Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
21 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน อุ่นไอในสายลมหนาว

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ยินดีที่ได้เจอกันอีกนะครับ ดีใจที่ยังครบ 32 และกินได้ นอนหลับสบาย

ร้านหนังสือยังเปิดให้บริการอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศ ทั้งภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ฮีบรูว์ และอื่นๆ

สัปดาห์นี้อากาศหนาวแล้ว งานราชพฤกษ์ก็เริ่มแล้ว มีแต่คนอยากไปดูดอกไม้สวยๆกัน

ฝรั่งนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาที่ถนนข้าวสารกันตามปกติแล้วครับ ผู้ประกอบการเริ่มยิ้มออกกันบ้าง ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านนวด ร้านทัวร์เริ่มเต็มไปด้วยลูกค้า

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเองก็เริ่มขยับทำงานตอบแทนให้กับเงินเดือนอันมาจากภาษีที่ประชาชนจ่ายให้แล้ว โดยการจัดกิจกรรม "Miracle smile @ Thailand" ขึ้นที่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ถนนข้าวสาร นัยว่าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับฝรั่งทั้งหลายที่เข้ามากรุงเทพว่า มาเที่ยวได้ น้ำไม่ท่วม



ป้ายโปรโมทกิจกรรมในวัน เสาร์-อาทิตย์ ที่ 24-25 ธันวาคม 2554 นี้



แผนที่การจัดกิจกรรม การแสดง

ดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้ครับ

//www.khaosanroad.com/index.php/en/component/content/article/258-khao-san-road-community/848-qmiracle-smile-thailandq-on-khao-san-road

ผมเองจำได้ว่าปีก่อนๆนี้ ที่เริ่มมีการปิดถนน จัดงานประเภทถนนคนเดิน มีออกร้าน ขายของพร้อมเวทีการแสดง+ดนตรี ปีแรกๆวงดนตรีเป็นไอ้แบบที่ตะโกนร้อง-เสียงแหบๆ เลิกประมาณเกือบเที่ยงคืน เป็นที่ปวดเศียรเวียนเกล้ามาก เพราะวันรุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ที่ต้องทำงาน ได้แต่ถามอยู่ในใจว่า "เมื่อไหร่มันจะเลิกสักที" แต่พอปีหลังๆมาวงดนตรีค่อนข้างจะถูกใจ เพราะเพลงซอฟท์ลง บางทีก็เป็นเรกเก้บ้าง แจสบ้าง ปีนี้ก็เห็นเป็นแจสแมนกันเยอะ น่าจะโอเค

เมื่อวานนี้หนุ่ม-สาวลอนดอนเนอร์คู่หนึ่ง ย้อนกลับมาที่ร้านหลังจาก 2 สัปดาห์ก่อนทั้งคู่เข้ามาซื้อโลนลีแพลนเน็ต "Discover Thailand" มือสองไป 1 เล่ม หญิงสาวนั้นเป็นคนเลือกหนังสือ ส่วนชายหนุ่มเป็นคนชำระค่าหนังสือ กิริยามารยาทและการพูดจานั้นดูดีมีระดับอย่างไม่อาจปฏิเสธ



Lonely planet "Discover Thailand" ปี 2010 เน้นเฉพาะแหล่งสำคัญ พิมพ์สีทั้งเล่ม 408 หน้า ราคา 24.99 USD ต่างจากฉบับดั้งเดิม 840 หน้า ขาว-ดำ ราคา 26.99 USD

ทั้งคู่เลือกซื้อหนังสือไป 4 เล่ม เป็นสมุดภาพ 2 เล่มของแนนซี แชนด์เลอร์ อาทิสต์ชาวอเมริกันซึ่งทำแผนที่โดยใช้ลายเส้นกับการระบายสีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ



แผนที่กรุงเทพ ในสไตล์ของแนนซี แชนด์เลอร์

ส่วนอีก 2 เล่ม นั้นเป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาของสำนักพิมพ์ซิลค์เวอร์ม



"What's what in a wat" โดย "Carol Stratton"



"The buddha in the jungle" โดย "Kamala Tiyavanich"

