Group Blog
 
All blogs
 
The Godfather : ฝ่าดงเลือดสงครามมาเฟีย



เรื่อง : The Godfather
ผู้เขียน : Mario Puzo
ผู้แปล : ธนิต ธรรมสุคติ
สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งที่ ๑๓


ใครคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า The Godfather เป็นหนึ่งในหนังเรื่องที่ควรดูก่อนตาย เมื่อได้เห็นหนังสือเล่มนี้จึงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะสอยมาอ่านเพื่อสนองความอยากรู้มันต้องขนาดนั้นเลยหรือ? อ่านแล้วก็รู้สึกว่าสมค่าราคาคุยของคำโปรยและศักดิ์ศรีของการเป็น BEST SELLER

"สุดยอดอมตอาชญนิยายที่ยิ่งใหญ่สู่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมตลอดกาล"

มันเยี่ยม มันเป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก ชวนลุ้นและติดตามเพลิดเพลิน บางช่วงก็มันส์อย่างแรงจนวางไม่ลง ที่สำคัญคือมันก็แฝงข้อคิดดีๆ หลายอย่างด้วย และเพราะเป็นนิยายที่เขียนได้ดีเหลือเกิน จึงทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังอ่านสารคดีจากเรื่องจริงของแก๊งมาเฟียในประเทศอเมริกาเสียอีก พวกนี้ถือเป็นเหล่าวายร้ายใต้ดินที่มีอำนาจ มีระบอบสังคม(มาเฟีย) และการบริหารจัดการของพวกเขาเอง เหมือนเป็นรัฐบาลซ้อนรัฐบาล ที่เป็นส่วนหนึ่งของขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมของประเทศนี้

โดยความเป็นจริงมันไม่มีเหตุผลอันใดเหมาะควรที่จะสรรเสริญยกย่ององค์การอาชญากร แต่ก็ไม่รู้สิ เมื่ออ่านเดอะก๊อดฟาเธอร์แล้ว รู้สึกชอบอาชญากรครอบครัวนี้มาก อย่างน้อยๆ ก็สองคนเลยล่ะ มันเป็นเหมือนมนต์ขลังของแก๊งมาเฟีย เหตุเดียวกันกับทำให้ชอบหนังมาเฟียฮ่องกง แก๊งสเตอร์เกาหลี หรือยากูซ่าญี่ปุ่น ในกรณีที่มีพระเอกเป็นสมาชิกแก๊งหรือเป็นตำรวจสายลับแฝงอยู่ในแก๊งน่ะนะ

ความมั่นคงจากกระแสเงินตราและเส้นสายอิทธิพลที่โยงใย นำมาซึ่งความแข็งแกร่งของอำนาจในครอบครัว ที่แม้จะถูกท้าทาย ถูกทำให้ระส่ำระส่ายและมีสงครามให้ต้องห้ำหั่น แต่โดยสัน-ดา-น มาเฟียจะต่อสู้ จะใช้ไหวพริบเล่ห์เหลี่ยมทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ เพื่อปกป้องครอบครัว ปกป้ององค์กร ผดุงรักษาลู่ทางทำมาหากินและแสวงหาโอกาสแผ่ขยายอาณาจักรให้เป็นปึกแผ่น

แม้เป็นอาชญากร ก็มีเกียรติยศศักดิ์ศรีให้ปกป้อง
มีเขี้ยวเล็บที่ไม่อาจยอมให้ใครหน้าไหนมาลู่คมได้

บุญคุณเป็นสิ่งต้องทดแทน แค้นเป็นสิ่งต้องชำระเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของคำว่าศักดิ์ศรี ผลโยชน์เป็นเรื่องต้องหารือและทำทุกวิถีทางเพื่อช่วงชิงมาไว้ในครอบครอง และคนที่ทรยศให้เสียประโยชน์อะไรก็ตาม จะไม่มีทางรอดชีิวตไปได้ สันติภาพ(จอมปลอม) เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกันไว้ แต่หากจำเป็นต้องทำสงครามระหว่างมาเฟีย การนองเลือดเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และชัยชนะก็เป็นทางออกเดียวที่มีอยู่ มันสำคัญมากที่จะต้องชนะให้ได้

