Group Blog
All Blog
|
- - - ว า ด - - -
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ขอบคุณนิยายแฟนตาซีเรื่องนี้ ที่ทำให้ไฟในการอ่านลุกโชนขึ้นอีกครั้ง ไม่ว่าจะมีเพื่อนคุยถึงหนังสือหรือไม่ แต่การอ่านยังเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ แค่อยากวาด ขอบคุณค่ะ ภูพเยีย --- เ ริ่ ม ต้ น ใ ห ม่ อี ก ค รั้ ง---
![]() ![]() ![]() เมื่อวานไปเล่นเวทที่บ้านแบล็ก ที่นี่มีแต่ขาประจำ แต่ละคนมาเล่นที่นี่นานตั้งแต่บ้านบอสยังไม่ปิดตัวลง อาจจะพอ ๆ กับที่ฉันเริ่มวิ่งนั่นแหละ การมาที่นี่ของฉันไม่ได้ดูแปลกใหม่เพียงแต่แปลกที่ มาบ่อยก็คงคุ้นเคยเครื่องเล่นไปเอง นอกจากลู่วิ่งแล้ว อุปกรณ์เล่นอื่น ๆ แทบไม่เคยเห็น เป็นสถานที่ขาโหดมาเล่นรึก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพราะมีสาว ๆ ใส่ท็อป กางเกงรัดกล้ามาเล่นเกือบครึ่ง เล่นจริงจังเสียด้วย ที่สำคัญเป็นสาวสวย รูปร่างดี ตอนฉันเดินเข้าไป สาว ๆ ออกกำลังกายกันอยู่ อยากถ่ายรูปนะ แต่วันแรกจะไปทำรุ่มร่ามแบบนั้นได้ไง ไม่เข้าท่า แถมเด็ก ๆ ยังยกมือไหว้เราสองคนกันจะทั้งบ้านแล้ว วันนี้แบล็กไม่อยู่ น้อง ๆ บอกว่าเขาพาลูกสาวไปโรงพยาบาล หมดนัดผ่าตัดต่อมทอนซิลออก เราเลยไม่รู้จะเริ่มเล่นอะไรยังไงก่อน ทุกคนก็อยู่กับเครื่องเล่นของตัวอย่างขมักเขม้น ความที่เครื่องเล่นแน่นไปหมด ต้องค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปที่บาร์เบล ม้านั่งสีแดงนั่น เหลือสองตัวพอดี จะได้ยกเวทกันก่อน ยกท่าเบสิกที่เคยยกสมัยแรก ๆ ที่เคยยก สร้างกล้ามเนื้อแขน ให้มันไม่หย่อนยานแบบตอนนี้ เป็นเพราะน้ำหนักเราขึ้นเยอะ ใต้ท้องแขนหย่อนคล้อยลง คิดว่าแขนกระชับน่าจะวิ่งได้ดีขึ้น อันนี้คิดเอง ฉันเริ่มที่ดัมเบลล์ข้างละสามกิโล หนักใช่ย่อย ที่บ้านฉันเล่นแค่สองกิโล หนักกว่านี้ยังไม่ได้ซื้อไว้บ้าน มีแต่เครื่องยกบนคานของสามี ฉันยกไม่ไหว ฉันยกเวทสองท่า มี shoulder press ที่ยกดัมเบลล์ขึ้นเหนือหัว แล้วย่อแขนลงมาระดับไหล่ 12 ครั้ง 3 เซต มาวันแรกก็หนักใช่ย่อย แต่มาคราวนี้ไม่เหมือนแรกสุดที่ยกแขนซ้ายไม่ได้เลย ดันดัมเบลล์ขึ้นเหนือหัวไม่ได้ แขนซ้ายง่อยเปลี้ยเพลียแรง เกือบลืมไปเลยว่าเคยมีสภาพแบบนั้น เปลี่ยนจากท่านี้ก็เป็นท่าง่าย ๆ ที่เคยเล่นอย่าง triceps curl ท่าที่วางเข่าราบไปบนม้านั่งแดง แล้วยกดัมเบลไปทางหลัง ให้แขนเหยียดตรงเสมอไหล่ ทำแบบนี้ 12 ครั้ง 3 เซ็ตพอ คือเซ็ตแรกก็แทบแย่แล้ว หนัก และก็ไม่อยากโหมด้วย แต่เรารู้สึกดีเพราะมีเพื่อน มองเขาเล่นโหด ๆ ทำให้เรามีแรง ฉันนี่มันสัตว์สังคมขนานแท้ อยู่ใกล้คนมีพลังก็มีพลังตามไปด้วย แค่สองท่าก่อน แล้วนั่งดูสาว ๆ เล่นสควอทด้วยการดันบาร์เบล เธอย่อขาและใช้หน้าขาออกแรงดันบาร์เบลจนยืนขึ้นตรง ๆ เหมือนท่าเตรียม คือสุดยอดมากเลย ลำพังสควอทแบบไม่ดันไหล่ขึ้น เราก็แทบแย่แล้ว นี่คงเป็นท่าที่เราจะต้องทำให้ได้หากริจะวิ่งเทรล วันนี้ยังเล่นไม่ได้หรอก แต่เพลินมากกับการดูเขาเล่น คือแข็งแรง คือจริงจังตั้งใจ ไม่ได้มากันเล่น ๆ นะเนี่ย น้องที่ใส่ท็อปแต่ละคน หน้าท้องแบนราบ ไม่มีส่วนเกินและไม่มีซิกแพค ผิวผ่องเลย พอเธอสควอทเสร็จก็เธอเปลี่ยนมากระโดดเชือก มียักย้ายส่ายสะโพกตามจังหวะเพลงด้วย สวยมาก แค่กระโดดเชือกธรรมดา ฉันแทบจะกระโดดไม่เป็นแล้ว นั่งดูน้องบู๊กระโดดชือกทุกเย็น ลองทำบ้างยังทำแทบไม่ได้ ลูกบอกว่า กระโดดเชือกได้กำลังข้อเท้านะแม่ ไม่น่าเชื่อว่า กระโดดเชือกที่เคยเป็นเรื่องง่าย ๆ ตอนเด็กนั้น มาตอนนี้ดูยากเย็น หมุนข้อมือตอนกระโดดดูขัด ๆ ต้องหัดกระโดดใหม่ ทำได้ทีละสิบครั้งและเหนื่อย ที่มาเตรียมเวทเพราะอยากให้แกนกลางร่างกายแข็งแรงกว่านี้ น่าจะดีสำหรับการวิ่ง แต่ก็อยากให้มีคนดูแลท่าทางให้ คงต้องรอให้แบล็กมาสอน กะว่าจะมาเวทอาทิตย์ละสองวันน่าจะพอ นอกนั้นก็เล่นอยู่บ้าน ฉันไปดึงเชือกแดง เล่นแต่เครื่องที่เคยเล่นก่อน รอเจ้าของบ้านมาสอนอีกที ภูพเยีย 12 มิถุนายน 2562 --- ไ ร่ เ คี ย ง รุ้ ง 2 0 1 9 ---
