คนที่คุณก็รู้ว่าใครในอดีต
Group Blog
 
All blogs
 

เป็นไปได้หรือไม่ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง เป็นพระนิพนธ์สมัย ร.4

ในบทวิเคราะศิลาจารึกพ่อขุนรามฯ ได้พบพิรุธหลายอย่าง เช่น อักษรในจารึก ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปรากฎในจารึกพ่อขุนราม คำบางคำที่ไม่สอดคล้องกับสภาพบ้านเมืองสมัยสุโขทัย และความขัดแย้งกับจารึกสุโขทัยหลักอื่น ๆ

เรามาดูกันนะครับ ว่าข้อพิรุธมีอะไรบ้าง ลองมาดูด้านที่ 1

พ่อกูชื่อศรีอินทราทีตย แม่กูชื่อนางเสือง พี่กูชื่อบานเมือง ตูมีพี่น้องท้องเดียวห้าคน ผู้ชายสาม ผู้หญิงโสง พี่เผือ ผู้อ้ายตายจากเผือเตียมแต่ญังเลก เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้ สิบเก้าเข้า ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดมาท่เมืองตาก พ่อกูไปรบขุนสามชนหัวซ้าย ขุนสามชนขับมาหัวขวา ขุนสามชนเกลื่อนเข้า ไพร่ฟ้าหน้าใสพ่อกูหนีญญ่ายพายจแจ้น กูบ่หนี กูขี่ช้างเบกพล กูขับเข้าก่อนพ่อกู กูต่อช้างด้วยขุนสามชน ตนกูพุ่งช้าง ขุนสามชนตัวชื่อมาสเมืองแพ้(แพ้ ภาษาสุโขทัยแปลว่า ชนะ) ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึ่งขึ้นชื่อกู ชื่อพระรามคำแหง เพื่อกูพุ่งช้างขุนสามชน เมื่อชั่วพ่อกู กูบำเรอแก่พ่อกู กูบำเรอแก่แม่กู กูได้ตัวเนื้อตัวปลา กูเอามาแก่พ่อกู กูได้หมากส้มหมากหวาน อันใดอันกินอร่อยกินดี กูเอามาแก่พ่อกู กูไปตีหนังวังช้างได้ กูเอามาแก่พ่อกู กูไปท่บ้านท่เมือง ได้ช้างได้งวง ได้ปั่วได้นาง ได้เงือนได้ทอง กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตายยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ฎั่งบำเรอแก่พ่อกู พี่กูตาย จึงได้เมืองแก่กูทั้ง(ก)ลม เมื่อชั่วพ่อขุนรามคำแหง เมืองสุโขไทนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เจ้าเมืองบ่เอาจกอบในไพร่ ลูท่างเพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงือนค้าทองค้า ไพร่ฟ้าหน้าใส ลูกเจ้าลูกขุนผู้ใดแล้ ล้มตายหายกว่าเหย้าเรือนพ่อเชื้อเสื้อคำมัน ช้างขอลูกเมียเยียเข้า ไพร่ฟ้าข้าไท ป่าหมากป่าพลูพ่อเชื้อมัน ไว้แก่ลูกมันสิ้น ไพร่ฟ้าลูกเจ้าลูกขุน ผิแล้ผิดแผกแสกว้างกัน สวนดูแท้แล จึ่งแล่งความแก่ขาด้วยซื่อ บ่เข้าผู้ลักนักมักผู้ซ่อน เหนข้าวท่านบ่ใคร่พีน เหนสินท่านบ่ใคร่เดือด คนใดขี่ช้างมาหา พาเมืองมาสู่ ช่อยเหนือเฟื้อกู้ มันบ่มีช้างบ่มีม้า บ่มีปั่วบ่มีนาง บ่มีเงือนบ่มีทอง ให้แก่มัน ช่อยมันตวงเปนบ้านเปนเมือง ได้ข้าเสือกข้าเสือ หัวพุ่งหัวรบก็ดี บ่ข้าบ่ตี ในปากประตูมีกระดิ่งอันณึ่งแขวนไว้หั้น ไพร่ฟ้าหน้าปกกลางบ้านกลางเมือง มีถ้อยมีความ เจบท้อง
ข้องใจ มันจักกล่าวเถิงเจ้าเถิงขุนบ่ไร้ ไปลั่นกระดิ่งอันท่านแขวนไว้ พ่อขุนรามคำํแหงเจ้าเมืองได้
^
^
ลองมาดูหน้าแรกเลยนะครับ

หน้าแรกกล่าวถึงประวัติตนเอง ทำอะไรที่ไหน ทำกับใคร รบกับใคร และมีเรื่องการปกครองแบบพ่อปกครองลูกศึ่งคือการปกครองในสมัยพ่อขุนรามที่ชาวสุโขทัยชื่นชอบ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ลองมาดูการเมืองการปกครองนะ ว่าการปกครองแบบพ่อปกครองลูกสามารถปฏิบัติได้จริงหรือไม่???

สุโขทัยมีพ่อปกครองลูก จีนมีการปกครองในแบบขงจื๊อ ซึ่งเป็นการปกครองในอุดมคติ จึงเป็นเรื่องเพ้อฝัน เป็นจริงยากมาก และแนวคิดการปกครองแบบขงจื๊อ ก็โดนกวาดล้างบ่อย ยิ่งสมัยจิ๋นซี การศึกษาไม่ต้องพูดถึง ประชาชนไม่ได้เรียนหนังสือ จะประสาอะไรกับพ่อปกครองลูกล่ะ ที่เชื่อว่ามีจริง ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน???

แล้วการปกครองในอุดมคติที่เชื่อว่าเป็นพ่อปกครองลูก มีแคว้นไหนเมืองไหนปฏิบัติบ้าง??? แล้วต้องปกครองยังไง??? ประชากรแค่ไหน???

การจะปกครองแบบพ่อปกครองลูก นั่นหมายถึงการไม่แบ่งชนชั้น ไม่มีขุนนาง ไม่มีระบบเจ้านาย มันหมายถึงการที่ประชาชนใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์(มาก ๆ) และมีข้อความหลายตอน เช่น หน้าประตูมีกระดิ่งแขวนไว้ และ คนไปดูงานเผาเทียนเล่นไฟของกษัตริย์ และผู้คนจะค้าขายอะไรก็ได้โดยไม่มีการเก็บภาษี ผู้คนอยากได้อะไร อยากได้นางบำเรอก็มาขอได้ มันไม่แปลกหน่อยเหรอครับ???

ข้อมูลตรงนี้สำคัญ ถ้าผู้คนค้าขายโดยไม่มีการเก็บภาษี แล้วเอาเงินจากไหนมาพัฒนาประเทศ เอาเงินจากไหนเข้าคลังหลวง ไหนจะค่าบำรุงเขื่อน ทำบุญ จัดงาน ก็ต้องใช้เงิน เงินก็มาจากการเก็บภาษีจากการค้าขายกับคนต่างถิ่นและค้าขายของสำคัญ แต่กลับไม่มีการเก็บภาษี เป็นเรื่องที่แปลกมาก ๆ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเอาเงินจากไหนมาดูแลประชาชนท่าน???????

ส่วนวำนวนการเขียนหน้าแรก เหมือนการเขียนเรื่องส่วนตัว การเขียนความเรียง ที่ต้องแนะนำตัว แนะนำสารพัด แนะนำนู่นแนะนำนี่ ถามว่าเขียนให้ใครอ่านครับ??? ประชาชนอ่าน? หรือคนในครอบครัวอ่านกันเอง?

เพราะครั้งหนึ่งผมเขียนเรื่องส่วนตัวในจดหมาย ผมก็แนะนำตัวว่า พ่อผมชื่อ...แม่ผมชื่อ... ผมมีพี่น้อง...คน เมื่ออายุ...ผมก็ได้เข้าร่วมกิจกรรม...ภาคภูมิใจมาก และก็บรรยายว่าผมไปทำอะไรที่ไหน เมื่อไร ผมคิดว่าข้อความในจารึกด้านที่ 1 เหมือนการเขียนจดหมายส่วนตัว ที่ต้องแนะนำตัวก่อนบรรยายเรื่องตัวเอง ดูเป็นสากลมาก ๆ

ลองมาดูสภาพภูมิศาสตร์นะครับ.....

