Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2557
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
3 พฤษภาคม 2557
 
All Blogs
 
นอกร้านหนังสือ ... ตอน Songkran Drama '57 - 3

(มาต่อกันเลยครับ) เช้าวันนั้น ขณะที่ผมยืนส่งสายตาตามลูกค้าแขกผิวสีกับปืนกระบอกใหญ่เข้าไปในถนนข้าวสาร ก็พอดีเห็นชายหนุ่มอีกคนหนึ่งเดินผ่านร้านมา สะดุดตาก็ตรงที่เขาสวมหมวกปีกคล้ายกัน เพียงแต่ย่อมกว่าหน่อย เดินหิ้วปืนฉีดน้ำเบอร์เดียวกันกับที่ร้านขายอยู่ แบก 2 มือนับได้ประมาณ 1 โหล ผมเลยทักทายไป

"เป็นไงพี่ ขายดีไหม เดินเร่ขายแบบนี้ ร้านอยู่แถวนี้หรือเปล่า เดี๋ยวของผมถ้าหมดจะได้ไปเอามั่ง"

"ยังเลย คนยังไม่เยอะ ไม่หนักมาก" ชายหนุ่มตอบพร้อมกับบอกแหล่งที่ไปรับปืนมา ปรากฏว่าเป็นที่เดียวกัน

"แถวอื่นเป็นไงบ้างไม่รู้ พี่ไปแถวไหนมาบ้างนี่" ผมชวนคุยต่อ

"แถวนานาเขาปิดไม่ให้เข้าเลยนะ แล้วเบอร์นี้ก็ขายไม่ได้ด้วย ฝรั่งที่นั่นซื้อแต่เบอร์ใหญ่สุด" ชายหนุ่มบอก เราคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนผมอวยพรให้ขายได้เยอะๆ แน่นอนเขาเดินไปเรื่อยๆ ก็ดีไปอย่าง ที่เข้าถึงลูกค้าได้เลย โอกาสการขายอาจจะมากกว่า หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็เจอกับ 4 สาวที่มาในลักษณะเดียวกัน เพียงแต่เห็นแวบเดียวก็บอกได้ว่าเป็นเด็กน้อยที่มาเล่นขายของ และท่าทางอยากเล่นน้ำมากกว่า ... แน่นอน แดดแรงขนาดนั้นมันไม่ถูกโรคกับผิวพรรณสาววัยทีนอย่างพวกเธอแน่ ผมยืนสังเกตุเห็นพวกเธอไปไม่เป็นอยู่พักใหญ่ มองเลิ่กลั่กอยู่บนทางเดินหน้าร้านอาหารอินเดีย ดูว่ายังตัดสินใจไม่ได้กับชีวิต ... กับปืนฉีดน้ำที่หิ้วอยู่พะรุงพะรัง



"พอดี ผมขายปืนฉีดน้ำอยู่ที่ร้านตรงนี้นะ รุ่นสะพายหลังลิขสิทธิ์แบบของพวกคุณก็ไม่มีด้วย ถ้าสนใจจะฝากขายก็ได้ บอกราคาไว้แล้วผมจะช่วยขายให้" ผมเดินเข้าไปบอกแล้วก็ชี้มาที่ร้านหนังสือ เป็นตัวช่วยที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆกับชีวิต

"ฝากขายยังไงคะ" สาวแว่นหัวหน้ากลุ่มถามมา

"ก็แบ่งบางส่วนมาฝากไว้และบอกราคาด้วย จะได้ไม่ต้องแบกไปทั้งหมด แล้วจะกลับเมื่อไหร่ก็มาเอาไป พร้อมกับเงินที่ขายได้ ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ด้วย พวกเธอจะอยู่แถวๆนี้หรือเปล่าล่ะ" ผมอธิบายพร้อมกับถามไป

