Group Blog
All Blog
--- R M U T L Half Marathon 2 0 1 9 ---


































เช้าวันอาทิตย์ เราตื่นตีสองครึ่ง อาบน้ำอาบท่า ออกบ้านตอนตีสาม ไปรับน้องออยและออกเดินทางไปดอยสะเก็ดซึ่งห่างจากที่พักของเราเกือบชั่วโมง บรรดานักวิ่งจะเข้าใจเรื่องออกบ้านแต่เช้า ไหนจะต้องหาที่จอดรถ ไหนจะต้องอบอุ่นร่างกายก่อนลงสนาม

งานนี้เราลงระยะฮาล์ฟมาราธอนไว้ กะจะซ้อมยาวครั้งสุดท้าย เอาแค่ถึงเท่านั้นเพราะพวกเราอ่อนซ้อมกันทุกคน แต่ไม่มีใครมาบ่นโอดโอยอะไร เตรียมใจรับความทุกข์ยากกับระยะทางที่เลือกและแดดร้อนในวันนี้ ขอแค่มีน้ำให้พอทุกจุดเป็นใช้ได้

ด้วยความที่ไม่ได้ลงสนามแข่งนานและไม่ได้ซ้อมวิ่งยาวเป็นเรื่องเป็นราวมาเป็นเดือน ทำให้เตรียมตัวไม่ค่อยดี กินกล้วยดิบไม่ถึงครึ่งลูก รู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจไปสารพัด เพราะวิ่งแบบหิ้วท้องนาน ๆ นี่ไม่สนุก ทรมานและท้อเอาได้

และก่อนวิ่ง ฉันก็เป็นแบบนั้น


หน้างานไม่มีอาหารเช้ารองท้อง ไม่มีข้าวต้ม ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เรื่องพวกนี้คือการตั้งความหวังไว้ 0.1 % เท่านั้น เราวิ่งมาหลายสนามพอสมควร พอเดาได้ว่ามันไม่มีแน่ ๆ แต่ก็แอบหวังเล็กน้อยว่าอยากให้มี เพราะหิวเหลือเกิน

เราวิ่งวอร์มบนสนามแดงไปมา ยืดเส้นยืดสายจนเหงื่อชุ่ม คิดว่าจะไปช้า ๆ ปล่อยตัวตีห้าแต่อากาศมีแนวโน้มว่าจะร้อนละลายในตอนสายแน่ ๆ

จะกินเจลก่อนวิ่งก็ไม่เคยทำ ท้องว่างกินเจลก็อ้วกแตกกันพอดี เศร้าใจไงไม่รู้ที่ไม่กินข้าวก่อนวิ่ง

เราสามคน วิ่งคนละเพซ งานนี้ตัวใครตัวมันเหมือนเคย พึ่งตัวเอง ให้กำลังใจตัวเองอย่างที่ผ่านมา มองไปรอบ ๆ มีแต่เด็ก ๆ แทบไม่มีรุ่นใหญ่อย่างเรามาวิ่ง รุ่น 50 ขึ้นไปมีแค่ 7 คนนะ แต่ฉันรู้ว่าขาแรงมา พี่เขาวิ่งเร็วและเก็บถ้วยแทบจะทุกสนาม ของเราเอาแค่รอดจนถึงเส้นชัยก็หรูแล้ว


ปล่อยตัวตีห้าตรงเป๊ะ สาว ๆ ขาขาว ขายาว พร็อพเพียบ หน้าตาดี ยิ้มแย้มแก้มใส ตัวหอมสะอาด วิ่งกันตัวปลิวเลย ให้ตายสิ ดิฉันก็ทะเล่อทะล่าตามเขาไป พอนาฬิกาบอกกิโลแรก ฮ้า... เพซหกหน่อย ๆ บ้าไปแล้ว เริ่มสตาร์ทเพซหกตั้งแต่กิโลแรก เดี๋ยวได้ขาตายหลังกิโลที่สิบแน่ ๆ