ในหน้าเว็ป Bookmoby เขียนถึง เดอะก๊อดฟาเธอร์ไว้ดังนี้

เรื่องราวของ ดอน วีโต คอร์เลโอเน เจ้าพ่อมาเฟียลือชื่อในอเมริกา เจ้าของสมญานาม "ก๊อดฟาเธอร์" ที่ต้องหักเหลี่ยมเฉือนคมกับแก๊งอื่นๆ ที่ตั้งตนเป็นใหญ่เข้าคุมธุรกิจต่างๆ หมายขึ้นมาแทนที่ "เดอะ ก๊อดฟาเธอร์" ที่สร้างอาณาจักรของตนมาด้วยความอุสาหะ ดูแลครอบครัวและคนที่ตนปกครองอย่างยุติธรรม โดยอาศัยคนใหญ่คนโตในวงการต่างๆ โดยเฉพาะวงการการเมืองให้การสนับสนุนแลกกับผลประโยชน์ทางการเงิน และด้วยเหตุผลทางการเมือง รวมถึงผลประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายมหาศาล...

โลกของมาเฟียคือโลกมืดที่รุนแรง ตั้งตัวอิสระชนรวมตนเป็นกลุ่มก้อนสะสมอำนาจและดำรงตนอยู่เหนือการควบคุมของกฏหมาย แต่ไม่ใช่ว่ากฏหมายหรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่มีน้ำยา ตรงกันข้ามมันคือเครื่องมีชั้นดีสำหรับคนมีอำนาจและเจ้าหน้าที่ทางการที่จะใช่กดขี่อย่างโหดร้าย หากไม่อยากตกเป็นเบี้ยล่างที่ถูกรังแก ก็ต้องผนึกกำลังผนึกกำลังเป็นองค์กรมาเฟียขึ้นมาถ่วงดุลอำนาจ และสำหรับคนที่ไม่สามารถทำได้ พวกเขาจะต้องจ่ายเพื่อให้ได้รับความคุ้มครอง หรือความยุติธรรมที่ยากเหลือเกินกับการที่ทางการจะโปรดมีเมตตาส่งความยุติธรรมลงมาให้

เจ้าหน้าที่ทางการและมาเฟียจะไม่ขัดแข้งขัดขากันถ้าไม่จำเป็น เพราะต่างก็มีผลประโยชน์ที่สามารถเกื้อกูลกันและกันได้ และความมั่นคงของมิตรภาพนี้จะสั้นชั่วคราวหรืออยู่ยาวนาน ก็ขึ้นอยู่กับราคาค่างวดที่จ่าย และตราบใดที่ไม่คิดบั่นทอนอำนาจของอีกฝ่ายด้วย

มาเฟียมีทั้งพวกยุคเก่าหัวโบราณ ที่คุณธรรมบางอย่างทำให้ไม่ต้องการข้องเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดหรือค้าโสเภณี แต่สำหรับมาเฟียยุคใหม่ การค้ายาเสพติดส่งกลิ่นยั่วยวนของเงินตราอันหอมหวานที่จะได้เก็บเกี่ยวผลกำไรมหาศาลร่วมกัน และนั่นได้กลายเป็นชนวนสงครามระหว่างห้าครอบครัวใหญ่ในนิวยอร์ค มันทำให้เส้นทางทำมาหากินของแต่ละครอบครัวได้พาดผ่านมาขวางทางกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเพราะการกีดขวางมันสร้างความเดือดร้อน มันจึงจำเป็นต้องได้รับการสะสาง

