ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Absolute power
สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ยินดีีที่ได้พบกันอีกครั้งกับเรื่องเล่าจากร้านหนังสือมือสองเล็กๆในถนนข้าวสาร ร้านของเรามีหนังสือไกด์บุ๊คให้เลือกมากมายหลายภาษาครับ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ฮีบรูว์ โดยที่ท่านสามารถเอามาขายคืนได้ในอัตราครึ่งราคาจากที่ซื้อไป โดยที่ขอให้รักษาสภาพของหนังสือสักหน่อยครับ ไม่ฉีกขาดหน้าหายไป หรือ เปียกน้ำย่นยู่ไปเป็นปึก ... ผมเคยเจออยู่เล่มหนึ่งเป็นโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์ไอส์แลนด์แอนด์บีชมือสอง ปีเก่าที่เอามาคืน พลิกๆดูก็โอเคดี ไม่มีหน้าไหนขาด หรือตกน้ำเปียก แต่แม่เจ้าประคุณดูท่าจะเอาไปลุยชายหาดมาซะฉ่ำเลย เพราะดูจากหลักฐาน ที่มีเม็ดทรายค้างแทรกอยู่เต็มไปหมด แถมรอยความชื้นรอบๆเม็ดเป็นดวงๆ "เม็ดทรายเต็มเลยเนี่ย" ผมเปรยกึ่งต่อว่ายิ้มๆ "อ๋อ มันเป็นพยานยืนยันว่าเราเอาหนังสือของคุณไปใช้ที่ชายหาดจริงๆน่ะ ไม่ได้ซื้อไปเฉยๆ" สองสาวตอบมาหน้าตาย แต่สายตายิ้มสดใส "อ้อ ... ไอ ซี" ผมได้แต่อ้าปากหัวเราะแบบไม่มีเสียงก่อนจะคืนเงินให้เธอไปครึ่งราคา หลังจากที่เธอทั้งสองออกจากร้านไป ผมนั่งเช็ดทำความสะอาดเม็ดทรายออกจากหนังสืออยู่นานสองนาน ทำให้นึกไปถึงค่ำวันหนึ่งหลังจากที่เปิดร้านต้อนรับลูกค้าตั้งแต่เช้าด้วยความสงบ จนสงัดยามค่ำ ผมรดน้ำต้นนางกวักหน้าร้านด้วยน้ำผสมบางชนิดเพื่อกำจัดเพลี้ยแป้งที่ขึ้นประปรายอยู่ใต้ใบและลำต้นเสร็จไม่ทันไร ความชุ่มชื่นหัวใจก็บังเกิดขึ้นจากลูกค้ารายแรกที่เข้ามาในร้าน ... ไม่ใ่ช่เพราะสายเดี่ยวสีดำบางๆของ 2 สาวลูกหลาน "มอสสาด" ที่ย่างเข้ามาในร้าน แต่เป็นเพราะประโยคคำถามที่เอ่ยพร้อมกับคิ้วโก่งขึ้น ตาเป็นประกายสดใสคู่นั้น
"Is this the place I can get money back half price for the book?"
ผมตอบพร้อมพยักหน้า "Yes, of course. I buy back half price for the book from my shop."
"Do you have Hebrew books? I want lonely planet Cambodia." สาวสวยผมหยิกฟูถามกลับมา
"Yes, here in this shelf." ผมตอบกลับ ก้าวถอยหลังพร้อมผายมือไปทางชั้นกลางร้านด้านขวาพร้อมชี้ให้ดูหนังสือไกด์บุ๊ค และหนังสืออ่านที่วางแยกชั้นกัน
เธอหยิบโลนลีแพลนเน็ตฉบับรวม เวียตนาม กัมพูชา ลาว และแม่น้ำโขง ฉบับปี 2008 เวอร์ชันภาษาฮีบรูว์ขึ้นมา 2-3 เล่ม พลิกไปมาในมือก่อนจะวางคืนโดยเหลือไว้ในมือเล่มหนึ่ง ... แน่ละ มันเป็นฉบับปี 2008 ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกหลังจากแปลเป็นภาษาฮีบรูว์ แต่ยังไม่มีฉบับอัพเดตพิมพ์ใหม่ออกมา ในขณะที่เวอร์ชันภาษาอังกฤษนั้นพิมพ์เป็นฉบับที่ 3 แล้วในปีนี้ หลังจาก พิมพ์ 1 / ปี 2007 ... พิมพ์ 2 / ปี 2009 ... พิมพ์ 3 / ปี 2012
เธอหันไปพยักหน้ากับเพื่อนก่อนพลิกดูราคา พร้อมกับชำระเงินโดยไม่ถามอะไรเพิ่มเติม
"When will you come back again?" ผมถามไปเพื่อกะประมาณเวลาที่หนังสือจะกลับมาอีกที
"May be 1 month." เพื่อนของเธอเป็นคนตอบมา
"Enjoy your trip, bye." ผมอวยพรให้ก่อนที่ทั้งสองจะออกจากร้านไป โดยรู้สึกอยากเขกกะโหลกตัวเองหลังจากนึกขึ้นได้ว่าลืมถามเธอไป หลังจากได้ยินคำถามแรกของเธอว่า "ใครเป็นคนบอกเธอว่าที่นี่มีหนังสือฮีบรูว์และซื้อคืนครึ่งราคา"
ความรู้สึกที่เข้าข้างตัวเองว่า มีลูกค้ารู้จักร้านเล็กๆของเรา แนะนำบอกต่อ ... บ่นพึมพำ ... ตำหนิเรื่องต่างๆ เป็นสิ่งที่ผมอยากได้ยิน เพื่อพิจารณา ... บางอย่างเราอาจจะแก้ไขได้เลย หรือบางอย่างก็อาจจะต้องใช้เวลาทบทวน ...
