นอกร้านหนังสือ ... ตอน ปิดเทอมใหญ่ฯ ภาคพิเศษ สงกรานต์ ฮ่า ฮ่า
สวัสดีครับ คุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ... ยินดีที่มีโอกาสมาเขียนบล็อกอีกครั้ง โดยที่ยังมีอวัยวะครบ 32 ประการ กินได้ นอนหลับ ปวดเมื่อยบ้าง เป็นหวัดบ้าง ตามสมควร
หายไปนานก็ยังรู้สึกงงกับตัวเองเหมือนกัน ว่าเป็นอะไรทำไมไม่แวะเข้ามาเขียน ... มานั่งคิดๆดู ก็น่าจะเป็นเพราะเหตุแรกคือ มีกิจกรรมเข้ามาในชีวิตเยอะเลยเหนื่อยและเหตุที่สองคือมีอย่างอื่นมาดึงความสนใจไป ทำให้กินเวลาที่ใช้เขียนเรื่องลงบล็อกหายไปจนหมด
จริงๆแล้ว ประมาณต้นมีนาคมนั้นมีขึ้นต้นเรื่องไว้แล้ว แต่ว่าไม่จบครับ ... เพราะ
1) ติดธุระกับสุสานในวันเช็งเม้งตอนต้นเดือนมีนาคม 2) หลังจากนั้นก็ติดธุระกับโรงเรียนไปจนปลายเดือนมีนาคม 3) ต่อด้วยธุระกับวัดป่า แถวบางบัวทอง ลากยาวไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 4) พร้อมกันกับธุระมหกรรมสงกรานต์ ถนนข้าวสาร ควบคู่กันไป และ 5) ธุระไปต่างจังหวัดเพื่อใช้หนี้ชีวิต 3 - 4 ครั้งติดๆกันภายในไม่กี่สัปดาห์ 6) ดูปฏิทินอีกทีปลายพฤษภาคม ก็มีธุระกับโรงเรียนอีกแล้ว
จนผมคิดแว้บๆอยู่ว่า จะเปิดบล็อกใหม่สัก 2-3 บล็อกดีไหม ให้ชื่อว่า "เรื่องเล่าจากคุณพ่อลูกสอง" - เล่าเรื่องชีวิตครอบครัวสมัยใหม่ ... "เรื่องเล่าจากโรงงาน" - เล่าเรื่องประสพการณ์การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนในโรงงาน ... และอื่นๆอีกสารพัด แต่คิดไปคิดมาก็ได้ข้อสรุปว่า อย่าดีกว่า ... เอาแบบชิลล์ๆ ไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่า ... ไม่งั้น ถ้าเขียนเยอะไป เกิดจับพลัดจับผลูรวมเล่มได้ ขายดีขึ้นมาจะยุ่งกันใหญ่ เดี๋ยวจะเดือดร้อนต้องมานั่งเซ็นต์ชื่อหลังขดหลังแข็งใน "งานสัปดาห์ขายหนังสือลดราคาแห่งชาติ" เหมือนกาละแมร์ สาวโสด สวย รวย โคตร ไปอีกคน
เอาเป็นว่า เรื่องเล่าแรกหลังปิดเทอม 4 เดือนไปนี่ ขอเป็น "นอกร้านหนังสือ" ไปก่อนก็แล้วกันนะครับ พร้อมรูปภาพแชร์ๆ แบ่งๆ กันไป แล้วเดี๋ยวค่อยแวะกลับเข้ามาในร้านกันอีกที
