สามชาติสามภพ ป่าท้อสิบหลี่ - แด่ความรัก ณ สวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ถังชีกงจื่อ_เขียน หลินโหม่ว_แปล
รักคนผู้หนึ่ง แค้นคนผู้หนึ่ง
อ้อมแขนที่กาลก่อนแสนอาลัย ผู้ที่กาลก่อนแสนอาวรณ์
บัดนี้กลายเป็นสิ่งไม่อาจทานทน
ทั้งที่ข้าไม่ได้ช่วยชีวิตเขา เขากลับจะตอบแทนให้ได้ ข้าแบมืออย่างจนใจ "เจ้ามิสู้ใช้ตัวเคียงคู่"
ด้วยเหตุนี้จึงได้เป็นสามีภรรรยากัน และมีลูกอยู่ในท้อง
ข้าเพียงประหลาดใจ ในเมื่อเขารักหญิงผู้นั้นถึงเพียงนี้ แล้วไยตอนนั้นจึงรับปากคำร้องขอที่แสนจะเหลวไหลของข้าเล่า ตอนนั้น ... ตอนนั้น... ช่างน่าเจ็บใจนักว่าตอนนั้นไม่น่าเลย
ณ แดนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ซู่ซู่ เป็นภรรยาของ เยี่ยหัว พระนัดดาของ เทียนจวิน จอมเทพผู้ปกครองสวรรค์ (หรือ เง็กเซียนฮ่องเต้) ซึ่งต่อมาเขาได้รับพระราชโองการแต่งตั้งเป็น ไท่จื่อ รัชทายาทที่จะสืบทอดบัลลังก์ สูงส่งถึงปานนั้น แต่ภรรยาของเขา ซู่ซู่ นางกลับไม่ใช่เทพธิดา ไม่ใช่ทั้งเซียน เป็นแต่เพียงมนุษย์คนหนึ่ง
ซู่ซู่ ไม่ได้รับมอบตำแหน่งใดเป็นทางการ และไม่มีผู้ใดยอมรับว่าเยี่ยหัวคือสามีของนาง เยี่ยหัวเองก็ไม่ได้บอกกล่าวกับเทียนจวินเช่นกันว่าเข้าได้รับหญิงมนุษย์คนหนึ่งจากแดนบูรพาไว้เป็นภรรยา และได้นำนางขึ้นมาสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า
ตำหนักโอบพิลาศ ณ วังสี่อู่ ของเยี่ยหัว ซู่ซู่ ต้องอุ้มท้องใช้ชีวิตอย่างขมขื่น นับจากได้เหยียบย่างมาสู่สวรรค์เบื้องบน เยี่ยหัวก็มีแต่ความเหินห่างเย็นชา และนางก็ได้รู้ว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะแท้จริงแล้วเขาไม่ได้รักนาง ..ไม่ได้รัก
ข้าคิดว่าไม่ว่าอย่างไรผู้ที่เขารับเป็นภรรยาก็คือข้า ข้ากับเขาได้ร่วมหันหน้าสู่บึงใหญ่แห่งแดนบูรพากราบไว้ฟ้าดินกล่าวคำสาบาน ทั้งข้ายังอุ้มท้องบุตรของเขา ข้ารักเขาถึงเพียงนี้ ย่อมต้องมีสักวันที่เขาจะถูกข้าทำให้ตื้นตันใจอย่างแน่นอน และเขาก็ค่อยๆ เริ่มอ่อนโยนกับข้าจริงๆ
ข้าถึงกับหลงนึกปลาบปลื้มยินดีไปเองว่าถึงแม้เขาจะไม่รักข้า แต่ก็นึกชอบข้าบ้างแล้วเล็กน้อยใช่หรือไม่หนอ? ความรักนี่ .. บางครั้งก็ทำให้คนเราเปลี่ยนเป็นมักน้อยอย่างมาก
แต่เรื่องนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นข้าจึงตื่นจากฝัน ค่าตอบแทนคือ
สูญเสียดวงตาทั้งคู่ สูญเสียแสงสว่าง
เปลี่ยนเป็นฝันร้ายที่ตรงเข้าเล่นงานอย่างโหดเหี้ยม ให้หวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน
ใบหน้าของเยี่ยหัว มีดสั้นเปื้อนเลือด กับดวงตาที่ถูกเขาคว้านออกไป
