กิน “สาหร่าย” แบบปลอดภัย-ได้สุขภาพ

    นอกจากอาหารหลักประจำมื้อแล้ว
เด็กและขนมเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ขาด
ยิ่งในยุคนี้สงครามการโฆษณาสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวที่มีจนล้นตลาดขับเคี่ยว
กันอย่างเข้มข้น กลยุทธ์การล่อใจต่างๆ
ถูกงัดขึ้นมาเพื่อดึงเม็ดเงินในกระเป๋าของพ่อแม่
จึงเป็นหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งของพ่อแม่ที่ต้องคัดเลือกขนมที่ดีมีประโยชน์




           สาหร่าย แผ่นกรอบๆ
ที่บรรจุซองสีสันสดใส รสชาติออกเค็ม เป็นอีกหนึ่งขนมที่เด็กๆ
ส่วนใหญ่นิยมกิน ซึ่งพ่อแม่บางรายมีทัศนคติต่อขนมชนิดนี้ว่า
ค่อนข้างดีและมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าขนมกรุบกรอบที่ทำจากแป้งโรยผง
ชูรสชนิดอื่น ทว่าความคิดนี้จะจริง-เท็จอย่างไร
แถมเมื่อปีก่อนนี้ก็มีข่าวสาหร่ายแห้งสำหรับต้มจากประเทศจีนมี “พลาสติก”
ปนเปื้อน แล้วสาหร่ายที่ลูกหลานชอบกินจะปลอดภัยแค่ไหน

...วันนี้เรามีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมาฝากกัน


อ.สง่า ดามาพงษ์
นักโภชนาการชื่อดังกล่าวย้ำก่อนจะเข้าประเด็น “สาหร่าย” ว่า
พ่อแม่ผู้ปกครองต้องเข้าใจก่อนว่า อาหารว่างหรือขนมที่ดีที่สุดของลูกหลาน
นอกเหนือจากอาหารหลัก 5 หมู่ในมื้ออาหารประจำก็คือผลไม้และนม
ผลไม้เป็นอาหารว่างแคลลอรี่ต่ำ มีแร่ธาตุและสารที่มีประโยชน์หลายชนิด

“ไม่ใช่ห้ามกินขนมนะครับ ขนมก็กินได้
แต่พ่อแม่ต้องเลือกขนมหรือSnack คุณภาพดีให้ลูกกิน
ทุกวันนี้ในตลาดบ้านเรามี Snack เยอะมาก แต่หากคุณภาพดีค่อนข้างยาก
ตีเสียว่าใน10ห่อจะมีคุณภาพต่ำเสีย 9 ห่อ เหลืออีกห่อเดียวที่พอกินได้
ที่ดีที่สุดคือพ่อแม่ต้องอ่านฉลากว่าในขนมที่จะเลือกให้ลูกกินนั้นมีอะไรผสม
อยู่บ้าง”





          
ส่วนในประเด็นของสาหร่ายนั้น อ.สง่าฟันธงว่า
หากเป็นสาหร่ายแท้จากธรรมชาติจัดว่าเป็น Snack ที่ ดี
ระหว่างขนมกรุบกรอบใส่ผงชูรสกับสาหร่าย
หากเปรียบเทียบกันพ่อแม่ก็ควรจะเลือกสาหร่าย
แต่ต้องดูยี่ห้อที่ไว้ใจได้ว่าเป็นสาหร่ายแท้ ไม่มีอะไรปนเปื้อน
เชื่อถือได้ และมีหน่วยงานด้านโภชนาการรับรอง

           “สาหร่าย
แบ่งได้เป็นสองชนิดใหญ่ๆ คือสาหร่ายน้ำจืดและสาหร่ายทะเล
มีวิตามินแร่ธาตุและมีโปรตีนทั้งคู่
แต่ในสาหร่ายทะเลจะมีแร่ธาตุตัวหนึ่งที่ดีต่อร่างกายของเด็กมากคือไอโอดีน
แนะนำว่าถ้าจะเลือกกินให้กินสาหร่ายทะเลดีกว่า
ไอโอดีนนี้จะช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโตดี สมองดี ไม่แคระแกร็น
ส่วนโปรตีนในสาหร่ายนั้นพบว่าในสาหร่าย 1 ขีด หรือ 100 กรัม
จะมีโปรตีนอยู่ประมาณ 10-40 กรัม
ซึ่งในน้ำหนักเท่ากันในหมูหรือปลาถือว่าปริมาณโปรตีนที่ได้ค่อนข้างใกล้
เคียงกัน และอีกอย่างที่ดีมากก็คือใยอาหาร
สาหร่ายมีเยอะและน่าจะเชียร์ให้เด็กกิน เพราะพบว่ามีใยอาหารถึง 24 – 40
กรัมต่อสาหร่าย 1 ขีด”

   
นักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญรายนี้ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า
นอกจากนี้กรรมวิธีการทำสาหร่ายให้เป็นอาหารยังมี 2 แบบใหญ่ๆ
คือแบบปรุงรสและแบบไม่ปรุงรส
พ่อแม่ควรเลือกให้ลูกกินแบบไม่ปรุงรสเพื่อลดการกินเกลือและเครื่องปรุงรส
อื่นๆ หรือสาหร่ายอีกรูปแบบหนึ่งที่แนะนำคือสาหร่ายที่นำมาต้มกับแกงจืด
สามารถใส่กับทุกแกงจืดเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร



““แต่ไม่ใช่ว่าสาหร่ายมีคุณค่าทางอาหาร และดีกว่าขนมผงชูรสอื่นๆ
แล้วพ่อแม่จะให้ลูกกินแต่สาหร่ายเป็น Snack อย่าง เดียวทุกวัน
แต่ควรสลับกันไประหว่างผลไม้ นม สาหร่าย และขนมดีอื่นๆ
เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นและสารอาหารที่เป็นประโยชน์อื่นๆ
อย่างหลากหลายและครบถ้วน ส่วนปริมาณสาหร่ายที่พอเหมาะในแต่ละวันที่กินได้
ถ้าเป็นสาหร่ายแห้งที่ต้มเป็นแกงจืดไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเป็นสาหร่ายปรุงรสควรจะกินไม่เกิน 1 ซองเล็ก คือประมาณ 4 แผ่น
ถ้ามากกว่านั้นอาจจะได้โซเดียมเกินความจำเป็น
อีกนิดทีอยากฝากก็คือสำหรับคนที่กินสาหร่ายเม็ดเป็นอาหารเสริมควรระวังสัก
หน่อย เพราะในสาหร่ายมีกรดยูริค ถ้ากินแบบธรรมชาติจะไม่มากนัก
แต่หากสกัดทำเป็นเม็ดจะเข้มข้นขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อคนที่เป็นโรคเก๊าต์ ””

อ.สง่ากล่าวในที่สุด

          
แต่ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารอีกรายหนึ่งอย่าง รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน
คณบดีคณะสหเวชศาสตร์และผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาฯ
กลับมองว่าไม่ควรให้เด็กกินสาหร่ายในรูปแบบขนมขบเคี้ยว โดยอธิบายว่า จริงๆ
แล้วประเทศที่มีประชากรนิยมกินสาหร่ายมากที่สุดประเทศหนึ่งอย่าง “ญี่ปุ่น”
นั้น ไม่ใช่การนำมากินเล่นในรูปแบบขนมอย่างเด็กไทยบ้านเรา

          
“คนญี่ปุ่นจะกินสาหร่ายแบบเป็นกับข้าว เช่นใส่ในซุปเต้าเจี้ยวบ้าง
แบบแผ่นก็ไว้ห่อข้าวปั้น หรือตัดเป็นแผ่นสั้นๆ
แล้วใช้ตะเกียบคีบห่อข้าวในชามเป็นการเพิ่มพื้นที่การคีบข้าว”


รศ. ดร.วินัยกล่าวต่อไปว่า
ในกรณีเป็นสาหร่ายแท้ ปลอดภัย
ไม่มีสารพิษปลอมปนเหมือนอย่างที่สาหร่ายจีนที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้
ก็ถือว่าสาหร่ายปลอดภัยด้วยตัวมันเอง เพราะเป็นผลผลิตจากธรรมชาติ
แต่ปัญหาอยู่ที่การปรุงรสหลังจากนั้น
สาหร่ายที่นำมาทำเป็นขนมขบเคี้ยวส่วนใหญ่นิยมปรุงรสด้วยเกลือให้เค็ม
รวมถึงผงปรุงรสอื่นๆ ให้เข้มข้นชวนกิน

“แม้จะเป็นสาหร่ายที่ผ่านการปรุงรสแล้ว
แต่ที่ญี่ปุ่นเขากินกับข้าว มันก็จะช่วยเจือจางลงไปได้
แต่ที่บ้านเรากินเปล่าๆ ก็จะได้รับเครื่องปรุงรสและเกลือแบบเต็มๆ
ผมคิดว่ามันเหมือนกับที่เราพยายามห้ามเด็กของเราไม่ให้กินบะหมี่สำเร็จรูป
ดิบๆ ที่นำมาโรยผงชูรสแล้วกินแบบกรอบๆ นั่นแหละครับ
สาหร่ายปรุงรสและใส่เกลือมากนี้หากเด็กกินติดต่อกันนานๆ ก็จะสะสมเกลือ
ไตทำงานหนัก นานๆ เข้าก็เป็นความดันโลหิตสูง”


          
แต่ไม่ใช่ว่าคณบดีคณะสหเวชฯ
รายนี้จะมองเห็นแต่ด้านลบของสาหร่ายแต่เพียงอย่างเดียว
เพราะรศ.ดร.วินัยมองว่า
ในสาหร่ายก็มีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากเช่นกัน





           “ไม่ใช่ว่าตัวสาหร่ายจริงๆ
ไม่ดี แต่ที่เราห่วงคือส่วนปรุงรส
แต่ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองจะเลือกแบบที่มันไม่ปรุงรส หรือปรุงแต่น้อย
ทางที่ดีคือทำเป็นอาหารให้เขา ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพลูก
ที่ผมอยากฝากก็คือ
ในกรณีที่เขาอยากกินสาหร่ายปรุงรสโดยกินแบบขนมขบเคี้ยวคือกินเปล่าๆ
แล้วเราตามใจให้เขากินอย่างที่เขาอยากกินวันนี้
ผลเสียมันไม่ได้เกิดขึ้นวันนี้พรุ่งนี้ แต่มันจะสะสมอยู่ในร่างกายเขา
นานวันเข้ามันจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพเขา
เท่ากับเราทำลายอนาคตทางสุขภาพของเขา” คณบดีคณะสหเวชฯ ทิ้งท้าย






Free TextEditor







































































































Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 0:02:15 น. 0 comments
Counter : 830 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.