สติมา ปัญญามี ถอยมาวิ่งเพซแปดแบบที่ซ้อมดีกว่า เจ้าประคุณเอ๊ย สาว ๆ แซงหน้ากันอุตลุด แต่เลิกตื่นเต้นตกใจไปนานแล้ว ใครใคร่แซง แซงไป ใครรีบ ใครซ้อมมาเพื่อทำ New PB ให้เขาสมดังความตั้งใจ เพราะเรื่องพวกนี้คือคุณธรรมในการซ้อม ซ้อมอย่างไรได้อย่างนั้น เรามีมาแค่นี้ จะหวังเวลาหรู ๆ นั้น ไม่มีทาง เพ้อเจ้อ !!

ขณะที่ถูกแซงไปคนแล้วคนเล่า รู้สึกข้างหน้าเต็มไปด้วยนักวิ่งขาแรง ฉันไม่กล้าแม้จะหันไปดูข้างหลัง ไม่อยากรู้ว่า มีอีกกี่คนที่ตามมา เราจะทิ้งท้ายของขบวนหรือเปล่า ทำใจให้สบายและค่อย ๆ ไปต่อ

วิ่งไปกิโลที่สอง เจอน้องออย กำลังเดิน อาจจะจุก แต่เรารู้กันว่า เดินสักสองสามก้าว เดี๋ยวก็ไปต่อได้ แล้วสักพัก น้องออยก็ตามมาวิ่งข้าง ๆ กัน

ฉันวิ่งคุมเพซไปได้เรื่อย ๆ มีน้ำเย็นให้กินทุกสองกิโล แต่มาชะงักกิโลที่ 8 ไม่มีแก้วน้ำ เราก็เลยเอาฝาแกลลอนมาเติมน้ำจากเหยือกที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้ ฉันไม่มีอารมณ์หงุดหงิดอะไรหรอก เพียงแต่คิดว่า ผู้จัดไม่น่าจะพลาดเลย เพราะนักวิ่ง แปดร้อยคน ต้องเตรียมแก้วไว้สักพันห้า นักวิ่งบางคนที่ถึงจุดให้น้ำอาจจะถือสองแก้ว เราวิ่งช้า จะรู้กว่าใครเพราะไม่ค่อยทันกินอะไรสักอย่าง อันนี้เราจะไม่เทียบกับงานนั้นงานนี้นะ แต่คิดว่า คนที่จัดงาน ต้องมีประสบการณ์ในการวิ่งมาแล้วทั้งนั้น ต้องรู้ว่าจะจัดการอย่างไร

หลังกิโลที่แปดนี่ เริ่มเคี่ยวเข็ญตัวเองพร้อม ๆ กับแสงเช้าที่ตื่นมาทักทาย ฉันเข้ากิโลที่สิบด้วยเวลา 1.17 ชั่วโมง เท่าที่ซ้อมมาเป๊ะ แต่หลังจากนี้นี่สิคือทุกข์ของแท้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

คิดไปก็ขำ จะวิ่งมินิฯ 13 กิโล ก็คิดว่า แป๊บเดียว ไม่ทันทุกข์ ไม่ทันเหนื่อย ไม่ทันคิดฟุ้งซ่าน ร่างกายยังไม่ได้ต่อสู้กับคำว่าฟินิชเชอร์ ความจริงระยะฮาล์ฟ เป็นระยะที่ดี กำลังพอดี พอให้ร่างกายได้รู้สึกรู้สาและต่อสู้กับตัวเองอีกนิด ปลอบใจตัวเองอีกหน่อย คิดถึงวันเก่า ๆ ที่เข้าเส้นชัย คิดถึงเหรียญที่จะได้และเสื้อสวย ๆ อีกตัว