ดวงตาคู่นั้น ถูกยกให้กับซูจิ่นเทียนเฟย ผู้เป็นนางในดวงใจของเขา
เริ่มต้นจากที่ใด ก็ควรจะจบลงที่นั่น
รอจนคลอดลูกแล้ว ซู่ซู่จะกลับคืนสู่เขาจวิ้นจี๋ที่นางจากมา
หลังจากสามปีที่นางได้อุ้มท้อง ในที่สุดซู่ซู่ก็ได้ให้กำเนิดทารกเทพเซียน น่าสมเพชนัก ที่แม้ในยามเจ็บท้องคลอด ยังไร้เงาเยี่ยหัวอยู่เคียงข้าง
ซู่ซู่ ตั้งชื่อลูกว่า "อาหลี" ที่แปลว่า พรากจาก
ณ แท่นประหารเซียน ซู่จิ่นเทียนเฟยเคยบอกว่า กระโดดลงจากแท่นประหารเซียน ก็จะสามารถกลับคืนสู่โลกมนุษย์ กลับคืนสู่เขาจวิ้นจี๋
"จงอย่าบอกเขาว่าแม่ของเขาเป็นเพียงมนุษย์ เทพเซียนบนสวรรค์ต่างค่อนข้างจะดูแคลนมนุษย์"
"เยี่ยหัว .. ข้าจะปล่อยท่านไป ท่านก็ปล่อยข้าไป นับแต่นี้เราสองคนต่างไม่ติดค้างกันอีกเถิดนะ"
ในตอนนั้นข้าหาทราบไม่ว่า คำว่า "ประหารเซียน" ของแท่นประหารเซียน เพียงประหารฆ่าพลังการฝึกปรือของเซียน ขณะที่มนุษย์กระโดดลงจากแท่นประหารเซียน กลับจะสูญสลายเป็นเถ้าธุลี
ในตอนนั้นข้าหาทราบไม่เช่นกันว่า .... ความจริงตัวข้ามิใช่มนุษย์
ณ ป่าท้อสิบหลี่ ซู่ซู่ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาอย่างรำลึกได้ว่า แท้จริงแล้วนางคือ ป๋ายเฉี่ยน ธิดาคนเล็กของมหาเทพป๋ายจื่อแห่งแคว้นชิงซิว และได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว ที่จะลืมเลือนความเจ็บช้ำในช่วงสองร้อยกว่าปีผ่านมาด้วยการดื่มยาลบความทรงจำ
ไม่มีอีกแล้วทั้งความรักความเจ็บปวด ซู่ซู่บนเขาจวิ้นจี๋เป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่ง หลังตื่นจากฝัน ในฝันเป็นเช่นไร ได้ลืมเลือนสิ้น
ร่ายมาข้างต้นคือ บทอดีต ความรักความแค้น ที่เคยล้ำลึกถึงเพียงนั้น ก่อนที่เยี่ยหัวกับป๋ายเฉี่ยน จะได้พบกันอีกครั้งในอีกสามร้อยปีต่อมา จุดเริ่มต้นของความรัก ที่ฝ่ายหนึ่งจดจำ แต่อีกฝ่ายหนึ่งกลับลืม
แม้ในบทอดีต..รูปการณ์จะออกมาเป็นเช่นนั้น สามีได้ควักดวงตาของภรรยาผู้อุ้มท้องลูกของเขา ไปใส่เป็นดวงตาให้กับภรรยาอีกคน ความเจ็บปวดเกินทานทนที่บีบให้นางต้องทิ้งลูกและโดดลงจากแท่นประหารเซียน
แต่มีคำกล่าวว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดว่ามันเป็น มีบางสิ่งเจือจางเป็นร่องรอยความรู้สึกว่าเยี่ยหัวนั้นรักซู่ซู่
แล้วทำไมกันล่ะ เหตุผลกลใด ที่ทำให้ต้องลงมือทำถึงเพียงนั้น
"ซู่ซู่ กฎแห่งกรรมตามสนอง หนี้ที่ค้างผู้อื่นต้องใช้คืนแก่เขา"
จะเป็นเพียงการถูกทำให้หลงเชื่อ และลงโทษไปด้วยความเข้าใจผิดเท่านั้นจริงๆ หรือ ยังมีอะไรอยู่เบื้องลึกเบื้องหลังที่มากมายกว่านั้น ?
