กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เพชรพระมหามงกุฎ
แผ่นดินทอง
รัตนโกสินทร์ ๒๒๕ ยินดีต้อนรับ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระราชสกุล
เที่ยวเมืองพระร่วง
ตำนานวังหน้า
ความ-ทรงจำ ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
อธิบายเรื่องธงไทย
ตำนานภาษีอากร
บันทึกรับสั่งสมเด็จฯ
สารคดีที่น่ารู้ - ม.จ.หญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
พระจอมเกล้าพระจอมปราชญ์
เทศาภิบาล
สิมอีสาน
ว่าด้วยตำนานเสภา เรื่องขุนช้างขุนแผน
ตำนานการสอบพระปริยัติธรรม
ตำนานพระแก้วมรกต
เรื่องทรงเที่ยวกลางคืน พระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จดหมายเหตุพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรจนถึงสวรรคต
พระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสแหลมมลายูคราว ร.ศ. ๑๐๘
พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนเสวยราชย์
พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนเสวยราชย์
ว่าด้วยประเทศสยามในจดหมายเหตุจีน
ว่าด้วยหน้าที่และพระอัธยาศัยในกรมพระราชวังบวรฯ กรุงรัตนโกสินทร์
ตำนานหนังสือพระราชพงศาวดาร
คำให้การหัวพันห้าทั้งหกในศึกฮ่อ
อำแดงเหมือน กับ นายริด
แผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง)
ว่าด้วยตำนานการเดินทางของฝรั่งมาสู่สยาม และมูลเหตุที่รับเป็นไมตรี
สำเภาเจดีย์ที่วัดยานนาวา
กรุงศรีอยุธยา ครั้งบ้านเมืองดี
ร.ศ. ๑๑๒
อธิบายเรื่องพระบาท
อธิบายตำนานรำโคม
วิจารณ์ว่าด้วยหนังสือ พราหมณศาสตร์ทวาทสพิธี
วินิจฉัยประเพณีแต่งงานอย่างโบราณ
พระราชหัตถเลขาอันเป็นมูลเหตุที่ตั้งหอพระสมุดวชิรญาณ
บรรดาศักดิ์ "เจ้าคุณ" ฝ่ายผู้หญิง
รับทูตฝรั่งครั้งกรุงรัตนโกสินทร์
ตำนานการที่ไทยเรียนภาษาอังกฤษ
ลักษณะการศึกษาของเจ้านายแต่โบราณ
คำให้การชาวอังวะ
แผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรฐมหาราช
"กรมสมเด็จ" กับ "สมเด็จกรม"
พระบรมราชาธิบายเรื่อง ตั้งกรมเจ้านาย
เปรียบนามสกุลกับชื่อแซ่
พระราชปุจฉาอันเป็นมูล "พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ"
คำให้การเฒ่าสา เรื่องหนังราชสีห์
ประกาศพระราชบัญญัติให้ใช้คำนำหน้าชื่อชนต่างๆ
ตำนานพระโกศ
ศึกเจ้าอนุเวียงจันทน์
ศึกถลาง
อธิบายเรื่องพระมหาอุปราช
เสด็จประพาสต้น ร.ศ. ๑๒๕
กำเนิดหัวเมืองในมณฑลอีสาน สรุป
กำเนิดหัวเมืองในมณฑลอีสาน ตอนที่ ๒
กำเนิดหัวเมืองในมณฑลอีสาน ตอนที่ ๑
อธิบายเรื่องวรรณยุกต์
ประกาศพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
ประกาศขนานนามพระพุทธปฏิมากรประจำรัชกาล
ตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช
ว่าด้วยมูลเหตุแห่งการสร้างวัดในประเทศสยาม
เหตุเกิดเมื่อศักราช ๙๐๗ พระเทียรราชาได้ราชสมบัติ
เสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน มณฑลอุดร ตอนที่ ๑
เสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน มณฑลอุดร ตอนที่ ๒
