ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เตตูอัน เมืองท่าเก่าแก่แห่งโมร็อกโก

โมร็อกโก อีกหนึ่งเสน่ห์ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ท้องฟ้าสีครามตัดกับฉากของเมืองสีขาวสะอาดสะอ้าน ธรรมชาติที่สวยงาม ประเทศแห่งนี้จึงมีโอกาสได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในทุกๆปี





     เตตูอัน (Tétouan) เป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในภาคเหนือของโมร็อกโก และยังเป็นหนึ่งในสองของเมืองท่าหลักในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สำคัญของโมร็อกโกอีกด้วยค่ะ

     สำหรับการท่องเที่ยวในเมืองเตตูอันนั้น ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ย่านเมืองเก่า (medina) ที่เป็นศูนย์รวมทางด้านประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ที่ถือว่าเล็กแต่สมบูรณ์ที่สุดของโมร็อกโก และยังเป็นเมืองเก่าที่มีความเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคคริสต์ศตวรรษที่ 8 จึงเป็นเหตุที่ทำให้ มะดีนาแห่งเตตูอัน ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลก ในปีคริสต์ศักดิ์ราช 1997ไปแล้วค่ะ





     จุดแรกของการทัวร์ย่านมะดีนานั้นคุณจะพบกับความเก่าแก่ของอาคารบ้านเรือนที่สร้างในแบบดั้งเดิม คือส่วนใหญ่จะเป็นบ้านชั้นเดียวหรือสองชั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะทาด้วยสีขาว ไปชมความคึกคักของผู้คนที่ในเมืองกันที่ ถนน Mohammed V Avea ถนนคนเดินที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของเมือง

     ในช่วงบ่ายๆ หรือ ช่วงเย็นๆของแต่ละวันนั้นจะมีคนมาเดินมากเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วงกลางวันอากาศจะร้อนมาก ในถนนเส้นนี้คุณจะพบกับร้านกาแฟนับหลายสิบร้าน นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหาร ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวตามสองข้างทางมากมาย





     และที่เป็นไฮไลท์สำคัญของเมืองนอกเหนือจากเมืองเก่า ก็คงจะเป็นการไปชมความงดงามของ พระราชวังเตตูอัน (Tétouan Royal Palace) ซึ่งอยู่อีกด้านของย่านมะดีนา โดยพระราชวังนั้นตั้งอยู่ที่ จัตุรัส Hassan II โดยตัวปราสาทนั้นถูกสร้างขึ้นสไตล์ Hispano-Moorish ในช่วงศตวรรษที่ 17

     หลังจากชมพระราชวังเรียบร้อยแล้ว แวะไปชม สุเหร่าและ ป้อมปราการ (Kasbah) ซึ่งอยู่ด้านหน้าพระราชวัง ซึ่งมีความงดงามไม่แพ้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกด้วยค่ะ






 

Create Date : 13 ตุลาคม 2553    
Last Update : 13 ตุลาคม 2553 23:25:35 น.
Counter : 1503 Pageviews.  

สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด ณ ผาหมอกมิวาย

สำหรับคนที่รักในการเที่ยวช่วงหน้าหนาว บางคนอาจกำลังนึกถึงภาคเหนือ ดินแดนแห่งเมืองหนาวที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมไปเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ แต่เรามีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจกว่านั้น...


     ผาหมอกมิวาย ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยามหน้าหนาวของภาคอีสาน ที่แน่นอนว่าคุณก็น่าจะมาเยือนสักครั้งเช่นกัน โดยผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณวนอุทธยานเทือกเขาเขียว เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ จังหวัดร้อยเอ็ด และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 200-600 เมตร

     ในช่วงเช้าและเย็นเมื่อมองจากจุดชมวิวผาหมอกมิวาย จะเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม ป่าไม้ แหล่งน้ำ และทรัพยากรธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งของประเทศไทย


     นอกจากนี้แล้ว ผาหมอกมิวาย ยังถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่อยากจะสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิด และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติผาหมอกมิวาย ชมป่าสมุนไพรไทย สัตว์ป่า และการเกื้อกูลกันในระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อมที่มีความเป็นธรรมชาติ

     สำหรับท่านที่ต้องการมาเที่ยวและพักผ่อน จัดประชุม สัมมนา เรามีสถานที่พร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าเป็นห้องประชุม อาคารที่พัก เต้นท์ กิจกรรมแคมป์ไฟ กิจกรรมเดินป่า(โดยหน่วยพิทักษ์ป่า)ฯลฯ

ข้อมูลเพิ่มเติม: องค์การบริหารส่วนตำบลบึงงาม จังหวัดร้อยเอ็ด
ภาพ: สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว






 

Create Date : 13 ตุลาคม 2553    
Last Update : 13 ตุลาคม 2553 23:24:40 น.
Counter : 2619 Pageviews.  