"ดีเหมือนกันค่ะ พวกหนูก็อยู่แถวๆนี้แหละ ราคาก็เท่านี้นะคะ ส่วนที่เกินจากนี้ พี่ก็บวกเพิ่มไปก็แล้วกัน" หลังจากพวกเธอปรึกษากันพักนึง ก็แบ่งของมาฝากที่ร้าน เป็นปืนฉีดน้ำแบบสะพายหลังประมาณ 10 กระบอก เป็นของดีมีลิขสิทธิ์ทั้งหมด แองกรีเบิร์ดบ้าง คิตติ้ ทวีตตี้ กระต่ายวัทจั๊บจ๋า (ชื่อนี้ผมเรียกเองแต่เด็ก) ผมให้เขียนใบรายการขึ้นมา 2 ชุดบอกจำนวนครบ พร้อมราคา ชื่อและเบอร์โทรของพวกเธอ 2 เบอร์และของที่ร้าน แยกเก็บไว้คนละใบ ... พวกเธอขอบคุณ และเดินตัวปลิวออกจากร้านพร้อมปืนส่วนที่เหลือติดไปขายนิดหน่อย เด็กน้อยคุยกันอย่างสบายอกสบายใจ

"เท่านี้ พวกเราก็ไปเล่นน้ำสนุกได้แล้วสิ" เสียงใสของหนึ่งในสี่สาวออกปากอย่างสบายอกสบายใจ ขณะที่ผมก็แบ่งของบางส่วนไปแทรกไว้บนราวขายปืนหน้าร้าน ... อย่างน้อย สงกรานต์ 57 นี้ก็คงไม่เหนื่อยไปนักสำหรับพวกเธอ ผมไม่รู้ว่าปืนพวกนี้มาจากเงินส่วนตัวที่ตั้งใจหุ้นกันมาขายเล่น หรือมาจากไหน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดมาก ผมช่วยให้พวกเธอไม่ต้องแบกของหนัก ขายของได้สนุกหน่อย แลกกับมีปืนคนละแบบมาเพิ่มก็โอเค ... แต่ปรากฏว่า ผมได้มากกว่านั้น

"พี่คะ หนูมาเบิกปืนอันนึง เอาตัว "สป๊อนจ์บ๊อบ" ค่ะ" หลังจากนั้นสัก 2 ชั่วโมง หนึ่งในสาวน้อยกลับมาเอาปืน 1 อัน ท่าทางจะขายได้ ... แต่

"อันไหนวะ" ผมคิดในใจ ตัวอะไรบ๊อบๆ ผมไม่รู้จัก คิตตี้น่ะรู้แน่ ไอ้เจ้านกแดงอ้วนไม่มีขานี่ก็แองกรี้เบิร์ด ทั่วโลกคงไม่มีใครไม่รู้จัก ทวีตตี้น่าจะเป็นนกตัวเหลืองๆ กระต่ายนี่มันไม่น่าจะชื่อบ๊อบๆนี่หว่า ... ผมเหงื่อตกก่อนจะบอกน้องเขาว่า "มาเลือกดูในลังเลย ที่แขวนอยู่นั่นมีแค่แองกรี้เบิร์ด กับคิตตี้แค่นั้น"

เธอเดินเข้ามาเลือกๆก่อนจะหยิบเจ้าฟองน้ำเหลืองกางเกงเหลี่ยมออกมา เห็นแวบเดียวผมก็นึกออก เคยเห็นผ่านตามาบ้างแต่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน บางทียังนึกว่าเป็นเนยมากกว่าฟองน้ำ นับเป็นความรู้ใหม่ที่ได้ติดมาอย่างหนึ่ง


หน้าตาประมาณนี้ กับ "Sponge Bob Water Gun" ... ปืนฉีดน้ำสะพายหลังทรงการ์ตูนฟองน้ำบ๊อบ

ค่ำวันนั้น เสียงปลายสายดังมา "พี่คะ คือว่าถ้าหนูจะฝากขายไว้อีก 2-3 วัน แล้วจบงานสงกรานต์วันที่ 15 ค่อยมาเก็บเงิน จะได้ไหมคะ"

"เอ้อ ... เอางั้นเหรอ แต่จะมั่นใจเหรอว่าจะขายได้หมด เพราะข้างร้านนี่ผมก็เห็นเขามีปืนฉีดน้ำรุ่นสะพายหลังอย่างนี้มาขายเหมือนกันนะ เห็นแขวนติดกำแพงอยู่เป็นแผงเลย แล้วก็หลายรุ่นหลายแบบด้วย" ผมถามไป เพราะผมเองเห็นแล้วก็หนักใจอยู่ แบบสะพายหลังมีลายมากกว่าด้วย ... เพราะราคาที่ฝากก็แพงอยู่ ยังดีที่ว่ากลุ่มเป้าหมายคนละกลุ่มกัน ลูกค้าที่มาถามหาปืนกระบอกย่อมลงไปหน่อย เพราะขี้เกียจแบกกระบอกใหญ่ จะถูกผมชี้มือไปที่ร้านข้างๆแทน ... ดีที่เขาไม่เอากระบอกใหญ่มา