ทั้งคู่นั้นกำลังจะกลับอังกฤษในวันพรุ่งนี้ จึงมาเลือกซื้อหนังสือกลับไป แต่ที่สะดุดตาผมนั้นกลับเป็นต้นชวนชมในกระถางพลาสติกใบเล็กสีดำที่คล้องติดเอวของหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเธอไปซื้อมาจากไหนแต่ที่ขายต้นไม้ใกล้สุดก็น่าจะเป็นเทเวศร์ ... กระถางนั้นมีดอกอยู่ 1 ดอก เธอบอกว่าชอบมันและจะเอากลับไปปลูกที่อังกฤษ ก่อนออกจากร้าน ผมถามไปว่าเธอจะเอาหนังสือมาคืนหรือเปล่า เธอบอกว่าไม่ เธอจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก



ชวนชม ดอกไม้สีสวยที่กำลังโกอินเตอร์

เธอทำให้ผมนึกถึงหญิงสาวลอนดอนเนอร์อีกคนหนึ่งซึ่งเดินเข้าในร้านเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน เธอบินเดี่ยวออกนอกอังกฤษเป็นครั้งแรกในชีวิตเพื่อมาเที่ยวเมืองไทย โดยเลือกไปที่เกาะช้างประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นเธอย้อนมาที่กรุงเทพ ก่อนจะผ่านขึ้นเหนือไปประมาณ 1 เดือนตามแผน

เธอถามหาแผนที่ชายทะเลภาคตะวันออก พร้อมกับหนังสือไกด์บุ๊คเที่ยวภาคเหนือ โดยเฉพาะแผนที่นั้น เจาะจงว่าต้องมีเกาะช้างด้วย

"คุณเพิ่งมาจากเกาะช้างและจะไปเที่ยวภาคเหนือต่อไม่ใช่หรือ แล้วจะเอาแผนที่ชายทะเลตะวันออกไปทำไม" ผมถามพลางค้นหาแผนที่ในแป้นหมุน

"ฉันจะกลับไปที่เกาะช้างอีกน่ะ" เธอตอบอมยิ้ม

ผมเลิกคิ้วสูงถามไป "ชายหาดสวยถูกใจคุณใช่ไหมล่ะ"

"ก็ใช่" เธอว่า "แต่มันไม่ใช่เหตุผลหลักหรอก"

"แล้วอะไรถูกใจคุณล่ะ" ผมถามยิ้มๆ

"ฉันอยากไปเจอหมาตัวนึงที่เกาะนั้นอีกน่ะ คุณรู้ไหม มันน่ารักมากเลย ฉันให้อาหารมันแล้วหลังจากนั้นมันก็ตามฉันไปทุกที่ตลอด 2 สัปดาห์" เธอว่า

ผมฟังพร้อมหัวเราะเงียบกริบในใจ "หมา-แมว ที่ไหนก็เหมือนกันละมั้ง ใครให้อาหารมัน มันก็เดินตามทั้งนั้นแหล่ะ ตามตลาดก็มี วัดก็มี เยอะแยะไป"

เธอกล่าวต่อ "เนี่ย ฉันว่าจะพามันกลับไปอังกฤษด้วย หลังจากกลับมาจากภาคเหนือแล้ว ฉันจะไปตามหามัน คุณรู้ไหมว่าฉันต้องทำยังไงบ้าง ถึงจะพามันกลับไปเลี้ยงที่อังกฤษได้"

ผมเห็นท่าจะเอาจริง เลยแนะนำว่าเธอควรจะต้องเข้าไปลองเช็คในอินเตอร์เน็ตดูอีกที แต่ที่แน่ๆผมเดาว่าควรจะต้องมีการตรวจสุขภาพของหมาโดยสัตว์แพทย์ ... แต่ปัญหาใหญ่คือ เธอจะไปตามหามันเจอหรือเปล่าเท่านั้น