![]() ![]() เช้านี้ไปรับบัวดินที่จะส่งให้แม่และน้องชาย เลยได้ชมสวนดอกไม้ที่ไร่เคียงรุ้ง ฉันไม่ค่อยรู้จักต้นไม้สักเท่าไหร่ พี่บอกแล้วก็ลืม จำได้แต่สีม่วงต้นแรกคือ ราชินีแม่น้ำไนล์ agapanthus /ดอกรักซ้อน ที่มีสีขาวและดอกรักสีม่วง นอกนั้นเบลอ ๆ คงต้องไปไล่ถามพี่อีกที ทีละต้นมาแปะชื่อไว้ ตอนเขาโตจะได้เรียกถูก แต่ต้องเคลียร์ต้นหูกระจงออกก่อนเพราะต้นมหึมาแผ่คลุมเป็นชั้น ๆ กว้างใหญ่ไพศาลมาก ต้นไม้อื่นต้องหลบหาแดดจนเอียง และต้นไม้ใต้ต้นหูกระจงก็ไม่โตสักต้น นอกจากมาชมสวนพี่แล้ว เรื่องที่เราคุยกันได้คือเรื่องการเมือง ถามพี่ว่า โอเคมั้ยกับรัฐบาล พี่ชอบลุงหรือธนธ พี่ก็ตอบเราแล้ว การสนทนาเรื่องการเมืองกับคนที่ความคิดต่างจากเรานั้น คำแรกที่ควรเลี่ยงคือ 'คิงมันง่าว' หรือแกมันโง่ที่ชอบเผด็จการหรืออะไรในทำนองนั้น นอกจากจะไม่อยากฟังความคิดอื่น ๆ ความเห็นแตกต่าง ความหวังอันเลือนรางที่เหลืออยู่แล้ว ยังขาดสติและพานเกลียดกันแบบไร้เหตุผล ยากที่จะยอมรับความคิดต่าง ฐานคิดต่าง มองคำว่าประชาธิปไตยก็ต่าง ลุงนักวิ่งที่เคารพท่านนึงเคยให้ความคิดเห็นว่า จากการลองพยายามทำของหน่วยพลีชีพ เราก็พบว่ารายที่รักกันจริง ในเมื่อยังไงก็ไม่เลิกกัน แม้จะอภิปรายการเมืองที่แตกต่าง แต่ดำเนินไปด้วยสำเนียงที่ดุดันขึ้น และเสียงที่ก้าวร้าวขึ้นอย่างชัดเจนแล้วสุดท้ายทั้งคู่ก็ท้อถอยไปต่อความพยายามเกลี้ยกล่อมและราไปเองด้วยความเหนื่อยอ่อน ก่อนที่จะกลับมาสนทนากันอีกครั้งในเรื่องอื่นต่อไป พร้อมกับการรำพึงรำพันว่าเสียเวลา ฆ่าเสียก็ตายก็เปล่า มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เรื่องเผาป่าอีก คือเรื่องโลกแตกมาก ๆ สี่ซ้าห้าปี ยุค คสช ใครหน้าไหนจะมาเผาป่าไปเรื่อย รู้ ๆ กันอยู่ แต่ปีนี้ในเชียงใหม่ พื้นที่ถูกเผามันกระจายไปทั่ว ผิดปกติหากสังเกตกันจริง ๆ ยิ่งใกล้เลือกตั้งก็ยิ่งผิดปกติ ต้องยอมรับความไม่ปกติที่เกิดขึ้น เราทำอะไรได้ตอนนี้ เรื่องน่าคิดและเป็นอยู่ เราคุยการเมืองกับพี่เขาได้ ไม่ได้เลือกข้างเดียวกัน แต่พี่แสดงความคิดเห็นให้เราฟังในมุมที่เรามองไม่เห็นจริง ๆ เออนะ ก็ใช่ เราก็พูดในส่วนของเรา เขาก็แย้งบางมุม เป็นแบบนั้น อย่าไปพูดเรื่องกติกา คำด่า เสียดเย้ยเต็มจอไปหมดแล้ว เอาชนะคะคานจนเสียความเป็นมิตร การไม่แสดงทรรศนะทางการเมืองก็โดนแขวะ ไม่ให้ค่าไปซะงั้น โคตรตลกเลยที่ต้องเขียนทุกสิ่งทุกอย่างที่คิด พูดทุกอย่างทั้งหยาบและไม่หยาบ เดี๋ยวพรรคพวกจะไม่นับถือ หาว่าไม่แน่จริง คนเรามันต้องชัดเจน ไหนบอกว่าอยู่ข้างนี้ แล้วทำเฉย ว่าเข้าไปโน่น เอาล่ะ พอหอมปากหอมคอ แต่อย่ามาคุยกับเราเลย เราไม่ได้ถนอมตัวหรอก เรากวนประสาท อย่าว่าแต่คุณจะรำคาญเลย เราก็รำคาญตัวเองเหมือนกัน มีเรื่องให้คิดและต้องลงมือทำอยู่ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล เราก็ไม่เคยได้รับสิทธิพิเศษ ก่อหนี้ก็ต้องใช้หนี้ของเราเอง ได้แต่หวัง หวัง หวังว่าใครก็ตาม พรรคไหนก็ตามจงมีคุณธรรม ซื่อสัตย์ เห็นประโยชน์ต่อส่วนรวม มันสำคัญมากกว่าคำว่าประชาธิปไตยเสียอีก วันนี้พี่ให้ต้นไม้ ดอกไม้มาปลูกเยอะเลยพร้อมให้คำแนะนำเรื่องนิสัยใจคอของต้นไม้ ปลูกตรงไหนของบ้านจะได้ไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน ยิ่งหน้าบ้าน เราอยากให้คนที่มาออกกำลังกายรอบสระเห็นดอกไม้สวย ใจอยากปลูกบัวดินแต่ก็สวยฤดูฝนเพียงสองสามวัน อยากได้ต้นที่สลับกันสวยได้ตลอดปีค่ะ หน้าฝนหน้า คงได้ชมดอกไม้ (ที่คาดว่าจะรอด)ต้นใหญ่ก็คงไม่ทันใจ รอการเจริญเติบโตต่อ ๆ ไป 😊😍😘 Everyday is Sunday ขอให้มีความสุขทุกท่านนะคะ ขอบคุณค่ะ ภูพเยีย 9 มิถุนายน 2019 --- แ ม่ กำ ป อ ง เ ท ร ล 2 0 1 9 ---