"แล้วพอขายได้ไหมคะ เดี๋ยวหนูลดราคาฝากลงแล้วพี่ช่วยดูหน่อยก็แล้วกัน" เธอว่าพร้อมกับบอกราคาใหม่ที่ถูกลงกว่าเดิม

"ก็พอมีคนมาจับๆดูๆอยู่เหมือนกันนะ ส่วนราคาใหม่ก็น่าจะช่วยให้ขายง่ายขึ้น ลองดูก็ได้" ผมตอบตกลงรับฝากขายจนจบงาน 3 วัน ... ปรากฏว่าวันที่ 14 ขายได้ 2 กระบอก คนซื้อเป็นเพื่อนหนุ่มวัยละอ่อนจำนวน 2 คนในแก๊งค์ 3 คนที่ได้แองกรี้เบิร์ดกับคิตตี้ไป ด้วยเหตุผลที่บอกกับเพื่อนที่มาด้วยกันว่า "มันน่ารักดี เหมาะกับผู้ชายน่ารักแบบกู" และวันสุดท้ายได้อีก 5 กระบอกรวมเป็น 7 เหลือคืนให้เธอในวันที่ 16 ไป 3 กระบอก

"ต้องขอบคุณพี่มากนะคะ ไม่งั้นหนูก็ไม่รู้ว่าจะขายยังไง" นักศึกษาสาวกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับถุงหิ้ว 3 กระบอกที่เหลือกับเงินค่าปืน 7 กระบอก เธอมาคนเดียวในชุดนักศึกษา เสื้อนักเรียนสีขาวกับกระโปรงบานสีดำ พร้อมกับเข็มกลัดสัญญลักษณ์มหาวิทยาลัยกลางเมือง ดูเรียบร้อยน่ามอง ผิดกับวันสงกรานต์เป็นคนละคน

"เธอเป็น 1 ใน 4 คนนั้นใช่ไหม ขอใบรายการผมคืนด้วยนะ" ผมถามพร้อมกับแบมือขอกระดาษแผ่นนั้น

"ใช่ค่ะ ที่มากันวันนั้นแหละค่ะ" นิสิตสาวพยักหน้ายืนยัน พร้อมกับหยิบใบรายการส่งให้ ก่อนกล่าวขอบคุณอีกครั้งแล้วก็วิ่งหิ้วถุงปืนฉีดน้ำข้ามถนนไป

************************************

อีกแก๊งค์ที่มาเช่าหน้าร้านข้างบ้าน 2 ห้องติดกัน ในราคาเกินครึ่งหมื่น เป็นกลุ่มวันรุ่นที่แต่งงานมีลูกแล้วหลายคู่ บางคู่ลูก 1 บ้างก็ลูก 2 ขายปืนฉีดน้ำ ขายแว่นตากันน้ำ ขายน้ำเย็น ขายข้าวไข่เจียว ขายแป้ง ขายน้ำดื่มด้วย ทั้งแบบขวดและแบบกระป๋อง รอบค่ำๆที่รถซาเล้งน้ำแข็งเข้ามาไม่ได้แล้ว เพราะคนแน่นมาก พวกเขายังอุตส่าห์ผลัดกันไปซื้อน้ำแข็งแท่งใหญ่ๆ ใส่รถเข็นลากฝ่าคนแน่นกลับมาที่ร้าน เพื่อแช่เครื่องดื่มกระป๋องและแช่น้ำเย็นขาย ... วันแรกที่เอาของมาลง ผมเห็นพวกเขาทยอยขนของลงจากท้ายรถโตโยต้าอัลติสแว่บๆ

"เฮียขา หนูขอซื้อน้ำด้วยนะคะ" หญิงสาวคุณแม่ลูกสอง บอกเสียงหวานหน้าร้านตั้งแต่วันแรก วันเสาร์ที่ 12

"ได้สิ สายยางผมถึงหน้าบ้านนะ เอาถังน้ำขยับมาหน่อย สุดสายพอดีจะได้ไม่ต้องลากถังไป" ผมบอกพร้อมดูระยะปลายความยาวสายยางน้ำ

เย็นวันนั้น ดูเหมือนว่าเป็นวันวัดดวงวันแรกที่ขายได้นิดหน่อยตามปกติของวันที่ 12 แต่ดูเหมือนมือใหม่หลายคนจะหวั่นไหวพอสมควร ไม่แน่ใจว่าลูกค้าจะเยอะพอให้ถอนทุนได้หรือไม่ ค่ำนั้นผมมองแวบๆไปยังพวกเขาด้วยสายตาสงสัยสงบลึกอยู่ภายใน เห็นจับกลุ่มกันนั่งกินบะหมี่ถ้วยอยู่บนทางเดินปูด้วยกระดาษกล่องมืดๆ

"พวกเขาจะคืนทุนไหมหนอ ค่าเช่า 6000 นั้นเหนือจินตนาการจะไปถึง สำหรับแม่ค้าขายของสงกรานต์ 4 วัน 3 คืน"

"เฮียคะ มีลูกค้าซื้อปืนหน้าร้าน" หญิงสาวส่งเสียงเรียกอยู่หน้าร้านตอนเช้า ขณะผมเดินเช็คสายยางที่ต่อจากก๊อกด้านใน ดูรอยน้ำรั่ว ... เธอมีน้ำใจช่วยดูหน้าร้านให้ ก่อนจะกลับไปเฝ้าเตาไข่เจียวต่อ

"เอาโต๊ะมาเก็บด้วยกันที่นี่ก็ได้ เพราะของพวกเราก็เก็บที่นี่ เราคนค้าคนขายเหมือนกัน ต้องมีน้ำใจกัน ... ถ้ามันจะหายก็หายได้เหมือนกันแหละ" หญิงสาวบอกกับแอนในคืนวันอาทิตย์ที่ 13 เพราะชุด 4 คนนั้นไม่มีที่เก็บของ

"ไม่ได้นะลูก ไปฉี่ตรงนั้นไม่ได้ นั่นหน้าประตูร้านเขา เดี๋ยวจะเหม็นนะ" เธอสั่งสอนลูกได้ดี บางทีอาจจะดีกว่าหลายๆคนที่มีลูกเป็นของตัวเอง

ค่ำวันสุดท้าย หญิงสาว 2 คนนั่งคิดเงินกันอยู่บนอานมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ ใบหน้าเหน็ดเหนื่อยหลังจากเคลียร์ของเก็บร้านขณะนั่งนับเงินเหรียญบอกประมาณการได้ว่า ปีหน้าพวกเขาคงจะเปลี่ยนใจ ... ส่วนปีนี้ รวมค่าเช่า ทุนสินค้าที่ลงไป กับเงินที่ขายของได้ ... จะเหลือไหม ผมไม่อยากจะเดา ... ถือว่าขายเอามันส์ก็แล้วกัน

************************************

ส่วนป้าหลังวัดขาประจำอีกคนหนึ่งที่มีลูกหลานมาช่วยกันบ้างไม่มากก็น้อย ปีนี้พาเด็กๆหิ้วแกลลอนน้ำมาทีละ 10 กว่าใบเหมือนเดิม วางลงหน้าร้านพร้อมกับยื่นเงินในมือให้ผม "ปีนี้ลดค่าน้ำลงหน่อยนะ ปีก่อนคนข้างร้าน เขาไปเข็นน้ำมาจากหลังวัดโน่นเขาบอกว่าแพง"

ใช่ครับ แถวนั้นดูเหมือนจะมีร้านหนังสือของผมอยู่ร้านเดียว ที่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ร้านเราขายปืนฉีดน้ำ ขายน้ำ และให้เด็ก 2 คนแถวนี้ได้สนุกด้วย เป็นความสนุกที่แลกกันกับความเหนื่อยยากนิดหน่อย และได้ค่าขนม ค่าของเล่นสำหรับเด็กๆ ... ผมกระพริบตานิดหนึ่ง และดึงแบงก์ออกมาจากมือป้า 1 ใบ "เอางี้แล้วกันครับ ผมคิดแค่นี้นะ แต่ต้องหาคนมานั่งเฝ้ากรอกน้ำและปิดฝาเอง" ... ป้ามาไกลที่สุดโดยไม่มีสายยาง ไม่มีถังใหญ่ มีแต่แกลลอนเล็กๆนับสิบใบ มันทำให้ "งาน" เพิ่มมากขึ้น แต่ผมวุ่นเกินกว่าจะปลีกเวลามานั่งกรอกน้ำ ปิดฝาแกลลอนทั้งหมดด้วยตัวเอง เงื่อนไขนั้นคือการลด "งาน" ส่วนเกินลง ค่าน้ำที่คิดไปมันนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับ "เจ๊ต่าย" ลูกค้าน้ำรายใหญ่ที่ซื้อน้ำตอนเช้า โดยเอาสายยางมาต่อหน้าร้าน รองยาวทีเดียวชั่วโมงกว่าเพื่อขายทั้งวัน ลูกค้าแมสแบบนี้คนขายชอบ เพราะไม่วุ่นวายและไม่ต้องดูแลเยอะ