10 อันดับเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก

10 อันดับเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลกปี 2008 - 2009

จากเวปไซต์
//www.euromonitor.com/Euromonitor_Internationals_Top_City_Destination_Ranking

บทความนี้ขอรับประกัรรายละเอียดและรูปแน่นปึก 100 เปอร์เซ็น อ่านจนตาเปียกตาเฉะกันเลยคับ

อันดับ 10 เมือง อิสตันบูล Istanbul ประเทศ ตุรกี
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 6,682,700 คน / นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากปี 2008 )



แม้ อิสตันบูลจะไม่ใช่เมืองหลวงของตุรกีอย่างกรุงอังการา แต่มีความสำคัญทัดเทียมกัน ทั้งในแง่ที่เป็นเมืองใหญ่ที่สุด และเป็นศูนย์กลางความเจริญด้านธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นฉากสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของอนาโตเลีย เพราะอิสตันบูลก็คือกรุงคอนสแตนติโนเปิลอันยิ่งใหญ่นั่นเอง จึงเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวหากใครไม่ได้ไปเยือน ก็เหมือนไม่ถึงตุรกี และความแปลกของอิสตันบูลหนึ่งเดียวในโลก คือการเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส และทวีปเอเชีย ฝั่งอนาโตเลีย การได้ไปเยือนเหมือนการอยู่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 อารยธรรมที่มีคุณค่า ดั่งอัญมณีของโลก

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอิสตันบูล
ฮิปโปโด รมเป็นศูนย์กลางของชีวิตชาวไบแซ นติอุมเป็นเวลากว่า 1,000 ปี และเป็นศูนย์กลางของออตโตมันหลังจากนั้นอีกกว่า 400 ปี สร้างในสมัย
จักรพรรดิเซ็ปติมุส เซเวรุส สถานที่ท่องเที่ยงอื่นๆ ,Grand Bazaar
เป็น บาซาร์ขนาดใหญ่ที่มีร้านค้ากว่า 4,000 ร้าน,วิหารเซนต์โซเฟีย (Aya Sofya),บลูมอสก์ (Blue Mosque),Cruise Along the Bosphorus,Basilica Cistern,Cruise Along the Bosphorus



อันดับ 9 เขตปกครองพิเศษฮ่องกง Hong Kong ประเทศ จีน
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 7,290,400 คน / นักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 1.0 จากปี 2008 )



ฮ่องกง ประเทศที่คนไทยนิยมมาเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย รวมไปถึงประชาชนจากทั่วโลกก็นิยมไปเยือนที่นี่เช่นกัน ฮ่องกงมีชื่อเสียงด้านแหล่งช้อปปิ้งสินค้าราคาถูกบนถนนนาธาน, เสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆ ราคาแพงลิบลิ่ว,ป่าคอนกรีตหรือตึกระฟ้า, สินค้าอิเลคทรอนิคส์, ของเล่น มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเยี่ยมเยียน ไม่ว่าจะเป็น Hong Kong Disneyland, Ocean Park, The Peak การแสดงแสงสีเสียง Symphony of Light มีวัดศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาสักการะขอพร ไม่ว่าจะเป็นพระใหญ่วัดโปลิน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทองสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก , เจ้าแม่่กวนอิมที่อ่าว Repulse Bay หรือจะเป็น Victoria Peak จุดชมวิวสุงสุดของฮ่องกง มองลงมาจะเห็นโดยรอบเกาะฮ่องกง ซึ่งจะเมืองเห็นป่าคอนกรีตเรียงราย มากมาย ซึ่งฮ่อง เป็น 1-3 เมืองที่มีตึกสูงมากที่สุดในโลก ถ้าใครมาฮ่องกงและไม่มาที่ จุดชมวิวแห่งนี้ เหมือนมาไม่ถึง ฯลฯ ที่สำคัญยังมีอาหารจีนอร่อยๆมากมาย ให้ลองลิ้มชิมรสกันอีกด้วย