![]() เทรลที่เท่าไรแล้วคะพี่ เด็ก ๆ ถามระหว่างทางวิ่ง นึกไม่ออกเหมือนกันนะ ที่แน่ ๆ ไม่ใช่ครั้งแรก ฉันพอมีประสบการณ์จากการวิ่งเทรลสนามอื่น ๆ มาบ้าง จึงค่อย ๆ เรียนรู้จากแต่ละสนามว่าแตกต่างกันอย่างไร จะต้องเตรียมตัว เตรียมร่างกายเพื่อฝึกซ้อม เตรียมเสบียงอย่างไร สำคัญที่สุดสำหรับเสบียงคือ น้ำอย่าได้ขาด ไม่มีเทรลสนามไหนที่เตรียมน้ำได้พอสำหรับแนวหลังที่เข้ามาถึงจุดเช็คพ้อยต์ เราต้องรอคนแบกมาให้ กว่าจะมาถึงบนดอยสนามที่เราแข่ง แต่ทำไงได้ มาช้าก็ต้องรอ โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่านักวิ่งเทรลเป็นนักวิ่งที่รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ค่อนข้างดี ตรงที่ว่า พวกเขาไม่ค่อยคาดหวังกับการดูแลหรือการจัดการของผู้จัดมากนัก ไม่หวังน้ำบ่อหน้า ไม่อาจเชื่อได้ทั้งหมดว่าเขาจะเตรียมน้ำหรืออาหารให้เราอย่างเพียงพอ เรามีประสบการณ์ตรงมาพอสมควร ถึงจุดเช็คพ้อยต์ที่ผู้จัดบอกว่า มีข้าวไข่เจียว ข้าวสวยร้อน ๆ ให้กินไม่อั้น แต่บนนั้นกลับว่างเปล่า มีน้ำให้เติมและไปต่อได้ก็ดีแล้ว แถมยังไม่มีหน่วยพยาบาลคอยตามดูระหว่างทางวิ่งด้วย เขาให้เราจัดการตัวเอง ถ้าจะถอนตัวออกจากการแข่งขัน เขาจะชี้แจงแต่ละจุดไว้ ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะเอาเปลสนามไปรับแล้วนอนลงมานะ แต่เรานั่นแหละต้องลากสังขารลงทางลัดอีกสองสามกิโลเพื่อไปนั่งรถอีแต๋นที่เขารับไปส่งที่จุดสตาร์ท พร้อมตัดบิบเราและเป็น DNF สำหรับงานนั้น เรื่องวิ่งไม่จบนั้น ไม่มีใครอยากเป็นหรอก มีเหตุและปัจจัยแตกต่างกันไป มีเวลากลับไปทบทวนและค้นหาสิ่งที่เราขาด จากนั้นต้องรวบรวมกำลังใจของเราเพื่อลงสนามหน้า เป็นเรื่องภายในของเราล้วน ๆ ที่จะไปต่อหรือจะหยุดแค่นั้น หยุดพร้อมยอมแพ้และยอมรับว่าเราทำได้ดีที่สุดแล้ว หรือจะสู้กับความพ่ายแพ้ที่อาจจะเกิดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งอาจจะไม่ผ่านอีกเลยก็ได้ แต่ฉันกลับเลือกสู้นะ จะพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันก็สู้ ยิ่งแก่ก็ยิ่งเลิกแคร์คำเปรียบเทียบของคนอื่น ฉันวิ่งช้าและแรงน้อย วิ่งเพื่อตัวเอง ในจังหวะของตัวเอง ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำได้เสมอ พูดถึงสนามวิ่งเทรลกันต่ออีกนิด ใช่ว่าจะไม่มีสนามเทรลที่ดูแลนักวิ่งดีนะ งานเทรลที่เขาใหญ่นี่แหละ เหมาะสำหรับบีกินเนอร์มาก ๆ หน้างานไม่โอ่อ่า อลังการ ไม่ค่อยโปรโมตตัวเองแต่งานดีมาก ๆ สถานที่ธรรมชาติ เส้นทางสวยงามตลอดสาย อาจจะบังคับเป้น้ำแต่ไม่เอาไปก็ไม่เป็นไร เพราะมีน้ำแทบจะทุกสองกิโล มีเกลือแร่ให้กินเหลือเฟือ ที่พิเศษคือข้าวต้มมัดแม่นภาที่แพ็คใส่ถุงพลาสติกห่อละหนึ่งชิ้น อร่อยมาก ๆ มีให้กินอย่างจุใจ แถมให้พกไปกินระหว่างวิ่งได้อีก ขากินอย่างฉันแฮปปี้สุด ๆ วิ่งอย่างมีความสุขที่สุดละงานนี้ ดีใจที่ได้เริ่มแบบไม่ทารุณ ทำให้อยากลองสนามที่ยากขึ้นเป็นธรรมดา ฉันชอบทุกช่วงเวลาของการวิ่ง ไม่ว่าจะการตื่นไปซ้อมหรือลงสนาม ชอบความปรารถนาส่วนตัว ชอบความท้าทายที่หมายถึงความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ แต่ชอบที่สุดคือความค่อยเป็นค่อยไปหลังจากที่ตั้งเป้าหมายไปแล้วว่าจะทำอะไร ค่อย ๆ เริ่มจากระยะสั้น ๆ ไประยะยาว ฉันไม่เคยเริ่มวิ่งแบบก้าวกระโดดสักครั้ง ใจไม่เจ๋งพอ สังขารยิ่งแล้วใหญ่ ตัวก็สั้น ขาสั้นและท้วมกว่าตอนเป็นสาว ๆ ยิ่งเริ่มวิ่งตอนวัยทองยิ่งต้องระมัดระวัง ยังมีอาการวูบวาบและความไม่ปกติอีกมากมายที่ต้องรับมือเพียงลำพัง สำหรับงานเทรลแม่กำปองนั้น ฉันลงระยะกลาง ๆ เอาแค่พอสำเหนียกสำนึกถึงความเหนื่อย พอได้เห็นระยะทางทั่วสนาม