- ภาพธุระแรกกับงานไหว้บรรพบุรุษประจำปี ที่สุสานจังหวัดสระบุรี โดยออกจากบางลำพูตั้งแต่ก่อน 6 โมงเช้า ตระเวณรับสมาชิกที่ศรีย่าน-รัตนาธิเบศร์ แล้วก็มุ่งสู่สุสาน ไหว้เสร็จตั้งแต่ 9 โมงครึ่ง แล้วก็ไปกินอาหารที่โรงเจ ... 30 ปีก่อน ตอนเด็กๆ เท่าที่จำได้ บ้านผมจะเหมารถ 2 แถวไปกัน โดยกลับมาพร้อมกับผมแข็งฟูเพราะถนนเป็นดินแห้ง ฝุ่นเยอะมากกกกกก ...... แต่ปัจจุบันก็ดีกว่าเดิมครับ การเดินทางดีขึ้น ถนนดีขึ้น แถมขากลับยังมีปัญญาแวะอยุธยาได้อีก ไหว้พระวัดพนัญเชิงบ้าง วัดท่าการ้องบ้าง ปีนี้แหวกแนวหน่อยเป็นตลาดน้ำอโยธยา ที่น้ำท่วมแล้วมีคนตายเยอะๆน่ะ ... เอ๊ย ไม่ใช่ครับ (ขอโทษที นั่นมันสึนามิ) ... ที่ปีที่แล้วเจอน้ำท่วมถึงหลังคาน่ะครับ
รถบัสเล็กเย็นสบาย ขนาดประมาณ 20 ที่นั่ง มารอตั้งแต่ตี 5
หลุมศพธรรมดาๆ ในสุสานธรรมดา ที่จังหวัดสระบุรี
ภารกิจไม่ธรรมดาสำหรับผู้กล้า - จุดประทัดเพื่อกำจัดสิ่งเลวร้ายให้พ้นไป
หลุมศพไม่ธรรมดา ที่รถวิ่งผ่านระหว่างทาง
สินค้าพื้นบ้านตามฤดูกาลของสระบุรี มะม่วง ถั่วเขียว กะหรี่ปั๊บ ... ที่เห็นถุงขาวๆ กองท่วมหัวนั่นคือดินสอพองครับ เอาไว้ขายวันสงกรานต์
ภาพชายหนุ่มที่จดจ่ออยู่กับแท็บเล็ตในมือ แปลกแยกออกจากบรรยากาศการจับจ่ายของตลาดรอบๆ ... เป็นการปะทะกันของกาลเวลาระหว่าง ตลาดพื้นบ้านที่คงสภาพแช่แข็งไว้จาก 30 ปีก่อน กับ แท็บเล็ต - กระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์แห่ง Generation - C ... ผมว่ามันย้อนแย้งกันอย่างลงตัว (ประมาณว่า พี่จะขายของก็ขายไป ... ผมจะสไล์หน้าจอง้างหนังสติ๊กยิงหมู กรุณาอย่ารบกวน)
- ภาพธุระถัดไปที่วัดป่ามณีกาญจน์บางบัวทอง อันเนื่องมาจากว่ามีเด็กร้อนวิชาอยากทดแทนคุณพ่อแม่ให้ได้ขึ้นสวรรค์ ก็เลยตัดสินใจบวชสามเณรภาคฤดูร้อนตามโครงการ "บวช 1 ได้ถึง 3" ของหลวงปู่เจ้าอาวาส ทำให้เกิดมหกรรมใส่บาตรทุกเช้า + เข้าวัดทุกเย็นเพื่อไปฟังเทศน์ มาราธอน 35 วัน อันเป็นการเข้าใกล้พระพุทธศาสนามากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ
ปลงผมผู้กล้าวัย 9 ปี
เณรผ้าขาวนั่งสำรวมระหว่างรอฉันจังหัน วันละ 1 มื้อ
พันธมิตรผ้าเหลือง จากโรงเรียนเดียวกัน
ลูกเณรออกรับบาตรโยมย่า ... ครั้งหนึ่งในชีวิต