ในเมื่อเปิดบทนำแรงมาซะขนาดนี้ แล้วอิฉันจะลุกไปไหนได้ ตั้งแต่บทที่ ๑ ถึงบทสุดท้าย อ่านติดหนึบ ๒ เล่ม ๗๐๒ หน้า อย่าปล่อยให้ความค้างคาลอยนวล
แนะนำตัวละคร
ป๋ายเฉี่ยน ผู้เกิดมาเป็นทารกเซียน ไม่ต้องบำเพ็ญเพียรก็ได้เป็นเทพธิดา แต่ทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนไหนเลยจะมีเรื่องง่ายดายปานนั้น ถึงอย่างไรป๋ายเฉี่ยนก็ต้องผ่านด่านสวรรค์ จึงได้เลื่อนขั้นเป็นซ่างเสิน (เทพสูงสุดตามลำดับขั้นของการบำเพ็ญเพียร) เมื่อครั้ง ราชาปิศาจฉิงซาง ได้หลุดออกมาจากระฆังจักรพรรดิบูรพา ในการต่อสู้เพื่อผนึกเขากลับเข้าไปขังในระฆังอีกครั้ง นางได้ใช้พลังปราณเซียนไปทั้งหมด จนเปลี่ยนเป็นมนุษย์ธรรมดา ช่วงเวลากว่าสามร้อยปีที่พ่อแม่พี่ชายได้ร้อนใจแทบเสียสติออกตามหา ป๋ายเฉี่ยนได้คืนกลับมาที่ป่าท้อสิบหลี่ ร่างบาดเจ็บ ได้รับการรักษา พลังกลับคืนมา ดวงตาถูกทดแทน และความทรงจำที่หายไป ดวงตาคู่ใหม่ ไม่อาจสมบูรณ์เต็มร้อย เล่าลือกันว่าธิดาคนเล็กของ มหาเทพป๋ายจื่อ นางเป็นโรคตาที่มองแสงจ้าไม่ได้
นับตั้งแต่ผานกู่บรรพบุรุษของมวลมนุษย์ได้ใช้ขวานหนึ่งเล่มเบิกฟ้าผ่าพิภพเป็นต้นมา แต่ละเผ่ารบรากันไม่หยุดหย่อน แผ่นดินเปลี่ยนเจ้าของมาหลายครั้ง ปวงเทพบรรพกาลส่วนใหญ่ต่างเผชิญด่านเคราะห์ ที่ดับสูญก็ดับสูญ ที่หลับใหลก็หลับใหล ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ กลุ่มทวยเทพบรรพกาลที่ยังเหลืออยู่ นับไปนับมาก็มีเพียงเผ่ามังกรดำ-ตระกูลเทวียนจวินบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เผ่าจิ้งจอกเก้าหาง-ตระกูลป๋ายแห่งแคว้นชิงชิว และ เจ๋อเหยียนซ่างเสิน-เผ่าหงสาซึ่งเร้นกายอยู่ในป่าท้อสิบหลีทางตะวันออกของทะเลบูรพา
เหตุนี้ป๋ายเฉียนแม้จะรูปกายยังสาวคงกระพัน แต่นางก็เป็นเทพบรรพกาลรุ่นก่อนที่อยู่มานานนมนัก ทั้ง อายุ ศักดิ์ ฐานะ และ ขั้นเซียน จึงสูงกว่ายิ่งกว่าเซียนรุ่นใหม่ในชนเทพเซียนรุ่นหลังมากกว่ามาก เกรงว่าเทพเซียนทั้งหมดในสี่ทะเลแปดดินแดน คงมีอยู่ไม่กี่คนที่ไม่อาจเรียกนางโดยมารยาทที่ดีว่า "กูกู" คำเรียกขานสตรีอาวุโสด้วยความเคารพ
เยี่ยหัว กับ อาหลี สามีอายุห้าหมื่น และลูกชายวัยสามร้อยปีของป๋ายเฉี่ยน (จากลักษณะตัวละครในเรื่องเข้าใจว่ามีร่างเซียนเป็นเด็กอายุประมาณ ๔-๕ขวบ) ที่นางไม่อาจจดจำพวกเขาได้ ..
ที่อาหลีเรียกนางว่า "เหนียงซิน" (แม่) นางเข้าใจว่าเป็นเพราะตนนั้นเป็นคู่หมั้นคู่หมายที่จะต้องแต่งงานกับเยี่ยหัว ตามที่เทียนจวินได้มีสัญญาไว้กับมหาเทพป๋ายจื่อแห่งแคว้นชิงชิวว่าผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งเทียนจวินจะต้องรับป๋ายเฉี่ยน ธิดาของมหาเทพป๋ายจื่อมาเป็นเทียนโฮว่ (มเหสีเอก) เมื่อเยี่ยหัวได้เป็นไท่จื่อ รัชทายาท