ไม่เอาพี้คที่สุดเพราะร่างกายไม่พร้อม ซ้อมน่ะซ้อมแน่แต่ซ้อมไม่พอและพักไม่พอ ที่ซ้อมทุกวัน วิ่งทุกวันนี่ ขอแค่ทันคัทออฟเท่านั้นและไม่บาดเจ็บ (ไม่จบก็ได้แต่ไม่อยากบาดเจ็บ) ทั้งที่เตรียมตัวพร้อมพอสมควร จัดเป้อย่างดี น้ำเต็มถุงเป้และพกน้ำอีกสองขวด เตรียมเกลือแร่ใส่ซองยาเล็ก ๆ เพื่อละลายน้ำกินระหว่างทาง เตรียมเจลไปสิบซองแต่ไม่เคยกินเลย เอาใส่เป้มาฝากคนนั้นคนนี้ แต่คนที่ฉันตั้งใจเอามาฝากเขาไม่กินเจล และอีกคนก็เตรียมมาแล้ว น้อง ๆ ที่วิ่งด้วยกันนั้นกินเจลทุกห้ากิโล เขาซ้อมมาแบบนั้น แต่ฉันกินแต่เกลือแร่ ในเป้ยังมีช็อกโกแลต ซูกัส ขนมปัง กล้วยตาก ทิชชู่เปียก ชุดทำแผล ถุงมือหนัง ไม้เท้าและที่ขาดไม่ได้เลยคือยาดม แต่ที่ลืมสนิทเลยคือถุงเท้า เพราะงานที่ต้องข้ามน้ำจะเอาไปสำรองในถุงซิปไว้ ฉันตกน้ำทุกครั้ง ไม่เคยข้ามน้ำได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่ครั้งนี้หนักสุดคือตกไปทั้งตัวและเปียกแบบละเอียด น้ำซึมไปทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า โชคดีคือ ของในเป้เซฟหมดแม้แต่มือถือเพราะใส่ถุงซิปกันน้ำอีกที เอาน่ะ ต้องวิ่งทั้งรองเท้าเปียก ไม่สนุกเท่าไหร่ แต่ก็ต้องไป ถือว่าอาบน้ำจากธารธรรมชาติ เย็นดี งานนี้หาข้าวเหนียวหมูปิ้งไม่ได้ หลังวิ่งเทรลที่เชียงรายแล้ว เราพกข้าวเหนียวหมูปิ้งกันตลอด มันอยู่ท้องและไปต่อได้สบาย งานเขาประทับช้าง ไร่อ้อยที่น่านหรือตอนขึ้นดอยหนอก ผู้จัดน่ารัก แจกข้าวเหนียวหมูทอด ตอนเช้าก็มีข้าวปลาอาหารให้กิน มีถั่วเขียวต้มน้ำตาลให้กินด้วย ของธรรมดาที่หากินได้ในเวลาปกติแต่มันมีค่ามากตอนเราลงสนาม ถือว่าไปปิกนิกละกัน สนามแม่กำปองสวยนะ แม้วิวไม่กระจ่างตาจนตะลึงอย่างที่ดอยช้างหรือบนดอยหลวงพะเยา ไม่ได้วิ่งขึ้นเขาหรือเลาะริมดอย ไม่ได้ลมภูเขา แต่เส้นทางดีทีเดียว เป็นป่าไผ่ ดินดำดินนุ่ม มีดอกกระเจียวเยอะแยะ ดอกคำมอกสีเหลืองหอม ๆ พราวพื้น แต่โดนย่ำเสียเละเพราะเป็นทางวิ่งของเราทั้งไปและกลับ มีดอกไม้สีขาวที่ฉันไม่รู้จัก หอมกลิ่นป่า กลิ่นแห่งความมีชีวิตชีวาและเสียงหอบ เหนื่อยของตัวเอง งานนี้ฉันเหนื่อยเร็วไป เป็นอาการที่ไม่ได้เผื่อใจไว้ก่อนว่าจะเจอ วิ่งเทรลเหนื่อยน่ะเหนื่อยแน่ อันนี้รู้ แต่อาการขาตายและไปไม่ได้นี่เพิ่งเจอทั้งที่วิ่งช้า ช้าแบบเผื่อเหลือเผื่อ คือไม่ใส่เต็มแรงจนหมดแต่ไปเรื่อย ๆ เกลี่ยกำลังไว้ให้จบ เอาแค่จบเท่านั้น แต่เวลานั้นคือเดิน สวนทางกับสามี เขาบอกว่า ไปหาที่นอนไป พักให้หายแล้วค่อยไป เวลาเหลือเยอะแยะไม่ต้องรีบ เดินไปได้พักนึง พี่ขจรฤทธิ์และน้องอุ๊กำลังสวนทางมา หน้าตาสดใสสุด ๆ เห็นแล้วทึ่งขณะที่ตัวเองหมดสภาพ คล้อยหลังจากนี้คือหมดสภาพมาก ต้องนั่งลงกับพื้นแทบจะทุกสามก้าว จิบน้ำเรื่อย ๆ เติมน้ำเกลือแร่ไว้ทั้งสองขวด เส้นทางก็ไม่ได้โหดจนตกใจ ก็รู้ล่วงหน้าแล้ว ดูกราฟก่อนวิ่ง รู้ว่าบนดอยก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่มีทางราบ ไม่ตื่นตกใจกับเรื่องเหนื่อย แต่ที่่คิดอยากหยุดเพราะอยากเซฟตัวเอง ที่ซาบซึ้งสุดคือ ทุกครั้งที่นั่งอยู่ เด็ก ๆ จะเข้ามาถามไถ่อาการ เราก็บอกว่า 'หมด' ค่ะ หมด คำเดียวสั้น ๆ หมดก็ต้องพัก ไม่มีใครช่วยอะไรเราได้หรอก นั่งพักให้หายเหนื่อยเลย ไม่ต้องฝืนวิ่งไปหยุดไป น้องถามว่า พี่มีเสบียงมั้ยครับ พี่ไหวมั้ยครับ มีน้องที่ให้เราหยิบสเปรย์ไล่แมลงจากหลังเป้ของเขา และเขาช่วยพ่นที่แขนขาและต้นคอให้เราเพราะรู้ว่าเราจะอยู่ตรงนี้อีกนาน น้องผู้ชายอีกคนบอกให้เราเอาบัฟที่คอออก และช่วยเอาน้ำในเป้ของเราชุบผ้าบัฟ ให้เราโปะไปตามเนื้อตัว บางคนเอาน้ำเย็นของเขามาให้เรารดตัว น้องผู้หญิงรุ่นเดียวกันก็หยุดถามตลอดเพราะผลัดกันแซง ผลัดกันตาม สาว ๆ ที่วิ่ง 40 แต่ละคนอย่างเท่ แข็งแรงและน่ารักสุด ๆ เขาไม่รีบ หยุดช่วยเหลือเรา จุดวี้คสุดของเราคือ หูอื้อ ตากล้องบอกฉันว่า พี่ขึ้นทางชันนี้ไปอีกนิด พักที่กระท่อมเลยครับ ที่มีแกลลอนพลาสติกสีฟ้าสองใบ น้ำเต็มเปี่ยมแต่ไม่รู้น้ำอะไร จะวักล้างหน้าก็ไม่กล้า น้ำดำเกิน แต่มีกล้วยน้ำว้าดิบแขวนไว้หนึ่งเครือ ยังกินไม่ได้ แต่พื้นกระท่อมนั้น เป็นของเราโดยปริยาย เราปลดเป้ นอนราบไปกับพื้น ดมยาดม เวลาเหลือ แต่ก่อนมาถึงจุดนี้คือ อยากจะหยุดการแข่งขันแล้ว เพราะน้องบอกว่าอาการที่เราเป็นคือตัวเย็นเฉียบ หูอื้อ มันไม่ปกติ เสี่ยงกับการไตวายได้ ถ้าเราจะออกจากการแข่งขันก็บอกเขาได้ เขาจะแจ้งที่จุดหน้าก่อนถึงจุดที่จะดึงเชือกขึ้นไป แต่น้องอีกคนก็ว่า พักก่อนพี่ ถ้าเคยเป็นแบบนี้ก้พัก เอาพี่ว่า อยากจะลองก็ได้ อีก 15 โล เวลาพี่เหลือเฟือ ฉันได้แต่ขอบคุณและพยักหน้าให้ทุกคน อวยพรให้โชคดีทุกคน พักหายเหนื่อยแล้วก็ไปต่อ ท้อได้ เหนื่อยได้ วิ่งไกลก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เราซ้อมมามากกว่านี้ กว่าจะลงสนามได้ เราต้องซ้อมล่วงหน้ามาก่อนเท่าไร เราตั้งใจจะวิ่งสนามไหน เราก็ต้องซ้อม การซ้อมของคนเราก็หวังผลต่างกัน ซ้อมเพื่อความเป็นเลิศก็เป็นแบบหนึ่ง การบ้านของเขาปึกใหญ่และหนาหนักกว่าเราอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่ของเราซ้อมเอาจริงเอาจังเพียงเพื่อให้ทันคัทออฟ เพราะเราวิ่งช้าและแรงน้อย ถ้าไม่ซ้อมก็ไม่ต้องลงสนามแข่งกับเขาหรอก เป็นภาระของผู้จัดแล้วก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับตัวเอง สนุกก็ไม่สนุก ขนาดว่าซ้อมแต่ก็มีอะไรไม่คาดคิดกับร่างกายได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอระหว่างเส้นทางวิ่งหรือเส้นทางชีวิต แม้เราได้ฝึกฝน เตรียมตัว เตรียมใจรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้า การมีประสบการณ์อาจจะดีตรงที่เราไม่กระวนกระวายใจมาก อะไรเกิดก็เกิด แก้ได้ก็แก้ไขไป แก้ไขไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทุกข์ล่วงหน้า เอาเฉพาะหน้าให้ดี รู้ศักยภาพของตัวเอง รู้จักตัวเอง ถ้าวิ่งแล้วมีแต่ความทุกข์ก็ไม่รู้จะวิ่งไปทำไม อยู่บ้าน นอนตากแอร์อ่านหนังสือก็สบายดี ไม่รู้จะมาตากแดด ตากเหงื่อ ไปทำไม แต่ก็...นะ การวิ่งก็มีเสน่ห์ของมันอยู่ ถ้ารู้ว่าระยะนี้ วิ่งยังไงก็จบ เราคงไม่ต้องวิ่งกันแล้ว เส้นทางไกลมักมีอะไรให้เราเผชิญไม่รู้จบ เราไม่รู้ว่าอะไรรอเราอยู่ แม้วันนั้นเราจะทำทุกอย่างเต็มกำลังแล้วแต่อนาคตก็เป็นสิ่งที่เราไม่รู้ ถ้ารู้อนาคตก็คงไม่ใช่ชีวิต และไม่เคยมีสนามไหนที่สมบูรณ์แบบนั่นหมายถึงสภาพสนามและการวิ่งของเรา ยกเว้นความพึงพอใจส่วนตัว รอยยิ้มที่เรามอบให้ตัวเองได้ ลงสนามแต่ละครั้งก็มีอะไรไม่เหมือนเดิมแม้จะวิ่งสนามเดิม เป็นชีวิตเดิม ๆ แต่เติมรสชาติให้ชีวิตของเราพอกระชุ่มกระชวยหัวใจ เป็นสมดุลของชีวิตทางหนึ่งที่เราเลือก ขอบคุณผู้จัดงานนะคะ โดยรวมเราว่าจัดงานดี มีน้ำเย็นและน้ำหวานที่ไม่ค่อยหวานมากให้ดื่มระหว่างทาง ถ้ามีเกลือแร่ให้น่าจะดีกว่านี้ได้ค่ะเพราะวิ่งระยะไกล แจกข้าวเหนียวหมูทอดก่อนวิ่งก็ได้นะคะ แบกไปเองได้ ชอบเส้นทาง ครั้งนี้ไม่หลง ริบบิ้นเยอะแยะ ตากล้องเยอะจนเครียด ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดท่าไม่ออก สมองเบลอ จะทำมินิฮาร์ทก็ทำไม่ทัน จะชูนิ้วชี้ก็ยังนิ้วหงิก ชูไม่ทันสมองสั่งการ แต่ยิ้มได้เมื่อเห็นกล้อง ก็คนมีความสุขกับการวิ่งอะนะ ขอบคุณน้อง ๆ ทู้กกกกกกกคนที่เจอะเจอกันระหว่างเส้นทางวิ่ง ที่เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือ คอยถามไถ่ ไหวมั้ยพี่ ไหวมั้ย ไปด้วยกันนะ ตามหนูมาพี่ ให้กำลังใจมาตลอดทาง ขอบคุณทุกน้ำใจที่มีมากจนเหลือเฟือเผื่อแผ่ ไม่ตำหนิ ไม่ต่อว่าป้าที่ชอบวิ่งเทรล แถมเข้าใจคำว่า หมด