- ภาพธุระกับมหาสงกรานต์ถนนข้าวสาร ประจำปี 2555 ... ภาระกิจ วันที่ 13 เมษายน หลังกลับจากวัดป่าก่อนเที่ยง คือการดัดแปลงหน้าร้านเป็นปราการแห่งความสันโดษ ... ขอโทษครับ ผิดเรื่องไปหน่อย ... เป็นป้อมอลาโม เอาไว้ต่อกรกับศัตรูต่างชาติ ตลอดจนไส้ศึกคนไทยร่วมชาติด้วยกันเอง พรั่งพร้อมด้วยอาวุทธหนักคือปืนฉีดน้ำกระบอกใหญ่ 8 โหล / อาวุทธเบาคือปืนฉีดน้ำกระบอกเด็กอีก 13 โหล (กระบอกเด็กนี่คือ ฉีดน้ำได้ประมาณเหงื่อออกจากการเดินข้ามถนน 4 เลนสัก 2 รอบครับ ... คือเอาไว้ฉีดอ้อนเปียกน่ะครับ ไม่สามารถไปสู้รบปรบมือกับใครได้ ... ได้ฉีดคนอื่นเขาแบบพอขำๆ) นอกจากนั้นก็มีกำลังสำรองเป็นสายยางก๊อกน้ำ 20 เมตร 1 เส้น รวมกับถังน้ำพลาสติกสูงพอใส่น้ำแข็งกั๊กได้พอดี
ตื่นแต่เช้าไปวัดใส่บาตร กลับมาก่อนเที่ยงขายปืน ยันเที่ยงคืนปิดร้าน ตัวเปียกแฉะทั้งวัน ได้ทุนคืน + กำไรนิดหน่อย พอขำๆ ประมาณยิ้มมุมปาก กับ เสียงหัวเราะ หึหึ ในลำคอ ... ไม่ใช่แหกปากหัวเราะอย่างสะใจนะครับ ... จะอะไรเสียอีก ก็แม่ค้าขายปืนปีนี้มีเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เล่นขายกันเกือบทุก 5 ก้าว 10 ก้าว ตลอดทางเดินทุกเส้นในบางลำพูทีเดียว แถมคนมาเที่ยวยังน่าจะถูกแบ่งไปที่อื่นๆทั่วกรุงเทพไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราชประสงค์ สีลม ใกล้ๆนี่เอง ... เห็นบอกกันว่าคนแน่นขนาดเดินแบบไม่ต้องเดินคือไหลไปเรื่อยๆได้เลย ... ก็คนละบรรยากาศกับที่ข้าวสารนี่ครับ เพราะปีนี้คนมาไม่มากนัก เดินกันเต็มถนนพอหลวมๆ และมีพื้นที่ให้ฉีดน้ำได้แบบสนุก ดัชนีชี้วัดอีกอย่างก็คือสปอนเซอร์ครับ ปีนี้น้ำดำไม่ติดต่อขอขึ้นป้ายผ้าแลกกับเคาเตอร์ ร่ม หรือไม่ก็น้ำ 2 ลังอย่างเคย สีสันก็เลยน้อยลงไปบ้าง
ความมันส์มาบังเกิดก็ตอนเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 น่ะครับ หลังจากได้ค่าปืนคืนทุนตอนบ่ายๆ (ปีก่อนคืนทุนตั้งแต่ 14 สายๆครับ) ผมก็เริ่มเลหลังสต็อคที่เหลือกระบอกใหญ่ร้อยเดียวกับกระบอกเด็กแจกฟรี แรกๆคนก็งง เพราะราคาร้านอื่นข้างนอกกระบอกใหญ่ 250 - 500 บาท แล้วแต่ทำเล ... แต่พอมีคนก้าวออกไปพร้อมปืนกระบอกใหญ่แลกกับร้อยเดียว พร้อมกับเสียงตะโกนของผม
"เลหลัง พี่!!! หมดแล้ว หมดเลย กระบอกใหญ่ ร้อยเดียว ขายเอามันส์ ไม่ได้ขายเอาเงิน"
