Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
3 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน เดือนวาเลนไทน์

สวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านครับ ยินดีที่ได้มีโอกาสมาเขียนบล็อกอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เดือนแห่งความรัก เดือนแห่งวันออกใหม่ของโลนลีแพลนเน็ตฉบับสำคัญ 2 เล่มในธุรกิจการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ธุรกิจที่ยังคงเป็นสายเลือดหลักสำคัญสายหนึ่งที่นำเข้าเม็ดเงินจากต่างประเทศ หลังจากที่โรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากเริ่มทยอยปิดตัวลงจากพิษน้ำท่วมปลายปี 2554



Lonely Planet Thailand 14th. Edition



Lonely Planet Vietnam Cambodia Lao & Northern Thailand 3rd. Edition (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 นั้น รวมยูนนาน-จีนตอนใต้ด้วย แต่ฉบับนี้อาจจะถูกตัดออก)

ร้านหนังสือยังคงเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ตามปกติ โดยมีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส กับชาวสเปนแวะเวียนเข้ามาในร้านมากเป็นพิเศษ ส่วนลูกค้าตาตี่ชาวเอเชียมีแซมๆเข้ามาบ้าง

ผมดูข่าวเกี่ยวกับการรณรงค์เรื่องภาษาอังกฤษในห้องเรียนแล้ว ทำให้นึกถึงก่อนน้ำเริ่มท่วมปลายปีที่แล้ว สาวสเปนคนหนึ่งเข้ามาถามซื้อเฟรสบุ๊คอังกฤษ-ไทยและอังกฤษ-ลาว ไปพร้อมกัน เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเรียนวิชาหลักตามปกติทั่วไป แต่เธอเรียนรู้ภาษาเพิ่มเติมในระดับใช้งานได้ไม่ต่ำกว่า 6 ภาษาและยังคงเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่ ดูเธอสนุกกับมัน และเน้นความสำคัญกับมัน เธอบอกว่า "การที่เราสามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา มันเป็นเหมือนใบเบิกทาง ในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน เราสามารถไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะเราสามารถพูดคุย-สื่อสารกับคนต่างภูมิประเทศได้ และแน่นอน นั่นย่อมหมายถึงโอกาสที่เปิดกว้างในการทำงาน ดำรงชีพ หาเงินเลี้ยงชีวิตได้โดยอิสระ"

เช่นเดียวกันกับเด็กหญิงตัวน้อยลูกครึ่งฝรั่งเศส-ไทย ถักผมเปียเส้นเล็กเกือบเต็มหัวอีกคน ที่แม่พามาแวะเยี่ยมพ่อคนไทยที่ภูเก็ต เด็กน้อยอายุประมาณ 8 ปีชื่อ "ใบตอง" พูดไทยได้ตามพ่อ และพูดฝรั่งเศสกับแม่ นอกจากนั้นยังสามารถพูดภาษาเยอรมันและสวิสเซอร์แลนด์ได้ตามแม่ที่ทำงานไปๆมาๆแถวนั้น ผิวเธอออกสีแทนเพราะปัจจุบันแม่พาเธอไปอยู่ที่มาดากัสการ์ (เกาะแสนสนุกของ สิงโต-ม้าลาย-ยีราฟ-ฮิปโป และผู้พันเพนกวิน) ... แม่เธอพาแวะเข้ามาที่ร้านก่อนซื้อหนังสือที่เด็กน้อยเลือกไป 3-4 เล่ม ทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส ... หุหุ นึกถึงตัวเอง ตอน 8 ขวบยังอ่านมานี-มานะอยู่ละมั้ง แต่เด็กนี่เลือกพ็อกเก็ตบุ๊คของ "สตีเฟน คิง" ไปด้วยเล่มหนึ่ง หนาเกือบคืบ !!!