แบบไม่ต้องอธิบายความหมายให้ยืดยาว เราซ้อมนะ แต่ซ้อมไม่พอ ขอบคุณตากล้องทุกท่านนะคะ วิ่งก็งั้น ๆ แต่มีภาพเป็นล้าน 555 เดี๋ยวต้องหาเงินไปปลดลายน้ำ ซื้อภาพไว้เป็นที่ระลึกค่ะ ขอแสดงความยินดีกับฟินิชเชอร์ทุกท่าน และขอให้กำลังคนที่ DQ หรือ DNF ทุกคนนะคะ พักฟื้นร่างกายให้ดีก่อน ถนอมเนื้อถนอมตัวละถูกต้องแล้ว ถ้าจะสู้ต่อก็ซ้อมใหม่แล้วมาลุยกันอีก ขอบคุณทุกท่านที่ได้เจอในวันนั้นค่ะ เราคงได้พบกันอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ ภูพเยีย 2 มิถุนายน 2562 --- R M U T L Half Marathon 2 0 1 9 ---
![]() เช้าวันอาทิตย์ เราตื่นตีสองครึ่ง อาบน้ำอาบท่า ออกบ้านตอนตีสาม ไปรับน้องออยและออกเดินทางไปดอยสะเก็ดซึ่งห่างจากที่พักของเราเกือบชั่วโมง บรรดานักวิ่งจะเข้าใจเรื่องออกบ้านแต่เช้า ไหนจะต้องหาที่จอดรถ ไหนจะต้องอบอุ่นร่างกายก่อนลงสนาม งานนี้เราลงระยะฮาล์ฟมาราธอนไว้ กะจะซ้อมยาวครั้งสุดท้าย เอาแค่ถึงเท่านั้นเพราะพวกเราอ่อนซ้อมกันทุกคน แต่ไม่มีใครมาบ่นโอดโอยอะไร เตรียมใจรับความทุกข์ยากกับระยะทางที่เลือกและแดดร้อนในวันนี้ ขอแค่มีน้ำให้พอทุกจุดเป็นใช้ได้ ด้วยความที่ไม่ได้ลงสนามแข่งนานและไม่ได้ซ้อมวิ่งยาวเป็นเรื่องเป็นราวมาเป็นเดือน ทำให้เตรียมตัวไม่ค่อยดี กินกล้วยดิบไม่ถึงครึ่งลูก รู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจไปสารพัด เพราะวิ่งแบบหิ้วท้องนาน ๆ นี่ไม่สนุก ทรมานและท้อเอาได้ และก่อนวิ่ง ฉันก็เป็นแบบนั้น หน้างานไม่มีอาหารเช้ารองท้อง ไม่มีข้าวต้ม ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เรื่องพวกนี้คือการตั้งความหวังไว้ 0.1 % เท่านั้น เราวิ่งมาหลายสนามพอสมควร พอเดาได้ว่ามันไม่มีแน่ ๆ แต่ก็แอบหวังเล็กน้อยว่าอยากให้มี เพราะหิวเหลือเกิน เราวิ่งวอร์มบนสนามแดงไปมา ยืดเส้นยืดสายจนเหงื่อชุ่ม คิดว่าจะไปช้า ๆ ปล่อยตัวตีห้าแต่อากาศมีแนวโน้มว่าจะร้อนละลายในตอนสายแน่ ๆ จะกินเจลก่อนวิ่งก็ไม่เคยทำ ท้องว่างกินเจลก็อ้วกแตกกันพอดี เศร้าใจไงไม่รู้ที่ไม่กินข้าวก่อนวิ่ง เราสามคน วิ่งคนละเพซ งานนี้ตัวใครตัวมันเหมือนเคย พึ่งตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองอย่างที่ผ่านมา มองไปรอบ ๆ มีแต่เด็ก ๆ แทบไม่มีรุ่นใหญ่อย่างเรามาวิ่ง รุ่น 50 ขึ้นไปมีแค่ 7 คนนะ แต่ฉันรู้ว่าขาแรงมา พี่เขาวิ่งเร็วและเก็บถ้วยแทบจะทุกสนาม ของเราเอาแค่รอดจนถึงเส้นชัยก็หรูแล้ว ปล่อยตัวตีห้าตรงเป๊ะ สาว ๆ ขาขาว ขายาว พร็อพเพียบ หน้าตาดี ยิ้มแย้มแก้มใส ตัวหอมสะอาด วิ่งกันตัวปลิวเลย ให้ตายสิ ดิฉันก็ทะเล่อทะล่าตามเขาไป พอนาฬิกาบอกกิโลแรก ฮ้า... เพซหกหน่อย ๆ บ้าไปแล้ว เริ่มสตาร์ทเพซหกตั้งแต่กิโลแรก เดี๋ยวได้ขาตายหลังกิโลที่สิบแน่ ๆ สติมา ปัญญามี ถอยมาวิ่งเพซแปดแบบที่ซ้อมดีกว่า เจ้าประคุณเอ๊ย สาว ๆ แซงหน้ากันอุตลุด แต่เลิกตื่นเต้นตกใจไปนานแล้ว ใครใคร่แซง แซงไป ใครรีบ ใครซ้อมมาเพื่อทำ New PB ให้เขาสมดังความตั้งใจ เพราะเรื่องพวกนี้คือคุณธรรมในการซ้อม ซ้อมอย่างไรได้อย่างนั้น เรามีมาแค่นี้ จะหวังเวลาหรู ๆ นั้น ไม่มีทาง เพ้อเจ้อ !! ขณะที่ถูกแซงไปคนแล้วคนเล่า รู้สึกข้างหน้าเต็มไปด้วยนักวิ่งขาแรง ฉันไม่กล้าแม้จะหันไปดูข้างหลัง ไม่อยากรู้ว่า มีอีกกี่คนที่ตามมา เราจะทิ้งท้ายของขบวนหรือเปล่า ทำใจให้สบายและค่อย ๆ ไปต่อ วิ่งไปกิโลที่สอง เจอน้องออย กำลังเดิน อาจจะจุก แต่เรารู้กันว่า เดินสักสองสามก้าว เดี๋ยวก็ไปต่อได้ แล้วสักพัก น้องออยก็ตามมาวิ่งข้าง ๆ กัน ฉันวิ่งคุมเพซไปได้เรื่อย ๆ มีน้ำเย็นให้กินทุกสองกิโล แต่มาชะงักกิโลที่ 8 ไม่มีแก้วน้ำ เราก็เลยเอาฝาแกลลอนมาเติมน้ำจากเหยือกที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้ ฉันไม่มีอารมณ์หงุดหงิดอะไรหรอก เพียงแต่คิดว่า ผู้จัดไม่น่าจะพลาดเลย