อันดับ 8 เมือง Dubai นครดูไบ ประเทศ แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 7,584,500 คน / นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.4 จากปี 2008 )





ดู ไบไม่เหมือนที่ใดในโลก นี่คือศูนย์กลางความหรูหราฟู่ฟ่า ทั่วทั้งเมืองกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายแห่งโอกาสและความมั่งคั่งที่พร้อมปะทุขึ้น ทุกเวลา นี่คือเมืองที่โทรศัพท์มือถือฝังเพชรเครื่องละ 10,000 เหรียญ สหรัฐขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และนี่เมืองที่ในปีหนึ่งๆ มีผู้คนหลายล้านคนบินเข้ามาเพื่อช็อปปิ้งเพียงอย่างเดียว

ดูไบเป็น เมืองที่เรียกได้ว่าล้ำสมัยไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ และสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าสะอาดและปลอดภัย แต่ที่ดูไบเป็นหนึ่งในลิสต์ของนักท่องเที่ยวหลายคน (โดยเฉพาะนักช้อป) ก็เพราะว่าที่นี่มีการขายสินค้าปลอดภาษี นอกจากนี้ ดูไบยังมีตลาดหรือที่เรียกว่า ซุก (Souk) โดยจะขายสินค้ามากมายหลายอย่าง ซุกที่ขึ้นชื่อก็ย่าน Deira Covered Souk ซึ่งถือว่าเป็นตลาดใหญ่ของดูไบ

ดิน แดน ซึ่งเป็นสินค้าชั้นนำและมีชื่อเสียงจากทุกมุมโลกโคจรมารวมกัน เพื่อรอการเลือกสรรจากบรรดาผู้ที่รักการช้อปปิ้ง จนได้รับการขนานนามว่า “ ฮ่องกง แห่ง ตะวันออกกลาง ” อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวแปลกๆที่คุณไม่เคยเจอ หมู่เกาะต้นปาล์ม ,อาคารเบิร์จดูไบ ตึกที่สูงที่สุดในโลก ถึง 828 เมตร 180 ชั้น ,Wild Wadi หนึ่งในสวนน้้ำอันดับหนึ่งของโลก และไม่ต้องกลัวว่าไปเที่ยวดูไบเมืองทะเลทรายแล้วจะขาดน้ำ เพราะทุกวันนี้ดูไบซึ่งไม่มีแหล่งน้ำจืด ได้สร้างโรงกลั่นน้ำทะเลของตัวเอง จนสามารถกลั่นออกมาเป็นน้ำจืด มากกว่าความต้องการจริงถึงวันละ 3 เท่า...ไม่มีฝันอะไรอีกแล้ว ที่ดูไบทำไม่ได้




อันดับ 7 เมือง Antalya อันตัลยา ประเทศ Turkey ตุรกี
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 8,295,600 คน / นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 จากปี 2008 )





แต่ ละปีมีนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศตุรกี ประเทศที่มีอารยธรรมผสมผสานกันระหว่างตะวันออกและตะวันตกหรือยุโรปกับมุสลิม ตุรกีจึงเป็นหนึ่งในสิบอันดับประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ตุรกีมีอีกโลกที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ ย้อนยุคไปสู่โลกของชาวโรมันยุคที่รุ่งเรืองและขยายอาณาจักรครองโลกมาถึงที่ นี่ ในอดีตพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander theGreat) ได้เคยนำกองทัพกรีกอันยิ่งใหญ่ขึ้นฝั่งที่เมืองรอบเมืองท่าอีสเมียร์

หาก จะพูดถึง เมืองอันตัลยา ผมเองและคนไทยหลายๆคนคงไม่รู้จักมากเท่านคร Istanbul อาจเป็นเพราะสื่อต่างๆในไทย จะโปรโมทแต่เมืองอิสตันบูลมาก หากใครคิดจะไปเที่ยวตุรกี ก็ขอแนะนำไปเที่ยวเมืองอันตัลยา เมืองแห่งประวัติศาสตร์อีกเมืองของตุรกี ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทีมีชื่อเสียงของเมืองนี้ที่ทำให้คนไปเยือนมากถึง 8 ล้านคนต่อปี คือ Hıdırlık Tower ป้อมปืนมี่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษ ที่ 2,Hadrian's Gate ประตู หรือ Üçkapıla สร้างขึ้นสมัยในสมเด็จ พระราชินีแห่งเชบา , Attalus II Philadelphus รูปปั้นของกษัตริย์ของ Pergamon ,Scene around Kaleiçi. และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย ไม่แพ้นครอิสตันบูลเลยละ