"เหรอ ได้ๆ เดี๋ยวป้าหาคนมาเฝ้าก็ได้ เด็กๆเยอะแยะ ให้มานั่งกรอกน้ำแป๊บเดียวเอง" ป้ายิ้มกว้างดีใจและพยักหน้า ก่อนจะส่งลูกสมุนตัวเล็กตัวน้อยสลับหน้ากันมา เด็กๆบางทีก็ช่วยกัน บางทีก็ทะเลาะกันบ้างเพราะเสียเวลาเล่นน้ำ ... วันหนึ่งๆก็ 4-5 รอบได้ จนวันสุดท้าย ป้าเดินมาหาผมตอนบ่าย "เฮีย ... "

"ว่าไงครับ" ผมหันไปถาม พร้อมกับนึกในใจ "นี่เรากลายเป็น เฮีย สำหรับนักศึกษาวัยทีนยันแม่ค้าวัยป้าเลยเหรอเนี่ย"

"เดี๋ยววันนี้ ขอพ่วงไฟหน่อยนะ ไปถึงหน้าวัดนั่น เพราะจะหุงข้าวขายด้วย แล้วก็คงมีไฟอีกสักดวงนึง" ป้าจับแขนบอกความประสงค์

"เหรอ ... ฮืมมมม ... ก็เดี๋ยวเย็นๆมาดูอีกทีแล้วกัน" ผมเริ่มลำบากใจ ออกตัวแบ่งรับแบ่งสู้พร้อมยิ้มให้ ทีเล่นทีจริง "เดี๋ยวเย็นๆ ขายของรวยแล้วอาจจะเลิกก็ได้มั้ง" ... ใจก็ไม่คิดว่าป้าจะเอาจริง เพราะร้านป้าหน้าวัดถึงร้านหนังสือ ไกลไม่ใช่เล่น ผมเองก็ไม่มีสายไฟสำรองยาวขนาดนั้น ... ปรากฏว่า 5 โมงเย็นป้ามาจริง พร้อมกับสายไฟลากมาที่ร้าน

"ถ้าจะหุงข้าว ป้ามาหุงที่ร้านผมก็ได้ หุงสุกแล้วก็มาคดข้าวไป ไม่ดีกว่าหรือ" ผมทักไปก่อน

"พอดีมันจะมีไฟด้วยสิ เฮีย ... ตรงนั้นมันมืด ... จะคิดเงินเท่าไหร่ล่ะ" ป้าบอกเพิ่มเติม ท่าทางเอาจริง

"โอเค งั้นเดี๋ยวขอผมดูแป๊บนึงนะ" ผมตกลงพร้อมกับเอาปลั๊กไปขดไว้ที่เต้าเสียบนิดหน่อย ก่อนเดินตามสายไฟย้อนไปต้นทางออกจากหน้าร้าน เลี้ยวซ้ายผ่าน 2 ร้าน ผ่านหน้าทางออกวัด สายไฟวางอยู่บนพื้นก่อนจะขึ้นทางเดินเลียบกำแพงไปถึงต้นม้วนที่ร้านของป้า

"ป้าให้คนมายกสายไฟหน่อยสิ สายลากไปกับพื้นอย่างนี้ไม่ปลอดภัย ตรงทางเดินหน้าประตูทางออกวัดตรงนั้น มีทั้งรถทั้งคนเหยียบผ่าน พื้นก็เฉอะแฉะ ถ้าเกิดสายมันโก่ง คนสะดุด เหยียบขาดขึ้นมาจะเป็นอันตรายได้ ผมต้องการให้ยกขึ้นเหนือเสาของกำแพง แล้วสายไฟเกาะตามสันกำแพงไป ตรงหน้าร้านตรงนั้น เดี๋ยวผมจัดการเอง" ผมอธิบายความต้องการไป