เมื่อแผ่นดินทรงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒ พระองค์
ว่าด้วยลักษณะการปกครองประเทศสยามแต่โบราณ
เสด็จประพาสต้น ร.ศ. ๑๒๓
พระราชมรดกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ตำหนักทองที่วัดไทร
ด่านพระเจดีย์สามองค์
๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้
โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
สร้างพระบรมรูปทรงม้า
สมเด็จพระปิยมหาราช
อั้งยี่
ตำนานเงินตรา
ตำนานอากรบ่อนเบี้ยและหวย
แผ่นดินพระร่วง
จดหมายเหตุเสด็จหว้ากอ ปีมะโรงสัมฤทธิศก
แรกมีอนามัยในเมืองไทย
แรกมีโรงพยาบาลในเมืองไทย - ศิริราชพยาบาล
พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน
พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย
แผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
แผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา
ตำนานกรุงศรีอยุธยา
ศึกคราวตีเมืองพม่า
ศึกเมืองทวาย
ศึกพม่าที่นครลำปางและป่าซาง
ศึกพม่าที่ท่าดินแดง
ศึกหินดาดลาดหญ้า
ค้นเมืองโบราณ
ว่าด้วยตำนานสามก๊ก
ธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม
พระราชกรัณยานุสรณ์
หนังสือหอหลวง
ว่าด้วยยศเจ้านาย
ตำนานการที่ไทยเรียนภาษาอังกฤษ
Jodie Foster ในบท Anna Leonowens
จากภาพยนตร์เรื่อง Anna and The King
ตำนานการที่ไทยเรียนภาษาอังกฤษ
ความจริงในชั้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้ พึ่งมีไทยเรียนรู้ภาษาอังกฤษมาไม่ช้านัก เมื่อในรัชกาลที่ ๒ มีแต่พวกฝรั่งก็ดีจีนซึ่งเป็นเชื้อสายโปรตุเกตศครั้งกรุงเก่า เรียนรู้ภาษาโปรตุเกศอยู่บ้าง คนพวกนี้ที่รับราชการในตำแหน่งเรียกว่า ล่ามฝรั่ง ในกรมท่า ที่มีอัตราในบัญชีเบี้ยหวัด ๕ คน ที่เป็นหัวหน้าล่ามเป็นที่ขุนเทพวาจารับเบี้ยหวัดปีละ ๗ ตำลึง พวกล่ามฝรั่งเหล่านี้จะมีความรู้ตื้นลึกสักเพียงไรทราบไม่ได้ แต่รู้ภาษาโปรตุเกศเท่านั้น หน้าที่ก็ไม่สู้มีอันใดนัก เพราะราชการที่เกี่ยวข้องกับโปรตุเกศมีแต่การค้าขายทางเมืองหมาเก่ นานๆ เจ้าเมืองหมาเก๊าจะมีหนังสือมาสักครั้งหนึ่ง
ส่วนภาษาอังกฤษ ถึงแม้ว่ามีเรือกำปั่นอังกฤษไปมาค้าขายอยู่ในสมัยนั้นบ้าง นายเรือรู้ว่าไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้ในเมืองนี้ ก็หาแขกมลายูเข้ามาเป็นล่าม เพราะฉะนั้นการที่ไทยพูดจากับอังกฤษที่เข้ามาถึงกรุงเทพฯ ก็ดี หรือพูดจาทางราชการที่เกี่ยวข้องกับอังกฤษที่เมืองเกาะหมากและสิงคโปร์ก็ดี ใช้พูดกันแต่ด้วยภาษามลายู แม้จนเมื่อผู้สำเร็จราชการอินเดียของอังกฤษให้ Dr.ยอน ครอเฟิด เป็นทูตเข้ามายังกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปีมะเส็ง พ.ศ. ๒๓๖๔ ตรงกับคริสตศก ๑๘๒๑ ในตอนปลายรัชกาลที่ ๒ ก็ต้องพูดจาราชการกับไทยทางภาษามลายู ความปรากฏในจดหมายเหตุที่ครอเฟิดแต่งไว้ ว่าการที่พูดจากับรัฐบาลไทยครั้งนั้น ทูตต้องพูดภาษาอังกฤษแก่ล่ามที่เอามาด้วย ล่ามต้องแปลเป็นภาษามลายูบอกหลวงโกชาอิศหาก หลวงโกชาอิศหากแปลเป็นภาษาไทยเรียนเจ้าพระยาพระคลัง เจ้าพระยาพระคลังตอบว่ากระไรก็ต้องแปลย้อนกลับไปเป็นต่อๆ อย่างเดียวกัน