คนที่ต้องการปืนก็รุมเข้ามาจนเติมน้ำให้แทบไม่ทัน บางคนก็มากันเป็นทีม 4-5 คน ต่างคนต่างเติมน้ำกันเอง บางคนก็รับไปทั้งซองไม่ต้องแกะเหมือนกับจะเก็บไว้เล่นปีหน้า ส่วนกระบอกเด็กผมกันไว้ 30-40 กระบอกไว้บริจาคเด็กเล็กตามวัด โดยปีนี้ฝากไปกับบริษัทซึ่งไปบริจาคของที่วัดแถวสระบุรี
ป้อมอลาโมหน้าร้าน พร้อมอาวุทธยุทโธปกรณ์ทำสงครามเต็มอัตราศึก
ปืนรวมทั้งหมด 21 โหล 252 กระบอก ... วันที่ขนกลับมาบ้าน ผมเองยังงงอยู่เลยว่าซื้อเข้าไปได้ไง
เห็นร่มตลอดแนวนั่น ขายปืนเกือบทั้งนั้นนะครับ ไม่ใช่ข้าวกล่อง ... ผมเดินสำรวจตลาดรอบเดียว ก็ปาดเหงื่อเลย
นักท่องเที่ยวบางคนก็เผ่นไปตั้งหลักนอกพื้นที่เลยครับ เพราะ 3 วันนี้เอเจนซีทัวร์ในบางลำพูปิดทั้งหมด เข้า-ออกลำบากมาก เนื่องจากสายๆหน่อยคุณตำรวจก็ปิดถนนแล้ว เรียกว่าใครไม่เล่นน้ำ-ถอยไป ... เหลืออยู่แต่เฉพาะนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาลุยเท่านั้น ... สาวสวยคนนี้ก็มาซื้อหนังสือไกด์บุ๊ค ได้แล้วก็เผ่นเหมือนกัน
สาวน้อยผู้เปลี่ยนสถานะชั่วคราวจากญาติกลายเป็นหุ้นส่วน เธอหน้าเบ้หลังจากเดินทางมาจากลาดพร้าวในวันแรกพร้อมชำระค่าหุ้น เมื่อเห็นร้านขายปืนวางเป็นตับ ... แต่ก็สู้ตายจนวันสุดท้ายเหมือนกัน
2 สาวนี่ เธอบอกว่าเป็นพยาบาลจากโรงพยาบาลพระมงกุฏ มาขายน้ำอยู่ข้างๆ 3 วัน ... ไม่ต้องเข้าเวรเฝ้าคนไข้กันพอดี ... มาวันแรก ผมยังแซวไปว่า หาเรื่องเหนื่อยเปล่า แต่ 2 สาวก็สู้ตายตลอดรอดฝั่ง 3 วัน ... ขายปืนสงกรานต์มาหลายปี เห็นแต่น้ำในขวดใสบ้าง ขวดขุ่นบ้าง ขวดกลมบ้าง ขวดเหลี่ยมบ้าง เพิ่งมีปีนี้แหละที่เห็นขวดทรงดัมเบล พอดูใกล้ๆเลยเห็นชัด คุณพยาบาลเธอเล่นเอาขวดน้ำเกลือมาใส่น้ำขายวันสงกรานต์ ... เยี่ยมจริงๆ
- ธุระต่างจังหวัด คือรับเพื่อนเณรที่ลาสิกขากับหลวงปู่สาคร ที่วัดเวฬุวัน ทองผาภูมิ กาญจนบุรี แวะน้ำพุร้อนหินดาดและสะพานข้ามแม่น้ำแคว รวมทั้งงานหลวง-งานราษฎร์ที่หัวหิน 2 รอบกับชะอำอีก 1 รอบ
เพื่อนเณร-สหายธรรม ที่ไปไกลถึงวัดเวฬุวัน อ.ทองผาภูมิ
สามเณรลาสิกขากับหลวงปู่สาคร
มะไฟคู่รีสอร์ท (บ้านรถบัส) ที่พักแรมคืน อันเนื่องมาจากคำร่ำลือว่าที่วัดเวฯ นั้น "เทวดา" เยอะมาก นอนกลางคืนก็มีเสียงกุกกักเรื่อยๆ ทำให้ญาติโยมที่ไปด้วยกันเกิดอาการปอดลอย กลัวจะนอนไม่หลับ เดี๋ยวจะเดือดร้อนต้องปลุกหลวงปู่มาอยู่เป็นเพื่อนกลางดึก ก็เลย ... ถอยดีกว่า นอนนอกวัด ดีกว่า
