Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
21 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน เรื่องของหัวใจ

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รัก ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่นะครับ ยังมีอวัยวะครบ 32 ประการ และได้มาเขียนบล็อกให้ได้อ่านเล่นกันอีก แม้ว่าพักนี้จะตกหมอนบ่อย เจ็บคอ ยอกหลัง และเท้าซ้ายของผมจะมีปัญหานิดหน่อยทำให้ไม่ได้วิ่งตอนเช้าวันหยุดมาหลายสัปดาห์ ... สังขารมันไม่เที่ยงก็ยังงี้แหละ ไม่เหมือนคนหนุ่มคนสาววัยรุ่น

สัปดาห์นี้ย่างเข้าปลายเดือนเจ็ด พร้อมๆกับที่ข่าวพายุลูกกลมๆในทะเลนามว่า บิเซนเต้ พัดขึ้นถล่มเกาะฮ่องกง จนทำให้สนามบินต้องปิดชั่วคราว ตามหลังมาจากข่าวฝนถล่มจนกระทั่งน้ำท่วมปักกิ่งเมืองหลวงของจีนแผ่นดินใหญ่ ... เห็นภาพระดับน้ำที่ท่วมสูงมิดล้อรถบรรทุกขนาดใหญ่ ก็ทำให้เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้ชาวปักกิ่งคิดกันอย่างไร ส่วนจะมีข่าวม็อบปิดถนนขอค่าชดเชยห้าพันหรือสองหมื่นหรือเปล่า ... ก็คงเดากันเองได้นะครับ หุหุ


ส่วนหนึ่งของความเสียหาย กับภารกิจกู้โรงงานหลังจมน้ำระดับ 1.8 เมตร นานกว่าเดือนปลายปีก่อน

ไม่แตกต่างกับอเมริกาครับ ที่ประสพปัญหาภัยธรรมชาติเหมือนกัน เพราะปีนี้อากาศร้อนและแล้งขนาดหนัก เห็นบอกว่าพืชผลการเกษตรเสียหายถึง 58% มากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2499 หรือหนักสุดในรอบกึ่งศตวรรษ อีกทั้งไฟป่าที่รัฐโคโลราโด ทั้งพายุเด็บบี้ที่รัฐฟลอริดา และทั้งน้ำทะเลปนเปื้อนความสกปรกสูงสุดในรอบ 22 ปีส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของผู้คนในพื้นที่ 7 รัฐ ... แต่ว่าประเทศไทยก็ยังคง ..... การเมืองของประเทศไทยก็ยังคง ..... (หุหุ ไม่เอาดีกว่า ... เดี๋ยวยาว)

....................

ร้านหนังสือยังคงเปิดอยู่ครับสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศ ที่ต้องการหนังสือไกด์บุ๊คมือหนึ่ง มือสอง ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮีบรูว์ หรืออื่นๆ ก็แวะชมกันได้ทุกวันตามปกติ ยังคงสู้ฝนฟ้าชะตากรรมกันต่อไป

ผมเริ่มเห็นศรีษะของนักท่องเที่ยวมากขึ้นบ้าง โดยมากันทีนึงทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูก 4-5 คนเลยเป็นส่วนใหญ่ สัปดาห์ก่อนครอบครัวสเเปนิชมาซื้อโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์ปกเก่าปี 2009 มือสองพร้อมกับ Hunger Game เวอร์ชันภาษาสเปนที่แลกไว้ได้ก่อนหน้านั้นให้กับลูกสาวคนโตไป หลังจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเลือดกระทิง 3 คนที่เข้ามาคว้าโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์เวอร์ชันภาษาสเปนไป โดยทั้งสองกลุ่มมีแผนบินมาเที่ยวเมืองไทยคล้ายๆกันคือระยะสั้นประมาณ 3-4 สัปดาห์ก่อนที่จะบินกลับประเทศบ้านเกิด

จนกระทั่งเมื่อวานนี้ "ไทยแลนด์-สแปนิช" เล่มนั้นก็กลับมาครับ อย่างปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน-ขาดฉีกให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ก่อนที่จะแลกคืนกลับไปครึ่งราคาตามเงื่อนไขของทางร้าน นับว่าเป็นลูกค้าสเปนชนิดดี 1 ประเภท 1 ที่ช่วยแก้ไขภาพลักษณ์ของเพื่อนร่วมชาติได้เป็นอย่างดี ... ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือว่าผมเคยโดน "จิก" หนังสือโลนลีแพลนเน็ตฮ่องกงไปอย่างอุกอาจชนิดที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนจากฝีมือของคนชาติกระทิงนี่แหละ