ครั้นต่อมาเมื่อครอเฟิดกลับไปแล้ว ได้ไปเป็นเรสิเดนต์อยู่ที่เมืองสิงคโปร์ อังกฤษเกิดรบกับพม่าครั้งแรกเมืองปลายรัชกาลที่ ๒ ครอเฟิดจะบอกข่าวการสงครามมาให้ไทยทราบ ต้องให้แปลหนังสือพิมพ์ข่าวภาษาอังกฤษเป็นภาษาโปรตุเกศเสียก่อน แล้วจึงส่งเข้ามายังกรุงเทพฯ เพราะภาษามลายูถ้อยคำมีน้อย ไม่พอจะแปลความในหนังสือพิมพ์ข่าวภาษาอังกฤษเข้าใจได้แจ่มแจ้ง ครั้นต่อมาถึงต้นรัชกาลที่ ๓ ผู้สำเร็จราชการอินเดียของอังกฤษให้ เฮนรี เบอนี เป็นทูตเข้ามาขอทำหนังสือสัญญาเมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๓๖๘ ตรงกับคริสตศก ๑๘๒๕ การที่พูดจากับไทยสะดวกขึ้นกว่าครั้งครอเฟิดหน่อยหนึ่ง ด้วยเบอนีพูดภาษามลายูได้ ถึงกระนั้นหนังสือที่ทำก็ต้องใช้ภาษาต่างๆ กำกับกันถึง ๔ ภาษา คือ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาโปรตุเกศ และภาษามลายู เพราะไม่มีภาษาใดที่จะเข้าใจดีได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ในรัชกาลที่ ๓ นั้น เมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๓๗๑ ตรงกับคริสตศก ๑๘๒๘ พวกมิชชันนารีอเมริกันเข้ามาตั้งในกรุงเทพฯ เป็นที่แรก อันนี้เป็นต้นเหตุที่ไทยจะได้เรียนภาษาอังกฤษเป็นเดิมมา ด้วยลัทธิของพวกมิชชันนารีอเมริกันไม่ได้ตั้งตัวเป็นสมณะเหมือนพวกบาทหลวง วางตนเป็นแต่เพียงมิตรสหาย ใช้การสงเคราะห์เป็นต้นว่าช่วยรักษาโรค และช่วยบอกกล่าวสั่งสอนวิชาการต่างๆ ให้แก่ผู้อื่นเป็นเบื้อต้นของการสอยศาสนา เพราะฉะนั้นเมื่อคนทั้งหลายรู้จักคุ้นเคยจึงชอบสมาคมคบหากับพวกมิชชันนารีอเมริกันมาแต่แรก
สมัยนั้นผู้มีสติปัญญาที่เป็นชั้นสูงอยู่ในประเทศนี้ แลเห็นอยู่แล้วว่าการสมาคมเกี่ยวข้องกับฝรั่งต่างประเทศคงจะต้องมียิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน และภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาสำคัญทางประเทศตะวันออกนี้ มีเจ้านายบางพระองค์และข้าราชการบางคนปรารถนาจะศึกษาวิชาการและขนบธรรมเนียมของฝรั่ง และจะเล่าเรียนให้รู้ภาษาอังกฤษ จึงพยายามเล่าเรียนศึกษากับพวกมิชชันนารีอเมริกันตั้งแต่เมื่อในรัชกาลที่ ๓ ที่สำคัญคือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เลานั้นยังทรงผนวชเป็นพระราชาคณะอยู่พระองค์ ๑ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เวลานั้นยังเป็นกรมขุนอิศเรศรังสรรค์พระองค์ ๑ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เวลานั้นยังเป็นหลวงนายสิทธินายเวรมหาดเล็ก แล้วได้เลื่อนเป็นจมื่นไวยวรนาถอีกองค์ ๑ แต่สมเด็จเจ้าพระยาทางภาษารู้แต่พอพูดอังกฤษได้บ้าง ไม่เชี่ยวชาญเหมือนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
