้อมาขายเป็นเรื่องเป็นราวเลยดีกว่า ซึ่งในตลาดมีอยู่ 3 บริษัทหลักๆ ทีนี้ลูกค้าบางรายจะได้ข้อมูลระบุจากไกด์บุ๊คมาเลยว่าเจ้านั้นดี เจ้านี้ดี จนในที่สุด ผมก็ตัดสินใจตามความต้องการของตลาดเลยครับ ตกอยู่ที่ 2 เจ้า ซึ่งหนึ่งในนั้นมีดีที่เขาว่าสัญญาณโคตรแรง บนเกาะหรือบนภูเขาก็เอาอยู่ ส่วนอีกเจ้าหนึ่งนั้นมีดีที่ง่ายสำหรับการใช้อินเตอร์เน็ตเพราะมันลิงค์สัญญาณไว้ให้แล้ว แค่ใส่ซิมก็เข้าเน็ตได้เลย โดยเจ้าหลังนี้จะมีเงินใส่ไว้ให้นิดหน่อย เพื่ออำนวยความสะดวกและพิสูจน์ว่าเข้าเน็ตได้จริง ใส่ซิมปั๊บ ปิด-เปิดเครื่องปุ๊บ ก็เข้าไปในโซเชียลเน็ตเวิร์คได้เลย หลังจากนั้นก็ไปเติมเงินเอาเองเท่าไหร่ตามชอบ หลังๆนี่มีซิมไมโคร ซิมนาโน ต้องมานั่งลำบากตัดให้อีก

ทางร้านก็จะขายซิมให้ คิดค่าบริการนิดหน่อย ทำนั่น ทำนี่ เพื่อให้ลูกค้ารับสายได้ โทรออกได้ เข้าอินเตอร์เน็ตได้ เป็นอันเสร็จพิธี แต่บางทีก็ไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะฝรั่งเองก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นพหูสูตผู้รู้ไปหมดทุกอย่าง บางกรณีอาจเป็นปัญหาจากกำแพงภาษาบ้าง หรือบางกรณก็อาจเป็นเพราะบางเรื่องมันมีรายละเอียดต่างกันระหว่างบ้านเรากับบ้านเขา ก็เลยเป็นที่มาของเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยเรื่อง "ซิม" ในสัปดาห์นี้

วันก่อนฝรั่งสามีแก่-ภรรยาสาวคู่หนึ่งเข้ามาในร้าน พร้อมกับถามซื้อซิม 1 อัน ผมก็จัดให้ แล้วขอโทรศัพท์เพื่อจะใส่ซิมและดำเนินการ เจ้าตัวแกะซิมเก่าออกมา หน้าตาเหมือนกันกับที่ผมถืออยู่ในมือ ทำเอาผมกระพริบตาปริบๆ

"เอ้า คุณก็มีซิมเมืองไทยอยู่แล้วนี่นา มันใช้ไม่ได้เหรอ"

"พอดีเงินมันหมดน่ะ ผมเลยต้องซื้อใหม่" ลูกค้าแก่ตอบ

"ก็คุณแค่เติมเงินที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไปข้างนอกนั่น ก็ใช้งานต่อได้แล้ว มันเป็นซิมพรีเพดน่ะ เติมเงินก่อนใช้ เงินหมดก็เติมใหม่ได้" ผมอธิบายพร้อมกับสงสัยอยู่

"เหรอ อ้าวแล้วทำไมที่ร้านข้างนอกนั่นบอกให้ผมซื้อใหม่ล่ะ พอดีผมเห็นมันแพงไปก็เลยไม่เอา" ชายแก่ทำหน้านิ่ว ขมวดคิ้ว ทำมือปาดคอ ประมาณเกือบโดนเชือดเข้าให้