มีคำขวัญของชาวสุโขทัยบทนึงคือ"ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว"บรรยายเห็นภาพเลยอะ ถ้าผมจินตนาการบ้านเมืองในจารึก มันคือเมืองในฝันที่ผมอยากอยู่ มีความอุดมสมบูรณ์

และมีการเอาดินแถว ๆ โบราณสถานสุโขทัย พบว่าดินแห้ง ปลูกอะไรไม่ขึ้น ส่วนดินอีกที่คือดินแถวแม่น้ำยมที่ไหลผ่านสุโขทัย ซึ่งบริเวณแม่น้ำยม กับในตัวเมืองสุโขทัย มันห่างกันมาก ตีความง่าย ๆ คือถ้าต้องการน้ำมาใช้สอย หรือเอามาบริโภค ต้องเดินไปตักเอง หรือทำชลประทาน ขัดแย้งกับคำว่า"ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" ซึ่งขัดแย้งกับสภาพความเป็นจริงในสภาพภูมิศาสตร์สุโขทัย

ถ้ามีการทำชลประทาน แสดงว่าต้องมีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำ เลยต้องสร้างทำนบสรีดพงส์หรือทำนบพระร่วงไว้เก็บน้ำ ถ้าอุดมสมบูรณ์จริงอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างทำนบ หรือทำชลประทานให้เปลืองงบ

ส่วนข้อความตอนที่กล่าวถึงทัพขุนสามชนบุกมา ใช้คำว่า"ไพร่ฟ้าหน้าใส"ในบริบทที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องสงคราม เห็นความขัดแย้งชัดเจน เพราะคำว่า"ไพร่ฟ้าหน้าใส"มันหมายความว่า"ประชาชนมีความสุข" แสดงว่าประชาชนในจารึกสุโขทัยเป็นโรคจิตหรอ??? พอมีสงครามยิ่มร่าเริง หน้าตาแจ่มใส จนในจารึกใช้คำว่า"ไพร่ฟ้าหน้าใส"หรือพากันหนีด้วยความเบิกบานใจ ที่ขุนสามชนยกทัพมาตี?????

ในขณะที่ตอนที่กล่าวถึงร้องทุกข์ ใช้คำว่า"ไพร่ฟ้าหน้าปก" แสดงว่าประชาชนเป็นทุกข์ร้อน และมาร้องทุกข์ เลยใช้คำว่า"ไพร่ฟ้าหน้าปก"


จบเพียงเท่านี้ก่อน เดี๋ยวติดตามต่อตอนที่ 2




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2550    
Last Update : 1 ตุลาคม 2550 12:48:50 น.
Counter : 6229 Pageviews.  

เพลงยาวเลสเบี้ยน วรรณกรรม'เลสเบี้ยน'สมัย ร.3

เพลงยาวเรื่องหม่อมเป็ดสวรรค์
ผู้แต่ง คุณสุวรรณ



จะกล่าวถึงหม่อมสุดนุชนาฏ เป็นข้าบาทพระราชวังบวรสถาน
เป็นหม่อมห้ามขึ้นระวางนางอยู่งาน ครั้นเสด็จเข้าพระนิพพานล่วงลับไป
คิดถึงพระเดชพระคุณให้มุ่นหมก แสนเศร้าเปล่าอกตกเป็นหม้าย
ได้เห็นแต่หน้าหม่อมขำคอยช้ำใจ รักใคร่แนบข้างไม่ห่างทรวง
ครั้นอยู่มาก็นิรานิราศสถาน ลงมาทำราชการพระวังหลัง
ก็ขึ้นระวางเป็นนางต้องห้ามตามกระทรวง แต่ใจห่วงถึงหม่อมขำนั้นร่ำไป
ครั้นพบพักตร์ก็ตักเตือนชวนเพื่อนขำ ห้ลงมาทำราชการพระวังใหญ่
ครั้นหม่อมขำยินยอมลงพร้อมใจ กำหนดนัดวันไว้จะลงมา
จะจรทางสาชลก็จนใจ บ่าวไพร่ไม่มีพายขายหน้า
ให้อักอ่วนป่วนใจอยู่ไปมา จะยาตราตามถนนก็จนใจ
เป็นคราวขัดจัดกันจะมาบก ไปยืมม่านท้าวนกก็ไม่ได้
จะขึ้นวอจรลีไม่มีใคร ก็สั่งให้ยืมผ้าละว้าลาว
ให้บ่าวถือสี่มุมแล้วคลุมเพลาะ ก็ย่างเหยาะมาในระวางกลางผ้าขาว
ออกถนนคผู้ดูเกรียวกราว มาพบเจ้าจางวางหมอก็รอรั้ง
นางสี่คนถือม่านพานตาขาว ด้วยกลัวเจ้าก็หยุดทรุดลงนั่ง
หม่อมก็ยืนแข็งเก้อกะเบอกะบัง ครั้นจะทรุดลงนั่งก็อายใจ
ก็ยืนซื่อดื้อคว้างอยู่กลางถนน ผู้คนนับคั่งทั้งวังใหญ่
มิรู้ที่จะวางหน้าลงเท่าไร สู้แข็งใจอยู่จนเสด็จจร


ครู่หนึ่งก็มาถึงพระวังใน ตรงไปที่ตึกคุณสุดก่อน
ครั้นเพลาสายัณห์ตะวันรอน ก็พากันจรขึ้นเฝ้าพระทรงธรรม์
พระชุมเลี้ยงขึ้นเป็นนางระวางห้าม ตั้งตามตำแหน่งวังหน้านั่น
กับคุณสุดที่เป็นคู่อยู่ด้วยกัน ทอดสนิทติดพันกันสืบไป
แล้วโปรดปรานพระราชทานหม่อมขำมำ ให้เป็นข้าในพระตำหนักใหญ่
เป็นเกณฑ์โปรดคนสนิทชิดใช้ จะเจรจาปราศรัยเป็นไพรเม็ด
ฝ่าพระบาทจึ่งพระราชทานนาม ยกจากห้ามขึ้นเป็นจอมเรียกหม่อมเป็ด
ริมฝีปากสู้เอากระเหม่าเช็ด ในเสด็จใช้นางอย่างผู้ดี
หมั่นฝัดพักตร์ผิวผ่องละอองหน้า แต่ทันตาอันตรายไปหลายซ
ประจงตัดจัดกะลาที่หนาดี ใส่เข้าที่แทนฟันทุกอันไป
ที่ไม่รู้ดูเหมือนกับสาวน้อย กระชนดกระช้อยเจรจาอัชฌาสัย
คุณสุดสุดสวาทจะขาดใจ แต่เวียนไปเวียนมาทุกราตรี
สู้ติดสอยมาให้ใช้ใต้ฝ่าพระบาท ก็เปรื่องปราดโปรดปรานพระราชทาน
ชื่อคุณโม่งโด่งดังฝีปากดี จะพาทีกาลางสนามไม่ขามใคร
พูดเล่นเฮฮาร่าเริงแรง ถึงนายแฟงนายคงครูไม่สู้ได
แหลมฉลาดปรีชาปัญญาไว หนังสือไทยอ่านคล่องทำนองชาย
รู้จักทำกาพย์กลอนอักษรสาร สำหรับอ่านพระราชนิพนธ์ถวาย
หนังสือตกอ่านแต้มไม่แย้มพราย อ่านอยู่ปลายพระแท่นบรรทมใน
แต่ปากอ่านใจคิดขนิษฐ์เป็ด มิใคร่จะเสร็จสิ้นสุดสมุดได้
จนล่วงมัชฌิมยามสองย่ำฆ้องชัย จะหยุดไว้ก็เกรงพระอาชญา
หม่อมเป็ดน้อยค่อยเตือนให้เพื่อนนอน เฝ้าเคืองค้อนแค้นขัดสะบัดหน้า
ยังไม่ทรงพระบรรทมตรมอุรา แต่ชายตาดูพักตร์พยักกัน
เห็นพระองค์ทรงนิ่งไม่ติงพระกาย เดือนก็ชายดึงด่วนให้ป่วนปั่น
หับสมุดหยุดยั้งฟังสำคัญ ด้วยกระสันเสียวซ่านรำคาญใจ
พระแกล้งทรงพระกรรสะจะให้รู้ ว่าตื่นพระบรรทมอยู่หาหลับไม่
คุณโม่งก็ชะงากกระดากใจ ก็แข็งจิตอ่านไปใจประวิง
ก็สมจิตคิดไว้ใจประวิงครั้น พระองค์ทรงพลิกพระกายกลับ
หมายว่าพระบรรทมหลับสนิทนิ่ง ก็คลานชิงกันขยับดับเทียนชัย
เข้าชุลมุนวุ่นวายอยู่ปลายพระบาท ก็คิดคาดเอาว่าคนหาเห็นไม่
จึ่งกระทำเอาแต่อำเภอใจ ด้วยแสงไฟมืดมิดไม่มีโพลง
กระซุบกระซิบซุ่มกายอยู่ปลายพระบาท เอาเพลาะหอมกรอมหุ้มกันคลุมโปง
จึ่งตรัสเรียกว่าคุณโม่งแต่นั้นมา ข้างหม่อมเป็ดเสด็จท่านโปรดปราน
ได้ประทานเปลี่ยนนามตายศถา อุตลุดอุดจาดทำอาจโถง
เพราะเดินเหินโยกย้ายส่ายกิริยา จึ่งชื่อว่าหม่อมเป็ดเสด็จประทาน
พระชุบย้อมอย่างดีให้มีศักดิ์ คนในพระตำหนักไม่หักหาญ
เป็นจอมฝูงสูงโสดคนโปรดปราน ห้ามทวารมิให้ออกนอกเวียงชัย