แต่เช้านี้ ไม่เหนื่อยนิด ๆ ล่ะ เราอ่อนซ้อม เลยเหนื่อยมากเป็นพิเศษ

ปีที่แล้ว ช่วงนี้เราวิ่ง 26 k ที่กว๊านพะเยากัน ฉันจบซูเปอร์ฮาล์ฟที่พะเยาด้วย 3.17 ชั่วโมง นับว่าดีแม้จะแดดแรง นั่นเพราะซ้อมมาอย่างต่อเนื่องพอสมควร

แต่วันนี้พอเข้ากิโลที่ 14 เริ่มฟุ้งซ่าน ฉันหิว

วิ่งต่อไปเรื่อย ๆ จนครบสองชั่วโมง ได้มา 16 กิโล แต่หลังจากนี้ ทรมานมาก พระอาทิตย์ทำโอฯ โผล่มาเร็ว เหงื่อเปียกชุ่มเหมือนอาบน้ำเลย

ก่อนนี้ฉันไม่ค่อยมีเหงื่อ แปลกใจว่า ช่วงหลัง ๆ เหงื่อผุดออกมาเหมือนตาน้ำ เสื้อ กางเกงเปียกโชกจนถึงถุงเท้าและรองเท้า ค่อนข้างจะงง ไม่ทราบว่าดีหรือไม่ดี แต่ฉันดื่มน้ำทุกจุดที่ให้น้ำ

หลังกิโลที่ 16 จน 18 ฉันมองหาเกลือแร่สปอนเซอร์ คาดว่าจะเป็นสปอนเซอร์ในงานวิ่งนี้ แต่ไม่มีจุดไหนให้เกลือแร่เลย เป็นไปได้ยังไง หรือว่า เขาแจกเจลให้พลังงานคนละซองแล้ว ก็อาจจะเป็นอย่างนั้นนะ เสียดายที่เตรียมตัวไม่พร้อมเอง

ฉันแทบจะขาตายแล้วตอนไปถึงกิโลที่ 19 รู้สึกร้อนและเริ่มเหนื่อยมาก กังวลจะเป็นฮีทสโตรก คิดวนกลับไปว่า เรามาเพื่อซ้อมยาวครั้งสุดท้ายก่อนลงสนามใหญ่ ต้องประคองตัวให้ดี อีกสองกิโลก็ค่อย ๆ วิ่ง ๆ เดิน ๆ เอาก็ได้

ระหว่างนั้น น้องออยกลับตัวที่จุดเช็คพ้อยต์และตามมาเดินเป็นเพื่อนกันแล้ว เราเห็นรถกระบะเก็บนักวิ่งระยะเดียวกับเราไปหลายคน ยิ่งทำให้ไม่อยากมองไปข้างหลังเลย ไม่รู้จะเหลือเพื่อนนักวิ่งร่วมทางเราอีกกี่คน

แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ยินเสียงสวีปเปอรืหรือรถพยาบาลตามหลัง ภาวะนี้หายไปจากชีวิตวิ่งมาสักระยะ พอซ้อมไม่ถึงก็ระวังหลัง ต้องวิ่งหนีรถพยาบาลเหมือนก่อน


ช่วงนี้จุดรับน้ำไม่มีเลย น้องออยติดเงินมา 20 บาท เราแวะซื้อน้ำเปล่าคนละขวดมาต่อชีวิต ใช่ ร้อนจัดจนอยากกินเป๊ปซี่ เกลือแร่และน้ำเย็น ๆ งานนี้ฉันก็พลาดอีก ไม่ได้พกเงิน !! โอ๊ย บทเรียนเก่า ๆ ที่เคยทำเป็นประจำก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง

เราวิ่ง ๆ เดิน ๆ แต่ออกไปทางเดินมากกว่าจนถึงกิโลที่ 20 เจอน้องนักวิ่งผู้ชายหยุดยืดเหยียดน่องเพราะตะคริวกินขา