สงครามมาเฟีย ที่ต้องอาศัยสติปัญญาสูง และความอดทนเป็นเลิศ เพราะหากเพลี่ยงพล้ำเพียงน้อยนิด นั่นอาจหมายถึงการล่มสลายของครอบครัว แต่สงครามที่ไม่อาจจบลงโดยง่าย ก็รังแต่จะนำมาซึ่งความสูญเสียผลประโยชน์ ทำมาหากินไม่สะดวก นำไปสู่การเรียกร้องสันติภาพ แต่ไม่ว่าจะเป็นสันติภาพบังหน้า หรือสงครามเดือด สงครามเย็นเบื้องหลัง การจะทำให้สงบลงได้ มันต้องใช้ทั้งอำนาจอิทธิพล และลูกปืน

ดอน วีโต คอร์เลโอเน สร้างตัวเองจากคนตกงานและหาเลี้ยงลูกเมียโดยไปอยู่กับแก๊งที่เชี่ยวชาญการขโมยรถบรรทุกเสื้อผ้าไหม และถูกนักรีดไถละแวกบ้านตามรังควานขอกินส่วนแบ่งที่ไม่ได้มีส่วนรวมในการลงทุนลุงแรงแม้แต่น้อย เขาเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยการสังหารมันอย่างเลือดเย็นมีประสิทธิภาพ ตามที่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และบทบาทของเขาหลังจากนั้นก็คือการเป็น "ผู้แก้ปัญหา" และนำมาซึ่งฐานะของการเป็น "คนที่น่านับถือ" บุกเบิกเส้นทางชีวิตสายอันตรายด้วยความมานะบากบั่นและกลายเป็นเจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของอเมริกา

"ดอน วีโต คอร์เลโอเน เป็นผู้ที่ทุกคนมาขอความช่วยเหลือ และไม่เคยผิดหวังกลับไป เขาไม่เคยให้สัญญาลมๆ แล้งๆ กับใคร ไม่เคยขอโทษโดยอ้างว่ามีอำนาจอื่นๆ ในโลกที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง ไม่จำเป็นหรอกว่าเขาจะต้องเป็นเพื่อนของผู้ที่มาหา ไม่สำคัญด้วยซ้ำไปว่าผู้ที่มาขอความช่วยเหลือจะไม่มีปัญญาตอบแทนบุญคุณได้ มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นที่จำเป็น นั่นก็คือตัวผู้มาหา ตัวผู้นั้นแหละต้องประกาศมิตรภาพ หลังจากนั้นไม่ว่าผู้นั้นจะยากจนหรือไร้อำนาจขนาดไหนก็ตาม ดอน คอร์เลโอเนจะรับความยุ่งยากของผู้นั้นใส่ใจตัวเอง และจะไม่ยอมให้สิ่งใดมาขวางทางแก้ปัญหาให้แก่ความทุกข์ยากของผู้นั้น รางวัลตอบแทนที่ก๊อดฟาเธอร์ได้รับล่ะ ? ก็มิตรภาพนั่นไง ก็คำนำหน้าว่า "ดอน" นั่นไง และบางครั้งก็แสดงความเคารพนับถืออกมาได้ในรูปของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เช่น ไวน์ทำเองสักแกลลอน หรือตาราลเลสใส่พริกที่ทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อตั้งโต๊ะในวันคริสต์มาสสักกระจาด เป็นที่เข้าใจกัน เป็นเพียงมารยาทที่ดีที่จะประกาศว่า คนนั้นๆ เป็นหนี้เขาอยู่และเขามีสิทธิที่จะเรียกหาผู้นั้นได้ทุกเวลาให้มาชำระหนี้ด้วยการทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้เขา" (หน้า 30-31)


"คนอิตาเลียนมีเรื่องตลกๆ ว่า โลกนี้มันยากลำบากมากจนใครๆ ต้องมีพ่อสองคนเพื่อคอยดูแลคนๆ นั้น นี่แหละคนอิตาเลี่ยนถึงต้องมีก๊อดฟาเธอร์"