อันดับ 6 เมือง Paris ปารีส ประเทศ France ฝรั่งเศส
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 8,775,000 คน / นักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 4.4 จากปี 2008 )





ปารีส (Paris) [paˈʁi / ˈpæɹɪs] เป็นเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้น อีล-เดอ-ฟรองซ์ ปารีสได้รับการยกย่องว่าเป็น เมืองหลวงแห่งแฟชั่น มีแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อมากมาย น้ำหอมอันเลืองชื่อ แฟชั่นเสื้อผ้า รองเท้า อันสุดทันสมัย อีกทั้งยังเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกสำหรับอีกหลายๆ คน หอไอเฟล อันสวยงาม ที่มีชื่อเสียง ที่คนไทยและคนทั่วโลกรู้จักเมืองนี้
ปารีส มีแหล่งท่องเที่ยวให้คนทั่วโลกได้ เยี่ยมชมมากมาย อาทิเช่น มงต์มา ร์ตร (Montmartre),แซ็งต์-แฌร์แม็ง-เดส์-เปรส์ (Saint-Germain-des-Prés) แหล่งรวมร้านกาแฟหรู,โรงหนังและแหล่งซื้อ ของ, เลอ มาเรส์ (Le Marais),ถิ่นแฟชั่นทันสมัย, แบลวิล (Belleville),ย่าน ไชน่าทาวน์, โอแบร์กองฟ์ (Oberkampf),ประตูชัยฝรั่งเศส,สถานที่ย่ำนราตรีย่านต่างๆ ของปารีส มีกิจกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และทำให้เมืองหลวงแห่งนี้มีเสน่ห์อย่างที่ เป็นอยู่ การที่แต่ละมุมของปารีสน่าเที่ยวน่าชมเป็นเพราะมีบรรยากาศ ที่ไม่จำเจ มีการผสมผสานอย่างลงตัว ภาพปารีสที่มีผู้คนเดินเล่นขี่ จักรยานหรือเล่นสเก็ตอย่างเสรีบนถนนเลียบแม่น้ำแซนหรือกลุ่มศิลปินที่ นั่งวาดภาพบนสะพานปาสเซอแรล เดส์ ซาร์ (Passerelle des Arts)หรือภาพของ อาคารบ้านเรือนแบบคลาสสิคที่มองลงมาจากศูนย์ศิลปะและวัฒนธรรมปอมปิดู (Pompidou) ภาพเหล่านี้แม้จะมาต่อรวมกันทั้งหมดก็ยังไม่พอที่จะอธิบายความเป็นปารีสได้ เพราะปารีสมีเอกลักษณ์ของตัวเอง


อันดับ 5 เมือง Kuala Lumpur กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย Malaysia
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 8,935,000 คน / นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 จากปี 2008 )