เพลาหนึ่งหม่อมเป็ดเห็นเสด็จประทม ชวนข้าในกรมลงตำหนักแพใหญ่
ลงอาบน้ำดำว่ายสบายใจ แล้วสั่งให้เรียกเรือนหนมจีนมา
ทั้งห่อหมกนกคั่วใบบัวอ่อน ทอดมันจันรอนไว้นักหนา
ซื้อรับพระราชทานชานชลา ยิ่งโอชารสร่ำซ้ำหนักไป
สิ้นหลายควบจวบสลึงถึงขนาด เตโชธาตุหาทันผลาญอาหารไม่
ในท้องปวดนวดนิ่งอยู่ในใจ จะบอกใครก็อดสูดูไม่ดี
ครั้นปวดท้องเต็มทนจนสิ้นอาย ลุกวิ่งจะไปถ่ายให้ถึงที่
ด้วยเหลือทนพ้นกระสันพันทวี ก็ราดเรี่ยเสียทีมาตามทาง
ก็ซื้อขนมให้ตาเฒ่าเฝ้าตำหนัก ให้ตักน้ำชำระสะสาง
ให้หมดสิ้นกลิ่นอายระคายคาง ช่วยอำพรางเสียให้มิดช่วยปิดบัง


วันหนึ่งจึ่งหม่อมเจ้าจอมเป็ด ขั้นเล่นไพ่ในเสด็จหน้าที่นั่ง
หลายกระดานนานเนิ่นเกินกำลัง ให้คับคั่งในอุทรร้อนรนใจ
นั่งนวดปวดป่วนจวนจะออก มิอาจบอกความจริงกับใครได้
ถวายบังคมกล้มคลานลนลานไป ให้อาวรณ์ร้อนในเหมือนไฟลุก
ครั้นถึงที่สรีร์สำราญซานเข้าไป ออกสักอ่างว่างใจค่อยได้สุข
ค่อยเสื่อมคลายหายรำคาญที่พล่านพลุก ครั้นสิ้นทุกข์แล้วก็กลับมาฉับไว
เดินดิ่งเข้ามาถึงพระตำหนัก ไม่หยุดพักคลานตรงไปลงไพ่
ครั้นเกินเพลาหน้านิ่วหิวสุดใจ ผ่อนธาตุในออกเสียหมดอดไม่ได้นาน
ท้องแห่งท้องเหี่ยวนั่งเปรี้ยวปาก ทรหดอดหมากทั้งอยากหวาน
นั่งหิวนิ่วหน้าอยู่ช้านาน แล้วค่อยคลานมาข้างเครื่องชำเลืองตา
เห็นว่างคนทนไม่ได้ด้วยใจเงี่ยน เลื่อนเอาทุเรียนมาทั้งแบบวางแอบฝา
หยิบเข้าเคี้ยวเหนียวครันเจ็บทันตา แล้วเอามายัดในลงในตะบัน
ครั้นละเอียดลออพอกินได้ กระทุ้งใส่เข้าจนสิ้นกินขันขัน
พอท้องคลายหายร้อนอ่อนอ่อนฟัน คิดสำคัญว่าผู้ใดเขาไม่รู้
แล้วมิหนำซ้ำลักเอาผลบัว ที่เขาคั่วใส่เครื่องยังมีอยู่
ใส่ตะบันเล่นสบายคล้ายหมากพลู ครั้นลุงทองจีนแลดูกระดากใจ
ลุงอ่อนถามว่าอะไรในตะบัน หม่อมเป็ดปิดคิดกันพูดแก้ไข
มิให้คนรู้เท่าเข้าใจ ด้วยความในไม่สู้ดีจะตรีชา
ว่าเหลือกำลังนั่งเคี้ยวฉันเปรี้ยวปาก ตะบันหมกกินดอกจ๊ะคุณลุงจ๋า
แล้วเบือนบิดปิดปากไม่เจรจา ครั้นโอษฐ์อ้าไม่เห็นแดงจะแคลงใจ
อันคนแก่ตะบันหมากมากด้วยกัน แต่ซึ่งตะบันทุเรียนหามีไม่
ผลบัวก็ตะบันขันสุดใจ น่าจะใคร่ศึกษาเป็นอาจารย์


วันหนึ่งจึ่งท่านหลวงนายศักดิ์ นุ่งสมปักเข้าไปในพระราชฐาน
สำหรับเดินคอยเชิญพระอาการ มาพูดกับท่านเจ้าขรัวนายข้างฝ่ายใน
หม่อมเป็ดน้อยพลอยมาทำพย่ำเผยอ พูดเจ้อจีบปากถลากไถล
เอาลิ้นดันฟันกะลาเลื่อนออกไป ไหมเปื่อยขาดปุดหลุดลงมา
ตกเปาจำเพาะหน้าหลวงนายศักดิ์ ก็ถามทักทันใดอะไรขา
หม่อมบ่ายเบี่ยงเลี่ยงเจรจา ซึ่งตกมาจากปากหมากตะบัน
เด็กมันตำไม่สู้แหลกแตกสองซีก เคี้ยวก็หลีกกระเด็นกระดากจากปาก
ทำพิโรธโกรธบ่าวคนตะบัน แล้วหยิบเอาฟันกะลามาสวมไว้
ดีจริงใจหม่อมไม่ยอมแก่ อุตส่าห์แก้ตัวปลิ้นสิ้นสงสัย
จะแจ้งจริงกับหลวงนายก็อายใจ เพื่อมิให้รู้แน่ว่าแพ้ฟัน
สู้ต่อคิดปิดป้องที่ช่องหัก เอาไหมสักผูกติดให้มิดมั่น
ดูระเบียบเรียบดีเรียงสีฟัน ที่ไม่รู้ดูสำคัญว่าฟันดี