เพราะนักวิ่ง แปดร้อยคน ต้องเตรียมแก้วไว้สักพันห้า นักวิ่งบางคนที่ถึงจุดให้น้ำอาจจะถือสองแก้ว เราวิ่งช้า จะรู้กว่าใครเพราะไม่ค่อยทันกินอะไรสักอย่าง อันนี้เราจะไม่เทียบกับงานนั้นงานนี้นะ แต่คิดว่า คนที่จัดงาน ต้องมีประสบการณ์ในการวิ่งมาแล้วทั้งนั้น ต้องรู้ว่าจะจัดการอย่างไร หลังกิโลที่แปดนี่ เริ่มเคี่ยวเข็ญตัวเองพร้อม ๆ กับแสงเช้าที่ตื่นมาทักทาย ฉันเข้ากิโลที่สิบด้วยเวลา 1.17 ชั่วโมง เท่าที่ซ้อมมาเป๊ะ แต่หลังจากนี้นี่สิคือทุกข์ของแท้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า คิดไปก็ขำ จะวิ่งมินิฯ 13 กิโล ก็คิดว่า แป๊บเดียว ไม่ทันทุกข์ ไม่ทันเหนื่อย ไม่ทันคิดฟุ้งซ่าน ร่างกายยังไม่ได้ต่อสู้กับคำว่าฟินิชเชอร์ ความจริงระยะฮาล์ฟ เป็นระยะที่ดี กำลังพอดี พอให้ร่างกายได้รู้สึกรู้สาและต่อสู้กับตัวเองอีกนิด ปลอบใจตัวเองอีกหน่อย คิดถึงวันเก่า ๆ ที่เข้าเส้นชัย คิดถึงเหรียญที่จะได้และเสื้อสวย ๆ อีกตัว แต่เช้านี้ ไม่เหนื่อยนิด ๆ ล่ะ เราอ่อนซ้อม เลยเหนื่อยมากเป็นพิเศษ ปีที่แล้ว ช่วงนี้เราวิ่ง 26 k ที่กว๊านพะเยากัน ฉันจบซูเปอร์ฮาล์ฟที่พะเยาด้วย 3.17 ชั่วโมง นับว่าดีแม้จะแดดแรง นั่นเพราะซ้อมมาอย่างต่อเนื่องพอสมควร แต่วันนี้พอเข้ากิโลที่ 14 เริ่มฟุ้งซ่าน ฉันหิว วิ่งต่อไปเรื่อย ๆ จนครบสองชั่วโมง ได้มา 16 กิโล แต่หลังจากนี้ ทรมานมาก พระอาทิตย์ทำโอฯ โผล่มาเร็ว เหงื่อเปียกชุ่มเหมือนอาบน้ำเลย ก่อนนี้ฉันไม่ค่อยมีเหงื่อ แปลกใจว่า ช่วงหลัง ๆ เหงื่อผุดออกมาเหมือนตาน้ำ เสื้อ กางเกงเปียกโชกจนถึงถุงเท้าและรองเท้า ค่อนข้างจะงง ไม่ทราบว่าดีหรือไม่ดี แต่ฉันดื่มน้ำทุกจุดที่ให้น้ำ หลังกิโลที่ 16 จน 18 ฉันมองหาเกลือแร่สปอนเซอร์ คาดว่าจะเป็นสปอนเซอร์ในงานวิ่งนี้ แต่ไม่มีจุดไหนให้เกลือแร่เลย เป็นไปได้ยังไง หรือว่า เขาแจกเจลให้พลังงานคนละซองแล้ว ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นนะ เสียดายที่เตรียมตัวไม่พร้อมเอง ฉันแทบจะขาตายแล้วตอนไปถึงกิโลที่ 19 รู้สึกร้อนและเริ่มเหนื่อยมาก กังวลจะเป็นฮีทสโตรก คิดวนกลับไปว่า เรามาเพื่อซ้อมยาวครั้งสุดท้ายก่อนลงสนามใหญ่ ต้องประคองตัวให้ดี อีกสองกิโลก็ค่อย ๆ วิ่ง ๆ เดิน ๆ เอาก็ได้ ระหว่างนั้น น้องออยกลับตัวที่จุดเช็คพ้อยต์และตามมาเดินเป็นเพื่อนกันแล้ว เราเห็นรถกระบะเก็บนักวิ่งระยะเดียวกับเราไปหลายคน ยิ่งทำให้ไม่อยากมองไปข้างหลังเลย ไม่รู้จะเหลือเพื่อนนักวิ่งร่วมทางเราอีกกี่คน แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ยินเสียงสวีปเปอรืหรือรถพยาบาลตามหลัง ภาวะนี้หายไปจากชีวิตวิ่งมาสักระยะ พอซ้อมไม่ถึงก็ระวังหลัง ต้องวิ่งหนีรถพยาบาลเหมือนก่อน ช่วงนี้จุดรับน้ำไม่มีเลย น้องออยติดเงินมา 20 บาท เราแวะซื้อน้ำเปล่าคนละขวดมาต่อชีวิต ใช่ ร้อนจัดจนอยากกินเป๊ปซี่ เกลือแร่และน้ำเย็น ๆ งานนี้ฉันก็พลาดอีก ไม่ได้พกเงิน !! โอ๊ย บทเรียนเก่า ๆ ที่เคยทำเป็นประจำก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง เราวิ่ง ๆ เดิน ๆ แต่ออกไปทางเดินมากกว่าจนถึงกิโลที่ 20 เจอน้องนักวิ่งผู้ชายหยุดยืดเหยียดน่องเพราะตะคริวกินขา อีกคนก็ทรุดลงข้างทาง ตะคริวกินทั้งสองขา แต่มีน้องสองคนมาดูแลอยู่ เห็นเขานั่งยอง ๆ และยืดขากัน เราก็ค่อย ๆ ผ่านเขาไป ระหว่างนี้ก็มีรถกระบะเก็บนักวิ่งไปอีก นี่เหลือเราไม่กี่คนสินะที่ยังต้องไปต่อ แต่อีกกิโลก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะถึง เส้นทางยังเวิ้งว้าง วิวสวยแต่ก็ไม่มีแก่ใจจะชื่นชม อาจจะเห็นวิวสวยมามากแล้วก็ได้ แต่ยืนยันอีกทีว่า เส้นทางดี น่าวิ่งและสวยงาม ฉันถามน้องที่เป็นตะคริวและกำลังจะไปต่อว่า วันนี้เขาให้วิ่ง 21 หรือ 23 กันแน่ เหมือนได้ยินประกาศตอนเช้าว่า ระยะเกินมาสองกิโล