Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
12 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน เล่าข่าวเช้านี้ ที่นี่ประเทศไทย

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่และสามารถเขียนบล็อกให้ได้อ่านเล่นกัน พร้อมกับยินดีที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพื่อมาอ่านบล็อกที่ผมเขียน

ในวันอากาศอบอ้าว ไม่แน่ใจว่าฝนจะเทลงมาไหมในช่วงเย็น ผมดูข่าวที่เกี่ยวพันกับหนังสือและการท่องเที่ยวอยู่ 2-3 ข่าว เพื่อพักสมองหลังจากการบรรจุข่าวการเมืองของประเทศไทยลงไปจนล้น และพบแต่ความแปลกประหลาดระดับท้องถิ่น ก่อนจะมาพบไอ้ที่มันหนักกว่าในระดับประเทศ ... มันเป็นยังไง มาว่ากันเลยครับ

ข่าวแรกเป็นข่าวงานหนังสืออิเล็กโทรนิคส์ที่ประเทศญี่ปุ่น เทคโนโลยีอันทันสมัยได้พาเราเข้าใกล้กับโลกในภาพยนตร์เข้าไปทุกที โลกที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพากระดาษและหนังสือแต่ประการใด ทำให้นึกถึงภาพยนตร์หลายๆเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ Minority report ที่ ทอม ครูซ แสดงนำ ... ภาพการค้นหาข้อมูลดิจิตอล บนอากาศว่างเปล่ายังจำได้ติดตา ผมอ่านข่าวและดูภาพไปพร้อมๆกับความรู้สึกอันไม่อาจบรรยายถูก



ภาพสยองภาพแรก



มากันเป็นกองทัพ



มันสามารถยึดครองโลกไว้ในอุ้งมือ



ญาติของผมถูกจับตัวไปแล้ว



พร้อมกับเพื่อนๆของผมอีกมากมาย

ผมอยากรู้ความคิดของซารา แอนเดอร์สัน เจ้าของร้านตัวจริงในหนัง Nothing Hill จริงๆเลยว่าเธอรู้สึกยังไง ขาใหญ่คนนี้จะสะเทือนกับคลื่นแห่งเทคโนโลยีลูกนี้หรือเปล่า





ภาพเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นอดีต ในไม่ช้า



ฉากจบของการต่อสู้อันยาวนาน หนังสือกระดาษพ่ายแพ้และถอยร่นสู่สถานะ "ของเก่าและสิ่งสะสม" และหนังสืออิเล็คโทรนิคส์ชนะอย่างราบคาบ

ราบคาบจริงๆนะครับ เหมือนกับตัวเลข 265 จาก 500 ชนิดที่ไม่ต้องมาเสียเวลารวมๆกันว่าจะมากกว่าไหม ใครเอากระทรวงไหน ใครพายเรือให้โจรนั่ง ใครจะไปตายแทนใครอีก ... แน่ะยังอุตส่าห์แวะอีก

กลับมาใหม่ ... ราบคาบเหมือนๆกับเพื่อนเก่าที่จากไป โทรเลข / แพ็คลิงค์ / วิดีโอเทป / เทปคาสเสท และอื่นๆ ... (แต่การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังคงอยู่นะครับ ... เหมือนเดิมตั้งแต่สมัย ร.5 ... หุหุ)

**********

ข่าวถัดไปคือ ข่าวที่กรุงเทพได้รับการคัดเลือกเป็นเมืองหนังสือโลก ในปี 2556 จากคณะกรรมการตัดสินเวิลด์บุ๊คแคปปิตอล ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนจากสมาคมผู้จัดพิมพ์นานาชาติ (IPA) สหพันธ์ผู้จำหน่ายหนังสือนานาชาติ (IBF) สหพันธ์สมาคมและสถาบันห้องสมุดนานาชาติ (IFLA) และองค์การยูเนสโก ซึ่งจัดการประชุมขึ้นเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.54 ที่ประเทศฝรั่งเศส

นับว่าท่านผู้ว่าสุขุมพันธุ์ "เขียน" แผนโครงการได้ดีจริงๆ แถมเป้าหมายคือการยกระดับการชุมนุม ... เอ้อ ขอโทษครับ ... ยกระดับจำนวนการอ่านหนังสือของคนไทยเพิ่มขึ้น จากวันละ 2 บรรทัด ... เอ่อ ขอโทษอีกครั้งครับ ... จากปีละ 5 เล่ม เป็น 10-20 เล่ม ภายใน 2 ปี