"ก็ไม่รู้สินะ แต่คุณมีซิมนี้อยู่แล้ว แค่ไปบอกเขาว่าเติมเงินสามร้อย ห้าร้อย บอกเบอร์ไป ก็โอเค ... เอ้อ บอกชื่อเครือข่ายด้วย บางทีพนักงานจะเติมเงินออนไลน์ให้เลย" ผมพลิกดูซิมในมือ บริษัทเดียวกัน ... ขณะเดียวกัน ก็เดาสาเหตุอยู่เงียบๆ ... พนักงานร้านน่าจะ "ขายซิม" อย่างเดียว ก็เลยไม่ตรงกับที่ลูกค้าฝรั่งต้องการ จริงๆแล้วลูกค้าแค่ต้องเติมเงิน แต่อาจจะไม่รู้ระบบการใช้งาน เงินหมดต้องทำไง ประจวบกับ "คนขาย" ก็อาจจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ หรือไม่อยากยุ่งมากเพราะมันมีงานบริการด้วย ต้องคุยกันอีก ลูกค้าซื้อของอาจเยอะอยู่ ก็เลยอาจจะเสนอซิมใหม่พร้อมแพ็คเกจไปให้ ลูกค้าเลยไม่เอาเพราะแพง อาจโดนหลอกเชือดซะ

"ขอบคุณมากนะ" ลูกค้าแก่ตอบมาอย่างยิ้ม พร้อมยื่นมือมาสัมผัส

"ไม่เป็นไร" ผมจับมือกับลูกค้ายามดึก รอยยิ้มเล็กๆช่วยให้บรรยากาศดีๆเป็นที่น่าจดจำ ถึงจะไม่ได้ลูกค้าซื้อซิม แต่บางที "เงิน" ก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายไปเสียทุกอย่างนี่นา

ต่างจากลูกค้าสาวจีนแท้คนหนึ่งซึ่งบินเดี่ยวเข้ามายามหัวค่ำของอีกวัน คราวนี้ผมช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ขณะที่ผม "หนีห่าว" ได้คำเดียว หญิงสาวพยายามสื่อสารเต็มที่โดยใช้แอพฯแปลภาษาจีน-ไทย จากไอโฟนเครื่องสวยในมือ ส่วนผมนั้นก็อยากขายอยู่แล้ว ซิมน่ะถูกวางอยู่ตรงหน้า ถ้าเป็นเหมือนฝรั่งนักท่องเที่ยวเงินหนาทั่วไป ก็คงพยักหน้า-จ่ายเงิน แต่สาวจีนน่าจะอยากรู้เรื่องอื่นๆมากกว่า ก็เลยได้แต่เล่นแปลภาษาผ่านไอโฟนกันอยู่พักหนึ่ง จนเธอหมดความพยายามและผมก็ไม่ได้อะไร ก่อนจากกันไปอย่างน่าเสียดาย

เคสนี้คล้ายๆกันกับลูกค้าสาวคู่จากเกาหลีอีกคู่หนึ่ง ซึ่งมาซื้อซิมใส่ไอแพด คุยกันน่ะรู้เรื่องว่าเธอต้องการซิมที่ติดตั้งอินเตอร์เน็ตไว้ด้วยเลย และผมก็เลือกให้แล้ว สาวทอมเป็นคนเอาซิมใส่เองกับมือ แต่ดูเหมือนว่าเครื่องต้องการมากกว่านั้น หลังจากปิด-เปิดใหม่เรียบร้อย เครื่องโชว์ข้อความว่าต้องการ "รหัส" อะไรสักอย่างเพื่อป้อนเข้าไปก่อนการเข้าสู่อินเตอร์เน็ต คนขายก็อยากขายอยู่ ก็ยื่นซองใส่ซิมให้ไป พร้อมกับที่เจ้าของเครื่องก็พยายามใส่ ตัวเลข-ตัวหนังสือ ทุกชุดที่อาจจะทำให้เครื่องใช้งานได้ จนกระทั่ง ... หมดทุกชุดแล้ว ก็ยังเข้าไม่ได้เลยแห้วไปตามระเบียบ 

"คุณต้องลองไปที่ห้างใหญ่นะ อาจจะมีร้านที่ขายไอแพดแบรนด์นี้ แล้วก็คุยกับพนักงานเขาว่า "รหัส" ที่เครื่องต้องการคือรหัสอะไร เป็นรหัสซิมหรือรหัสล็อคเครื่อง หรืออะไรอื่น" ผมลองแนะทางออกให้ไป หลังจากที่ทอมสาวถามหาข้อแนะนำ

ต่างกันกับลูกค้าแก๊งเวียตนามหนุ่มสาว 4 คน ที่เข้ามายามดึกวันก่อน หญิงสาวสอบถามรายละเอียด พร้อมต่อราคาเสร็จสรรพ เธอพูดไทยได้ดีพอใช้ ก่อนวางสมาร์ทโฟนของตัวเองลงบนโต๊ะ พร้อมกับของเพื่อนชายอีกคน เธอว่า "I take 2."