เคสแรก จำได้ว่าตอนปี 2009 เปิดร้านไม่กี่เดือนโดยยังไม่ได้รับซื้อคืน ลูกค้ารุ่นลุงคนหนึ่งเอาหนังสือไกด์บุ๊คกลับมาแล้วต่อว่าเรื่องหนังสือที่คุณภาพการพิมพ์ไม่ดี แผนที่ไม่ชัดเจน ผมเลยต้องให้แกแลกเป็นหนังสืออื่นไปโดยไม่คิดเงิน หลังจากนั้นเวลาผมรับแลกหนังสือเข้ามาเลยจำเป็นต้องดูให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนแล้วบอกเจ้าของไปเลยว่าหนังสือของคุณเล่มนี้เป็นของก็อปนะ แล้วเวลาผมเอาไปห่อขายใหม่ ผมก็จะแปะป้ายกระดาษไว้เลยว่า "COPY" เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและลูกค้าจะได้รู้ด้วยว่าเล่มนี้ไม่ใช่ของแท้ คุณภาพอาจจะไม่ดี
อีกเคสหนึ่งเป็นกรณีลูกค้าสาวเอาไกด์บุ๊คกลับมาคืน แล้วบอกว่ามีหน้าขาดหายไปหลายหน้า รวมทั้งแผนที่ท้ายเล่มด้วย ผมก็เลยต้องขอโทษขอโพยเธอและลดราคาเล่มใหม่ให้เป็นพิเศษ หลังจากนั้นเวลาห่อหนังสือ ผมก็จะเช็คหน้าที่ขาดหายไป แล้วไปเขียนไว้เลยตรงสารบัญว่าขาดหายไปกี่หน้า จากหน้าไหนถึงหน้าไหน ส่วนหน้าปกก็จะแปะไว้ชัดเจนว่า "Missing __ pages" กี่หน้าก็ว่าไป ... ส่วนเล่มไหนโดนฉีกแผนที่ประกอบด้านหลังไป ผมก็จะเขียน "No folded map" ติดไว้ชัดๆ ไอ้เจ้า "ไม่มีแผนที่" นี่เคสหนึ่ง ผมจำได้แม่นเลยว่า มันคือไกด์บุ๊คสิงคโปร์มือสอง อุตส่าห์ใส่ถุง-ทอนเงินแล้ว ลูกค้าขอแกะห่อพลาสติกดู ผมเองก็พลาดไม่ได้เช็คละเอียด ปรากฏว่าไม่มีแผนที่ประกอบพับติดปกหลังในเล่ม จะลดราคาให้นิดหน่อยก็ไม่เอาเลยต้องคืนเงินไป
****************************** เดือนก่อนผมสั่งโลนลีแพลนเน็ตฉบับพิมพ์ใหม่ออกมาหลายเล่มครับ โดยเฉพาะ โลนลีแพลนเน็ตคัมโบเดีย / โลนลีแพลนเน็ตนิวซีแลนด์ ที่ห่างจากฉบับพิมพ์ครั้งที่แล้วเพียง 2 ปี เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศค่อนข้างเยอะ จึงพิมพ์ค่อนข้างถี่ ... ส่วนอีก 1 เล่มใหม่คือ โลนลีแพลนเน็ตเฟรสบุ๊คอังกฤษ-ไทยปกใหม่ ห่างจากฉบับพิมพ์ครั้งที่แล้ว 4 ปี
โลนลีแพลนเน็ตคัมโบเดีย เวอร์ชันใหม่ล่าสุดพิมพ์ครั้งที่ 8 เดือนมิถุนายน 2012 / 384 หน้า / น้ำหนัก 0.4 กิโลกรัม / 23.99 USD
โลนลีแพลนเน็ตนิวซีแลนด์ เวอร์ชันใหม่ล่าสุดพิมพ์ครั้งที่ 16 เดือนกันยายน 2012 / 720 หน้า / น้ำหนัก 0.58 กิโลกรัม / 26.99 USD โลนลีแพลนเน็ตเฟรสบุ๊ค อังกฤษ-ไทย ฉบับล่าสุดพิมพ์ครั้งที่ 7 เดือนกันยายน 2012 / 256 หน้า / น้ำหนัก 0.12 กิโลกรัม / 8.99 USD พิมพ์ห่างจากฉบับก่อน 4 ปี ผมเลยถือโอกาสจัดดิสเพลย์ตู้กระจกหน้าร้านใหม่ เป็นการต้อนรับเพื่อนใหม่ทั้ง 