"ได้ๆ เดี๋ยวให้หลานไปช่วย 2 คน ตามเฮียไปนะ" ป้าพยักหน้าตอบ พร้อมไปสะกิดเรียกหนุ่มๆแถวนั้น
พอสายไฟออกจากหน้าร้าน ผมก็ยกขึ้นสูงระดับอก พาดไปกับตะขอเกี่ยวบ้าง วางพาดบนมิเตอร์ไฟบ้าง จนถึงกำแพง ผมก็ชี้ให้ 2 หนุ่มดู ก่อนที่คนหนึ่งจะปีนเสาขึ้นไปและดึงสายไฟพันขึ้นไปบนยอดปลายเสาข้างหนึ่ง ระดับมันยกลอยสูงกว่าหลังคารถที่วิ่งเข้าออกไปอีกเกือบเมตร ก่อนที่จะไปพันที่ปลายยอดเสาอีกข้างหนึ่งของประตู แล้วจึงลดระดับลงมาไล่ตามสันกำแพงสูงระดับอกไปเป็นที่เรียบร้อย

"เสร็จแล้วพี่ไปบอกคนเก็บเงินหน้าประตูทางออกในป้อมนั่นด้วยนะ ว่าบนเสามีสายไฟพันอยู่ ถ้ามีรถสูงเกินระดับสายไฟวิ่งเข้าออกก็ให้ไปเรียกด้วย" ผมสั่งเสร็จสรรพก่อนเดินจากมา พร้อมกับที่ป้าเริ่มหุงข้าวขาย ... ผมต้องชำเลืองดูหน้าประตูวัดบ่อยๆ อย่างกังวล สายไฟยังพาดพันยอดเสาอยู่อย่างดีเป็นที่น่าพอใจ จนกระทั่ง 3 ทุ่มกว่า ผมเดินไปที่ร้านป้า แตะไหล่แกเบาๆ "ป้าครับ เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมง ผมถอดปลั๊กแล้วนะ พอดีจะเก็บร้านแล้ว มืดมากแล้ว"

"ได้ๆ เฮีย เหลือข้าวอีกหม้อนึง กำลังจะหุงพอดี แล้วเฮียคิดเท่าไหร่ล่ะ" ป้าพยักหน้า แล้วถามกลับมา
ผมพยักหน้า ยิ้มมุมปากใต้เงาหมวกปีกกว้าง "เท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ คิดเอาแล้วกัน"

"โถ่ เฮียก็ ... เท่าไหร่ก็บอกสิ แล้วป้าจะไปรู้ได้ไง" ป้าถอนหายใจ พร้อมเสียง และกลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อย

"ลองคิดดูละกัน" ผมพยักหน้าแล้วเดินกลับไปที่ร้าน ก่อนที่อีกครึ่งชั่วโมง ป้าจะเอาสมุนมาเก็บสายไฟและเดินมาถาม "ตกลงเอาเท่าไหร่"

"ป้าให้เท่าไหร่ล่ะ เท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ บอกไปแล้ว" ผมยิ้มมุมปาก ... ก่อนที่ป้าจะกำแบงก์เปียกยู่ให้มา 3-4 ใบ ผมชำเลืองสายตาใต้ปีกหมวกมองดูเงินในมือ ก่อนยัดลงกระเป่าคาดเอว

"ขอบคุณนะครับ" ผมเอ่ยปาก พร้อมกับคิดถึงปีหน้า สงสัยคงต้องพ่วงสายไฟอีกแน่ๆเลย ท่าทางแกจะติดใจ

************************************

(ย่อหน้านี้ 18+ ใครใจไม่แข็ง ผ่านได้นะครับ) ดึกคืนนั้น วันสงกรานต์ ผมยืนพิงหน้าประตูส่งสายตาเข้าไปในถนนข้าวสาร ผู้คนมากมายกำลังทยอยเดินกลับบ้านหลังจากคุณตำรวจขับรถเปิดไซเรนประกาศหมดเวลา 4 ทุ่มครึ่งพร้อมปล่อยทีมทำความสะอาดถนน ... เลดี้บอย 2 คน กำลังคุยกับหนุ่มอินเดีย 4 คน พร้อมเสียงหัวเราะคิกคักๆ