ครั้งหนึ่งจึ่งจอมหม่อมเป็ดน้อย เช้าสำออยออเซาะปะเหลาะพี่
ทำหน้านิ่วว่าฉันหิวใจเต็มที มีอะไรบ้างหนอขอรับประทาน
คุณโม่งช้องคางทางพาที ว่ามั่งมีในห้องของเปรี้ยวหวาน
หม่อมเป็ดดีใจไปลนลาน เที่ยวค้นคว้าช้านานรำคาญใจ
เกลือสินเธาว์เอาไว้จะทำยา คิดว่าขันทศกรทั้งก้อนใหญ่
ไม่ทันพิจารณาว่าสิ่งไร หยิบใส่ปากอมเข้าซมซาน
พอรสเกลือนั้นละลายแสบปลายลิ้น ก็รู้ว่ากินก้อนเกลือไม่เจือหวาน
ฮึดฮัดขัดใจใช่น้ำตาล ใจให้ดาลเดือดขุ่นคิดวุ่นวาย
ยิ่งปลอมก็ยิ่งแกล้งแสร้งสำออย เฝ้าตะบอยบ่นร่ำระส่ำระสาย
ลวงให้กัดก้อนเกลือฉันเหลืออาย เข้าตะกายหยิกตีเอาพี่นาง
คุณโม่งก็ยิ่งปลอบพะงอบง้อ ทำอ่อนคอบ้าบ่นไปจนสว่าง
แสนพิโรธโกรธใจดั่งไฟฟาง ยิ่งวอนว่าก็ยิ่งวางขึ้นหนักไป
โกรธงกยกท้าวกระทืบโผง ฝ่ายคุณโม่งโกรธมั่งไม่ยั้งได้
จนเกิดทะเลาะเบาะเถียงเสียงอึงไป จนขนัดใจโกรธขึ้งถึงตัดกัน
คุณโม่งว่าถึงจะตัดไม่ขัดใจ เรามิได้ร้อนจิตคิดพรั่น
แต่ของเข้าน้อยนิดที่ติดพัน คือเอาฟันกะลามาเดี๋ยวนี้
หม่อมเป็ดเข็ดปากไม่อยากพูด คลานเข้าพระวิสูตรหลบหน้าหนี
แล้วคิดได้ด้วยไวปัญญาดี ขึ้นลอยหน้าพาทีประชดประชัน
ขนมปลากริมที่ให้ไว้วานซืน โกรธข้าเจ้าเอาคืนมาให้ฉัน
คงจะให้ไม่ลวงที่พวงฟัน ให้สิ้นสวาทขาดกันแต่นี้ไป
คุณโม่งตอบพลางแล้วทางยิ้ม ขนมปลากริมของหลวงประทานให้
ยังแค่นทวงวุ่นวายไม่อายใจ หรือว่าเธอซื้อไว้ให้ข้ากิน
แม้นหม่อมไปตึกข้าเวลาใด ก็หาให้ไม่กลัวจะหมดสิ้น
หม่อมก็ได้ไปมาเป็นอาจิณ ของกินจัดไว้ให้รับประทาน
ครั้นถึงทีข้ามาหาแม่เป็ด ก็ซื้อลังเล็ดขนมทองเป็นของหวาน
ก็ถ้อยทีหนุนเกื้อกันเจือจาน นี่แกล้งพางบมิให้ทวงเอาพวงฟัน
หม่อมเป็ดน้อยว่าไม้สอยสนจำหลัก หม่อมเช็ดไรเสียให้หักกลางสะบั้น
หมึกหอมเอาไปฝนปนน้ำมัน โกรธกันจะขอรับประทานเอา
หม่อมโม่งว่าแป้งหินเขาสิ้นตลับ เาไปจับริมฝีปากต่างกระเหม่า
ฝางแสนเขาทั้งท่อนค่อนขูดเอา อมเข้าไว้เหมือนหมากให้ปากแดง
ปนกับปูนนูนเหมือนสีลิ้นจี่จิ้ม ให้จับขอบรอบริมขึ้นเป็นแสง
กานพลูผลกระวานสีพานแพง แกล้งเอาปนหมกตะบันทุกวันมา
หมึกหอมของหม่อมค่ากี่เฟื้อง ของเขาเปลืองยิ่งกว่านั้นฉันไม่ว่า
ทั้งสองฝ่ายหายกันอย่าฉันทา แต่ของสำคัญฟันกะลาเอามาคืน
ข้างหม่อมเป็ดฟังคำทำร้องไห้ สะทึกสะท้อนถอนใจให้สะอื้น
หมายจะโกรธจริงจังไม่ยั่งยืน พอกลางคืนคนหลับกลับดีกัน


ครั้งหนึ่งพระองค์กรมวงศา เสด็จมาในพระตำหนักนั่น
หม่อมเป็นนั้นเป็นต้นคนสำคัญ สารพันเพ็ดทูลพระอาการ
ครั้นสิ้นเรื่องในพระโรคนั้นสำเร็จ หม่อมเป็ดบังคมประสมประสาน
เกล้ากระหม่อมมึนหน้ามาช้านาน ขอประทานยานัตถุ์เครื่องข้างใน
ฝ่ายเสด็จว่าหม่อมเป็ดปวดศีรษะ เราจะช่วยเป่ายานัตถุ์ให้
ก็เทจากขวดน้อยเจียระไน ใส่เข้าไว้ในกลย้องสักสองนัด
แกล้งเลือกเอายาแดงที่แรงร้าย ให้หม่อมหงายหน้าตรงทรงเป่าปรัด
น้ำตาไหลจามไอศีระษะฟัด จนฟันพลัดตำเปาะจำเพาะพักตร์
กรมวงศ์ทรงทอดพระเนตรมา เห็นกะลาทำฟันให้ขักหนัก
แล้วก็ทรงพระสำรวลคัก หม่อมอายนักก้มหน้าไม่พาที
เสด็จตรัสว่ายานัตถุ์ดีขยัน แต่ฟันคนเจียงยังหลุดออกจากที่
นี่หรือโรคจะไม่คลายหายดี บัดเดี๋ยวนี้ก็จะหายไปคล้ายฟัน
หม่อมเป็ดอายเสด็จไม่อยู่ได้ แกล้งไถลเลื่อนหลีกไปจากนั่น
เที่ยวค้นคว้าหาไหมอยู่เป็นควัน ผูกฟันเสียใหม่ให้ดิบดี
ดิฉันกล่าวตามราวเรื่องโบราณ หม่อมมาพาลโกรธไปไม่ต้องที่
คำปะรำปะราว่าไว้มี ฉันพบเห็นเช่นนี้จึ่งขับไป
มาถือโทษโกรธวุ่นคุณรับสั่ง พลอยโกรธทั้งคุณเหมหาควรไม่
ลุงทองจีนมิได้บอกออกฉันใด เผ้าพิไรโกรธฮึกออกคึกคัก
ทราบเพราะเสด็จดอกท่านบอกฉัน มาพลอยโทษโกรธท่านหลวงนายศักดิ์
ลุงทองจีนก็ไม่ได้เห็นพักตร์ ได้รู้จักกันกับฉันนั้นเมื่อไร
แล้วไปโทษนายผึ้งว่าเพื่อนบ้าน ได้เอ่ยบอกวานฉันที่ไหน
นี่เรื่องเก่าเขามีมาแต่ไร หรือพอกระทบจริงใจจึ่งแค้นนัก
เฝ้าคมค้อนเคืองเข็ญไม่เว้นใคร โกรธบรรดาข้าไทในพระตำหนัก
หม่อมกระไรใจคอนี้น้อยนัก ฉันประจักษ์แจ้งความตามนิยาย
กระทบเรื่องของซื้อเขาหรือจ๊ะ จึ่งเกะกะโกรธร่ำระส่ำระสาย
ไม่มีใครบอกนุสนธิ์ต้นปลาย ลายไปผุดขึ้นตำบลถนนอาจารย์
ฉันพบเห็นตำราจึ่งว่าไป ขออภัยเถิดอย่าโกรธดิฉาน
ถ้าแม้นหม่อมรักตัวกลัวอัประมาณ ก็บนบานคนขับจะรับไว้
ถ้าหม่อยอายเสียดายชื่อจะลือชา ก็เอาเงินเอาผ้านั้นมาให้
ฉันจะลบตำรับไม่ขับไป จงถึงใจตาแจ้งเสียเถิดรา
คืนนี้กระหม่อมฉันนอนฝันไป ว่าคุณข้างในกล่าวขวัญฉันหนักหนา
เพลาดึกสองยามย่ำนาฬิกา คุณโม่งลงมาจากพระตำหนักใน
กับหม่อมเป็ดสองคนมาสนทนา ที่ตรงหน้าเตียงทองที่ห้องใหญ่
หม่อมเป็ดว่าคุณจ๋าฉันเจ็บใจ คนพิไรค่อนว่าสารพัน
เก็บเอาความไม่ดีไปชี้แจง ว่าตาแจ้งตะแกจะรู้อะไรนั่น
ลุงทองจีนนั่นแหละต้นคนสำคัญ คุณชีเหมก็ขยันข้างแคะได้
หลวงนายศักดิ์นายผึ้งก็ปากบอน ค่อนบอกความจริงจนสิ้นไส้
ให้อับอายขายหน้าระอาใจ ค่อนพิไรกล่าวขวัญพรรณนา
ข้างคุณโม่งจะแกล้งพ้อหรือยอฉัน ว่าตาแจ้งแกขยันแม่ขำจ๋า
แกช่างประดิษฐ์ติดกรับขับเสภา จะหาเหมือนตะแกแท้ยากครัน
ข้างหม่อมขำฟังคำซ้ำขัดใจ ดีอะไรกับตาแกแกล้งกลั่น
สาระวอนค่อนว่าสารพัน กล่าวขวัญเราสองคนเป็นพ้นนัก
พวกเราแหละไปเล่าให้ความอึง คุณชีเหมนายผึ้งหลวงนายศักดิ์
ลุงทองจีนก็ครันขยันนัก เพราะคนในพระตำหนักจึ่งความอึง
ครั้นเช้าคุณเหมมาพระตำหนัก พอพบพักตร์หม่อมขำทำปั้นปึ่ง
แล้วเสกแสร้งแกล้งว่าชักหน้าตึง ว่าพวกนายศักดิ์นายผึ้งแล้วเป็นไร
คุณชีเหมเคืองขัดสะบัดหน้า มาโทษเอาข้าสองคนกระนี้ได้
วันนี้จะให้เสภาว่าหนักไป พอสิ้นฝันฉันตกใจตื่นขึ้นมา
คืนนี้กระหม่อมฉันฝันอีกครั้ง ว่าความในวังชุลมุนวุ่นนักหนา
พอเกล้ากระหม่อมรัวกรับขับเสภา หม่อมเป็ดมาแฝงบานทวารบัง
คิดว่าจะขับเรื่องตัวกลัวอาย แกล้งอุบายพูดหลอกบอกคุณรับสั่ง
ว่าทรงกริ้วพระสุรเสียงสำเนียงดัง อย่าให้ตาแจ้งวัดระฆังขับต่อไป
คุณรับสั่งรู้เท่าว่าเขาหลอก อุบายบอกหาให้ขับเรื่องตัวใหม่
จึงไม่เข้าทูลฉลองตรองอยู่ในใจ เอาความไปกราบทูลเจ้าวางจาง
ประเดี๋ยวนี้หม่อมเป็ดขำสำออยนัก ขึ้นนั่งตักคุณโม่งไม่คิดหมาง
หลวงนายศักดิ์แลไปในม่านกลาง ใครสร้างพระสี่ขาเข้ามาไว้
หม่อมเป็ดน้อยเป็ดสวรรค์ครั้นได้ฟัง ละอายใจไม่นั่งอยู่ตักได้
หลบหน้าเขาในม่านรำคาญใจ มิใคร่จะพูดกับหลวงนายอายเต็มที
แล้วก็พากันมานั่งข้างเก๋งเสวย หม่อมเป็ดเอ่ยออเซาะปะเหลาะพี่
เบื่อเดือนสิบสองตาแจ้งขับรับกับนายมี กลับทองของดีก็หายไป
ถึงเวลารับประทานอาหารค่ำ คุณลุงซ้ำให้อีเปียมาเกลี่ยไกล่
จึ่งเอ่ยออกบอกพลันไปทันใด เชิญคุณทั้งสองไปรับประทาน
หม่อมเป็ดบอกกับอีเปียพี่เสียใจ เราไม่ไปกินแล้วของคาวหวาน
จะฟังเสภาตาแจ้งถนนอาจารย์ ให้หายรำคาญขุ่นคิ่นในวิญญาณ์
ลุงทองจีนซ้ำเดินมาเชิญใหม่ พูดกันถึงอะไรหม่อมจำ
ฉันเห็นพูดกันเพลินเกินเวลา ไปรับประทานข้าวปลาให้สุขใจ
หม่อมเป็ดรำคาญง่านหงุดหงิด เกรงจิตลุงทองจีนไม่ขัดได้
ให้ป่วนหวดในอุทรร้อนธาตุใน ประเดี๋ยวหนึ่งจึงจะไปดอกเจ้าคะ
ว่าแล้วลุกจากที่ตะลีตะลาน ออกทวารลุกวิ่งมาเกะกะ
ถึงที่ก็หายคลายทุกข์ที่ท้องปะทะ อุจจาระเสร็จแล้วก็รีบมา
ครั้นมาถึงพี่นางทางบอกพลัน กินข้าวมันเถิดหรือจ๊ะคุณโม่งจ๋า
คุณเสียยอไม่ได้ก็ไคลคลา รับประทานแล้วก็เข้ามานั่งด้วยกัน
ยายปานบุตรผุดปากขึ้นทันที ตาแจ้งดีตีกรับขับขยัน
จะไว้วางเป็นจังหวะฉะฟัน ทั้งขันทั้งเพราะเสนาะดี
หม่อมเป็ดฟังคำแล้วซ้ำเคือง กระทืบเท้าเปรื่องเปรื่องขึ้นในที่
ออปานลูกมึงจะถูกไม้เรียวรี คนอะไรไม่มีอัธยา
อย่ามานั่งอยู่ที่กูดูไม่ได้ ก็ลุกเข้าไปทั้งสองห้องเคหา
ลงเรียบเรียงเคียงชิดกันนิทรา เอานวมมาห่มหุ้มคลุมเข้าด้วยกัน
หม่อมเป็ดขำซ้ำเรียกหนูลิ้นจี่ ไปหยิบผ้ามาทีในหีบนั่น
ห่มนอนดำร่ำไว้เมื่อกลางวัน กระแจะจันทน์เจือปรุงจรุงใจ
ให้เมื่อยขบไปทั้งตนบ่นออดแอด ให้เรียกแพทย์วาโยมานวดให้
คุณโม่งตัดสกัดกั้นไปทันใด ฉันจะนวดหม่อมให้ใจสบาย
หม่อมว่าฉันไม่ใช้ให้คุณทำ บาปกรรมนั้นจะมีไปมากหลาย
พูดพลอดกอดกริ่มยิ้มพราย แล้วคิดระคายคำคนบ่นร่ำไร
สำออยว่าหม่อมขาฉันแค้นนัก เสียเงินสักสิบตำลึงหาคิดไม่
ไม่เท่าเสียรู้มนุษย์เจ็บสุดใจ เฝ้าแคะได้ค่อนว่าสารพัน
เก็บเอาความไม่ดีไปชี้แจง คุณชีเหมเชียวไปแสร้งแกล้งกลั่น
คนในพระตำหนักพรรคพวกกัน สารพันค่อนว่าเป็นน่าอาย
คนนั่งอยู่ริมห้องรองเข้าไป ฉันเข้าใจอยู่ดอกหม่อมอย่าแปกป่าย
มิได้พลอยกล่าข้อบรรยาย เนื้อไหนร้ายก็ตัดแต่เนื้อนั้น
หม่อมเป็ดพูดเก้อละเมอเปล่า ได้ยินเขาท้วงติงก็นิ่งอั้น
มิได้พูดจาสารพัน ก็หลับเลยไปด้วยกันทั้งสองรา