ป๋ายเฉียนจึงรู้สึกผิดลึกล้ำต่อเยี่ยหัว ด้วยนางนั้นมีอายุอานามปาเข้าไปหนึ่งแสนสี่หมื่นปีเข้าแล้ว แม่เจ้า ... นางแก่กว่าเขาตั้งเก้าหมื่นปี หากจะเปรียบก็ดั่งย่ากับหลาน เขาช่างน่าสงสาร ยังหนุ่มยังแน่นต้องมาแต่งงานกับคนแก่ๆ ช่างชวนให้ทอดถอนใจยาวด้วยความเสียดายนัก สวรค์ช่างอยุติธรรมถึงเพียงนี้ สาวน้อยสาวใหญ่ที่หมายปองเยี่ยหัวจึงไม่อาจทนที่จะไม่เรียก "กูกู" ลับหลังว่า ยัยแก่แร้งทึ้ง
ตามราชโองการที่เทียนจวินได้ประกาศไว้ในตอนนั้น ข้าต้องแต่งงานกับเยี่ยหัวจวินผู้นี้ ฝ่ายเยี่ยหัวนั่นฟังว่าแต่ง เช่อเฟย (ตำแหน่งชายารองของไท่จื่อ) ชื่อ ซู่จิ่น แล้วหนึ่งราย โปรดปรานเป็นอย่างมาก ทั้งยังให้กำเนิดเทียนซุนน้อยแล้วหนึ่งคน (ป๋ายเฉี่ยนเข้าใจว่าอาหลีเป็นลูกซู่จิ่น) จึงย่อมไม่มีใจเรื่องแต่งงานกับข้า ข้างฝ่ายข้า แม้จะไมได้มีใครอยู่ในหัวใจเหมือนอย่างเขา แต่ครั้นนึกถึงว่าเขาเกิดหลังข้าเกือบหนึ่งแสนปี เอ่ยถึงลำดับรุ่น เขาต้องเรียกข้าว่า "กูกู" เอ่ยถึงอายุเขาต้องเรียกข้าว่า "ท่านบรรพบุรุษ" ข้าก็ทำใจเหี้ยมบังคับตัวเองให้เป็นฝ่ายดำเนินเรื่องแต่งงานให้เสร็จสิ้นไม่ลง ด้วยเหตุนี้เรื่องแต่งงานจึงได้ยึงได้ยืดยื้อมาจนถึงป่านนี้ ดีไม่ดีอาจจะกลายเป็นเรื่องหัวเราะเยาะของทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนไปแล้ว

เจ๋อเหยียนซ่างเสิน หงสาตัวแรกซึ่งถือกำเนิดขึ้นในยุคมหาอุทกภัยนับตั้งแต่เบิกฟ้าผ่าพิภพ เทพบิดรเป็นผู้เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยพระองค์เอง ศักด์ฐานะของเจ๋อเหยียนเทพเซียนบรรพกาลนับว่ายังสูงยิ่งกว่าเทียนจวินผู้ปกครองสวรรค์องค์ปัจจุบันอยู่หลายส่วน เจ๋อเหยียนเคยเป็นคู่แข่งชอบพอมารดาของป๋ายเฉี่ยน แต่เมื่อนางแต่งงานกับป๋ายจื่อมหาเทพ ทั้งสามก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นสหายที่ดีต่อกัน ทั้งยังมีความสนิทสนมยิ่งนัก จากรุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกที่เจ๋อเหยียนให้ความรักและเอ็นดู โดยเฉพาะกับ ป๋ายเฉี่ยน กับ ป๋ายเจิน พี่ชายคนที่สี่ ที่มีหน้าที่เลี้ยงดูน้องสาวคนเล็กมาแต่เล็กแต่น้อย อายุเป็นเพียงการอยู่นาน อื่นๆ ทั้งหมดคือความเป็นมิตรสหาย เจ๋อเหยียนผู้ไม่ได้มีตำแหน่ง อำนาจ หน้าที่ใดๆ แต่กลับมีศักดิ์ฐานะสูงเสียดฟ้า บ่มเหล้าเก่งมาก แต่ไม่นิยมงานเลี้ยงสังสรรค์ เขาถูกนิยามว่า " ซ่างเสินเร้นลับซึ่งเร้นกายจากสามภพ ไม่ถามไถ่โลกหล้า อุปนิสัยสูงสง่า รสนิยมยิ่งสูงสง่ากว่าอุปนิสัย" เขาเป็นเจ้าของป่าท้อสิบหลี่ที่อยู่ทางตะวันออกของทะเลบูรพา
หลีจิ้ง รักแรกวัยเยาว์ของป๋ายเฉี่ยน ก่อนนั้นเขายังเป็นเพียงอนุชาของราชาปิศาจฉิงซาง รักครั้งแรกที่ถูกเขาทรยศหักหลังอย่างเลือดเย็น จนป๋ายเฉี่ยนต้องลั่นวาจาไม่ขออยู่ร่วมฟ้า แต่เนิ่นนานผ่านมากี่หมื่นปี หลีจิ้ง ยังคงไม่ลืมป๋ายเฉี่ยนอย่างแท้จริง ยังคงพยายามที่จะไล่ตามเพื่อไขว่คว้า