"Tailandia" จาก "geoPlaneta" ราคาประมาณ 30-35 ยูโร ที่หายากแท้ ... เหลา

หลับตานึกภาพเรื่องราวของวันนั้น ... จำได้ว่าเป็นเวลาบ่าย แดดร่มลมตกในวันหยุดที่ผมเฝ้าร้านเอง สองหนุ่มสเปนก้าวเข้าร้านมา ทั้งสองรูปร่างสันทัด สวมกางเกงขาสั้น ผมสั้นหยักศกเล็กน้อย คนผมดำก้าวเข้ามาถามหาหนังสืออ่านภาษาสเปน ส่วนเพื่อนผมทองใส่แว่นนั่งลงที่เก้าอี้หวายมุมร้านพักใหญ่ ก่อนจะลุกมาถามหาโลนลีแพลนเน็ตฮ่องกง

หลังจากผมชี้ให้เห็นชั้นหนังสืออ่านภาษาสเปนอยู่ใกล้กระจกหน้าร้านด้านใน คนผมดำก็เดินไปพลิกๆดูอยู่ที่ชั้นห่างไปซัก 5 ก้าว ส่วนคนสวมแว่นผมทอง ... ผมหยิบโลนลีแพลนเน็ตฮ่องกง 2010 (ปีล่าสุด) มาให้ดูทั้งเล่มใหม่และเล่มมือสองที่คืนมาหลายสัปดาห์ก่อน คุยกันอยู่เกือบ 10 นาทีก่อนที่เล่มใหม่จะถูกแทรกกลับไปที่ชั้น ส่วนเล่มมือสองนั้นถือพลิกไปมาอยู่ในมือลูกค้า

ขณะนั้นคนผมดำก็ส่งเสียงเรียกผมไปต่อราคาหนังสือที่โบกไปมาอยู่ในมือ ผมปล่อย "ไอ้หนุ่มผมทอง" ไว้แล้วก้าวไปหาคนผมดำ ใช่ครับส่วนลด 10% ก่อนที่ผมจะเดินกลับมาที่โต๊ะเพื่อทอนเงินและใส่ถุง และเดินสวนกับ "ไอ้หนุ่มผมทอง" ที่เดินหันหลังจากผมไปหาเพื่อน ... แว่บเดียวที่สายตาผมตวัดผ่าน จากแผ่นหลังที่เดินห่างไปก่อนเลี้ยวออกจากร้าน แขนสองข้างนั้นไม่ได้ตกลงข้างตัว ผมสะดุดเล็กน้อย ขณะที่ได้ยินเสียงพูดกันประมาณว่า ฉันจะกลับไปรอที่โรงแรมก่อน ... แต่ผมหันความสนใจมาที่ลูกค้าผมดำเสียก่อนเพื่อปิดการขาย ... ใช่ครับ การปิดการขายนั้นดึงความสนใจของผมไปได้หลายนาที ... ระหว่างนั้นผมไม่ได้เฉลียวใจว่า "งูเห่าเจตถูกล้วงคออย่างจัง"

หลังจากปิดการขายกับสแปนิชหนุ่มผมดำอยู่ไม่เกิน 2-3 นาที ผมส่งลูกค้าที่หน้าร้านก่อนเดินกลับมาที่โต๊ะเก็บเงิน พลันสายตาก็ตวัดแวบไปทางขวามือ ณ ตำแหน่งที่เคยอยู่ของโลนลีแพลนเน็ตฮ่องกงมือสองเล่มนั้น ... "มันว่าง" ... ผมกวาดสายตาอีก 1 รอบดูว่ามันอาจจะถูกวางนอนทับไว้ที่ชั้นอื่นๆ 



ช่องว่างที่เกิดขึ้น หลังจากโลนลีแพลนเน็ตฮ่องกงมือสองเล่มนั้นถูก "จิก" ไปโดยหนุ่มสเปน

ประสพการณ์เคยสอนผมว่า "อย่ารีบด่วนสรุปอะไรง่ายๆ" ... ผมเคยหลงคิดว่าลูกค้าหนุ่มที่เอา "Kite runner" ไปดูแล้วไม่ซื้อ ตอนกลางปีก่อนว่าเป็นขโมย ก่อนที่จะพบว่าชายหนุ่มแค่วางคืนผิดที่ เยื้องไป 2 ช่อง 2 ชั้น ในอีกเกือบสัปดาห์ถัดมา ... ยังนึกตำหนิตัวเองอยู่หลายวันที่ไม่ดูให้ดีก่อน