ดอน วีโต คอร์เลโอเน คือผู้ดูแล คือผู้คุ้มครอง คือผู้บรรเทาทุกข์แด่ผู้ทุกข์ร้อนไร้ที่พึ่งที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ เขาจึงเป็นก๊อดฟาเธอร์ เป็นเหมือนพระเจ้าที่ชี้เป็นชี้ตาย เป็นผู้แก้ไขปัญหา ให้ความยุติธรรมแก่คนเหล่านั้น เขาไม่ใช่คนที่จะเรียกร้อง แต่คนเหล่านั้นก็รับรู้ได้เองว่าสักวันหนึ่งจะต้องตอบแทน

แต่ถึงก๊อตฟาเธอร์จะเป็นเหมือนพระเจ้า แต่เขาก็ไม่ใช่พระเจ้า เป็นมนุษย์ธรรมดาที่เจ็บได้ แก่ได้ และตายได้ ในสักวันหนึ่ง แม้ผู้ยิ่งใหญ่อย่างดอน วีโต้ก็ไม่อาจได้ทุกอย่างมาอย่างสมบูรณ์พร้อม ต่อให้เล่ห์แหลมเปี๊ยบ ฉลาดเป็นกรด ระวังรอบคอบทุกฝีก้าว ก็ต้องมีสักวันที่ความพลาดพลั้งจะเกิดขึ้น

ดอนวีโต้ มีลูกกับภรรยา ๔ คน

ซานติโน (ซันนี่) ลูกชายคนโต เป็นคนโหดเหี้ยมที่ทำคนหวาดกลัวขวัญกระเจิงได้ก็จริง แต่เขาก็วู่วามใจร้อนและยังฉลาดน้อยไปกับการจะเป็นทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งดอนของดอร์เลโอเน

เฟรดดี เป็นคนขยันขันแข็ง จงรักภักดี และเทิดทูนบูชาพ่อของเขามากที่สุด แต่เขาไม่เคยมีความกล้าหรือมีความคิดใดเป็นของตนเองนอกจากการเป็นลูกที่เชื่อฟังและพร้อมจะรับใช้พ่อของเขาเสมอเท่านั้น

ไมเคิล ลูกชายคนเล็ก เขามีพลังเงียบและมีสมองของพ่อทุกอย่าง ความฉลาด ความสุขุมรอบคอบ ความรู้สึกนึกคิดที่ไม่เปิดเผย และใบหน้าที่ยากจะอ่านออก คนใกล้ชิดที่เป็นมือขวาของดอนวีโต้เท่านั้นที่พอจะมองออกว่าไมเคิลเป็นคนที่ "มีทาง" จะได้เป็นทายาทดำเนินธุรกิจของครอบครัวสืบต่อไปมากที่สุด แต่เขากลับเป็นลูกคนเดียวที่ปฏิเสธจะยอมรับการชี้นำของผู้เป็นพ่อ ไมเคิลเป็นคนมีอิสระทางความคิดและเลือกทางเดินของตัวเองอยู่เสมอ เขาเลือกจะไปเป็นทหารรับใช้ชาติโดยไม่ฟังคำคัดค้านของพ่อ เลือกที่จะไม่สนใจช่วยงานของครอบครัวแล้วไปเรียนต่อวิทยาลัย เลือกคนรักของตัวเองที่ไม่สำคัญว่าครอบครัวจะยอมรับหรือไม่ และเลือกทำตัวเป็นคนนอกที่ปรารถนาจะหลุดพ้นไปจากวงจรมาเฟียนี้ เพื่อไปมีชีวิตของเขาเอง แม้การเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวคอร์ลาโอเน ทำให้เขาไม่สามารถจะหลุดพ้นไปได้อย่างเด็ดขาด แต่ไมเคิลก็เลือกจะวางตัวเองไว้ในฐานะ "พลเมือง" คนหนึ่งของอาณาจักรคอร์เลโอเนที่ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการของรัฐบาล เว้นแต่บางเรื่องที่พลเมืองอาจจำเป็นต้องทำหน้าที่คัดค้านอยู่ห่างๆ บ้างเท่านั้น