เปิดร้านวันก่อน ขณะที่ผมรดน้ำต้นนางกวักอยู่หน้าร้าน ลูกค้าสาวชาวจีนเข้ามาถามหาแผนที่กรุงเทพ และ ทางไปวัดพระแก้วแต่เช้า สำเนียงภาษาอังกฤษชัดเป็นพิเศษของเธอทำให้ผมอดกล่าวชมเธอไปไม่ได้

"สำเนียงภาษาอังกฤษของคุณ ชัดเจนดีทีเดียว" ผมกล่าวชมก่อนยื่นแผนที่กรุงเทพในถุงพลาสติก พร้อมทอนแบงก์ 50 ใหม่ไปให้

"ขอบคุณมาก นี่แบงก์ใหม่ใช่ไหม" สาวน้อยพลิกแบงก์ใหม่ไปมาในมือ

"ใช่แล้ว เพิ่งออกใหม่มาไม่กี่วันนี่เอง" ผมพยักหน้ารับ

"โชคดีจริง ปกติไม่ค่อยมีใครให้แบงก์ใหม่สวยๆแบบนี้เป็นเงินทอนกัน ขอบคุณมากนะ" เธอกล่าวก่อนออกจากร้านไป

เธอทำให้ผมนึกถึงลูกค้าหนุ่มหล่อเนี้ยบชาวรัสเซียอีกคน ที่แวะเข้ามาเมื่อเดือนก่อน ซื้ออะไรนั้นผมจำไม่ได้เสียแล้ว แต่สำเนียงภาษาอังกฤษที่ได้ยินนั้น ทำให้ผมกล่าวชมไปด้วยประโยคเดียวกันกับสาวจีนวันนี้ คือหลังจากเห็นหน้าตาและทักทายกัน 2-3 ประโยค ผมประเมินว่าประมาณยุโรป

"ภาษาอังกฤษของคุณดีมากเลย ขอโทษที คุณมาจากประเทศอะไร ยุโรปหรือเปล่า" ผมกล่าวชมพร้อมถามไป

"ขอบคุณมาก ผมมาจากรัสเซีย ... ทำไมคุณคิดอย่างนั้นล่ะ" ชายหนุ่มยิ้มสุภาพและถามกลับมา

"ผมเดาผิด เพราะภาษาอังกฤษของคุณชัดดี ... ลูกค้ารัสเซียของผมส่วนใหญ่พูดอังกฤษไม่ค่อยได้น่ะ ไม่เหมือนคุณ" ผมอธิบาย

"คุณพูดถูกแล้ว ชาวรัสเชียนส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น ... แต่ผมคิดว่าพวกเราบางส่วนเริ่มรู้แล้วละ ว่าภาษาอังกฤษนั้นสำคัญและจำเป็นต้องเรียนรู้ เพื่อใช้ในปัจจุบันและอนาคต" ลูกค้าพยักหน้าเห็นด้วย

คำกล่าวชมสำเนียงภาษาอังกฤษจากปากที่เอ่ยออกไปนั้น ฟังผ่านๆอาจรู้สึกว่าคนพูดออกจะมั่นใจตัวเองหรือไม่ก็พูดเก่งเสียเต็มประดา ราวกับอยู่เมืองนอกเมืองนามาหลายปี แต่ขออนุญาตออกตัวว่าผมไม่ได้เจ๋งขนาดนั้น เพียงแต่จากความคุ้นเคยที่แทบจะพูดภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทย ในวันที่มีลูกค้าต่างชาติเข้าร้านทั้งวัน มันทำให้ผมพบว่าคนจีนเกือบ 100% นั้นไม่สามารถสื่อสารภาษาสากลนี้ได้ โดยเฉพาะถ้าอายุกลางคนขึ้นไปนั้นแทบจะทุกคนทีเดียว ส่วนใหญ่ที่เข้าร้านมาก็ถามหาแผนที่ภาษาจีนหรือไม่ก็แสตมป์

คนเกาหลี ญี่ปุ่นนั้นพูดอังกฤษได้ดีกว่าคนจีน และคนไทยโดยทั่วไป เพียงแต่ความเร็วจะกลางๆค่อนไปทางต่ำ อาจจะเพราะภาษาต่างกันค่อนข้างเยอะ ทำให้ดัดลิ้นลำบาก ส่วนหนังสือที่ซื้อนั้นก็ยังคงเป็นไกด์บุ๊คภาษาบ้านเกิดอยู่ดี (อาจเป็นเพราะโลนลีแพลนเน็ตมีแล้ว ทั้ง 2 ภาษาครับ) ส่วนที่อาจหาญซื้อโลนลีแพลนเน็ตภาษาอังกฤษนั้น มีอยู่บ้างในจำนวนที่นับนิ้วได้ ตลอดเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา

ส่วนลูกค้าอินโดฯ มาเลย์ฯ สิงคโปร์นั้น เร็วธรรมชาติ โดยเฉพาะอินเดียกับฟิลิปปินส์นั้น ... จะเร็วไปถึงไหน แถมพี่แขกนี่จะกระดกลิ้นรัวอีกต่างหาก กลุ่มนี้ก็แผนที่ซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยซื้อหนังสือกัน แค่ถามโน่นนี่ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะอยู่แถวนี้ และมักจะไม่ได้มาเที่ยวนานๆถึงขั้นต้องใช้คู่มือท่องเที่ยว ส่วนใหญ่น่าจะมาเป็นช่วงหยุดยาวไม่เกินเดือน สภาพคล้ายๆคนไทยฐานะปานกลางค่อนไปทางระดับบน วัยทำงานประจำ เงินดี หยุดนานๆเป็นเดือนได้บ้าง

ลูกค้ายุโรปตะวันออกนั้น 50/50 ที่พูดและอ่านภาษาอังกฤษได้ดี แถมพวกที่มาส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะ ดังนั้นเวลาเลือกซื้อหนังสือไกด์บุ๊ค ก็ไม่ค่อยจะเจาะจงมากนักว่าต้องเป็นภาษาของตัวเอง มีก็ดี ไม่มีก็ภาษาเยอรมันก็ได้ (เพราะยุคก่อนสงครามโลกนั้น เยอรมันคุมมานาน) หรืออังกฤษก็โอเค มาทีนึงขั้นต่ำก็ 3-6 เดือน ตามฤดูกาล

พวกสแกนดิเนเวียนยุโรป เบเนลักซ์ พวกนี้สบายมาก ผมเคยถามหลายคน ก็ค่อนข้างตรงกันคือไฟต์บังคับ 3 ภาษาตั้งแต่เด็ก คือ อังกฤษ เยอรมัน และภาษาบ้านตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิน 3 อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ลูกค้ากลุ่มนี้เข้ามาก็ง่ายเลย เพราะเลือกได้หลายภาษา อย่างน้อยก็อังกฤษกับเยอรมัน และไม่เฉพาะมาเที่ยวตามฤดูกาลเท่านั้น พวกนี้มาแบบท่องโลกเป็นปีๆก็เจอไม่น้อย (เพราะเงินดี ไม่ต้องเรียนสูงมากๆก็ทำงานได้เงินมาก มาเที่ยวแถบเอเชีย จนเงินหมด ก็กลับไปทำงานเก็บเงินไม่นานก็มาได้อีก)

ต่างกับคนสเปนหรือฝรั่งเศส เพราะผมมักจะเจอแต่ลูกค้าที่ถามหาโลนลีแพลนเน็ตสเปนหรือฝรั่งเศสเท่านั้น อังกฤษไม่เอา หลายครั้งเหมือนกันที่ลูกค้าฝรั่งเศสเอาโลนลีแพลนเน็ตภาษาอังกฤษใหม่กิ๊ก ซื้อจากสนามบินบ้าง ร้านหนังสือญี่ปุ่นแถวสยามบ้าง มาเปลี่ยนเป็นภาษาฝรั่งเศสมือสอง เพราะตอนซื้อนั้น ได้แต่คว้ามาโดยไม่สามารถเปิดดูข้างในว่าอ่านออกหรือเปล่า พอเริ่มใช้จริง อ่านไปไม่ได้ก็เปลี่ยนดีกว่า แต่สเปนนั้นโชคร้ายกว่าอีกเพราะขอเปลี่ยนก็ไม่มีให้เปลี่ยน ก็โลนลีแพลนเน็ตภาษาสเปนนั้น มีขายเฉพาะยุโรปกับอเมริกาใต้เป็นส่วนใหญ่

มีคู่แปลกอยู่ 2 ประเทศคือรัสเซียกับอิสราเอล คือผมเคยเจอลูกค้ารัสเซียนหลายคนเหมือนกันที่ถามหาหนังสือภาษารัสเซีย แต่ไม่มีเลยเอาภาษาฮีบรูว์แทน ถามไปถามมาจึงพบว่าเป็นคนยิวที่อยู่ในรัสเซีย ใช้รัสเซียเป็นภาษาหลัก ส่วนฮีบรูว์นั้นเป็นภาษารอง แต่ใช้ได้ทั้ง 2 ภาษาพอๆกัน เพราะศาสนาบังคับในตัว แถม 2 ประเทศนี้ก็ไม่ไกลกันมากนัก เดินทางไปมาหาสู่กันสะดวก

เพราะฉะนั้นสำหรับการปรับตัวเข้าประชาคมอาเซียนในเร็ววันนี้ สนับสนุนให้พูดเถิดครับ ภาษาอังกฤษนั้น ไม่ต้องอายเลย เพราะมีอีกมากมายหลายชาติที่พูด-อ่านไม่ได้ ไม่คล่อง ไม่ต่างจากเรา ... แม้แต่ฝรั่งยุโรปเอง หลายๆประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่อง ก็มีเยอะแยะ ...