หรือแม้กระทั่งการเข้าใจผิดนานข้ามปีที่มีต่อช่างติดตั้งแอร์ ที่กลัีบไปพร้อมๆกับการหายตัวของกล้องดิจิตอล "IXUS 750" ของแคนนอน สมัยที่ราคาเกินเลข 4 หลัก ... จริงๆแล้วมันไม่ได้ถูกหยิบจับมานานพอสมควรก่อนที่ช่างแอร์จะมาวันนั้น ... แต่เมื่อมันหายตัวไป และค้นไม่เจอในที่ๆมันควรจะอยู่หรือน่าจะอยู่ ผมก็ได้แต่ตั้งข้อสงสัยไปที่การมาของบุคคลแปลกหน้าที่มาติดตั้งแอร์

- เราจะโทรไปหาเจ๊ เจ้าของร้านติดตั้งแอร์ดีไหมหนอ ... บอกเขาว่าลูกน้องเขาขโมยของมีค่าไป
- แย่จริง ค่าแอร์ที่ซื้อมาใหม่ รวมกับกล้องที่โดนขโมย ... กลายเป็นแอร์ตัวเดียวที่ซื้อมาราคาเกือบครึ่งแสน
- คนเรานี่มันแย่จริงๆ เผลอแวบเดียว กล้องดิจิตอลอันเล็กๆ หยิบติดมือหายไปเลย
- ไอ้ ... #@&%%%฿฿฿ ......

แต่ด้วยอะไรสักอย่างทำให้ผมไม่ได้โทรไปที่ร้าน ด้วยอะไรสักอย่างที่ทำให้ผม นิ่ง และ รอ เพื่อพิสูจน์ให้แน่ใจ ... ก็ใช่ กล้องอันนิดเดียว เล็กกว่ากำปั้น มันอาจถูกเหวี่ยง ถูกหมก ถูกซุก อยู่ใต้กองผ้า มุมตู้ตรงไหนสักแห่งที่เราพลาด เราหาไม่เจอ ... เราเองก็มีส่วนกับการหายตัวไปของมัน เพราะเราไม่ได้เก็บ ไม่ได้ดูแล ให้เป็นที่ทางสักเท่าไหร่ ... จะไปโทษคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง มีแค่ความสงสัย มันก็เกินไป ... มันไม่ใช่ ...

จนกระทั่งเวลาผ่านไป 15 เดือน ... มันจึงกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ในวันที่ต้องซ่อมพื้นห้องเนื่องจากปลวกรับประทานพื้นไม้อายุกว่า 40-50 ปี ทำให้ต้องขยับตู้ไม้ที่สูงประมาณ 2 เมตร ... เสียงวัตถุตกกระแทกพื้นดังทึบๆ ขณะที่กำลังเอียงตู้เรียกสายตาของผมให้หันไป ก่อนที่จะจำมันได้พร้อมกับก้าวเข้าไปหยิบขึ้นมาคล้องมือไว้ ... หลังจากนั้นจึงมาเช็คสภาพทีหลังเพราะผมไม่แน่ใจว่าแบตเตอรียังดีอยู่ไหม จากระยะเวลานานที่ติดค้างอยู่ระหว่างหลังตู้ไม้เก่าตู้นั้นกับผนังห้องปูน ... ก็พบว่าทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมนิดหน่อยตรงที่ผมต้องทำบุญ ขออโหสิไปยังช่างแอร์ชุดนั้น พร้อมกับดีใจที่นิ่งและรอ โดยไม่ใจเร็วยกหูโทรศัพท์ไปยังร้านติดตั้งแอร์ร้านนั้นเสียก่อน

... ครับ ... กลับมาที่ร้านวันนั้น หลังจากกวาดสายตาไปหนึ่งรอบ ผมก้าวยาวๆไปที่ฟุตบาทหน้าร้าน มองซ้าย มองขวา ไม่เห็นทั้งคู่ ผมก้าวข้ามถนนไปยืนอยู่ข้างรถบริการเคลื่อนที่ของธนาคารยูโอบี เพื่อมุมสายตาที่กว้างขึ้น แต่ไร้ผลครับ ฟาล์ว ... ได้แต่กลับมาตรวจดูทุกๆชั้น ในร้านก่อนจะยิ้มมุมปากและพึมพำในใจ