อีกคนก็ทรุดลงข้างทาง ตะคริวกินทั้งสองขา แต่มีน้องสองคนมาดูแลอยู่ เห็นเขานั่งยอง ๆ และยืดขากัน เราก็ค่อย ๆ ผ่านเขาไป

ระหว่างนี้ก็มีรถกระบะเก็บนักวิ่งไปอีก นี่เหลือเราไม่กี่คนสินะที่ยังต้องไปต่อ แต่อีกกิโลก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะถึง เส้นทางยังเวิ้งว้าง วิวสวยแต่ก็ไม่มีแก่ใจจะชื่นชม อาจจะเห็นวิวสวยมามากแล้วก็ได้ แต่ยืนยันอีกทีว่า เส้นทางดี น่าวิ่งและสวยงาม

ฉันถามน้องที่เป็นตะคริวและกำลังจะไปต่อว่า วันนี้เขาให้วิ่ง 21 หรือ 23 กันแน่ เหมือนได้ยินประกาศตอนเช้าว่า ระยะเกินมาสองกิโล

น้องสามคนที่วิ่งมาจากข้างหลังบอกว่า เขาแถมให้ครับพี่ แถมตั้งสามกิโลแน่ะครับ

เอาล่ะสิ กะกันว่า อีกกิโลจะได้กินข้าวต้มแล้วก็ต้องสู้กันอีกเฮือก พลังกล้วยดิบหมดไปตั้งแต่กิโลที่แปดแล้ว นี่ก็ไปด้วยน้ำเย็น ๆ และตากล้อง

งานนี้ตากล้องหลังกิโลที่ 19 เยอะมาก แต่ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะยกไม้ยกมือ คือสมองมันคิดไม่ทัน อ่อนระโหยโรยแรง ทำได้แค่ยิ้มตอนเห็นกล้องเท่านั้น


ตากล้องต่อชีวิตให้มีชีวิตชีวาจริงเอย เราก็มีความสุขแบบเรา ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึงว่างั้นเถอะ

ทางสองกิโลสุดท้ายเป็นทางขึ้น ๆ ลง ๆ นี่ถ้าแรงดีก็จะจ๊อกกิ้งไปเรื่อย ๆ แต่วันนี้ได้เท่านี้แหละ พยายามไม่ท้อ ไม่ถอดใจ ไปเรื่อย ๆ จนถึงสนามกีฬา เห็นทางวิ่งในสนามสีแดงก็ยิ้มร่า กระแดะวิ่งเข้าเส้นเอาฤกษ์เอาชัย

พอถึงเส้นชัย น้องเอาป้ายรางวัลที่ 4 มาให้ ฉันนี่ตกใจและหัวเราะเลย ยังเหลือถ้วยรางวัลอยู่หรือนี่

ขำก็ขำ แต่ดีใจที่พาตัวเองมาจนถึงเส้นชัย อากาศร้อนแทบละลาย หลายคนถอดใจ แต่เราไม่ มันคือความท้าทายอย่างหนึ่งแต่ในความท้าทายก็ระมัดระวังตัวด้วย ไม่อยากเป็นอะไรกลางแดดร้อนขนาดนี้

ฉันรับเหรียญ รับเสื้อฟินิชเชอร์และขึ้นรับถ้วยรางวัลก่อนมานั่งกินข้าวต้ม กินมาม่าผัดอีกหน่อย น้ำแดงอีกแก้วและดื่มน้ำ ซื้อกาแฟในงานกิน กาแฟสดที่เขามาขายในงานวิ่งอร่อยมาก สามีซื้อมาโด้ปเพราะเขาเข้าเส้นชัยนานแล้ว รอฉันนานเลยวันนี้

โดยรวม งานดีนะคะ เส้นทางสวยงาม ขอแนะนำตรงจุดเช็คพ้อยต์หน่อยว่า น่าจะแจกยางรัดผมตรงโค้งกลับตัว ดีที่ไม่เห็นมีใครลักไก่ ยังวิ่งไปกลับตัวตรงที่คุณตำรวจยืนเป็นหลักไว้