เสวียนหนี่ ผู้ที่ป๋ายเฉี่ยนมีความกรุณาขอให้เจ๋อเหยียนใช้วิชาแปลงโฉมให้มีใบหน้าตางดงามละม้ายคล้ายนางเสียเจ็ดแปดส่วน
ม่อเยวียน โอรสองค์เดียวของมเหสีเอกแห่งเทพบิดร เป็นซ่างเสินแห่งดนตรีกาลและสงครามของโลกใบนี้ เจ็ดหมื่นปีก่อนเผ่าปิศาจก่อกบฎ คงคาสวรรค์เดือดพล่าน เปลวไฟแดงฉานเผาผลาญสิ้น ม่อเยวียนได้ผนึกขังราชาปิศาจฉิงซางไว้ในระฆังจักรพรรดิบูรพา ณ ริมฝั่งแม่น้ำรั่วสุ่ย แต่ตัวท่านเองกลับพลังฝึกปรือสลายสิ้น วิญญาณแตกซ่าน แต่ในการบันทึกประวัติศาสตร์เทพสวรรค์ ไม่มีการระบุที่แน่ชัดว่าลงเอยเช่นไร เขาตายไปแล้วร่างศพหาไม่พบ หรือจะเป็นอย่างเรื่องฉาวเล่าลือว่าม่อเยวียนยังไม่ตายแต่ได้เร้นกายไปใช้ชีวิตสงบกับศิษย์หนุ่มน้อย ที่มีความสัมพันธ์ "ต้วนซิ่ว" ต่อกัน (ไม้ป่าเดียวกัน ) แต่ถึงอย่างนั้น ม่อเยวียนก็ได้กลายเป็นเทพเคารพของเหล่าทวยเทพ
ศิษย์ในเรื่องฉาวเล่าลือนั้นคือ ป๋ายเฉี่ยน เพราะความเป็นเทพไม่เอาไหน มารดากลัวจะขายไม่ออก หรือต่อให้ขายออก ก็อาจจะถูกครอบครัวสามีรังแก จึงอยากให้นางมีวิชาอิทฤทธิไว้ติดตัว หากจะหาอาจารย์ก็ต้องหาที่เลิศล้ำที่สุดในภพสวรรค์อย่างม่อเยวียน แต่ติดที่เขาไม่รับศิษย์ศตรี นางจึงร่ายมนต์แปลงร่างป๋ายเฉี่ยนให้เป็นบุรุษ ส่งให้เจ๋อเหยียนซ่างเฉินแห่งป่าท้อสิบหลี่ นำตัวไปฝากไว้เป็นศิษย์ของม่อเยวียนที่คุนหลุนซวี นามบุรุษ ซืออินเสินจวิน จึงถูกเรียกว่า "สิบเจ็ดน้อย" ตามลำดับศิษย์คนเล็กสุดของม่อเยวียน
ซางจี๋ โอรสที่สองของเทียนจวิน แต่เดิมนั้นเป็นไท่จื่อ รัชทายาท และเป็นคู่หมั้นหมายกับป๋ายเฉี่ยน แต่เพราะก่อเรื่องขายหน้าบางอย่างที่ร่ำลือสนุกปากไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดน จึงโดนเทียนจวินสั่งถอนหมั้น เพื่อชดเชยเรื่องนั้นจึงให้สัญญากับแคว้นชิงชิว ว่าตำแหน่ง เทียนโฮว่ของเทียนจวินผู้ปกครองสวรรค์คนต่อไปจะต้องเป็นของ ป๋ายเฉี่ยน
ส้าวซิน งูปาเส๋อ ที่ป๋ายเฉี่ยนเคยเมตตาช่วยชีวิต เก็บนำมาชุบเลี้ยง สั่งสอนบำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุเป็นเซียน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องดังสำนวนที่ว่า ชาวนากับงูเห่า
สังคมเทพเซียน ก็ดั่งมนุษย์ธรรมดา มีเรื่องเมาท์มอยนินทา เล่าลือปากต่อปาก .. แต่ว่านะ .. ความจริงเป็นเช่นไร ....ต้องอ่านไปเรื่อยๆ ถึงจะพบ ^^
"เหนียงซินๆ ทำไมท่านถึงทิ้งอาหลีกับฟู่จวินไปเล่า"
ในยามที่ได้พบหน้ากันครั้งแรก เจ้าก้อนแป้งข้าวเหนียว เด็กน้อยอ้วนกลมที่วิ่งตึงๆ ปานลมพัดโผเข้ามากอดขาแผดเสียงร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ ทั้งยังต่อว่าต่อขาน ถูไถใบหน้าเช็ดน้ำมูกน้ำตามทั้งหมดกับชายกระโปรงนั้น เข้าใจว่านางเป็นแม่ของเขา ส่วนฟู่จวิน (พ่อ) ของเจ้าก้อนแป้งนั้นเรียกนางว่า "ซู่ซู่"