น้องสามคนที่วิ่งมาจากข้างหลังบอกว่า เขาแถมให้ครับพี่ แถมตั้งสามกิโลแน่ะครับ เอาล่ะสิ กะกันว่า อีกกิโลจะได้กินข้าวต้มแล้วก็ต้องสู้กันอีกเฮือก พลังกล้วยดิบหมดไปตั้งแต่กิโลที่แปดแล้ว นี่ก็ไปด้วยน้ำเย็น ๆ และตากล้อง งานนี้ตากล้องหลังกิโลที่ 19 เยอะมาก แต่ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะยกไม้ยกมือ คือสมองมันคิดไม่ทัน อ่อนระโหยโรยแรง ทำได้แค่ยิ้มตอนเห็นกล้องเท่านั้น ตากล้องต่อชีวิตให้มีชีวิตชีวาจริงเอย เราก็มีความสุขแบบเรา ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึงว่างั้นเถอะ ทางสองกิโลสุดท้ายเป็นทางขึ้น ๆ ลง ๆ นี่ถ้าแรงดีก็จะจ๊อกกิ้งไปเรื่อย ๆ แต่วันนี้ได้เท่านี้แหละ พยายามไม่ท้อ ไม่ถอดใจ ไปเรื่อย ๆ จนถึงสนามกีฬา เห็นทางวิ่งในสนามสีแดงก็ยิ้มร่า กระแดะวิ่งเข้าเส้นเอาฤกษ์เอาชัย พอถึงเส้นชัย น้องเอาป้ายรางวัลที่ 4 มาให้ ฉันนี่ตกใจและหัวเราะเลย ยังเหลือถ้วยรางวัลอยู่หรือนี่ ขำก็ขำ แต่ดีใจที่พาตัวเองมาจนถึงเส้นชัย อากาศร้อนแทบละลาย หลายคนถอดใจ แต่เราไม่ มันคือความท้าทายอย่างหนึ่งแต่ในความท้าทายก็ระมัดระวังตัวด้วย ไม่อยากเป็นอะไรกลางแดดร้อนขนาดนี้ ฉันรับเหรียญ รับเสื้อฟินิชเชอร์และขึ้นรับถ้วยรางวัลก่อนมานั่งกินข้าวต้ม กินมาม่าผัดอีกหน่อย น้ำแดงอีกแก้วและดื่มน้ำ ซื้อกาแฟในงานกิน กาแฟสดที่เขามาขายในงานวิ่งอร่อยมาก สามีซื้อมาโด้ปเพราะเขาเข้าเส้นชัยนานแล้ว รอฉันนานเลยวันนี้ โดยรวม งานดีนะคะ เส้นทางสวยงาม ขอแนะนำตรงจุดเช็คพ้อยต์หน่อยว่า น่าจะแจกยางรัดผมตรงโค้งกลับตัว ดีที่ไม่เห็นมีใครลักไก่ ยังวิ่งไปกลับตัวตรงที่คุณตำรวจยืนเป็นหลักไว้ เรื่องน้ำ ก็น่าจะรู้แล้วเนาะ แต่ระยะฮาล์ฟ ควรมีเกลือแร่สักสองจุดนะคะ กำลังพอดี ถ้าไม่มี เราจะเตรียมมาเอง แต่น้ำต้องพอ เราวิ่งช้า เราจะบอกได้ว่า นักวิ่งแนวหลังจะเจออะไรบ้าง อีกอย่าง ควรบอกระยะจริงไว้เลยค่ะ จะได้เผื่อกำลังกันถูก อ่อ งานนี้ไม่ทันกินแตงโมงกลีบบาง ๆ นะคะ เสียดายจัง :) กลับบ้านก็ชื่นมื่นดี ไม่เจ็บกันทั้งสามคน แต่ข้ามมาอีกวัน น้องนักวิ่งขาแรงคนหนึ่งมาบอกฉันว่า รุ่น 50 ขึ้นไปของเราน่ะ มีการโกงถ้วยรางวัลด้วย เธอส่งลิ้งก์จากเพจ นักวิ่งกาก ๆ มาให้ดู เห็นเบอร์บิบของนักวิ่งคนนั้นตอนรับถ้วยรางวัลที่สาม และภาพเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์มา ถือว่าผิดกติกาเพราะเรากำลังอยู่ในการแข่งขัน ถ้านั่งรถช่วยเหลือหรือขึ้นรถกระบะ นักวิ่งจะถูกตัดสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์รับเสื้อฟินิชเชอร์หรือเหรียญ ฉันเลยเข้าไปอ่านคอมเม้นท์ซึ่งมีพันกว่า ๆ อ่านกันตาแฉะและแชร์กันสนั่นโลกโซเชี่ยลเลย คือมันเศร้าถ้าเป็นเราทำแบบนี้ คงไม่กล้ามาวิ่งอีก เป็นอารมณ์ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เชื่อว่าใครก็จำเธอได้ต่อให้โพสต์นี้ลบไปแล้ว แล้วเธอคนนั้นก็หน้าตาสวย สูง ขาว ชุดนักวิ่งก็พร้อมมาก ถ้ารุ่นเดียวกันก็จัดว่าเธอดูแลร่างกายได้ดีมาก มาเจอแบบนี้ก็ไม่รู้จะรู้สึกยังไง เราสองคนไม่ได้ไปไลค์หรือไปแสดงความคิดเห็นอะไร ทราบว่า ผู้จัดติดต่อคืนถ้วยรางวัลที่สามจากเธอแล้ว และติดต่อฉันมาแล้วว่า ให้เอาถ้วยรางวัลที่ 4 ไปแลกกัน สำหรับฉัน ไม่คิดมากเรื่องรางวัลใด ๆ เพราะฉันวิ่งช้ามาก เข้าถึงเส้นชัยได้ฉันก็ภูมิใจในตัวเองมากแล้ว ถ้าซ้อมดีก็จะได้เวลาดีกว่านี้แน่นอน แต่เราต้องยอมรับตัวเอง ซ้อมไม่ดีจะมาหวังสูงอะไร งานนี้ผ่านไปแล้ว เตรียมตัวสำหรับสนามหน้า ขอบคุณน้องออย เพื่อนร่วมทางวิ่ง เราคุยแต่เรื่องสนุก ๆ กันมาตลอดระยะทางที่ผู้จัดแถมให้ ขอให้ทุกท่านสุขภาพดีและมีความสุขมาก ๆ นะคะ ขอบคุณค่ะ ภูพเยีย 26 พฤษภาคม 2562 |
ภูเพยีย
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Friends Blog
|