"ไอ้แว่น ... ถ้าเอาไปจริงๆละก็ เออ เอาคืนไป ... ถือซะว่าใช้คืนก็แล้วกัน (โหหห พุทธแท้แน่นอน) ... ถ้ายังไง ไปเที่ยวฮ่องกงเสร็จแล้ว ก็ทิ้งไว้ที่เกสเฮาส์ไหนสักที่ก็ดีนะ เผื่อคนอื่นเขาจะได้เอาไปใช้ต่อ"

ก็นับเป็นการหายไปเป็นเล่มที่สอง ก่อนจะโดนไปเล่มแรกจากสาวผมทองเสื้อขาวที่จิกเอาโลนลีแพลนเน็ตสิงคโปร์เล่มใหม่ไปตอนประมาณปี '10 แต่วันนั้นกว่าจะรู้ตัวก็หลังจากสาวเจ้าออกจากร้านไปเกือบค่อนวัน ก็เลยคิดว่าไม่อุกอาจเท่าครั้งที่สองจากหนุ่มสเปนนี้ เพราะระยะเวลาที่หนังสือหายไปกับการรู้สึกตัวนั้นสั้นกว่ากันเยอะครับ รอบนี้ไม่เกิน 4-5 นาทีเอง

....................

ห้าทุ่มกว่าแล้ว วงดนตรีคนตาบอดเก็บของเสร็จ ไล่กันกับที่สายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ... ถ้าจำไม่ผิด นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่วงนี้มาเล่น โดยมีผู้ชมมาล้อมวงฟังกันทั้งไทย-เทศ เป็นที่ครึกครื้น มาเต็มครับ ทั้งเพลงฝรั่ง เพลงไทย โซโลกีตาร์ กลอง ... ทั้งคันหู สาวบางโพ ... สาวๆฝรั่งฟังเพลงไทย จะรู้เรื่องหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ก็โยกกันสนุกทีเดียว



วงสตริงชุดใหญ่พิเศษ กับฝีมือดนตรีและเสียงร้องที่ไม่ธรรมดา ... เหล่าผู้ฟังที่ออกสเต็ปนั้น เพราะความสนุกของดนตรีล้วนๆครับ ไม่ต้องมีแดนเซอร์หรือนักร้องเท้าไฟเป็นตัวช่วยอย่างแน่นอน



นักร้องหญิงที่นั่งอยู่นั่นแหละครับ ที่สวมวิญญาณ Joan Jett กับเพลง "I hate myself for loving you" และ "Have you ever seen the rain?"

แต่รอบนี้ที่ผมนั่งฟังแล้วสะดุดมีอยู่ 3 เพลงครับ ... หนึ่งคือ "คิดมาก" ของปาล์มมี ... สองคือ "คันหู" เวอร์ชัน "จ๊ะ เทอร์โบ" ... ก็สองเพลงนี้มันไม่เก่าสักเท่าไหร่ บ่งบอกว่า ทางวงก็ทำการบ้าน เล่นเพลงใหม่ได้เหมือนกัน ไม่ใช่เล่นแต่เพลงเก่า กินบุญเก่าอยู่อย่างเดียว เหมือนกับคนที่ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอๆ

อีกเพลงคือ "ศรัทธา" ของ "หิน เหล็ก ไฟ" ครับ โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ยังคงโดนใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

"... ใจ สู้หรือเปล่า"
"ไหว ไหม ... บอกมา"
"โอกาส ... ของผู้กล้า"
"ศรัทธา ... ไม่มีท้อ ..."



ต้นไม้ 2 ต้นที่จมน้ำท่วมข้างกำแพงเดียวกัน ... หลังจากน้ำลด ... 1 ตายกลายเป็นซาก ... แต่อีก 1 รอดอยู่และสู้ต่อไป



เพื่อนตัวน้อย แถวๆโรงงาน ... เขาเล่าว่าตอนน้ำท่วมขึ้นสูงสุด เพื่อนตัวน้อยสู้อุตส่าห์รอดมาได้ก็อาศัยทางรถไฟข้างโรงงานซึ่งเป็นแผ่นดินที่เหลือให้เหยียบอยู่เพียงที่เดียว ... หลังจากน้ำลดแล้ว ก็ถึงเวลาฉลองกับจากุสซี่ธรรมชาติให้สบายใจ

ราตรีสวัสดิ์ครับ
Smiley



Create Date : 21 กรกฎาคม 2555
Last Update : 29 กรกฎาคม 2555 1:38:17 น. 0 comments
Counter : 1636 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.