ผมใส่ซิมในสมาร์ทโฟนให้เธอเสร็จเรียบร้อย ไม่ถึงอึดใจเดียว สัญลักษณ์สัญญาณก็ปรากฏเต็มขีด เธอยิ้มดีใจพร้อมกับสไลด์หน้าจอวูบๆ ดูอยู่ในมือ ขณะที่ผมเปลี่ยนไปเป็นอีกเครื่องของเพื่อนชาย ซึ่งหน้าตาประมาณเดียวกัน แต่ปรากฏว่าไม่เวอร์ค หลังจากใส่ซิมไปแล้ว หน้าจอสมาร์ทโฟนในมือของชายหนุ่มโชว์ข้อความว่ามันหาซิมไม่เจอ ผมลองถอดซิมออกแล้วใส่ใหม่อยู่ 2-3 รอบก็ไม่ได้ผลเหมือนกันกับชายหนุ่ม

"ลองสลับกันดูซิ" สาวเวียตหัวไวเสนอขึ้น สัญชาติญาณดีใช้ได้

ปรากฏว่าหลังจากสลับกันดู ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ซิม แต่ปัญหาอยู่ที่สมาร์ทโฟนของชายหนุ่ม ซิมทั้ง 2 อัน ใช้ได้ดี ชายหนุ่มต้องสลับซิมของเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งที่ถอดออกมาไอแพดของเธอ และเปลี่ยนเอาซิมใหม่ที่ซื้อจากผมไปใส่แทน

"โทรศัพท์ของคุณต้องพิเศษมากแน่ๆเลย" ผมแซวไปพร้อมกับหัวเราะ แล้วยกนิ้วหัวแม่โป้งให้กับสาวเวียต สำหรับคำแนะนำในการสลับเครื่อง ลูกค้าเองนั้นหัวเราะเพราะได้ซิมใหม่สำหรับใช้งานไปทั้ง 2 อันเพียงแต่ต้องสลับซิมกันระหว่างสมาร์ทโฟนกับไอแพด ระหว่างชายหนุ่มกับเพื่อนสาวอีกคนที่ไม่ได้ซื้อ และผมดีใจที่ได้ขายซิมไปทั้ง 2 อัน เป็นการช่วยกันทำมาหากินได้อย่างดี

ซิมสุดท้ายสำหรับวันนี้ เป็นซิมจากลูกค้าหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่มากับแฟนสาวสวยน่ารัก ค่ำวันนั้นชายหนุ่มเดินเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน พร้อมกับซิมและโทรศัพท์ในมือ

"Can you help me? I cannot call from this new SIM."

"Let me check." ผมพยักหน้าตอบพร้อมกับนั่งลงและค่อยๆเริ่มพิจารณา โทรศัพท์เก่าจากฝรั่งเศส ซิมใหม่จากเมืองไทย ซิมปกติ ไม่ใช่ไมโครหรือนาโนซิม ควรจะใช้ได้ดี ผมเลยลองสลับซิมของลูกค้ามาใส่ในโทรศัพท์มือถือของผม ลองเช็คดู ปรากฏว่ารับสายได้ ลองโทรออกก็ดังดี เช็คเงินในซิม ปรากฏว่ามีใส่มาให้อยู่สองร้อยกว่าบาท หลังจากนั้นผมลองเอาซิมใส่กลับเข้าไปในโทรศัพท์ของลูกค้า และลองรับเข้า-โทรออกอีกครั้ง ปรากฏว่าเงียบ

"ปัญหาคือโทรศัพท์ของคุณไม่ทำงานกับซิมอันนี้" ผมอธิบายพร้อมกับลองให้ชายหนุ่มดูอีกครั้ง ว่าซิมอันนั้นใส่เครื่องผมแล้วใช้ได้ สาเหตุเป็นเพราะอะไรไม่รู้ พร้อมกันกับที่ผมเอาซิมของผมใส่ไปในโทรศัพท์ของลูกค้า ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน นั่นแสดงว่าถึงจะซื้อซิมใหม่ใส่ไปก็ไม่มีประโยชน์ โทรศัพท์จากฝรั่งเศสเครื่องนั้นยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ แต่น่าจะไม่มีศูนย์บริการในนี้