คอนนี เป็นน้องสาวคนเล็กที่ก็ไม่พ้นการเป็นลูกสาวเจ้าพ่อเอาแต่ใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่าง "ลูกสาว" ที่ได้รับความรักและการตามใจอย่างเต็มที่

ส่วนต่อจากนี้ขอเตือนว่าเป็นการสปอยล์นะคะ
เพราะจะกล่าวถึงความสนุกน่าประทับใจที่มีต่อนิยายเรื่องนี้


ไมเคิล คอร์ลาโอเน เป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก คนที่ไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัว ไม่ต้องการจะเป็นมาเฟีย แต่ในช่วงภาวะวิกฤติเข้าตาจน ไมเคิลที่สังคมมาเฟียตราหน้าว่าเป็นไอ้ลูกชายไม่เอาไหนที่อ่อนแอที่สุด กลับเสนอตัวและวิธีการที่จะแก้ปัญหานั้นอย่างเด็ดขาด และเขาได้ลงมือกำจัด "ตัวปัญหา" อย่างเลือดเย็น

หลายคนมีความห่วงใยไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไมเคิลเชื่อว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่จะทำมันได้ เขาเลือกจะตัดใจจากคนรัก เลือกจะเป็นอาชญากรผู้ลงมือ อย่างที่บอกว่าอำนาจของทางการนั้นมีอยู่(โดยไม่ก้าวก่ายกัน) แต่แม้เพียงการตบหน้าตำรวจลูกกระจ๊อกชั้นปลายแถวคนหนึ่งก็ถือเป็นการลบหลู่อำนาจของทางการที่อาจสร้างปัญหาใหญ่ได้ แต่สิ่งที่ไมเคิลทำมันร้ายแรงยิ่งกว่านั้น มันสร้างความปั่นป่วนไปทั้งวงการ กระทั่งเหล่าบรรดาครอบครัวใหญ่ต้องส่งตัวแทนมาเจรจาขอให้ครอบครัวคอร์ลาเอโนส่งตัวไมเคิลให้ทางการไป (จะได้อยู่กันอย่างสงบสุข) แม้แผ่นดินอเมริกาจะกว้างใหญ่ แต่ไม่ใหญ่ไปกว่าอำนาจของทางการหรืออำนาจมาเฟียจะครอบงำไปไม่ถึง ไมเคิลต้องหลบหนีออกนอกประเทศไปยังเกาะซิซิลี อีกหนึ่งดินแดนของเหล่ามาเฟียที่เป็นแผ่นดินบ้านเกิดของพ่อ ที่ที่ทำให้ไมเคิลได้เติบโตและเริ่มเข้าใจแล้วว่า ทำไมพ่อของเขาจึงมีจุดหมายปลายทางและสร้างชีวิตมาอย่างที่เป็น

"หลังจากมาอยู่ในเกาซิซิลีห้าเดือน ไมเคิล คอร์เลโอเนก็เข้าใจนิสัยใจคอและจุดหมายปลายทางในชีวิตของพ่อ เขาเข้าใจคนเช่นลูคา บราซี และ คาโปเรจิเม เคลเมนซาผู้อำมหิต เข้าใจที่แม่เขาตัดใจได้และยอมรับบทบาทของแม่เอง เพราะในซิซิลีนั้น เขาได้เห็นสิ่งที่คนพวกนี้จะต้องเป็นถ้าไม่ยอมดิ้นรนต่อสู้กับชะตาชีวิตของตนเอง...." (หน้า 403)

"ไมเคิล คอร์เลโอเนเข้าใจเป็นครั้งแรกว่าทำไมคนอย่างพ่อเขาถึงเลือกที่จะเป็นโจรและฆาตกรมากกว่าจะเป็นสมาชิกของสังคมที่ถูกต้องตามกฏหมาย ความจนและความกลัวจะถูกเหยียบย่ำน่ากลัวเกินกว่าที่คนที่มีวิญญาณนักสู้จะยอมรับได้"