ครั้งหนึ่งเป็ดสวรรค์กระสันจิต บอกกับคนชอบชิดสนิทหน้า
ว่าคุณโม่งคู่ชีวิตมานิทรา อยู่ในห้องของข้ามาหลายวัน
พูดแล้วก็ปรามห้ามปาก อย่าพูดมากไปให้ฉาวคนจะกล่าวขวัญ
เจ้าจงช่วยกันปกปิดให้มิดควัน เสร็จสั่งดั่งนั้นก็นิ่งไป
หม่อมเป็ดชนอกช้ำคำเสภา อดสูดูหน้าใครไม่ได้
เห็นคุณชีเหมมาว่าร่ำไร พบใครเข้าก็ค้อนออกงอนชด
เห็นหน้าคุณรับสั่งคั่งแค้นนัก ลุกทองจีนหลวงนายศักดิ์ก็โกรธหมด
ท่านโกรธไปทั้งนั้นประชันประชด ปากบดบดบ่นไปคนใกล้เคียง
เมื่อวันถวายเสภาเวลาหลัง หม่อมเป็ดนั่งกับคุณโม่งที่ในเฉลียง
กระซุบกระซิบกันสองคนบนระเบียง ได้ยินออกชื่อเสียงก็ขัดใจ
แกล้งพูดเสียดเอาว่าเกลียดตาแจ้งบ้า เฝ้าขับว่าเรื่องเราร่ำไปได้
ไม่รู้แล้วรู้รอดสอดพิไร เฝ้าค่อนขอดแคะได้เจ็บใจจริง
ครั้นเห็นคนเดินมาหน้าเฉลียง สงบเสียงผิดลุกจะผลุนวิ่ง
คุณโม่งยุดฉุดน้องประคองอิง เรานั่งนิ่งอย่างนี้มิเป็นไร
ถึงลุงทองคนจะขึ้นมาเห็นหน้าเรา จะหยิบเอาข้อผิดที่ไหนได้
หม่อมจะว่าตาแจ้งแกทำไม ฉันชอบใจแกอยู่ดอกอย่าเดือดแค้น
ฝ่ายหม่อมเป็ดสวรรค์ครั้นได้ฟัง ให้แค้นคั่งส่งเสียงขึ้นเปรี้ยงแป้น
คุณกลับเข้าข้าตาแจ้งแกล้งแก้แทน ให้สุดแสนเจ็บใจใช่พอดี
กระทืบเท้าตึงตังกำลังทะเลาะ พอลุงทองจีนเดินเดาะมาถึงที่
จึ่งร้องถามสองท่านไปทันที มาอึงมี่วิวาทอะไรกัน
หม่อมเป็ดฟังคุณลุงสะดุ้งใจ ลุกไถลหลีเลี่ยงไปจากนั่น
ทั้งสองคนวนวิ่งพัลวัน มิให้ทันเห็นกายด้วยอายนัก
ลุกหลีกลัดแลงไปแฝงตน ซ่อนตัวกลัวคนจะรู้จัก
วิ่งมาบนเฉลียงเสียงคิกคัก จนรอดหักหกล้มลงด้วยกัน
คุณโม่งล้มปับทับหม่อมเป็ด น้ำตาเล็ดผุดลุกขมีขมัน
แล้วคิดกลัวคนผู้รู้สำคัญ แกล้งถลันกล่าวเกลื่อนให้กลบคำ
เพราะตาแจ้งขับเสภามาฟังนัก เฉลียงหักยับไปไม่เป็นส่ำ
นึกเกลียดน้ำหน้าตาเจ้ากรรม ใช้ตาแจ้งแกมาทำให้หนำใจ
ทำเป็นพูดเชือนแชพอแก้ตน คุณสองคนก็ขึ้นนอนบนเตียงใหญ่
พลิกพลอดกอดก่ายสบายใจ เทียบประทับหลับไหลไปด้วยกัน