เรื่องน้ำ ก็น่าจะรู้แล้วเนาะ แต่ระยะฮาล์ฟ ควรมีเกลือแร่สักสองจุดนะคะ กำลังพอดี ถ้าไม่มี เราจะเตรียมมาเอง แต่น้ำต้องพอ เราวิ่งช้า เราจะบอกได้ว่า นักวิ่งแนวหลังจะเจออะไรบ้าง

อีกอย่าง ควรบอกระยะจริงไว้เลยค่ะ จะได้เผื่อกำลังกันถูก

อ่อ งานนี้ไม่ทันกินแตงโมงกลีบบาง ๆ นะคะ เสียดายจัง :)

กลับบ้านก็ชื่นมื่นดี ไม่เจ็บกันทั้งสามคน แต่ข้ามมาอีกวัน น้องนักวิ่งขาแรงคนหนึ่งมาบอกฉันว่า รุ่น 50 ขึ้นไปของเราน่ะ มีการโกงถ้วยรางวัลด้วย เธอส่งลิ้งก์จากเพจ นักวิ่งกาก ๆ มาให้ดู เห็นเบอร์บิบของนักวิ่งคนนั้นตอนรับถ้วยรางวัลที่สาม และภาพเธอซ้อนมอเตอร์ไซค์มา ถือว่าผิดกติกาเพราะเรากำลังอยู่ในการแข่งขัน ถ้านั่งรถช่วยเหลือหรือขึ้นรถกระบะ นักวิ่งจะถูกตัดสิทธิ์ ไม่มีสิทธิ์รับเสื้อฟินิชเชอร์หรือเหรียญ

ฉันเลยเข้าไปอ่านคอมเม้นท์ซึ่งมีพันกว่า ๆ อ่านกันตาแฉะและแชร์กันสนั่นโลกโซเชี่ยลเลย คือมันเศร้าถ้าเป็นเราทำแบบนี้ คงไม่กล้ามาวิ่งอีก เป็นอารมณ์ที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก เชื่อว่าใครก็จำเธอได้ต่อให้โพสต์นี้ลบไปแล้ว แล้วเธอคนนั้นก็หน้าตาสวย สูง ขาว ชุดนักวิ่งก็พร้อมมาก ถ้ารุ่นเดียวกันก็จัดว่าเธอดูแลร่างกายได้ดีมาก มาเจอแบบนี้ก็ไม่รู้จะรู้สึกยังไง เราสองคนไม่ได้ไปไลค์หรือไปแสดงความคิดเห็นอะไร ทราบว่า ผู้จัดติดต่อคืนถ้วยรางวัลที่สามจากเธอแล้ว และติดต่อฉันมาแล้วว่า ให้เอาถ้วยรางวัลที่ 4 ไปแลกกัน

สำหรับฉัน ไม่คิดมากเรื่องรางวัลใด ๆ เพราะฉันวิ่งช้ามาก เข้าถึงเส้นชัยได้ฉันก็ภูมิใจในตัวเองมากแล้ว ถ้าซ้อมดีก็จะได้เวลาดีกว่านี้แน่นอน แต่เราต้องยอมรับตัวเอง ซ้อมไม่ดีจะมาหวังสูงอะไร

งานนี้ผ่านไปแล้ว เตรียมตัวสำหรับสนามหน้า ขอบคุณน้องออย เพื่อนร่วมทางวิ่ง เราคุยแต่เรื่องสนุก ๆ กันมาตลอดระยะทางที่ผู้จัดแถมให้









ขอให้ทุกท่านสุขภาพดีและมีความสุขมาก ๆ นะคะ
ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
26 พฤษภาคม 2562




















Create Date : 28 พฤษภาคม 2562
Last Update : 28 พฤษภาคม 2562 14:38:26 น.
Counter : 576 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com