ผอ.ศูนย์วิจัยทองคำ เผยราคาทองผันผวนต่อเนื่องและในระยะสั้นจากนี้ถึง 6 เดือนหน้ายังอยู่ในช่วงขาลง คาดที่ประชุม FOMC กลางเดือนนี้เห็นชอบทอนมาตรการ QE กดดันราคาทองร่วงหนัก ประเมินมีโอกาสเห็นราคาทองตลาดโลกแตะ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า...
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ราคาทองคำในประเทศวันนี้ (13 ก.ย.2556) ยังคงผันผวนต่อเนื่องจากเมื่อวาน ตามทิศทางราคาทองคำในช่วงขาลง และสอดคล้องกับราคาทองคำตลาดโลกที่ปรับลดลงถึง 33.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือลดลง 2.43% ปิดที่ 1,330.6 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเป็นผลมาจากนักลงทุนกังวลมาตรการ QE โดยในระยะสั้นประเมินกรอบแนวรับที่ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในระยะสั้นจากนี้ไปจนถึง 6 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในช่วงขาลง โดยมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากมาตรการ QE ซึ่งคาดว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบาย ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างชัดเจนว่า FOMC จะมีมติเห็นชอบให้ทอนมาตรการ QE ลงหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยประเมินว่าเฟดจะเริ่มทอนมาตรการ QE ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำปรับลดลง และอาจจะมีโอกาสได้เห็นราคาทองคำตลาดโลกที่ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า หากหลุดกรอบ 1,280-1,295 ดอลลาร์/ออนซ์ ไปได้
สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อทองเก็งกำไรครั้งละไม่มากแนะนำให้ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาทองปรับลดลงไปอยู่ในระดับต่ำกว่าบาทละ 20,000 บาท ส่วนนักลงทุนที่เก็งกำไรในระยะยาวแนะนำให้รอราคาทองปรับลดลงมาต่ำกว่าบาทละ 20,000 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ราคาทองคำในประเทศผันผวนอย่างหนัก โดยสมาคมค้าทองคำประกาศปรับราคาทองคำถึง 5 ครั้งในช่วงครึ่งวันแรก โดยล่าสุดเมื่อเวลา 15.41 น. ทองคำปรับราคาครั้งที่ 9 โดยทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 19,700 บาท ขายออกบาทละ 19,800 บาท ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 19,419.96 บาท ขายออกบาทละ 20,200 บาท โดยเป็นการปรับลดลงถึง 7 ครั้ง และปรับขึ้นเพียง 2 ครั้งเท่านั้น เฉลี่ยราคาซื้อขายทองคำ ณ 16.00 น. ราคาปรับลดลงจากปิดตลาดวานนี้ (12 ก.ย.2556) บาทละ 400 บาท.