และทั้ง ๓ ที่กล่าวมานี้ ศึกษาได้ความรู้การฝรั่งต่างประเทศทันได้ใช้วิชาช่วยราชการ มาแต่เมื่อในรัชกาลที่ ๓ เพราะเมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๓๙๓ ตรงกับคริสตศก ๑๘๕๐ รัฐบาลอังกฤษให้เซอเชมสะบรุกเป็นทูตมาด้วยเรือรบ ๒ ลำ จะเข้ามาขอแก้หนังสือสัญญาที่เบอนีได้ทำไว้ เซอเชมสะบรุกเข้ามาครั้งนั้นไม่เหมือนกับครอเฟิด และเบอนีที่มาแต่ก่อน ด้วยเป็นทูตตรงมาจากประเทศอังกฤษ การที่มาพูดจาและหนังสือที่มีมาถึงรัฐบาลไทยใช่ภาษาอังกฤษ กิริยาอาการที่มาก็ทะนงองอาจผิดกับทูตแต่ก่อน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชดำริหาผู้ที่สันทัดอย่างธรรมเนียมฝรั่ง ให้พอที่จะรับรองโต้ตอบกับเซอเชมสะบรุกได้ ความปรากฏในจดหมายเหตุกระแสรับสั่งในเรื่องเซอเชมสะบรุก (ซึ่งหอพระสมุดพิมพ์เมื่อ ร.ศ. ๑๒๙ พ.ศ. ๒๔๕๓) ว่า
ทรงพระราชดำริ_____เห็นว่าผู้ใดมีสติปัญญาก็ควรจะเอาเข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้วย การครั้งนี้เป็นการฝรั่ง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ทราบอย่างธรรมเนียมฝรั่งมาก ควรจะเอาเป็นที่ปรึกษาใหญ่ได้ แต่ก็ติดประจำปืนอยู่ที่เมืองสมุทรปราการ (ด้วยครั้งนั้นไม่ไว้พระทัย เกรงอังกฤษจะเอาออำนาจมาบังคับให้แก้หนังสือสัญญาอย่างทำแก่เมืองจีน จึงให้ตระเตรียมรักษาป้อมคูให้มั่นคง) จมื่นไวยวรนาถก็เป็นคนสันทัดหนักในอย่างธรรมเนียมฝรั่ง ก็ลงไปรักษาเมืองสมุทรปราการอยู่ ให้พระยาศรีพิพัฒน์ (คือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ เป็นผู้รั้งราชการกรมท่า ด้วยเจ้าพระยาพระคลังลงไปสักเลกอยู่ที่เมืองชุมพรในเวลานั้น) แต่งคนดีมีสติปัญญาเข้าใจความ เชิญกระแสพระราชดำริลงไปปรึกษา
และการที่มีหนังสือโต้ตอบกันเซอเชมสะบรุกครั้งนั้นปรากฏว่า หนังสือที่มีมาเป็นภาษาอังกฤษ ให้ Dr.ยอน(คือ Dr.ยอนเตเลอ โยนส์ มิชชันนารีอเมริกัน) แปลเป็นภาษาไทย กับล่ามของสมเด็จเจ้าพระยาฯ อีก ๒ คน เรียกว่า โยเซฟ เป็นฝรั่งยุเรนเซียนคน ๑ เรียกว่า เสมียนยิ้ม (คือ เชมส์ เฮ) อังกฤษอีกคน ๑ ส่วนหนังสือไทยมีตอบเซอเชมสะบรุกนั้น ร่างในภาษาไทยถวายทรงแก้ไขก่อน แล้วให้ Dr. ยอนกับล่ามช่วยกันแปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วส่งไปถวาย ทูลกระหม่อมพระ คือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง เพราะในทางภาษาอังกฤษทรงทราบดีกว่าผู้อื่นที่เล่าเรียนด้วยกันในครั้งนั้น
ไทยศึกษาวิชาความรู้กับมิชชันนารีในรัชกาลที่ ๓ ยังมีอีก แต่ไปเรียนทางวิชาอื่น เช่นกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ทรงกำกับกรมหมออยู่ในเวลานั้น ทรงศึกษาทางวิชาแพทย์ฝรั่งจนได้ประกาศนียบัตร ถวายเป็นพระเกียรติยศมาจากมหาวิทยาลัยแห่ง ๑ ในประเทศอเมริกา กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ อีกพระองค์ ๑ ว่าทรงศึกษาการช่างฝรั่ง แต่จะทรงศึกษากับใคร และทรงสามารถเพียงใดหาทราบไม่ ยังนายโหมด อมาตยกุลที่ได้เป็นพระยากระสาปนกิจโกศลเมื่อในรัชกาลที่ ๕ อีกคน ๑ ได้ศึกษาเรื่องเครื่องจักรและวิชาผสมธาตุจากพวกมิชชันนารีอเมริกัน และหักชักรูปจากบาดหลวงหลุยลานอดีฝรั่งเศสแต่เมื่อยังถ่ายด้วยแผ่นเงิน เป็นผู้เรียนรู้วิชาฝรั่งมีชื่อเสียงมาจนรัชกาลที่ ๕ แต่ผู้ที่เล่าเรียนแต่ทางวิชาช่างไม่สู้จะเอาใจใส่ในทางภาษา จึงไม่ใคร่รู้ภาษา ถึงสมเด็จเจ้าพระยาฯ ก็เพราะเอาใจใส่ในวิชาต่อเรือกำปันเสียมาก จึงไม่สันทัดทางภาษาอังกฤษ