"คุณมาเที่ยวนานไหม ถ้านาน ผมว่าน่าจะคุณซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่สักอัน ถูกๆก็มี แบบไม่กี่ร้อยบาท" ผมถามไปพร้อมกับแนะนำ และยื่นเงินค่าซิมสำรองคืนไปให้ เพราะหลังจากลองพิสูจน์ดูแล้ว หนุ่มเฟรนช์ตั้งใจจะซื้อซิมใหม่อีกอันหนึ่งจากผมเลย ถ้ามันเวอร์ค

"แถวนี้มีไหม เดี๋ยวผมไปซื้อโทรศัพท์มาแล้วคุณช่วยผมนะ" ชายหนุ่มถามอย่างรวดเร็ว

"ก็ลองดูได้" ผมพยักหน้าตอบพร้อมกับชี้ไปยังร้านขายโทรศัพท์มือถือฝั่งตรงข้าม ไม่ใกล้ไม่ไกล ชายหนุ่มรีบเดินออกไป พร้อมกับบอกสาวน้อยที่มาด้วยกันให้รอที่นี่ ระยะเวลาระหว่างที่รอทำให้ได้รู้ว่า ทั้งคู่เป็นชาวฝรั่งเศส ยังเรียนอยู่ สาวน้อยพูดอังกฤษได้ไม่ดีนัก แต่ยิ้มสวยน่ารักกำลังดี Smiley

หลังจากกลับมา ชายหนุ่มกำโทรศัพท์รุ่นโคตรเก่ามาได้อันหนึ่ง ตัวเครื่องเก่าคร่ำคร่ามากับรอยถลอก พร้อมกับสายชาร์จมือสองที่เสียบชาร์จแล้วโยกเยกๆ ผมหัวเราะกับสภาพความเก่ามัน สงสัยว่าคนขายคงจะไปซื้อมือสองมาจากตลาดมืดไหนสักแห่ง หรือไม่ก็อาจจะคว้าโทรศัพท์ของแม่ยายมาขายเอาเงิน

เสียบชาร์จแป๊บนึง แบตเตอรีเริ่มมา ผมก็ใส่ซิมลงไปแล้วลองโทรออกมาที่เบอร์มือถือของผม พร้อมกับหัวใจเต้นระทึก รอฟังเสียงสัญญาณเรียกเข้า .........

................................

................................

ปรากฏว่าใช้ได้ เสียงสัญญาณเรียกเข้าดังชัดเจนดี โทรศัพท์เก่าเครื่องนั้นทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ ผมวางโทรศัพท์ลงพร้อมกับเป่าปากโล่งอก

"Can I call now? To france." ชายหนุ่มถาม

ผมพยักหน้าพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ชายหนุ่ม พร้อมกับบอกรหัสโทรออกต่างประเทศประจำค่ายไปด้วย ชายหนุ่มรีบกดเบอร์โทรทางไกล ก่อนสปีคเฟรนช์อย่างรวดเร็ว

"Hi, papa @#$%&@#%@^@ ....... "

ผมเดาว่าทริปเมืองไทยทริปนี้ น่าจะเป็นการออกเดินทางท่องตะวันออกเป็นครั้งแรกของทั้งคู่ ปลายทางน่าจะเป็นพ่อ ... แต่จะเป็นพ่อตัวหรือพ่อแฟนก็ไม่แน่ใจ ... ข้อความน่าจะประมาณถึงเมืองไทยแล้ว ปลอดภัยดี โทรติดต่อได้ทางเบอร์นี้นะป๋า ... .... ......

"Thank you very much. You can keep that." ขอบคุณมากเลย ผมสามารถติดต่อทางบ้านได้แล้ว เงินนั่นคุณเก็บไว้แล้วกัน เป็นค่าเสียเวลา ... ชายหนุ่มบอกอย่างยินดีและยื่นมือมาสัมผ้ส

ผมยิ้มอย่างยินดีเหมือนกัน ถึงแม้จะได้ค่าเสียเวลาติดปลายนวมมาด้วยนิดหน่อย แต่สีหน้าดีใจและรอยยิ้มสดใสของทั้งคู่กับการสามารถติดต่อคนทางบ้านได้ก็ทำให้บรรยากาศร้านดีขึ้นไม่น้อยเลย

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858
jettajan227@yahoo.com



Create Date : 17 กันยายน 2557
Last Update : 17 กันยายน 2557 19:33:38 น. 0 comments
Counter : 978 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.