"พี่ ช่วยคุยกับมันหน่อยสิ พวกมัน 4 หนู 2 ... ตกลงเป็น 2 ห้องใช่ไหม ไปโรงแรมตรงข้างคลองหลอดนั่นน่ะ ถ้าเอางั้นค่าห้องมันต้องเสียเพิ่มอีกหน่อยนะ" เลดี้บอยทรงตึกเอ่ยขอความช่วยเหลือ ดูท่าเธอจะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่คล่องนัก

ผมหัวเราะก๊าก ก่อนกวักมือเรียกหนุ่มอินเดีย 1 ใน 4 มาและถามให้ "ยู 2 ต่อ 1 - ทั้งหมด 4 คน ใช่ไหม"

ชายหนุ่มรีบส่ายหน้าปฏิเสธ ชี้ไปที่เพื่อนแค่ 2 คน "โน โน จัสโอนลี่โดสทู นอทมี"

ผมหัวเราะและแปลตามให้ น้องตึกตะโกนบอกเพื่อนทรงงามที่พูดภาษามืออยู่ "นั่นไง เห็นไหม กูว่าแล้ว พวกมันเอามึงแค่ 2 ต่อ 1 แล้วเมื่อกี้มันบอกว่า เอาสด ไม่ใส่ถุงด้วยนะ ... เนี่ยพี่ อีนั่นมันทรงของพวกนี้ หุ่นมันอ้อนแอ้น หน้าตาออกหวาน อย่างหนูมันต้องพวกรัสเซีย พวกยุโรป ตัวมันใหญ่ ... พอดี เมื่อก่อนหนูเคยทำงานมาก่อน รู้ดี แต่ตอนนี้เลิกแล้ว ... เดี๋ยวพี่บอกพวกมันทีว่า อีก 2 คนกับหนูต้องนั่งรอข้างนอกนะ"

ผมพยักหน้าและแปลภาษาให้ ไปยังหนุ่มผิวสี "พวกยูมาทำงานเมืองไทยเหรอ หรือมาเที่ยว"

"โน เราเป็นนักเรียน เรามาเที่ยวเฉยๆ ประมาณ 2 วีคเท่านั้น" ชายหนุ่มตอบมา

เราคุยกันอีกนิดหน่อย ก่อนที่ผมจะถามเอาความมั่นใจว่า ยูกับอีกคนไม่สนใจแน่หรือ ชายหนุ่มยิ้มและทำตาโต ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมเป่าปาก จนทำเอาผมหัวเราะก๊าก เลดี้บอยทรงตึกเร่งเพื่อนที่กำลังตกลงรายละเอียดกันอยู่ให้ออกเดินได้แล้ว ไอ้ 2 คนนั้นมันอยากไปเต็มทีแล้ว

ผมหันไปถามประโยคสุดท้ายยังหนุ่มนักศึกษาอินเดียคนนั้น "เฮ้ ยู ลาสเควสชั่น ... แบบนี้ ไม่มีที่อินเดียใช่ไหม" ... พวกยูถึงได้อยากลองของแปลกกัน (ประโยคหลังผมถามอยู่ในใจ)

หนุ่มอินเดียกระพริบตาปริบๆ ก่อนโบกมือให้ผม "โน ไม่มีแบบนี้ ที่อินเดีย"

ผมได้แต่ยิ้มและขอให้โชคดี ... ภาวนาให้ 2 หนุ่มที่ "เอาสด ไม่ใส่ถุง" อยู่รอดปลอดภัย ไม่ติดอะไรกลับไปจากเมืองไทย ... แล้วแต่ โชควาสนา ละกันวะ

สวัสดีวันสงกรานต์ 57 ครับ

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858

เก็บตกกับภาพชุดสุดท้ายครับ






แก๊ง 4 สาวที่มาหลบน้ำตั้งหลักในร้านหนังสือพักใหญ่





ก่อนเก็บภาพเป็นที่ระลึกกันพ่วงด้วยฝรั่งสาวอย่างสนุกสนาน


ฝรั่งสาวให้อีเมล์เพื่อสาวหมวยส่งรูปไปให้


1 ในดราม่า 57 ที่มาเอาโต๊ะพับกลับไปในวันที่ 16 ฉากหลังเป็นพี่คาวบอยฉีดน้ำคนเดิมปีที่แล้ว



Create Date : 03 พฤษภาคม 2557
Last Update : 3 พฤษภาคม 2557 22:50:29 น. 1 comments
Counter : 1852 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 4 พฤษภาคม 2557 เวลา:4:10:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.