ผู้ที่เล่าเรียนรู้ภาษาอังกฤษในเมืองไทยเมื่อในรัชกาลที่ ๓ นอกจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีปรากฏอีกแต่ ๒ คน คือหม่อมราโชไทย ผู้ที่แต่งหนังสือนิราศลอนดอนคน ๑ เกิดในรัชกาลที่ ๒ เมื่อปีเถาะ จุลศักราช ๑๑๘๑ พ.ศ. ๒๓๖๒ เดิมเป็นแต่หม่อมราชวงศ์ กระต่าย บุตรหม่อมเจ้าชอุ่มในเจ้าฟ้ากรมขุนอิศรานุรักษ์ เป็นข้าหลวงเดิมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพียรเรียนตามเสด็จจนรู้ ครั้นถึงรัชกาลที่ ๔ หม่อมเจ้าชอุ่มได้เป็นกรมหมื่นเทวานุรักษ์ หม่อมราชวงศ์กระต่ายได้เป็นหม่อมราโชไทยแล้ว จึงได้เป็นตำแหน่งล่ามไปเมืองอังกฤษ กับพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) เมื่อทูตไทยไปคราวแรก ครั้นกลับจากราชทูต ทราบว่าได้พระราชทานพานทองเล็ก แล้วได้เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลต่างประเทศ อยู่มาจนอายุได้ ๔๙ ปี ถึงอนิจกรรมในปลายรัชกาลที่ ๔ เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๔๑๐
อีกคน ๑ ชื่อนายดิส เป็นมหาดเล็กเดิมในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ฝึกหัดวิชาเดินเรือและเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเรียกกันว่า กัปตันดิก มีชื่ออยู่ในหนังสือเซอยอนเบาริง แต่งเรื่องเมืองไทย คนนี้ในรัชกาลที่ ๔ ได้เป็นขุนปรีชาชาญสมัทร เป็นล่ามของจมื่นมณเฑียรพิทักษ์ตรีทูตไปเมืองอังกฤษด้วย ต่อมาได้เป็นที่หลวงสุรวิเศษ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษแก่พระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวมาแทบทุกพระองค์ อยู่มาจนในรัชกาลที่ ๕ ไทยที่เรียนรู้ภาษาในเมืองไทยเมื่อในรัชกาลที่ ๓ มีปรากฏแต่ ๔ ด้วยกันดังกล่าวมานี้
ยังมีไทยที่ได้ออกไปเล่าเรียนถึงยุโรปเมื่อรัชกาลที่ ๓ อีกคน ๑ ชื่อนายฉุน เป็นคนที่สมเด็จเจ้าพระยาฯ เลี้ยงมา เห็นว่าฉลาดเฉลียวจึงฝากกัปตันเรืออังกฤษออกไปฝึกหัดวิชาเดินเรือกำปั่น ได้ไปเรียนอยู่ในเมืองอังกฤษจนได้ประกาศนียบัตรเดินเรือทะเลได้แล้วจึงกลับมา (เข้าใจว่าเมื่อในรัชกาลที่ ๔) ได้เป็นที่ขุนจรเจนทะเล และได้เป็นล่ามของพระยามนตรีสุริยวงศ์เมื่อไปเป็นราชทูตด้วย ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๕ ได้เป็นหลวงชลธารพินิจจัยตำแหน่งเจ้ากรมคลอง แล้วเลื่อนเป็นพระยาชลธารพินิจจัย
Jodie Foster ในบท Anna Leonowens
จากภาพยนตร์เรื่อง Anna and The King
ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอุดหนุนการเล่าเรียนภาษาอังกฤษมาก ถึงโปรดฯ ให้หญิงมิชชันนารีเข้าไปสอนข้างในพระบรมมหาราชวัง ผู้ที่เล่าเรียนครั้งนั้นเรียนรู้ภาษาอังกฤษพอพูดได้บ้าง ยังมีตัวอยู่ในเวลานี้ คือเจ้าจอมมารดากลิ่น เจ้าจอมมารดากรมพระนเรศวรฤทธิ์ ต่อมาโปรดฯ ให้หาผู้หญิงอังกฤษมาเป็นครู แล้วตั้งโรงเรียนขึ้นในพระบรมมหาราชวัง ให้บรรดาพระเจ้าลูกเธอทั้งชายหญิงที่พระชันษาพอจะเล่าเรียนได้ เข้าเล่าเรียนทุกพระองค์ ส่วนบุตรหลานข้าราชการถ้าผู้ใดอุตส่าห์เรียนรู้ภาษาฝรั่ง ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งแต่งให้มียศและบรรดาศักดิ์ ดังสมเด็จฯกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ตรัสเป็นภาษิตในสมัยต่อมาว่า เมื่อในรัชกาลที่ ๑ ใครแข็งแรงทัพศึกก็เป็นคนโปรด ในรัชกาลที่ ๒ ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด ในรัชกาลที่ ๓ ใครมีใจศรัทธาสร้างวัดวาก็เป็นคนโปรด ในรัชกาลที่ ๔ ถ้าผู้ใดรู้ภาษาฝรั่งก็เป็นคนโปรด ดังนี้
แอนนา ลีโอโนเวนส์
แต่ผู้ที่ได้เล่าเรียนรู้ทันรับราชการเมื่อในรัชกาลที่ ๔ ทั้งเจ้านายและขุนนางมีปรากฏแต่ ๕ ด้วยกัน คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ ๑ ได้ทรงศึกษาเป็นพื้นมาแต่ในรัชกาลที่ ๔ แต่ที่มาทรงทราบได้ดีทีเดียวนั้นด้วยทรงพระอุตสาหะศึกษาต่อมาโดยลำพังพระองค์เอง เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ พวกฝรั่งกล่าวว่าตรัสภาษาอังกฤษได้ แต่ข้าพเจ้าเคยได้พบแปลคำนำหนังสือพิมพ์ข่าวจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย เป็นของแปลถวายกรมพระราชวังฯ จึงเข้าใจว่าไม่ทรงทราบภาษาอังกฤษแตกฉานทีเดียวนัก แต่ในทางข้างวิชาช่างทรงเชี่ยวชาญมาก
พระยาอัครราชวราทร (หวาด บุนนาค) บุตรพระยาอภัยสงครามคน ๑ สมเด็จเจ้าพระยาฯ ฝากนายเรือรบอเมริกันไปฝึกหัดวิชาทหารเรือ เรียนรู้แต่ภาษา กลับมาได้รับราชการเป็นหลวงวิเศษพจนการกรมท่า เมื่อในรัชกาลที่ ๔ ถึงรัชกาลที่ ๕ ได้เป็นพระศรีธรรมสาส์น แล้วเป็นพระยาจันทบุรี ได้พระราชทานพานทอง เมื่อชราโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาอัครราชวราทรในกรมท่า อีกคน ๑ คือ พระยาอัครราชวราทร(เนตร) เป็นบุตรพระยาสมุทบุรานุรักษ์ ออกไปเล่าเรียนที่เมืองสิงคโปร์เรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดี กลับมาถวายตัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตา พระราชทานสัญญาบัตรตั้งเป็นขุนศรีสยามกิจ ผู้ช่วยกงสุลสยามที่เมืองสิงคโปร์ แล้วเลื่อนเป็นหลวงศรีสยามกิจ ตำแหน่งไวส์กงสุลสยามที่เมืองสิงคโปร์ มาถึงรัชกาลที่ ๕ ได้เป็นพระยาสมุทบุรานุรักษ์ แล้วจึงเลื่อนมาป็นพระยาอัครราชวราทร อีกคน ๑ คือเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) สมเด็จเจ้าพระยาฯ ส่งเป็นนักเรียนออกไปเรียนวิชาที่เมืองอังกฤษ เรียนอยู่ ๓ ปี ครั้นเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์เป็นราชทูตออกไปเมืองฝรั่งเศส เรียกมาใช้เป็นล่าม แล้วเลยพากลับเข้ามากรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตา พระราชทานสัญญาบัตรเป็นตำแหน่งนายราชาณัตยนุหาร หุ้มแพรวิเศษในกรมพระอาลักษณ์ พนักงานเชิญรับสั่งไปต่างประเทศ และทรงใช้สอยในหน้าที่เลขานุการถาษาอังกฤษมาจนตลอดรัชกาล ผู้ที่เรียนรู้ภาษาอังกฤษได้รับราชการในรัชกาลที่ ๔ มีจำนวนที่ทราบด้วยกันดังแสดงมา