แต่ถึงอย่างนั้น ไมเคิลก็ไม่เปลี่ยนความตั้องใจ เขาไม่ต้องการใช้ชีวิตแบบนั้น ไม่ต้องการให้ลูกเมียในอนาคตของเขาต้องดำรงชีวิตสุ่มเสี่ยงอยู่กับอันตรายในโลกมืดนี้

และก็เป็นไมเคิลนี่แหละ ที่สร้างความประทับใจให้กับอาชญนิยายเล่มนี้ จุดหักเหครั้งสำคัญของคนไม่ต้องการเป็นมาเฟีย ที่ได้ฝากข่าวจากเกาซิซิลีมาถึงพ่อของเขาในอเมริกา

"บอกพ่อให้พาข้ากลับบ้าน"

"บอกพ่อว่าข้าอยากเป็นลูกชายของพ่อ"


มันไม่ใช่ชะตากรรมแห่งสายเลือดที่ไมเคิลหลีกหนีวงการมาเฟียไม่พ้น แต่นี่คือเส้นทางที่เขาตัดสินใจเลือกเดินด้วยตัวเอง เพื่อจะปกป้องครอบครัวของเขา คนของเขาและโลกของเขา

ตำแหน่ง "ดอน" ไม่ใช่สิ่งที่จะสืบทอดกันได้ทางสายเลือดเช่นเดียวกับการเป็น "คนที่น่านับถือ" ความอ่อนแอและตกต่ำของตระกูลคอร์เลโอเน ไม่ใช่เรื่องที่นายน้อยอ่อนประสบการณ์อย่างไมเคิลจะเยียวยาและกอบกู้ความยิ่งใหญ่กลับคืนมาได้ นั่นคือสิ่งที่คนในวงการมาเฟียคิดและเชื่อกัน ด้วยความรู้สึกหยามหมิ่น จึงแปรพักตร์ จึงทรยศหักหลัง แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า พวกศัตรูประเมินไมเคิลต่ำเกินไป คนๆ นั้นก็คือ ดอน วีโต้ ที่ได้พักผ่อนในวัยชราภาพด้วยการวางทุกอย่างไว้ในมือของลูกชาย และแน่นอนว่าด้วยความเชื่อมั่นและไว้วางใจสูงสุด

อำนาจอิทธิพลของคอร์เลโอเน่ในนิวยอร์คกำลังจะหมดไป การอพยพไปตั้งถิ่นฐานสร้างอำนาจใหม่ในเมืองอื่นเป็นเรื่องยากที่ไม่สมควรจะคิด เพราะไม่ว่าที่ไหนๆ ก็มีเจ้าของครอบครองและคงไม่ยินยอมให้แทรกแซงเข้าไปในอณาเขตได้ง่ายๆ ครอบครัวคอร์เลโอเน่ดูเหมือนค่อยๆ เสื่อมลงและกำลังจะล่มสลายลงไปเงียบๆ แต่แท้ที่จริงในความเงียบนั้น เป็นเพียงความสงบนิ่งก่อนที่ลมพายุรุนแรงจะโหมกระหน่ำเข้าล้างบางครั้งใหญ่

ความอำมหิตของไมเคิล ไม่อาจทำให้รู้สึกขนลุกได้เท่ากับความอดทนอันลึกล้ำที่มีต่อความแค้นหนึ่ง ความแค้นที่ไม่เคยมีใครได้รับรู้มาก่อนหน้านั้น และเขาก็รอวันที่จะชำระสะสางมันอย่างเยือกเย็น

อ่านตอนไมเคิลก้าวเข้ามาพร้อมกับสัญญาณมรณะ
ก็ยังไม่รู้เลยว่า ทำไมเหยื่อรายนั้นถึงต้องตาย
และเมื่อยมทูตไมเคิลแจ้งสาเหตุที่ต้องเอาชีวิตเป็นเครื่องชดใช้