ซู่ซู่ที่ไหนกันเล่า แม้พี่สี่จะชอบบอกว่านางขี้ลืม กระนั้นนางก็ยังจำได้ว่าแสนกว่าปีมานี้เคยมีคนเรียกว่า "น้องห้า" เคยมีคนเรียกว่า "อาอิน" เคยมีคนเรียกว่า "สิบเจ็ดน้อย" และคนทั่วหล้าส่วนใหญ่ตอนนี้เรียกนางว่า "กูกู" แต่ไม่เคยมีผู้ใดเลยที่จะเรียกนางว่า "ซู่ซู่"
"สหายเซียนตาไม่ดี เกรงว่าจะจำผิดคนเสียแล้ว"
ครั้นกล่าวประโยคนี้จบ ชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีปฏิกิริยาใด ข้ากลับตกตะลึงจังงัง
อันความคิดวิทยาคืออาวุธ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด ใบหน้านี้ของอาเตรียเจ้าก้อนแป้งข้าวเหนียวน้อย ช่างเหมือนกับอาจารย์ผู้มีพระคุณม่อเยวียน แต่จะอย่างไรข้ายังคงไม่ได้จำเขาผิดเป็นม่อเยวียน
เขาคือคู่หมั้นของนาง เยี่ยหัว ไท่จื่อของเทียนจวินเผ่าสวรรค์ .. ไม่ใช่ม่อเยวียน
"ถูกแล้ว ข้าจำคนผิดไปเอง เพราะนางแสดงกิริยานอกแข็งกร้าวในขลาดเขลาเช่นที่ท่านทำไม่เป็น และไม่งดงามล่มเมืองเท่าท่าน เมื่อครู่นี้ล่วงเกินแล้ว"
หากมนุษย์โดดลงจากแท่นประหารเซียน จะสูญสลายเป็นเถ้าธุลี ... แต่หากเป็นเซียน เพียงจะถูกประหารฆ่าพลังการฝึกปรือ ปราณแห่งเทพเซียน
ด้วยใบหน้าเดียวกัน อาจเป็นคนเดียวกัน และหากเป็นคนเดียวกัน เช่นนั้นแล้ว ...ภรรยาของเขา แม่ของลูกชายเขา ย่อมยังมีชีวิตอยู่ และนางคือ เทพธิดาจิ้งจอกเก้าหาง ป๋ายเฉี่ยนซ่างเซินแห่งชิงชิว
นิยายเรื่องนี้ได้นำไปสู่โลกของจินตนาการที่เป็น ดินแดนสวรรค์ เผ่าพันธุ์เทพเซียน ปิศาจ อาวุธวิเศษ สัตว์วิเศษ มนต์คาถา พลังเซียน ฯลฯ มีการนำเอาตำนานโบราณเก่าแก่ ไม่ว่าจะตำนานเทพ ตำนานศาสนา พุทธเอย ลัทธิเต๋าเอย มาผสมผสานอยู่ในเรื่องราว ทำให้อ่านสนุก แม้แต่ถ้อยคำสำนวนใดๆ ก็ตามที่มีที่มาจากประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า ตำนานต่างๆ เรายังไล่อ่าน "เชิงอรรถ" แบบไม่ให้มีขาดตกบกพร่อง
เรื่องถูกเล่าโดยสรรพนามบุรุษที่หนึ่งซึ่งก็คือ "ข้า" (ป๋ายเฉี่ยน) อาจเป็นเพราะช่วงชีวิตที่ยาวนานหนึ่งแสนสี่หมื่นปีของนาง ทำให้ลีลาสำนวนอารมณ์ความรู้สึกนั้น ค่อนไปทางเอื่อยเฉื่อย ประหนึ่งหญิงแก่ ขึ้นคาน ที่ไม่ค่อยจะอินังขังขอบกับอะไรจริงจังนัก อธิบายยังไงดีล่ะ คือ นางจะมีอารมณ์ขึ้นเป็นวูบๆ ที่จะทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วก็จะมอดดับลงอย่างรวดเร็วตามประสาหญิงแก่ใจดีที่ผ่านโลกมาปูนนี้ (อย่างกับวัยทองน่ะนะ) ไม่อยากจะถือสาหาความอะไรกับพวกเซียนเด็กๆ รุ่นหลัง อภัยได้ก็อภัย ปล่อยวางได้ก็ปล่อยไป ตามอุปนิสัยของการเป็นเทพธิดาผู้ใจดี!