นอกจากนี้มีผู้ที่เรียนในกรุงเทพฯ บ้าง ไปเรียนเมืองสิงคโปร์บ้าง รู้แต่พอพูดได้บ้างเล็กน้อยมีหลายคน ไม่ได้นับในจำนวนที่กล่าวมานี้ ที่เรียนเฉพาะวิชาจนมีชื่อเสียง มีนายจิตร อยู่กะดีจีนคน ๑ ได้หัดชักรูปกับบาดหลวงหลุยลานอดีฝรั่งเศส และฝึกหัดต่อมากับทอมสันอังกฤษ ที่เข้ามาชักรูปเมื่อในรัชกาลที่ ๔ จนตั้งห้างชักรูปได้เป็นที่แรก และได้เป็นขุนฉายาสาทิสลักษณ์เมื่อในรัชกาลที่ ๔ แล้วเลื่อนเป็นที่หลวงอัคนีนฤมิตรเจ้ากรมโรงแก๊สหลวง
หลวงอัคนีนฤมิตร (ฟรานซิส จิตร) เจ้ากรมโรงแก๊สหลวง
มีนักเรียนส่งไปเรียนยุโรปเมื่อในรัชกาลที่ ๔ อีก ๓ คน คือ เจ้าพระยาสุรวงศ์วัฒนศักดิ์ (โต บุนนาค) บุตรเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์คน ๑ นายสุดใจ บุนนาค ที่ได้เป็นพระยาราชานุประพันธ์ บุตรเจ้าพระยาภานุวงศ์คน ๑ ทั้ง ๒ คนนี้ไปเรียนที่เมืองอังกฤษ หลวงดำรงสุรินทรฤทธิ์(บิ๋น) บุตรเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ส่งไปเรียนที่เมืองฝรั่งเศสคน ๑ เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๔ กำลังเล่าเรียนอยู่ทั้ง ๓ คน ได้กลับมารับราชการต่อเมื่อในรัชกาลที่ ๕
ผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษกับมิชชันนารีอเมริกันเมื่อในรัชกาลที่ ๕ เสร็จการเล่าเรียนมาได้รับราชการในรัชกาลที่ ๕ ที่ทราบมี ๖ คน คือ
นายเทียนฮี้ เรียนกับมิชชันนารีรู้ภาษาแล้วออกไปเรียนถึงอเมริกา ได้ประกาศนียบัตรเป็นแพทย์ กลับมารับราชการในกรมมหาดเล็ก ได้เป็นที่หลวงดำรงแพทยาคุณ แล้วไปรับราชการในกระทรวงมหาดไทยได้เป็นที่พระมนตรีพจนกิจ ในรัชกาลปัจจุบันได้เป็นพระยาสารสินสวามิภักดิ คน ๑
นายสิน เรียนรู้ภาษาพูดได้คล่องแคล่ว แต่หนังสือไม่สู้ชำนาญ ได้เป็นที่หลวงอินทรมนตรีฯ ในกระทรวงพระคลัง แล้วเป็นพระยาสมุทบุรานุรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองสมุทรปราการ คน ๑
นายสุด รับราชการเป็นตำแหน่งล่ามในกระทรวงกลาโหม และกรมแผนที่ แล้วไปรับราชการในกระทรวงมหาดไทย ได้เป็นหลวงนรภารพิทักษ์ มหาดไทยมณฑลพิษณุโลก แล้วเลื่อนเป็นพระ ต่อมาเป็นพระยาอุตรกิจพิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วได้ว่าราชการจังหวัดอื่นๆ แกหลายแห่ง อีกคน ๑
นายเปลี่ยน เป็นล่ามทูตไปประจำอยู่กรุงลอนดอนคราว ๑ กลับมาได้รับราชการในกรมทหารน้าเป็นนายร้อยเอก แล้วไปรับราชการในกรมตำรวจพระนครบาล เป็นที่หลวงวิสูตรบริหาร และไปรับราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นพระเสนีพิทักษ์ มาในรัชกาลที่ ๖ ได้เป็นพระยาชนินทรภักดีในกระทรวงมุรธาธร คน ๑
นายปุ่น รับราชการในกรมตำรวจพระนครบาล ได้เป็นหลวงอนุมัติมนูกิจ มาในรัชกาลที่ ๖ เลื่อนเป็นพระธรณีนฤเบศร คน ๑
นายอยู่ รับราชการเป็นล่ามทูตไปยุโรปคราว ๑ กลับมาได้เป็นล่ามในกรมไปรษณีย์โทรเลข และกรมทหารม้า แล้วมาอยู่กรมราชโลหกิจได้เป็นที่ขุนสกลโลหการ แล้วเลื่อนขึ้นเป็นหลวงสกลโลหการ คน ๑