ครั้นอรุณรุ่งรางสว่างฟ้า พระเดชพระคุณให้หาหม่อมเป็ดสวรรค์
เมื่อเพลาพลบค่ำทำไมกัน จนชั้นเฉลียงเตียงหักกระจัดกระจาย
หม่อมเป็ดทูลเบี่ยงเลี่ยงเจรจา คนมานั่งฟังเสภามากหลาย
ตาแจ้งขับเสภาว่าแยบคาย คนทั้งหลายไม่เคยฟังประดังมา
ประทุกมากหลายคนบนระเบียง จนเฉลียงเก๋งหักลงหนักหนา
เป็นต้นเหตุผลเพราะเสภา คนเข้ามาฟังนักจึ่งหักไป
พระทรงฟังกริ้วกราดตวาดดัง ชะเจ้าช่างเบือนบิดคิดแก้ไข
เขาว่าเจ้านั่งอยู่สองคนบ่นร่ำไร แคะไค้คมค้อนทำงอนรถ
กระทืบเท้าผึงผางกลางระเบียง จนเฉลียงไม้สักเขาหักหมด
จะแกล้งมาพูดบิดเบี้ยวเลี้ยวลด เขารู้พยศเจ้าทุกอย่างมาพรางกัน
หม่อมเป็ดได้ฟังรับสั่งกริ้ว ทำหน้าจิ๋วร้อนจิตคิดพรั่น
ใจระเริ่มรัวกลัวราชทัณฑ์ อภิวันท์สารภาพกราบกราน
ได้พลั้งพลาดขอพระราชทานโทษ ขอพระองค์ทรงโปรดกระหม่อมฉาน
ไปเบื้องหน้าตาแจ้งถนนอาจารย์ จะขับเสภาว่าขานไม่เคืองใจ
พระสดับรับผิดหม่อมสารภาพ เห็บเรียบราบแล้วก็โปรดยกโทษให้
จึงตรัสสั่งข้างหน้าทหารใน ทำเฉลียงเก๋งใหม่ให้ดิบดี


ครั้นรุ่งเช้าถึงเวลาเสพย์อาหาร หม่อมเป็ดเรียกลูกปานมาในที่
จัดเรือใหญ่ใบเสาเข้าให้ดี ไปถึงที่เมืองละครอย่านอนใจ
ซื้อข้าวเหนียวสังขยามาให้ทัน เอาถ้วยโคมใบนั้นแหละไปใส่
ยายปานลูกผูกเสาเชือกเพลาใบ แล่นไปครู่หนึ่งถึงเมืองละคร
ซื้อข้าวเหนียวสังขยามาถ้วยโคม ก็แล่นผืนคลื่นโครมไม่หยุดหย่อน
ครั้นถึงเกาะแบกสังขยาพาจร รีบร้อนเร็วไปในประตูพลัน
หลวงนายศักดิ์ถามทักไปทันใด สังขยาถ้วยใหญ่ของใครนั่น
ยายปานว่าหม่อมเป็ดเธออยากครัน ใช้ฉันไปซื้อถึงเมืองละคร
ฝ่ายหม่อมนิ่งนอนคอยคอยหา เห็นปานมาผุดลุกขึ้นจากหมอน
กำลังอยากสังขยาให้อาวรณ์ ถึงเตียงหย่อมก้นกักเตียงหักพลัน
พื้นดังสวบเสียงกรวบกราบ เสียงก้องกาบกาบเหมือนเป็ดขัน
กับหม่อมระบายผายลมประสบกัน เหมือนเป็ดสวรรค์ที่ฉันเลี้ยงไว้วัดระฆัง
ยายปานลุกช่วยกันผูกเตียงเสียใหม่ ครั้นหม่อมสิ้นตกใจก็ไปนั่ง
เปิบข้าวเหนียวมูมมูมสุ่มตะรัง หมดทั้งถ้วยโคมไม่ใคร่พอ
ครั้นรับประทานแล้วขึ้นไปนั่งในพระตำหนัก หลวงนายศักดิ์พบตัวก็หัวร่อ
ว่าหม่อมกินสังขยาไม่รารอ เตียงเขาต่อด้วยไม่สักยังหักไป
หม่อมเป็ดตอบหลวงนายด้วยอายหน้า นานไม่รู้ความมาแต่ข้างไหน
หรือใครมาบอกเล่าจึ่งเข้าใจ การแคะได้พาทีแล้วดีนัก
หลวงนายว่าข้าพเจ้าประจักษ์ตา หม่อมเปิบสังขยาจนเตียงหัก
ฉันไม่ได้สอดความไปถามซัก เพราะเห็นประจักษ์แก่ตาจึ่งพาที
หม่อมเป็ดตรึกนึกแหนงอยู่ในใจ ตัวคนไรไปเล่าจนถ้วนถี่
จะเป็นคนอื่นไกลนั้นไม่มี เพราะลุงทองจีนพาทีทุกสิ่งอัน
แม้นมิบอกหลวงนายอีกนายหนึ่ง ก็บอกผึ้งตาพองเป็นแม่นมั่น
จึ่งได้แจ้งกิจจาสารพัน ให้ตาแจ้งมาแกล้งกลั่นบรรยาย
ครั้นเขาทำน้ำยาเวลาค่ำ หม่อมเป็นขำนึกอยากเป็นมากหลาย
เคยรับประทานครั้งไรไม่สบาย กระหายหอบบอบช้ำระกำใจ
ลุงทองจีนจึ่งปรามห้ามหม่อมเป็ด น้ำยาเผ็ดแสบร้อนกระฉ่อนไส้
ของแสลงแล้วจะแกล้งรับทานไย จะหอบฉันหนักเข้าไปจะเสียที
หม่อมเป็ดตอบคำว่าน้ำยา รับทานมาเผ็ดร้อนแต่ก่อนกี้
โดยจะหอบขึ้นมายาฉันมี คุณโม่งพี่ดิฉันท่านสอนไว้
ลุงทองจีนจะใคร่ได้รู้ความ จะซักถามเอาตำรายาให้ได้
หม่อมเป็ดปิดอิดเอื้อนเบือนบิดไป เพื่อมิให้ใครเขารู้ตำรายา
ครั้นเวลาระฆังตีสี่นมนาน เขยกเอาพานขนบจีนมาตั้งหน้า
หม่อมเป็นเจาะปากอยากเต็มประดา เขาคว้าเอาทันทีตะลีตะลาน
คุณลุงว่าน้ำยากินไม่ชอบ จะหืดหอบขึ้นมามากลำบากจ้าน
มิพอที่จะตนทนทรมาน จะรับประทานทำไมให้เวทนา
หม่อมเป็ดอยากเหลือทนจนสิ้นอาย แล้วอบายลุงทองจีนจ๋า
ถึงจะหอบขึ้นเดี๋ยวนี้ฉันมียา ก็ออกบอกตำรามาพลัน
โดยน้ำยามานั้นไม่ชอบจะหอบโครง คุณโม่งหม่อมพี่เธอสอนฉัน
เอาดอกลำโพงมาใส่ลงในตะบัน เกลือสินเธาว์เท่ากั่นขยันจริง
ตะบันไปให้ละเอียดเฉียดยาบด กินให้หมดที่ตะบันนั้นยวดยิ่ง
เบากายหายฉิบเหมือนหยิบทิ้ง ไม่เกรงกริ่งโรคาเพราะยามี
และหยิบหนมจีนน้ำยามาคลุกเคล้า เปิบเข้ายังไม่ทันอิ่มถึงที่
ได้เจ็ดคำหอบทำขึ้นทันที มือยังมิทันล้างก็วางชาม
ลุกมาเรียกหาลูกปานพลัน เอาดอกลำโพลงมาตะบันกระผลีกระผลาม
ปนกับเกลือสินเธาว์เข้าพองาม บั้นเข้าสามสี่ก้อนลูกกลอนกลืน
ครั้นล่วงเลยลำคอก็พอคลาย หอบหายลงไปได้ในใจชื่น
ครั้นล้างมือเสร็จสรรพขยับยืน ก็กลับคืนเข้านิทราในราตรี
พอสักครู่ก็พอรู้รับสั่งให้หา ก็เรียกลูกปานลุกมาขมันขมี
เขาขันใหญ่ปากจำหลักตักวารี มาตั้งไว้ในที่ชำระกาย
ยายปานวิ่งงกงันหยิบขันตัก สะดุดกักล้มคว่ำคะมำหงาย
ปากแตกหน้าเผือดเลือดกระจาย ก็ต้องกรีดหวีดว้ายขึ้นทันที
หม่อมเป็ดตัวสั่นให้หวั่นจิต เห็นโลหิตโซมสาดลงดาดที่
ตกประหม่าหน้ามืดไม่สมประดี อกสั่นขวัญหนีเหมือนตีปลา
ทอดลงลงบนม้าอุจจาระ ลมปะทะมัวมึนขึ้นมืดหน้า
คุณโม่งตกใจจริงวิ่งออกมา หยิบเอายานัตถุ์ให้สุดมะกรูดดม
แล้วประคองขึ้นบนตักตะพักไว้ ประทับเส้นเคล้นไคล้ประคบประหงม
แล้วนวดฟั้นคั้นลงประตูลม ค่อยชื่นชมฟื้นสมประดีกาย
คุณโม่งเข้าประคองน้องเป็ดน้อย เฝ้าตะบอยบีบตะบบให้ลมหาย
คุณโม่งเห็นเป็ดสวรรค์นั้นค่อยคลาย ก็พานางย่างกรายเข้าห้องใน
และเห็นเกลือสินเธาว์หยิบเอามา สำคัญว่าพิมเสนประสมใส่
กับยานัตถุ์ผิวมะกรูดสูดเข้าไป บัดเดี๋ยวใจก็สบายหายวับตา
แล้วก็คิดสงสารยายปานบุตร กำสรดสุดโศกรักเป็นหนักหนา
จะเจ็บช้ำระกำกายหลายเวลา เมื่อยามอยากสังขยาจะใช้ใคร
เคยไปซื้อสังขยามาแต่ละคร แล้วรีบร้อนมาหาทันแสบท้องไม่
จะล้มหมอนนอนเสื่อเหลืออาลัย เฝ้าร่ำไรโศกสุดถึงบุตรปาน
ครั้นโศกว่างวิ่งขึ้นมาเฝ้า แต่จิตเศร้าอยู่ถึงบุตรสุดสงสาร
หมอบชม้อยคอยฟังบัญชาการ มือประสานหมอบเมียงเคียงคุณลุง