ความรักน่ะเหรอ จะยังมามีความรู้สึกตื่นเต้นวูบไหวอะไรกันตอนอายุแสนสี่ เทียนจวินให้แต่งก็คงจะต้องแต่งไปตามธรรมเนียมหมั้นหมาย อยู่ๆ กันไปชั่วกาลนาน เยี่ยหัวนั้นเป็อนุชนเทพรุ่นหลัง เขาอ่อนกว่านางตั้งเก้าหมื่นปี ด้วยวัยแตกต่างขนาดนี้ ถ้าตอนอายุเท่าเขานางได้แต่งงานมีลูกมีหลานเหมือนชาวบ้านเขา ในตอนนี้หลานของนางก็คงจะอายุพอๆ กับเยี่ยหัวตอนนี้นั่นแหละ เห็นแก่ที่เขายังหนุ่มยังแน่น หากแต่งงานไปแล้วนางคงจะต้องช่วยหาเทพเซียนสาวสวยไว้ค่อยปรนนิบัติรับใช้เอาใจเขาไว้สักคนสองคน

ด้วยเหตุนี้ ความรู้สึกที่มีต่อ นางเอก ป๋ายเฉี่ยน สำหรับเราแล้ว นางน่ารักค่ะ ปกติจะตั้งป้อมแอนตี้นิยายที่นางเอกแก่กว่าพระเอกนะ .. แต่เรื่องนี้นางได้ใจไปครอง ก็เป็นเทพเซียนนี่นะ อายุเป็นเพียงการอยู่นาน มันไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา อย่าถามหาเงื่อนไขการเจริญเติบโตทางสังขารของเหล่าเทพ ปล่อยมันไว้เป็นความลับของสวรรค์เถิด เอาเป็นว่ารูปร่างหน้าตาไม่ได้แก่อ่อนกว่ากัน และเยี่ยหัวกับป๋ายเฉี่ยนคือสามีภรรยาที่มีลูกด้วยกันก็พอ แต่ป๋ายเฉี่ยนนั้นมักจะยึดติดว่านางเป็นท่านผู้เฒ่าของเหล่าเทพเซียนรุ่นหลัง ต้องวางตัวให้เหมาะสมกับคำเรียกขาน "กูกู" ผู้ได้รับการกราบไหว้ (น่ารัก)
ป๋ายเฉี่ยน เคยต่อสู้กับราชาปิศาจฉิงซาง เรื่องเมื่อสามร้อยก่อนนั้น นางเข้าใจว่านางบาดเจ็บและหลับใหลไปยาวนานจากการต่อสู้ครั้งนั้น ไม่อาจจดจำเยี่ยหัวได้ ไม่อาจรู้ว่าอาหลีคือลูกของนาง
แต่เยี่ยหัว เรื่องราวในอดีตยังฝังฝึกอยู่ในจิตใจ เขาทั้งอยากให้นางจำได้ และทั้งไม่อยากให้นางจำได้ ... ความทรมานนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งเดียวที่เยี่ยหัวต้องอดทน ยังมี ความเพียรพยายามที่จะปลูกเพาะความรักให้เกิดขึ้นในหัวใจของป๋ายเฉี่ยนอีกครั้ง ความหวาดหวั่นว่าจะสูญเสียนางไปให้กับคนผู้นั้น ม่อเยวียน ที่นางกรีดเลือดจิ้งจอกเก้าหางจากหัวใจนางเองเพื่อรักษาร่างเขาเอาไว้ คนที่นางรอคอยการฟื้นคืนมานานถึงเจ็ดหมื่นปี ในขณะที่ตัวเขาเองกลับเป็นเพียงความว่างเปล่า
ม่อเยวียน กับ ป๋ายเฉี่ยน เป็น ความรัก หรือ บุญคุณ ความเคารพ ... .. ต้องแอบลุ้นแทบแย่
แต่ที่อ่านอย่างเป็นกังวลซะจริงๆ กลัวประวัติศาสตร์ความรักจะซ้ำรอย คือ ช่วงที่เยี่ยหัวถูกเทียนจวินลงโทษให้มาเกิดในโลกมนุษย์ เทพเซียนที่จะลงมาเกิดนั้น ต้องดื่มน้ำจากแม่น้ำหลงลืม เพื่อลบลืมชาติภพเดิม เดี๋ยวลืมกันไป ลืมกันมา เป็นได้สงสารลูกน้อย อาหลี ที่พ่อกับแม่ไม่ได้ลงเอยกันซักที
ด้วยลักษณะการเล่าเรื่องผ่านการมองโลกจาก "ข้า" ที่คิดว่าตัวเองเป็น "กูกู" สตรีสูงวัย เทพอาวุโสที่ผ่านโลกมามาก แต่จริงๆ แล้วโดยอุปนิสัยนั้นค่อนข้างจะไร้เดียงสา ยิ่งเรื่องสายลมจันทรา (ความรัก) ด้วยแล้ว .. ป๋ายเฉี่ยนนางทั้งอ่อนหัดและความรู้สึกช้า เป็นน้องสาวคนเล็ก เป็นศิษย์คนเล็ก ที่ห้อมล้อมด้วยพี่ชายและศิษย์พี่ใหญ่ พ่อแม่ อาจารย์ และเจ๋อเหยียนเซียนอาวุโสแห่งป่าท้อสิบหลี่ โลกของนางไม่ได้กว้างใหญ่อะไรนัก ความขัดแย้งกันนี้จึงมักจะทำให้มีอะไรให้อมยิ้มได้เสมอ