ผมเปิดให้ดูแผนที่เกาะช้าง แล้วถามว่าเธอจำได้หรือเปล่าว่าพักที่ไหน หาดอะไร เธอขมวดคิ้วพลางส่ายหน้าบอกว่าจำไม่ได้ ผมเลยบอกให้ลองเช็คดูว่ามีนามบัตรโรงแรมติดตัวมาด้วยหรือเปล่า เธอคุ้ยๆสิ่งของในย่ามสะพายอยู่พักใหญ่ๆ ก่อนจะได้กระดาษยับยู่ยี่มา 1 ใบ ผมคลี่ออกดูพบว่ามันเป็นใบเสร็จรับเงินของเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งใน "หาดไก่แบ้" จึงชี้ลงไปในภาพชายหาดทิศตะวันตกของเกาะช้างในแผนที่ มองหน้าเธอแล้วเอ่ยว่า "ที่รักของคุณอยู่ที่นี่"

เธอยิ้มกว้างอย่างดีใจ พลางกล่าวขอบคุณหลายครั้ง ก่อนจะจ่ายเงินค่าแผนที่และหนังสือโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์ไป 1 เล่ม ... ที่เหลือก็แล้วแต่โชควาสนาของเอ็งแล้ว เจ้าหมาโชคดี ... ผมโบกมือพร้อมอวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ พร้อมโชคดีในการตามหาเจ้าหมาน้อยตัวนั้น

..........

กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หญิงสาว 2 คน กับเด็กชายอีก 1 คน ใช้เวลาค่อนวันช่วยกันทำ "ข้าวราดกระเพราหมูสับกับไข่เจียว" หลายสิบกล่องหอบขึ้นรถตุ๊กๆจากบางลำพูไปที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า มอบให้กับผู้ดูแลเต๊นท์ที่ตั้งเพื่อบริจาคให้กับผู้ประสพภัยน้ำท่วมบริเวณนั้น

หญิงสาวเจ้าของวันเกิด บอกว่ารู้สึกดีอย่างประหลาด ที่ได้ทำอะไรดีๆสักอย่างให้กับคนอื่นบ้าง หลังจากชายกลางคนหันมายกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณที่นำอาหารมาบริจาค ก่อนจะช่วยกันกับอาสาสมัคร ทำการขนกล่องข้าวลงเรือยนตร์ออกไป ... แม้แต่รถตุ๊กๆที่พาไป-กลับ ก็ไม่คิดเงิน

เหมือนอาการติดเชื้อ อีก 2-3 วันถัดมา โดยไม่ต้องรอวันเกิด ใครบางคนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ก็ตื่นไปตลาดแต่เช้า ตระเตรียมอุปกรณ์ วัตถุดิบสำหรับข้าวราดไข่เจียวเกือบร้อยกล่อง หลังจากไข่ที่ซื้อมาไม่พอ ต้องกวาดจากตู้เย็นจนเกือบหมด พร้อมกับข้าวสารหมดถัง โดยความช่วยเหลือจากหญิงสาวอีกคนและเด็กชายคนเดิม เริ่มเจียวไข่ตั้งแต่สายๆ กว่าจะเสร็จก็เกือบ 6 โมงเย็น ใส่รถตุ๊กๆคันใหม่ให้ไปส่งที่เต๊นท์เดิม ... แม้รถตุ๊กๆจะคิดเงิน ก็ไม่ทำให้ความอบอุ่นในใจนั้นลดลง ... เพราะมีหญิงชราพร้อมกับรอยยิ้มร่วมทางไปอีก 1 คน

ถึงแม้สายน้ำที่ท่วมอยู่จะเยียบเย็น หรือสายลมหนาวที่พัดผ่านจะบาดผิวกาย แต่หัวใจหลายๆดวงก็ยังคงอุ่น และไม่แห้งแล้งจนเกินไป



น้ำท่วมสูง ณ สะพานพระปิ่นเกล้า กลางเดือนพฤศจิกายน



หญิงชรากับเด็กชาย ผู้อยู่ในเหตุการณ์



รอยยิ้มง่ายๆกลางสายลมและสายน้ำ

..... from a birds eye view, I can see we are family .....
..... from a birds eye view, I can see you are just like me .....

"The world as I see it" by Jason Mraz

https://www.youtube.com/watch?v=wfXrvN7jm_g


Create Date : 21 ธันวาคม 2554
Last Update : 23 ธันวาคม 2554 22:43:40 น. 0 comments
Counter : 1719 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.