วันหนึ่งคุณโม่งผู้โปร่งเปรื่อง ให้บ่าวทำข้าเหนียวเหลืองหน้ากุ้ง
ผักชีพริกไทยใส่ปรุง น่ากินกลิ่นฟุ้งจรุงใจ
แล้วคิดถึงเป็ดฟ้าพะงางาม ก็มูนใส่ไว้เป็นชามปากไปล่
ทั้งหน้ากุ้งปรุงปนระคนไป ก็ใช้บ่าวเอาไปให้หม่อมเป็ดพลัน
นางคนใช้เร็วจริงวิ่งหรบหรบ มาถึงที่มิได้พบหม่อมเป็ดสวรรค์
จะตะบอยคอยท่าเห็นช้าครัน ข้าเหนียวนั้นฝากลุงทองจีนไว้
ฝ่ายคุณลุงยุ่งอยู่ด้วยราชการ ก็เนิ่นนานหาได้บอกหม่อมเป็ดไม่
ข้าวเหนียวค้างอยู่จนเย็นจนเหม็นกระไอ ครั้นจักได้แล้วบอกกับหม่อมพลัน
คุณให้บ่าวเอาข้าวเหนียวลงมาให้ ฝากไว้ที่ในห้องของดิฉัน
ลืมไปจนเวลาจวนสายัณห์ ข้าวเหนียวนั้นบูดไปไม่น่ากิน
กะทิมูนข้าวเหนียวเห็นเปรี้ยวฟุ้ง หน้ากุ้งค้างจนเย็นก็เหม็นกลิ่น
ข้าวเหนียวก็เปียกเปื้อนปนเป็นมลทิน หม่อมจะกินหรือจะเทก็ตามที
หม่อมเป็ดได้ฟังนั่งคิด กำลังจิตหมกมุ่นรักคุณพี่
เธออุตส่าห์เอามาให้ถึงไม่ดี จะเทข้าวเหนียวเสียเดี๋ยวนี้จะน้อยใจ
ก็ยกชามหยิบชิมยิ้มแผยะ ถึงบูดแฉะชั่วดีของพี่ให้
เพราะความรักชักให้อร่อยไป จนหมดชามปากไปล่ใช่พอการ
ตำราว่ารับประทานด้วยการรัก น้ำต้มฟักก็ซดเป็นรสหวาน
นี่ข้าวเหนียวบูดเหม็นไม่เป็นการ ยังรับประทานหมดได้ไม่พอพุง
ครั้นเพลาพลบค่ำก็ทำท้อง เพราะกินของบูดเปรี้ยวข้าวเหนียวกุ้ง
เรียกออพูเข้าไปที่ในมุ้ง ให้นวดตนจนรุ่งพระสุริยา
เต็มทนจนออพูอยู่ไม่ได้ ขัดใจเต็มทีก็หนีหน้า
คุณโม่งคอยหายไปไม่เห็นมา มาต่อว่าตัดพ้อคอเป็นเอ็น
หม่อมยังไรใช้คนจนระอา ให้หนีซนค้นคว้าหาไม่เห็น
บ่าวเขาให้มามากไม่ยากเย็น นี่ขืนเคี่ยวเข็ญจนหนีไป
แม้นมันหนีลี้ลัยไม่กลับมา หม่อมเอาค่าตัวนั้นมาให้
ไม่ติดตามมาจริงจริงนิ่งนอนใจ จะส่งออกไปข้างหน้าว่าความกัน
หม่อมเป็ดได้ฟังก็นั่งนิ่ง ด้วยผิดจริงช่วงใช้บ่าวไพร่ท่าน
เห็นคุณเธอพิโรธโกรธครัน เฝ้าผ่อนผันวิงวอนให้อ่อนใจ


วันหนึ่งหม่อมนิทราเพลาดึก นอนนึกอยากทุเรียนน้ำลายไหล
พอม่อยหลับลงพลันก็ฝันไป ว่าชาวละครเอามาให้หลายใบนัก
แต่ละใบยวงใหญ่เท่ากำปั้น ฉันตะบันกินตะบอยอร่อยหนัก
พอหมดสิ้นสี่ใบใจคึกคัก จุกจักกระแหล่นตายวุ่นวายใจ
ในความฝันนั้นว่าคุณโม่งพี่ เข้านวดฟั้นเต็มที่หาหายไม่
ยิ่งนวดก็ยิ่งหนักจักบรรลัย สะดุ้งตื่นตกใจก็จุกจริง
กลิ้งเกลือกเสือกตนทนไม่ได้ กระฉ่อนไส้ตัวสั่นดั่งผีสิง
ผิดลุกจากที่นอนเอาหมอนพิง ป่วนปวดนวดนิ่งไม่บอกใคร
พอยายมาพี่เลี้ยงเคียงเข้ามาพลัน หยิบเอาฟันสามพวงมายื่นให้
ครั้นหม่อมเห็นพวงฟันเข้าทันใด ดีใจหยิบรับเอาฉับพลัน
พวงหนึ่งทำไว้ด้วยไม่มะเกลือ วิไลเหลือดำดีสีขยัน
พวงหนึ่งทำด้วยกะลาหนาครัน เขาเจียนจัดขัดเป็นมันเหมือนทันตา
พวงหนึ่งทำไว้ด้วยไม้ทองหลาง ทำเหมือนอย่างซี่ฟันขันหนักหนา
เอาไหมร้อยเรียบเรียงดูเกลี้ยงตา รับเอามาดูกริ่มแล้วยิ้มพราย
เขาช่างทำงามงามทั้งสามพวง แล้วห่อหวงเก็บไว้ไม่ให้หาย
ชอบอารมณ์สมคิดจิตสบาย จุกก็คลายหายฉิบไปทันที
หม่อมเป็ดถามยายมาว่าพวงฟัน นี่ขยันสุดใจใครให้พี่
ยายมาอวดซ้ำเขาทำดี ซื้อมาที่จีนยูทั้งสามพวง
หม่อมเป็ดตรองความตามเรื่องฝัน นิมิตรดีขยันเป็นใหญ่หลวง
ว่าเขาให้กินทุเรียนกินหลายยวง เป็นลาภใหญ่พวกฟันกะลาฯ


พฤติกรรมรักร่วมเพศของญิง-หญิง ศัพท์โบราณเรียกว่า"เล่นเพื่อน"ในสมัยก่อนเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม โดยเฉพาะสมัย ร.3 ท่านรังเกียจพฤติกรรมเล่นเพื่อนของหญิงในวัง ในวรรณกรรมเรื่อง"นางนพมาศ" หรือ"ตำหรับท้าวศรีจุฬาลักษ์"ที่เป็นต้นกำเนิดลอยกระทงนั่นแหละ เป็นวรรณกรรมเกี่ยวกับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ มเหสีของพ่อขุนรามคำแหง ก็มีการอ้างถึงการเล่นเพื่อน มีบทสั่งสอนนางให้ ว่าพฤติกรรมนี้ไม่เหมาะสม




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2550    
Last Update : 1 ตุลาคม 2550 9:41:25 น.
Counter : 1736 Pageviews.  