มันชวนเย็นยะเยียบดีจริงๆ โคดใจเย็น โคดเหี้ยมเกรียม และโคดเท่

คงจริงอย่างดอนวีโต้เคยว่าไว้

"การล้างแค้นเป็นอาหารรสดีที่สุดเมื่อมันเย็นลงแล้ว"

คืนมฤตยู และยี่สิบสี่ชั่วโมงมรณะเดียวกัน การนองเลือดก็สิ้นสุดลงพร้อมกับการผงาดคืนมายิ่งใหญ่อีกครั้งของครอบครัวคอร์ลาเอโน

"คาโปเรจิเม" ทั้งหมด พร้อมเพรียงกับตบเท้าเข้ามาแสดงความความเคารพหัวหน้าครอบครัวคนใหม่ที่พวกเขาเคยเมินเฉยและนึกดูถูก เขาถูกเรียกขาน "ดอน ไมเคิล" อย่างพร้อมใจกัน ด้วยความเต็มใจ ปราศจากสิ้นแล้วซึ่งข้อกังขาในประสบการณ์ ความสามารถ ที่จะสยบเหล่าศัตรูให้ราบคาบ และนำพาครอบครัวนี้ให้อยู่ดีกินดีอย่างมั่งคั่งต่อไปในอนาคต

และ "ดอน ไมเคิล" ก็ได้กลายเป็นหัวหน้าของครอบครัวคอร์เลโอเน่ที่มีอำนาจมากที่สุดในอเมริกา และหากจะว่าไปแล้ว นั่นเป็นความยิ่งใหญ่ที่อาจจะเรียกได้ว่าเหนือกว่าอำนาจของพ่อเขาเองซะอีก

กาลเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง และโลกเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ไมเคิล คอร์ลาโอเน มองการณ์ไกลมานานมากและเริ่มมาแล้วสักพักใหญ่สำหรับการวางแผนอันรอบคอบ เขาเป็นลูกชายที่สืบทอดครอบครัวต่อจากพ่อ แต่เขาก็มีชั้นเชิงวิธีการของเขาเองที่จะปกปักรักษาครอบครัวนี้ ที่จะต้องปรับตัวไปพร้อมกับยุคสมัย ถีบตัวไปให้ไกลจากศัตรูที่อีกไม่นานจะกลายเป็นมาเฟียล้าหลังและยากจะเอื้อมมารังควานถึง (อันที่จริง ก็คงไม่มีใครหน้าไหนกล้าหือแล้วล่ะ) และเขาก็พร้อมแล้วสำหรับการวางรากฐานสู่อนาคตอันรุ่งเรือง

"คนเราต้องมีจุดหมายปลายทางในชีวิตของตัวเอง"

ไมเคิลเข้าใจแล้วว่าทำไมพ่อของเขาชอบพูดแบบนั้น เพราะเขาก็เช่นกันที่จุดหมายปลางทางไม่เคยเปลี่ยน และหากมีสิ่งที่ควรทำก็ต้องทำ เขาเลือกที่จะเป็นดอนไมเคิล ก็เพื่อจุดหมายปลางทางนั้น