ผมเคยอ่านบทความหนังสือพิมพ์ชิ้นหนึ่งจากอาจารย์โรงเรียน เร็วๆนี้เอง เรื่องภาษาอังกฤษ ประมาณว่า

"การพูดภาษาอังกฤษก็เป็นเพียง วิธีการในการสื่อสาร ทางหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งความสำเร็จของการสื่อสาร อยู่ที่คนพูดกับคนฟังเข้าใจกันได้ นั่นถือว่าสำเร็จแล้ว อย่าเสียเวลากับรูปแบบ อย่ายึดติดกับไวยากรณ์มากมายเกินไป ปล่อยให้เป็นเรื่องของนักวิชาการ หรือการสอบแข่งขันในห้องก็พอ"

( หมายเหตุ ขออนุญาตแวะนิดหนึ่ง : อย่ามัวแต่โพสต์ สะ-เต-ตั๊ด ในเฟสบุ๊คให้ติดอันดับโลกอยู่เลยครับ ... อนาคตประเทศไทย ... )

..........

เย็นวันนั้น ลูกค้าคู่ชาย-หญิงกลางคนชาวเกาหลีเข้ามาที่ร้าน ทั้งคู่เข้ามาถามหาโลนลีแพลนเน็ตปากีสถานแอนด์คาราโครัมไฮเวย์ ... มันเป็นปกพิเศษประเภท 1 ในไม่กี่เล่มที่ผมเองก็ยังงงว่าสั่งมาได้ยังไงกัน ประมาณโมซัมบิคที่นางฟ้าแสนสวยซื้อไปในตอน ล่องไพรในร้านหนังสือ เมื่อปลายปีก่อน ... ที่น่าประหลาดก็คือลูกค้าโคเรียนทั้งคู่ดีใจที่หาเจอเกินกว่าที่จะขอลดราคา ทั้งๆที่จะไปเที่ยวเพียง 7 วัน ... แต่ที่น่าประหลาดมากกว่านั้นคือ ผมยังมีเหลืออีก 1 เล่มหลังจากขายให้คู่โคเรียนคู่นี้ไป ... ผมซื้อมาสต็อกไว้ทำไมตั้ง 2 เล่ม ... มีใครจะไปเหรอ ปากีสถาน แล้วเส้นทางคาราโครัมนี่มันอยู่ตรงไหนบนพื้นพิภพเหรอ (ความรู้สึกคล้ายๆ ตอนลูกค้าสเปนเอาแผนที่อิเลกโทรนิคส์ในโทรศัพท์มือถือยื่นให้ผมดู แล้วถามว่าโลนลีแพลนเน็ตทำได้ไงกับไกด์บุ๊คเกาหลีที่มีข้อมูลท่องเที่ยวเกาหลีเหนือด้วย ทั้งๆที่แผนที่เกาหลีเหนือในกูเกิลยังไม่มีเลย ... ผมหัวเราะตอบไปว่า เขาคงส่งลูกน้องเจมส์ บอนด์เข้าไปหาข้อมูลมาเขียนละมัง)



Lonely Planet Pakistan & Karakorum Highway ... ซื้อมาสต็อกทำไมตั้ง 2 เล่ม

นอกจากนั้นยังได้ซื้อแผนที่รวมอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงไปอีก 1 แผ่น ทั้งคู่บอกว่าเคยมาที่ร้านแล้วครั้งหนึ่งเมื่อประมาณปลายปี 2010 แต่คราวนั้นไม่ได้ซื้ออะไรไป เพียงแค่แวะเข้ามาเดินดู พร้อมกับถ่ายรูปไปเฉยๆ ... ปีนี้มีโอกาสได้เข้ามาเป็นคนซื้อ-คนขายกัน ก็นับว่าเป็นบุญวาสนา ผมก็เลยขอให้ทั้งคู่มีความสุขในเดือนวาเลนไทน์นี้ พร้อมกับเดินทางโดยสวัสดิภาพ และคราวหน้าอย่าลืมแวะเอารูปถ่ายเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์มาอวดผมด้วย ... ขอหยอดไว้หน่อยหนึ่ง