3 ปก และเป็นการต้อนรับไฮซีซันไปด้วยในตัว เอามาให้ดูให้ชมกันเล่นๆครับกับที่เสียเวลาเกือบวันในการจัด เช็ดทำความสะอาดชั้น ออกแบบการจัดวาง เดินเข้า-เดินออกเล็งมุมระหว่างในตู้กับนอกตู้กระจก ทั้งหนังสือและตุ๊กตาหนูน้อยสวมหมวกผลไม้ กว่าจะเสร็จก็เดินเมื่อยไปเหมือนกัน ... พูดถึงตุ๊กตาที่วางไว้นี้ ผมเพิ่งเคยเห็นฝรั่งผู้หญิงงอนแฟนชัดๆก็คราวนี้เอง
ชั้นหนังสือหน้าร้าน ที่จัดใหม่ 3 ชั้นทั้งไกด์บุ๊ค เฟรสบุ๊ค และตุ๊กตาคู่หนูน้อยผลไม้
ชั้นกลาง-หน้าตรง เว้นไว้ให้กับ Lonely planet Southeast Asia on a shoestring ขาใหญ่ ทั้งไกด์บุ๊คและเฟรสบุ๊ค วันนั้น 2 หนุ่มสาวผมทองคู่หนึ่งเข้ามาที่ร้าน หญิงสาวเข้ามาหยิบดูคู่ดูโอหนูน้อยหมวกผัก อยู่นานสองนานประมาณเด็กเล็กที่ได้ของเล่นถูกใจอยู่ในมือ ก่อนดูราคาและหันไปส่งภาษากับเพื่อนชาย ส่ออาการอยากได้อย่างชัดเจน แต่ถูกคัดค้านจากชายหนุ่มอยู่อึดใจใหญ่ หญิงสาวก็วางตุ๊กตาลงและสะบัดหน้าเดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินตามออกไปอย่างรู้ตัวว่างานเข้าแล้ว ... ผมวางหนูน้อยทั้งคู่ลงที่เดิม หลังจากนั้นสัก 10 นาที ชายหนุ่มก็เดินกลับมาคนเดียวเพื่อซื้อหนูน้อยคู่นั้นไป ท่าทางเหงื่อแตก เป็นที่น่าสงสารยิ่ง ... ไม่รู้ว่าช่วงเวลา 10 นาทีนั้น โดนอะไรไปบ้าง หุหุ ... นี่คือพลังอำนาจแห่งการงอนของสตรีโดยแท้ ไม่ว่าจะชาติใด ภาษาใด
คู่หนูน้อยหัวผักเขียวปี๋ที่นั่งบนเฟรสบุ๊คอินเดียนั่นแหละครับที่ถูกซื้อไป ... ไม่งั้น "งอน" ( ในสายตาของผม เจ้าเด็กหมวกส้ม 2 คนที่นั่งอยู่คู่หน้านี้ ยิ้มพิมใจได้น่ารักจริงๆ ) อีกคู่หนึ่งที่เข้ามาอย่างเข้าใจได้ลึกซึ้งในสัจธรรมข้างบนก็คือ คู่ที่เข้ามาถามขอข้อมูลประกอบการตัดสินใจว่าเกาะเสม็ดกับหัวหินต่างกันอย่างไร เพื่อตัดสินใจแผนการเดินทาง 3 วันนับจากพรุ่งนี้ หลังจากผมบรรยายเสร็จ ฝ่ายหญิงพิจารณาอยู่แป๊บนึงก็บอกว่า "โอเค งั้นไปหัวหิน" ฝ่ายเพื่อนชายที่มาด้วยกันพยักหน้ากับเธอบอกว่า "โอเค งั้นไปหัวหิน" เสร็จแล้วก็หันมาบอกผมว่า "Do you know, when lady says finish. It means finish. No more discussion." แล้วหันไปพยักหน้ายิ้มกับเพื่อนสาว ผมได้แต่หัวเราะก๊าก ก่อนจะยก 2 หัวแม่มือให้กับชายผู้บรรลุสัจจธรรมแห่งโลกอย่างถ่องแท้
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2555 |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2555 20:54:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1856 Pageviews. |
|
|