มาเลเซีย ที่นี่ เอเชีย : Malaysia Truly Asia เพื่อนคงจะเห็นโฆษณานี้มาออกอากาศบ้านเรา กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย มีที่ท่องเที่ยวในเมืองหลายที่ ที่น่าสนใจ เริ่มจาก ลานประกาศ เอกราช Independence Square หลังจากที่อังกฤษเคยปกครองมาเลเซียมาอย่างยาวนาน เป็นลานหญ้าสีเขียวขนาดใหญ่ หากจะเทียบกับของประเทศไทย จะคล้ายกับสนามหลวงบ้านเรา และชมอดีต เสาธงที่สูงที่สุดในโลก Union Jack ที่สูงถึง 100 เมตร โดยบริเวณรอบๆนี้ ยังเป็นสถาปัตยกรรมอังกฤษ อย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นตึก อาคาร หอนาฬิกา , วัด จีนเทียนโหว (Then Hou Temple) ที่วัดจีนแห่งนี้ สร้างด้วยเงินทุนของชาวจีนในมาเลเซีย โดยรัฐบาลได้ให้เงินส่วนหนึ่งในการสร้าง และ วัดเทียนโหว ได้รับการย่งย่องว่าเป็นวัดจีนที่สวยสะดุดตา ยิ่งใหญ่ อีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในบริเวณแขวนโคมไฟจีนสีแดงเป็นจำนวนมาก ดูแล้วสวยงามแปลกตา ในวิหารมี เจ้า แม่กวนอิมองค์ ใหญ่โดดเด่น สีทองอร่มทั้งองค์ ยิ่งสร้างความศัทธาเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น ,หรือจะเป็นหอคอย กัวลาลัมเปอร์ (KL Tower) เพื่อชมวิวเมืองกัวลาลัมเปอร์ หอคอยแห่งนี้ สูงเป็นอันดับที่ 4 ในบรรดาหอคอยสื่อสารโลก ซึ่งมีความสูงถึง 421 เมตร เราเดินเท้าเขาไปในตึกด้วยความตื่นเต้น เพื่อขึ้นลิฟท์เชื่อหรือไม่รับว่าจากชั้นล่างสุดเราขึ้นด้วยลิฟท์ใช้เวลาไม่ ถึง2นาที เร็วมากจริงๆ บนหอคอยแห่งนี้ สามารถมองเห็นเมืองกัวลาลัมเปอร์ได้ทั้งเมือง และยังเห็นตึกแฝดปิโตรนาสอีกด้วย เมื่อลงจากหอคอย เราไปลิ้มรสช็อกโกแลตที่ Cocoa Boutique โรงงานผลิตชอคโกแลต ที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย , และย่านช็อปยัง Suria KLCC Shopping Center ศูนย์รวมบรรดาของแบรนด์เนมส์ไว้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เมื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และแหล่งท่องเที่ยวที่ใครไปมาเลเซีย ถ้าไม่ไป เขาเรียกว่าไม่ถึง นั่นคือ หอคอยคู่เปโตรนาส Petronas Twin Towers อาคาร หอคอยคู่เปโตรนาส) เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของเมือง ที่แวดล้อมด้วยสวนสาธารณะ เป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน

"มาเลเซีย" อาจไม่ใช่ปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวชาวไทย "กัวลาลัมเปอร์" อาจอยู่ในลำดับกลางๆ ของตารางการช๊อปปิง ไม่สู้เมืองชื่อดังอย่าง ฮ่องกง สิงคโปร์ กรุงเทพ แต่ "เพื่อนบ้าน" แห่งนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งใน "มิตร" ที่ดีที่สุดของคนไทยใครไม่เชื่อต้องไป พิสูจน์เอง



อันดับ 4 เมือง Singapore สิงคโปร์ ประเทศ Singapore สิงคโปร์
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 10,115,600 คน / นักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 1.6 จากปี 2008 )




สิงคโปร์ เป็น ประเทศเล็กๆ ที่มีความเจริญ และเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย การบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด และใครทำผิดจะได้รับโทษอย่างหนัก แต่ดินแดนแห่งนี้มีผู้คนที่นี่เป็นมิตรดี จะถามทางหรือขอความช่วยเหลือก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่เอาเปรียบนักท่องเที่ยว การเดินทางภายในประเทศมีรถไฟฟ้าครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ สะดวกสบายและปลอดภัยมาก ประชากรของสิงคโปร์มีอยู่ประมาณ 4 ล้านคนเป็นคนจีนซะ 77% มาเลเซีย 14% อินเดีย 8% และที่เหลือเป็นลูกครึ่งยุโรปเอเชียและชาติอื่นๆ

สิงคโปร์เป็น ประเทศที่คนไทยนิยมมาเที่ยวมากที่สุด แห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชื่อเสียงด้านแหล่งช้อปปิ้งสินค้าราคาถูกบนถนน Orchard ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า สินค้าแบรนด์เนมต่างๆ มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปเยี่ยมเยียน ไม่ว่าจะเป็น Resort World Sentosa Singapore, สวนสนุก Universal Studio, Merlion สิงโตทะเล สัญลักษณ์ของประเทศนี้, สวนนก Jurong , Night Safari, เกาะ Sentosa, Singapore Flyer และ Duck Tour ที่ สำคัญยังมีอาหารอร่อยๆ ให้ลองลิ้มชิมรสกันอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบักกุตเต๋, ข้าวมันไก่และสะเต๊ะ ดินแดนลอดช่องแห่งนี้ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก




อันดับ 3 เมือง กรุงเทพมหานคร Bangkok ประเทศ ไทย Thailand
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 10,209,900 คน / นักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 5.8 จากปี 2008 คิดเป็นจำนวนคน ลดลงประมาณ 6 ล้านคน )






กรุงเทพ มหานคร การันตีรางวัลเกี่ยวกับท่องเที่ยวมามามามากมายจากทั่วโลกที๋โหวตให้ เมื่อต้นปีที่ผ่าน กรุงเทพมหานครเมืองหลวงของไทย ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 16,000 คน ให้ได้รับรางวัล World’s Best City หรือเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2553

กรุงเทพ มหานคร ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ดีที่สุดในโลก จากการประกาศผล World’s Best Award ประจำปี 2010 ที่จัดโดยนิตยสาร Travel & Leisure นิตยสารด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในสหรัฐฯ อยู่ในเครือของ American Express จะทำการประกาศผลหลังจากที่ทำการออกแบบสอบถามผู้อ่านให้จัดลำดับแบ่งตาม ประเภทรางวัล อาทิ เมืองที่ดีที่สุด หมู่เกาะที่ดีที่สุด โรงแรมที่ดีที่สุด สายการบินนานาชาติที่ดีที่สุด เป็นต้น ทั้งนี้การพิจารณาเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในโลกจะ พิจารณาจาก
1.สถานที่ ทัศนียภาพ ความสวยงามและร่มรื่น
2.ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี
3.อาหารการกิน
4.แหล่งชอปปิ้ง
5.ความเป็นมิตรของผู้คน
6.ความคุ้มค่าของเงิน


และกรุงเทพ ไม่ได้ติดอันดับจากนิตยสารท่องเที่ยวฉบับนี้ฉบับเดียว แต่กรุงเทพติดการเกือบทุกที่ ที่มีการจัดอันดับทั่วโลก
ประเทศ ไทยก็เช่นเดียวกัน เกือบทุกที่ทั่วโลกก็ vote ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุด อาทิเช่น ประเทศนอร์เวย์นี่ vote ให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวในโลก 7 ปีซ้อน

สำหรับ สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ที่ชาวต่างชาติประทับใจมากที่สุด คือ พระบรมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม

สถานที่นักท่องเที่ยวชอบไปในกรุงเทพ ปทุมวัน ตลาดนัดสวนจตุจักร ราชประสงค์ถนนข้าวสาร ถนนสีลม ประตูน้ำ-พระพรหม-แยกราชดำริ สวนจตุจักร วัดพระแก้ว-วัดโพธิ์ สถานีรถไฟหัวลำโพง

มีคำพูดจากคนไทยหลายๆคนจากเวปพันทิพย์ เกี่ยวกับ กทม ว่า

"นิตยสาร Conde’ Nast Traveler ซึ่งเป็นนิตยสารด้านท่องเที่ยวที่มียอดขายสูงสุด และเป็นที่นิยมและมีความน่าเชื่อถือสูงที่สุดในแวดวงท่องเที่ยวของอเมริกา นี่ ถ้าคนอยู่ในวงการท่องเที่ยวก็จะรู้จักดี เป็นนิตยสารในเครือของ diners clue ก็ทำการสำรวจ ว่ากรุงเทพนี่เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในเอเชีย ถึง 7 ปีซ้อนแล้วครับ โดยไม่เสียแชมป์ให้ที่อื่นเลย ตั้งแต่ปี 2001 อะครับ

นิตยสาร Business Traveller Asia-Pacific ของฮ่องกง ยกย่องกรุงเทพฯ เป็นเมืองยอดเยี่ยมสำหรับการพักผ่อน อันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค ครับ

นิตยสาร Travel and leisure นี่ก็เป็นนิตยสารท่องเที่ยวทีขายดีมากของอเมริกา โดยมีการพิมพ์ขายใน สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน ตุรกี จีน ออสเตรเลีย และเอเชียใต้ อื่นๆ อีกมากมายก ยอดจำหน่ายเขา 4.5 ล้ามเล่นต่อเดือน ก็ vote ให้กรุงเทพเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดของโลก ในปี 2010 ครับ ก่อนหน้านั้นกรุงเทพก็ติด 1-5 มาตลอดครับ มีเชียงใหม่ปนมาบ้างครับ นิตยสารนี้ของ amex ครับ