แต่ทางด้านของเยี่ยหัวนั้นกลับให้ความรู้สึกเศร้า อดีตในหัวใจ การต้องสร้างความรักขึ้นมาใหม่ด้วยการเริ่มต้นจากศูนย์ โดยที่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าป๋ายเฉี่ยนมีความรักต่อม่อเยวียนซ่อนอยู่ในหัวใจล้ำลึกของนางหรือไม่
นิสัยของป๋ายเฉี่ยน ติดค้างผู้อื่นไม่ได้แม้แต่น้อย และไม่อาจทนผงทรายได้แม้แต่น้อยเช่นกัน หนี้ที่ไม่อาจยกโทษให้ในคราวนั้น ความรักของเขาจึงไม่อาจชดเชยแลกกับการให้อภัย แล้วเยี่ยหัวจะทำอย่างไรได้
กว่าป๋ายเฉี่ยนจะรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวในอดีต อาจไม่ใช่เป็นเพียงเพราะเขาไม่เข้าใจนาง แต่ตัวนางเองก็อาจไม่เคยเข้าใจเขาเลยเช่นกัน แล้วในยามนี้จะสายเกินไปหรือเปล่า
เยี่ยหัว ผู้ไม่เคยปล่อยให้คนที่รักต้องเป็นห่วงกังวล ไม่เคยที่จะแสดงความอ่อนแอ ไม่เคยเรียกร้องความสงสารเห็นใจ เป็นทุกข์ก็ได้แต่นิ่งเงียบเอาไว้คนเดียวไม่แสดงออก เป็นคนที่จะอดทนกลืนเลือดเอาไว้ในอกเพียงลำพัง ความดีที่ทำอยู่ลับหลังไม่เคยปริปาก ความผิดพลาดรับไว้ไม่เคยแก้ตัว และแท้จริงแล้วเหตุการณ์นั้นไม่ใช่ทั้งความเข้าใจผิดหรือความผิดพลาด แต่เป็นสิ่งที่เยี่ยหัวได้เลือกทำสิ่งที่ดีดีสุดเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารัก แล้วเยี่ยหัวยังได้ทนแบกรับอะไรอีกหลายอย่างเอาไว้กับตัวเองโดยไม่เคยปริปากแม้แต่คำเดียว
เอาไปเลยคร้าาาาาา จิตพิสัย ร้อยคะแนนเต็ม ปากหนักมากนะคะ พระเอกเนี่ย แต่เค้าชอบ
และคงต้องขอชมอีกครั้งสำหรับการแปลของคุณหลินโหม่ว ฝีมือเธอแน่จริงๆ
เรื่องลำดับต่อไป สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย เห็นว่าปิดการสั่งจองไปแล้ว ถ้าใครมี ได้อ่านแล้ว อยากเสนอขายมือสอง .. แวะมาบอกหน้าไมล์หลังไมค์ได้นะคะ โลกในจินตนการ เผ่าพันธุ์สวรรค์เทพเซียน มันถูกจริตซะจริงๆ ลิขิตเหนือเขนย จะเป็นเรื่องราวความรักของ เฟิ่งจิ่ว กับ มหาเทพตงหัว จากการที่ตัวละครได้ปรากฎอยู่ในเรื่องป่าท้อสิบหลี่ ท่าทางจะเป็นความรักข้างเดียวที่เฝ้ารัก เฝ้ารออย่างมาราธอนกันเลยทีเดียว คิดว่าตัวเองน่าจะถูกใจ

Create Date : 12 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 22 กันยายน 2558 19:04:59 น. |
|
15 comments
|
Counter : 59612 Pageviews. |
 |
|
เราไม่ได้สั่งภาคต่อค่ะ ทั้งที่ตั้งใจจะสอยมาคู่กับภาคแรก แต่เจอราคาแล้วจำใจลาขาด เข้าใจว่าหนังสือยังไม่ออกนะคะ
ส่วนตัว เราชอบภาคสองมากกว่าค่ะ ภาคนี้ได้รู้ความเป็นไปของป๋ายเฉี่ยนกับเยี่ยหัวและอาหลีด้วย. ภาคสอง อาหลีเป็นตัวขโมยซีนที่น่ารักมากๆ และชอบความเกรียนของตงหัวตี้จวินมากๆๆๆ
ภาคสองโรแมนติคกว่าภาคแรกด้วย. ชอบอารมณ์ขันของถังชี แม้จะขัดใจกับตอนจบเล็กๆ เหมือนถังชีจะชอบตัดจบแบบห้วนๆ จัง ทำให้อยากอ่านชีวิตครอบครัวของตงหัวกับเฟิ่งจิ่วต่อ ยังลุ้นว่าถ้าเขียนภาคสามต่อ จะมีเรื่องราวของตี้จวินแทรกมาเป็นระยะๆ บ้าง
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