โอ้ แม่เจ้า ... เพิ่มขึ้นสูงสุด 4 เท่า ... ผมอ่านข่าวไปก็ยิ้มกับตัวเองไป จินตนาการถึงอนาคตของคนไทย จะได้อ่านหนังสือเพิ่มขึ้นทุกวี่ทุกวัน นึกถึงหอสมุดแห่งชาติที่เทเวศร์มีคนต่อคิวรอเข้ากันเพียบเหมือนตอนเชียร์คอนเสิร์ตนักร้องหน้าไวท์เทนนิง / เด็กๆตัวเล็กตัวน้อยนั่งอ่านหนังสือกันเป็นวรรคเป็นเวรอยู่ใน ที-เคปาร์ค เหมือนรอซื้อโดนัทหรือไอโฟน 4

แถมปีหน้าจะมี แทบเล็ต แจกเด็ก ป.1 กันทุกคน ... ดีใจ น้ำตาจะไหล



ภาพในฝันอันแสนโรแมนติก เด็กๆอ่านหนังสืออย่างสนุกสนานในสวนสาธารณะ

บางข่าวบอกว่ายูเนสโกให้รางวัลปลอบใจ หลังจากไทยมีปัญหาเรื่องเขาพระวิหารและรัฐมนตรีสุวิทย์ถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกของยูเนสโก เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้งที่ผ่านมา ... ก็เอาเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก ... ก็เอาใจช่วยให้ได้ผลตามแผนนะครับ หวังสูงเข้าไว้ 20 เล่มต่อปี / 20 เล่มต่อปี / 20 เล่มต่อปี ...

**********

ข่าวสุดท้าย คือข่าวที่อะเมซซิงสุดๆไปเลยครับกับประกาศผลการสำรวจโดยนิตยสาร Travel & Leisure ของสหรัฐอเมริกาให้ กรุงเทพ เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของโลก ประจำปี 2011 พิจารณาจากสถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงาม ร่มรื่น ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี อาหารการกิน แหล่งช้อปปิ้ง ความเป็นมิตรของผู้คน และความคุ้มค่าของเงิน (เพิ่มจากที่ได้ในปี 2008 และ 2010) ชนะผู้เข้ารอบอีก 9 เมือง ดังนี้

อันดับ 1 กรุงเทพ / ไทย คะแนน 90.99
อันดับ 2 ฟลอเรนซ์ / อิตาลี คะแนน 89.92
อันดับ 3 โรม / อิตาลี คะแนน 88.45
อันดับ 4 นิวยอร์ค / สหรัฐอเมริก
อันดับ 5 อิสตันบุล / ตุรกี
อันดับ 6 เคปทาวน์ / แอฟริกาใต้
อันดับ 7 เสียมเรียพ / กัมพูชา
อันดับ 8 ซิดนีย์ / ออสเตรเลีย
อันดับ 9 บาร์เซโลนา / สเปน
อันดับ 10 ปารีส / ฝรั่งเศส

แถมด้วยโรงแรมที่ดีที่สุด 20 อันดับแรก มีติดมาจากประเทศไทยถึง 3 โรงแรม คือ

อันดับ 1 คือโรงแรมแมนดารินโอเรียนเตล กรุงเทพ
อันดับ 4 คือโรงแรมเพนนินซุลา
อันดับ 19 คือโรงแรมแชงกรีลา



แหล่งท่องเที่ยวสวยงาม



ทิวทัศน์สวยงาม



สถาปัตยกรรมสวยงาม



ทิวทัศน์กรุงเทพฯ ยามค่ำคืนอันแสนสวยงาม

อันนี้เป็นความสุดๆของบ้านเราเมืองเรานะครับ ทำให้เห็นถึงผลงานของ ททท. ในการโหมโปรโมทจนได้ผลงานระดับมาสเตอร์พีส ทั้งที่ปี 2009 และปี 2010 แม้กระทั่งปี 2011 นี้ ล้วนแล้วแต่มีประเพณีกีฬาสีสามัคคี มีทัศนียภาพม็อบที่สวยงาม ทั้งม็อบค้างคืน ม็อบชั่วคราว ม็อบมีเส้น ตลอดจนกระทั่งมหกรรมฌาปนกิจประเทศไทย เผาบ้านเผาเมืองกันตลอดปี ก็ยังไม่เป็นที่ครั่นคร้ามยำเกรงของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งหลาย