แวะสะพานข้ามแม่น้ำแคว ไฟต์บังคับตั้งแต่ออกทัศนศึกษาสมัยประถม
น้ำพุร้อนหินดาด สวยดีและน่าแช่มากครับ มีให้เลือกทั้งบ่อร้อนน้อย ร้อนมาก และ สามารถลงแช่ธารน้ำธรรมชาติที่ติดกันได้เลย ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือฝรั่งเยอะมากทั้งวัยรุ่นจนถึงสูงวัย โดยเฉพาะชาวรัสเซีย ถึงขั้นที่มีป้ายบริการเป็นภาษารัสเซียติดไว้หลายป้ายทีเดียว ... ว่าแต่ฝรั่งจะลงแช่โดยใส่ชุดว่ายน้ำกันทุกคนไม่ว่าจะแก่หรืออ้วนแค่ไหน แต่คนไทยนั้นลงแช่ทั้งกางเกงยีนส์เสื้อยืด ... แปลกนะครับ
ผลงานจากการเป็นชาวประมงมือเปล่า เคยแต่ได้ยินเขาว่าระวังปูหนีบ ... ปรากฏว่าโดนหนีบจริงครับรอบนี้ อาจเพราะย่ามใจที่ได้มากกว่า 20 เลยโดนหนีบถึงเลือดเหมือนกัน โชคยังดีที่เป็นตัวขนาดย่อมลงมาหน่อย ไม่ใช่เจ้าตัวใหญ่กลางกะละมัง ไม่งั้นคงหมดสนุกแน่
ต่างจากปีก่อนที่ได้ปลากระเบนเด็กหลงน้ำมาแถวๆชายหาดอยู่ตัวหนึ่ง น่าสงสารที่พอปล่อยออกไปได้ไม่เกิน 15 นาที ก็โดนมืออาชีพแถวนั้นเหวี่ยงแหจับไปได้ พี่แกบอกว่าโดนหางมันทิ่มเอาตอนแกะออกจากแห และก็จับไปคงจะทอดกินวันนั้นเอง
ขากลับแวะที่ Santorini park ก็มีเจ้า "กำแพงตัวหนอน (Walholla)" จาก Dutch design award 2008 สำหรับเด็ก 6-10 ปีให้เล่นด้วย นอกเหนือไปจากเจ้า "G-Max giant swing" จากนิวซีแลนด์ซึ่งจำกัดความสูงขั้นต่ำไว้ที่ 1.25 เมตร
ช่วง 2-3 เดือนนี้ เพื่อนเก่าแวะกลับมาเยี่ยมเยียนผมและพักอยู่นานเลยครับ มันคือ อะม็อกซีคลาฟฯ ยาแก้หวัด + อักเสบ ชนิดแรงงงงงง 1000 มิลลิกรัม ขนาดประมาณ 1 ข้อนิ้วก้อย ชนิดที่ว่าคุณเภสัชกรร้านยาที่ผมแวะบ่อยๆนั้นจำหน้าได้ และแทบจะออกบัตรสมาชิกกิตติมศักดิ์ให้ผม ... ก็คงต้องพักผ่อนมากๆ และดื่มน้ำอุ่นเยอะๆ เข้าไว้ จะได้อยู่ต่อไปยาวๆและมีโอกาสกลับมาเล่าประสพการณ์ร้านหนังสือในข้าวสารให้ฟังกันอีก ... ขออนุญาตลาไปเตรียมตัวเชียร์บอลยูโรคู่อังกฤษ-อิตาลีก่อนนะครับ (ดึกอีกแล้ว ...)
ขอให้วันพรุ่งนี้ ฟ้าเป็นใจกับเราด้วย
ราตรีสวัสดิ์ครับ
Create Date : 22 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 24 มิถุนายน 2555 23:43:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3761 Pageviews. |
|
|