รองเท้าของชาวแมนจู ใส่แล้วระวังหัวฟาดพื้นด้วย


แปะเล่น ๆ














ระวังหัวฟาดพื้นนะครับ




 

Create Date : 29 กันยายน 2550    
Last Update : 29 กันยายน 2550 17:25:47 น.
Counter : 1159 Pageviews.  

การแต่งหน้าแบบราชวงศ์ถัง หลาย ๆ คนอาจไม่เคยเห็นมาก่อน



ใครอยากลองแต่งหน้าแบบนี้ให้สวย ต้องกินจุ ๆ เพื่อให้หุ่นอ้วน ๆ แต่ไม่ต้องอ้วนมาก แล้วใบหน้าก็จะได้ลักษณะกลมเหมือนพระจันทร์ และดูเจ้าเนื้อหน่อย ถ้าหุ่นผอมเพียวแบบสมัยนี้ ถือว่าผิดปกติ สตรีชาวฉางอันต้องโบ๊ะหน้าขาว ๆ ขาวแบบเล่นงิ้วได้อะ แล้วเอาชาดแดง ๆ แต้มรูปดอกไม้ที่หน้าผาก ต้องดอกใหญ่ และเห็นชัดเจน ถึงเข้าตาผู้ชาย แล้วต้องเขียนคิ้วหนา ๆ บางทีโกนคิ้วออก แล้วเขียนคิ้วใหม่ให้สูงกว่าเดิม(สตรีญี่ปุ่นก็รับมาจากจีน คือการโกนคิ้ว แล้วเอาสีเขียนใหม่ให้คิ้วดูใหญ่กว่าเดิม) แล้วก็เอาชาดทาปาก ต้องเกินริมฝีปากด้วยนะ ไม่งั้นไม่สวยนะคับ


敷鉛粉(打粉底) พอกหน้าขาว ๆ จะได้เหมือนพระจันทร์ที่ขาวนวล


抹胭脂(上腮紅) ทาแก้มสีชมพู ต้องเห็นเป็นสีชมพูเลยนะ ไม่ใช่เกือบชมพู หรือกลืนกับสีขาว ไม่เห็นสิวฝ้าใด ๆ


畫黛眉(描眉) เขียนคิ้วก็ต้องระวัง ถ้าเขียนแหว่งไป หรือเล็กไป ก็ไม่สวย ต้องมีวิธีการเขียนคิ้ว ใหญ่ไปก็ไม่สวย เล็กไปก็ไม่งาม เวลาเขียน ต้องกรีดนิ้วอย่างบรรจง ค่อย ๆ ทาบนคิ้ว คิ้วถึงออกมาได้รูป


貼花鈿(貼圖案) คือการวาดรูปดอกไม้ด้วยชาด ต้องวาดให้สวย มีกลีบเล็กกลีบใหญ่(รู้จักชาดรึเปล่า ถ้าไม่รู้จักก็ไม่แปลก เดี๋ยวไม่ค่อยใช้แล้ว แต่เขาเอามาผสมลิปสติกสีแดงครับ) เวลาวาด ต้องกรีดนิ้ววาด ถึงจะสวย ค่อย ๆ บรรจงแต้มสีบนหน้าผาก


描面靨(點酒窩) แต้มจุดแดงข้างปากลงไปนิด



描斜紅 เอาชาดทาแก้มอีกหน่อย


涂唇脂 แล้วเอาชาดทาริมฝีมาก ต้องทาให้ดูริมฝีปากใหญ่กว่าเดิม สมัยนั้นอาจเชื่อว่าผู้หญิงริมฝีปากแดงและใหญ่ ดูสวยงาม







 

Create Date : 29 กันยายน 2550    
Last Update : 5 ตุลาคม 2550 13:58:10 น.
Counter : 2554 Pageviews.  

แซ่อะไรกันบ้างครับ???

陳 แซ่ตั้ง นามสกุลมีคำว่า ตั้ง... เช่น ตั้งตระกูล ตั้งวาณิชย์
林 แซ่ลิ้ม นามสกุลไทยขึ้นต้นว่า ลิมป... ลิมปน... เช่น ลิมปพัทธ์ ลิมปนชัยพรกุล
鍾 แซ่เจ็ง นามสกุลมีคำว่า จง เช่น จงจินตนาการ นอกนั้นนึกไม่ออก^^
莊 แซ่จึง นามสกุลมีคำว่า จึง เช่น จึงรุ่งเรืองกิจ
李 แซ่ลี้ นามสกุลมีคำว่า ลีลา เช่น ลีลาถาวรชัย
周 แซ่จิว นามสกุลมีคำว่า จิร... เช่น จิรชัยสุทธิกุล
朱 แซ่จู นามสกุลมีคำว่า จู... จุฬา... จุฑา...
沈 แซ่ซิ้ม นามสกุลมีคำว่า สิมะ หรือ สีมา เช่น สิมะโรจน์
邱 แซ่คู นามสกุลคำว่า คู เช่น สร้อยสระคู
王 แซ่เฮ้ง นามสกุลมีคำว่า หวัง...
曾 แซ่จัง นามสกุลมีคำว่า จันทร์...
杜 แซ่โต้ว นามสกุลมีคำว่า โต...
熊 แซ่ยง นามสกุลมีคำว่า ยงค์
汪 แซ่ว่อง นามสกุลมีคำว่า ว่อง... ว่องไว...
鄭 แซ่แต้ นามสกุลมีคำว่า เตชะ เช่น เตชะไพบูลย์
劉 แซ่เล่า นามสกุลมีคำว่า เหล่า... เช่น เหล่าปทุมวิโรจน์
雲 แซ่ฮุ้ง นามสกุลมีคำว่า เมฆ หรือ เมฆา
羅 แซ่หลอ นามสกุลมีคำว่า หล่อ...
馬 แซ่เบ๊ นามสกุลมีคำว่า อาชา หรือ อัศวะ แปลว่า ม้า เพราะคำว่า"เบ๊"แปลว่า ม้า
吳 แซ่โง้ว นามสกุลมีคำว่า งาม
蕭 แซ่เซียว นามสกุลมีคำว่า เชี่ยว... เชี่ยวชาญ
楊 แซ่เอี้ย นามสมกุลมีคำว่า อื้อ... เอื้อ...
韓แซ่ห่าน นามสกุลมีคำว่า หาญ... เช่น หาญอาจ อาจหาญ
符 แซ่ผู่ นามสกุลมีคำว่า ภู่... ผู้...
翁 แซ่อง นามสกุลมีคำว่า องค์...
呂 แซ่ลื่อ นามสกุลมีคำว่า ลือ... หรู...
魏 แซ่งุ้ย
佘 แซ่อื้อ
黃 แซ่อึ้ง
徐 แซ่ซื้อ
許 แซ่โค้ว
蘇 แซ่โซว
張 แซ่เตีย
廖 แซ่เลี่ยว
盧 แซ่โล้ว
鄧 แซ่เติ้ง
方 แซ่ปึง
蔡 แซ่ฉั่ว
連 แซ่เลี้ยง
姚 แซ่เอี้ยว
馮 แซ่ปัง
丁 แซ่เต็ง
謝 แซ่เจี่ย
洪 แซ่อัง




 

Create Date : 28 กันยายน 2550    
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 16:29:39 น.
Counter : 4492 Pageviews.  


เมื่อไรจะหายเหงา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add เมื่อไรจะหายเหงา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.