จุดหมายที่ต่างออกไปเกินกว่ามาเฟียทั่วไปจะทันคิด

ส่วนพ่อของเขา ดอน วีโต้ คอร์เลโอเน่ ตอนให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่สุด เท่ที่สุดก็ต้องเป็นการประชุมกันของบรรดาครอบครัวใหญ่ในนิวยอร์ค และได้เชิญทุกครอบครัวทั่วสหรัฐมาร่วมด้วย "ในบรรดาครอบครัวต่างๆ นี้ ครอบครัวในนิวยอร์คมีอำนาจอิทธิพลมากที่สุด จึงเป็นที่เข้าใจว่าสวัสดิภาพของครอบครัวทั้งหลายนี้มีผลต่อสวัสดิภาพทั้งหมดของประเทศด้วย" หัวหน้าแต่ละครอบครัวต้องมาเพื่อประเมิณสถาการณ์ที่กำลังตื่นตระหนกอยู่ขณะนี้กับสงครามการล้างแค้นที่สืบเนื่องมาจากหนึ่งชีวิตของเหยื่อสังหารโหด แต่การประชุมมันมีเป้าหมายที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คนตายไม่อาจฟื้น แต่คนเป็นต้องไม่ตาย มันเป็นงานหินชิ้นสำคัญ ที่ต้องระดมครอบครัวทั่วทั้งสหรัฐมามีส่วนร่วมรับรู้และยอมรับเงื่อนไขที่จะพึงมีรวมกัน ดอน วีโต้ คอร์ลาโอเน จะนำลูกชายของเขากลับบ้าน และไม่เคิลจะต้องได้กลับมาอย่างมีชีวิต

Mario Puzo ได้สร้างบทบาทของตัวละครได้เท่ห์กินใจอย่างยากจะลืมลง รวมถึงตัวละครสำคัญๆ คนอื่นที่แวดล้อมชีวิตเจ้าพ่ออยู่ด้วย ขอบคุณ ผู้แปล คุณธนิต ธรรมสุคติ ที่เลือกแปลเรื่องนี้ให้คนไทยได้อ่าน ได้สนุกเพลิดเพลิน และได้อินกับเรื่องราวของ "เจ้าพ่อมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่"






Create Date : 07 พฤษภาคม 2556
Last Update : 25 กันยายน 2556 19:51:57 น. 5 comments
Counter : 7771 Pageviews.

 
รีวิวยาวมาก ละเอียดมาก
แต่อ่านเพลินเลยค่ะ ดูสนุกจัง

ยังไม่เคยอ่านนะ ...แต่อยากถามว่า
นี่หรือเปล่า ต้นแบบของหนังสือนิยายมาเฟีย

เราเคยอ่านแต่นิยายแปล(โรแมนซ์) ..นิยายไทยด้วย
ที่พระเอกเป็นมาเฟีย เป็นดอน ...เยอะแยะเต็มไปหมดเลย

ปล. มีโอกาส จะหามาอ่านค่ะ น่าสนใจมากมาย


โดย: nikanda วันที่: 7 พฤษภาคม 2556 เวลา:19:19:49 น.  

 
ทางมติชนนำกลับมาพิมพืใหม่แล้วเหรอครับ

หลังจากเคยซื้อตอนงานสัปดาห์หนังสือยุคแรกๆ

ตอนนั้นพิมพ์ออกมาเก้าเล่ม

เล่มแปดเล่มเก่า เป็นสำนวนแปลของ
ตำรา ณ เมื องใต้

แต่เล่มหน้าก่อนนั้น ก็คุณธนิตนี้แหละครับ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 7 พฤษภาคม 2556 เวลา:22:21:31 น.  

 
ว้าว รีวิวสนุกดีค่ะ
เคยดูหนังทั้ง 3 ภาค อัลปาชิโน เท่มาก

หนังสือน่าจะมีรายละเอียดมากกว่าในหนังใช่ไหมคะ...


โดย: Serverlus วันที่: 7 พฤษภาคม 2556 เวลา:23:13:26 น.  

 
ชอบตอนเป็นหนังมากค่ะ
อัล ปาชิโน สุดยอดฝีมือ
แต่เวอร์ชั่นหนังสือนี่ยังไม่เคยอ่านเลย
น่าอ่านๆ



โดย: lovereason วันที่: 8 พฤษภาคม 2556 เวลา:15:07:57 น.  

 
เคยดูหนังเรื่องนี้ค่ะ ถ้าจะเรียกว่าเป็นหนังที่ต้องดูก่อนตายก็นับว่าไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย สุดยอดมากๆ
เห็นรีวิวนี้แล้วอยากหาหนังสือมาอ่านเลยค่ะ


โดย: Moonshiner วันที่: 24 พฤศจิกายน 2557 เวลา:20:05:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.