ถึงรัชกาลที่ ๕ ทรงบำรุงการเล่าเรียนภาษาอังกฤษยิ่งกว่าในรัชกาลที่ ๔ โปรดฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นที่โรงทหารมหาดเล็ก เรียกครูอังกฤษมาสอน แล้วส่งบรรดาพระเจ้าน้องยาเธอเข้าโรงเรียนนั้น มีเว้นแต่น้อยพระองค์ที่สมัครไปเรียนในโรงเรียนภาษาไทย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กับบรรดาเจ้านายที่ได้รับราชการเป็นตำแหน่งเสนาบดีในรัชกาลที่ ๕ ได้เริ่มทรงเล่าเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนนี้เป็นเดิมมาแทบทุกพระองค์ และยังโปรดให้เลือกสรรหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ส่งไปเล่าเรียนที่สิงคโปร์อีกชุดหนึ่ง ในพวกนี้ พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ หม่อมเจ้าเจ๊กในกรมหมื่นมเหศวรศิวลาศ และพระไชยสุรินทร์ มร.ว.เทวหนึ่งได้เลือกส่งไปเรียนที่เมืองอังกฤษ เป็นนักเรียนชุดแรกที่ส่งไปยุโรปในรัชกาลที่ ๕ ต่อมาการเล่าเรียนภาษาและวิชาการของฝรั่งเจริญแพร่หลายอย่างไร เป็นการชั้นหลังขอยุติไว้
ผลงานของมิชชันนารีอเมริกันด้านการศึกษา
.........................................................................................................................................................
(คัดจากจดหมายเหตุและนิราศลอนดอน)
Create Date : 12 กรกฎาคม 2550
Last Update : 12 กรกฎาคม 2550 16:33:58 น.
2 comments
Counter : 5168 Pageviews.
Share
Tweet
วิชา ความรู้จะมีค่าเมื่อถูกถ่ายทอด
ขอบคุณท่านมากๆครับ
โดย:
moonfleet
วันที่: 26 กรกฎาคม 2550 เวลา:10:19:06 น.
ขอบพระคุณเช่นกันครับ
ที่ให้เกียรติแวะเข้าเยี่ยมเยือน
โดย:
กัมม์
วันที่: 27 กรกฎาคม 2550 เวลา:17:57:47 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
กัมม์
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
?
]
วิชา ความรู้จะมีค่าเมื่อถูกถ่ายทอด
Bigmommy
NickyNick
เพ็ญชมพู
kenzen
สาวใหม
กระจ้อน
คนรักน้ำมัน
Why England
naragorn
biebie999
วรณัย
เซียงยอด
แม่สลิ่ม
รอยคำ
สุธน หิญ
นอกราชการ
BFBMOM
มณีไตรรงค์
karmapolice
เมื่อไรจะหายเหงา
เจ้าชายเล็ก
รักดี
ลุงนายช่าง
nidyada
mr.cozy
กวินทรากร
Mutation
พลังชีวิต
หนุ่มรัตนะ
Webmaster - BlogGang
[Add กัมม์'s blog to your web]
เครือข่ายกาญจนาภิเษก
หอมรดกไทย
เวียงวัง
มอญ
กฎหมายไทย
ประตูสู่อีสาน
พจนานุกรมไทย-อังกฤษ
พจนานุกรมไทย-บาลี
คำไท - คำถิ่น
คนโคราช
หนังสือหายาก E - Book
ลิลิตตะเลงพ่าย
สามก๊ก
บ้านมหา (หมอลำออนไลน์)
หมากรุกไทย และหมากกระดาน
ราชกิจจานุเบกษา
สมุดภาพเมืองไทยในอดีต
พระราชวังพญาไท
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
ฐานข้อมูลภาพถ่าย กรมศิลปากร
ปากเซ ดอท คอม
ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้
มวยไชยา
ดำรงราชานุภาพ
พิพิธภัณฑ์ธงสยาม
ห้องสมุดพันทิป
สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
จิตรกรรมฝาผนังวัดบุปผาราม
พิพิธภัณฑ์ศาลไทย
จิตรธานี
Wikimapia
ราชบัณฑิตยสถาน
Bloggang.com
MY VIP Friend
ขอบคุณท่านมากๆครับ