ลูกค้าเก่าชาวเกาหลีที่แวะเข้ามาเป็นลูกค้าในเดือนวาเลนไทน์

ลองเสิร์ชในกูเกิลว่า "คำบอกรักภาษาต่างๆ" ก็จะมีผลออกมาเกือบๆ 2 ล้านข้อมูลให้ดูกัน ผมว่า "ติอาโม" ของอิตาลีฟังเพราะดี

*ภาษาไทย เรียกว่า ฉัน รัก คุณ
*ภาษาอังกฤษ เรียกว่า ไอ เลิฟ ยู (I love you)
*ภาษาพม่า เรียกว่า จิต พา เด (chit pa de)
*เขมร เรียกว่า บอง สรัน โอน (Bon sro Iahn oon)
*เวียดนาม เรียกว่า ตอย ยิ่ว เอ๋ม (Toi yue em)
*มาเลเซีย เรียกว่า ซายา จินตามู (Saya cintamu)
*อินโดนีเซีย เรียกว่า ซายา จินตา ปาดามู (Saya cinta padamu)
*ฟิลิปปินส์ เรียกว่า มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta)
*ญี่ปุ่น เรียกว่า คิมิ โอ ไอ ชิเตรุ (Kimi o ai shiteru)
*เกาหลี เรียกว่า โน รุย สะรัง เฮ (No-rui sarang hae)
*เยอรมัน เรียกว่า อิคช์ ลิบ ดิกช์ (Ich Liebe Dich)
*ฝรั่งเศส เรียกว่า เฌอแตม (Je t''''aime)
*ฮอลแลนด์ (ดัชต์) เรียกว่า อิค เฮา ฟาวน์ เยา (Ik hou van jou)
*สวีเดน เรียกว่า ย็อก แอลสการ์ เด (Jag a Lskar dig)
*อิตาลี เรียกว่า ติ อโม (Ti amo)
*สเปน เรียกว่า เตอ เควียโร (Te quiero)
*รัสเซีย เรียกว่า ยาวาส ลุยบลิอู (Ya vas Liubliu)
*โปรตุเกส เรียกว่า อโม-เท (Amo-te)
*จีนกลาง เรียกว่า หว่อ อ้าย หนี่ (Wo ai ni)
*จีนแคะ เรียกว่า ไหง อ้อย หงี (Ngai oi ngi)
*ฮกเกี้ยน เรียกว่า อั๊ว ไอ้ ลู่ (Auo ai Lu)
*ตุรกี เรียกว่า เซนี เซวีโยรัม (Seni Seviyorum)

ในบรรยากาศอบอวลไปด้วยกุหลาบแดง สติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดปกเสื้อ แว่วบทเพลงไพเราะเกือบ 20 ปีที่แล้ว แทรกแผ่วเบามากับสายลม

ความรัก - ออโต้บาห์น ..... คำร้อง/ทำนอง จิรพรรณ อังศวานนท์

รักคือคำ ๆนี้ รักคือความอดทนทุกอย่างจริงใจให้กัน
รักคือความเข้าใจ รักคือยอมอภัยทุกอย่าง อภัยให้กัน
ดั่งดวงตะวัน ที่ยังยั่งยืนคู่ฟ้า ความรักจึงบังเกิดมา
ให้เป็นภาษาทางใจ ให้ไว้เพื่อช่วยนำทาง คู่ใจของเรา
รักคือเธอและฉัน รักคือความผูกพันยิ่งใหญ่ จากใจของเรา เพราะเราคู่กัน

ดั่งดวงตะวัน ที่ยังยั่งยืนคู่ฟ้า ความรักจึงบังเกิดมา ให้เป็นภาษาทางใจ
ให้ไว้เพื่อช่วยนำทาง คู่ใจของเรา
รักคือความอ่อนโยน รักนำทางสู่ความสำเร็จ เป็นจริงสมใจ
รักคือเธอและฉัน รักคือความผูกพันยิ่งใหญ่
จากใจของเรา เพราะเราคู่กัน

... ขอให้มีความสุขในทุกๆวันแห่งความรักครับ




Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2555 11:11:13 น. 0 comments
Counter : 1688 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.