ถ้าเป็นบ้านเราพูด ก็ประมาณว่า ... คนบ้านเราเจริญแล้วและมีวัฒนธรรม ถึงเราทะเลาะกัน ก็อาจจะมีตีกันบ้าง ยิงกันบ้างนิดๆหน่อยๆ อาจจะมีคนตายบ้าง ... แต่เรามีความเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวนะ เราไม่ยิงคุณ คุณมาเที่ยวได้ เรามีของที่ระลึกให้คุณช็อปปิงในม็อบด้วย เดินห่างๆพื้นที่ที่เรายิงกัน ก็ปลอดภัยแล้ว

ส่วนถ้าเป็นนักท่องเที่ยวพูด ก็น่าจะ ... ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล เราดูแลตัวเองได้ เราแค่อยากมาเที่ยวเท่านั้น คุณยิงกันได้ตามสบาย แต่บางที ถ้าว่างๆ เราอาจจะอยากดูม็อบที่ปิดสนามบิน หรือไม่ก็ที่กินนอนกันอยู่กลางเมืองน่ะ เมืองเราไม่มี เพราะเขาห้ามละเมิดสิทธิ์คนอื่น เราจะได้ถ่ายรูปไปโชว์ให้ที่บ้านดู ว่าเราไปเมืองไทยมาแล้ว ที่สถานฑูตประกาศห้ามน่ะ ไม่มีอะไรหรอก ... ไปเที่ยวได้ อ้อ แล้วก็เราอยากดูศิลปการปรองดองหลังจากฆ่ากันตายไปเป็นเบือด้วย

**********

เอ้า รายการเล่าข่าววันนี้ ขอจบลงเท่านี้ ถ้าไม่ถูกใจคุณผู้อ่านท่านใด ต้องกราบขออภัย และขอให้รักษาสุขภาพด้วย แล้วอย่าลืม ... งดเหล้า เข้าพรรษา กันนะครับ ...

เก็บตกนิดนึง เห็นเสื้อยืดที่ฮิตๆใส่กัน เป็นชื่อแหล่งท่องเที่ยวในกรอบสี่เหลี่ยมคล้ายป้ายทะเบียนรถ ... เชียงคานบ้าง ... หัวหินบ้าง ... ภูเก็ตบ้าง วันก่อนผมเจออยู่คนนึง ข้อความบนเสื้ออ่านแล้วได้อารมณ์ดีจริงๆ "กูไปอัมพวามา"

ผมเลยลองสังเกตุเสื้อที่ฝรั่งแถวข้าวสารใส่กัน มีรูปกระทิงแดงบ้าง ช้างชนกันบ้าง แต่ที่ชอบสุดเป็นอันนี้ครับ



ตอนแรกผมเห็นแต่ไม่ชัด แถมอ่านไม่ทันด้วย เพราะข้อความมันยาว เลยมาลองหาในเน็ตดู พอเจอชัดๆ อ่านแล้วหัวเราะแทบตกเก้าอี้ จริงๆมันควรเป็นภาษาไทยมากกว่า หยอดอารมณ์ลงไปนิดหน่อยประมาณว่า "กูไม่เอารถตุ๊กๆ กูไม่ตัดสูท แล้วกูก็ไม่นวดด้วย เพราะฉะนั้น อย่ายุ่งกับกู"

สวัสดี


Create Date : 12 กรกฎาคม 2554
Last Update : 12 กรกฎาคม 2554 20:01:40 น. 3 comments
Counter : 2124 Pageviews.

 


โดย: auyza วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:39:58 น.  

 
ชอบค่ะ หาคนพูดตรงๆแบบนี้ยากจัง


โดย: Maganda วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:8:18:10 น.  

 
เฮอะๆ นโยบายขายฝัน แจกอาหาร 3 มื้อ ให้เด็ก ป 1 ยังจะดีเสียกว่ามากมาย ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:17:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.