และ best tourist country ที่จัดโดยประเทศนอรเวย์นี่ ประเทศไทยก็ได้รับการ vote เป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวที่สุด 7 ปีซ้อนแล้วเหมือนกัน

ไม่ต้อง นับผล vote จากนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ประเทศไทยและกรุงเทพ ก็ติดอันดับมาตลอด และนิตยสารอื่นๆ ที่ผมไม่ได้ยกขึ้นมาอีกมากมาย
กรุงเทพ นี่ได้เกือบทุกครั้งที่มีการจัดครับ

คน ไทยคนกรุงเทพ อาจไม่ชอบ แต่อย่างว่าต่างชาติเขาชอบ กรุงเทพนี่รวมความหลากหลายจริง ๆ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ของเรา เซ็นทรัลเวิลด์ พารากอน นี่ก็ติดอันดับโลกในด้านต่างๆ เอเชีย แหล่ง shopping เรา ราชประสงค์ จตุจักร นักท่องเที่ยวก็นิยม

แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนะธรรม ไม่ว่าจะเป็น วัดพระแก้ว วัดอรุณ ก็สวยๆ ทั้งนั้น

แหล่งท่องเที่ยว กลางคืน เราก็มีพร้อมหมด สีลม รัชดา rca ข้าวสาร
แม่น้ำเจ้าพระยาของ เหล่าก็ไปล่องเรือดูสบายๆ บรรยากาศตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมาก

อยาก ไป ทะเลจากกรุงเทพ ก็เดินทางเพียงไม่กี่ชม ก็จะได้เจอทะเลสวยๆมากมาย ถ้าเอาใกล้หน่อย ก็พัทยา มีความบันเทิงครบ ทะเลสวยหน่อย ก็เสม็ด หัวหิน ซึ่งก็ไม่ไกลจากกรุงเทพ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชม ก็ถึงทะเลแล้ว

อาหาร การกินในกรุงเทพ เป็นแหล่งรวบรวม มีทุกชาติอาหารกิน ฝรั่งเศส จีน ไทย ญี่ปุ่น อื่นๆ แถมราคาก็ไม่แพงอีก

การเดินทางในกรุงเทพ โดยเฉพาะแหล่งสำคัญ ตอนนี้การเดินทางก็ง่าย mrt bts ก็ครอบคลุม แหล่งใหญ่ๆ หมดแล้ว

โรงแรม 5 ดาว ริมน้ำเรา ก็มีชื่อเสียงระดับโลก โอเรียนเต็ล เพนนินซูล่า แชงกรีล่า หรือจะโรงแรมในเมือง โฟร์ซีซั่น แกรนด์ไฮแอท ก็ติดอันดับโลกทังนั้นๆ และไม่ใช่อันดับท้ายๆ เป็นอันหนึ่งของโลก อันหนึ่งของเอเชีย มาแล้วทั้งนั้นในด้านการบริการ

ห้องอาหารสวยๆ ที่ติดอันดับโลก sirocco at State Tower ก้ถือว่าเป็นห้องลอยฟ้า แบบเปิด ที่สูงที่สุดในโลก และยังรับ vote ว่า หนังสือพิมพ์เทเลกราฟ เปิดโผสุดยอดบาร์ลอยฟ้าที่ ดีที่สุดในโลก

สปาของหลายๆแห่งก็มีชื่อ เสียงติดอันดับโลก

กรุงเทพ รวมไปด้วยความหลากหลาย ถ้าบางคนจะไม่เชื่อ หรือโยงเข้าเรื่องการเมือง ก็คงต้องทำใจ เพราะเกือบทุกที่ ที่มีการจัดนี่ กรุงเทพติดอันดับตลอดครับ เพราะถ้าคุณจะไม่เชื่อ ก็คงจะไม่ต้องไม่เชื่อหมด ทุกที่ ที่มีการจัด เพราะกรุงเทพ ได้เกือบนิตยสารท่องเที่ยวเกือบทุกฉบับครับ"

"กรุงเทพฯติดอันดับเมืองท่องเที่ยวที่อาหารการกินดี ที่สุดด้วยนะคะ
และเราก็เชื่อผลโหวต ว่ากรุงเทพสุดยอดดดดที่สุด เราเพิ่งกลับจากเกาหลี
ยอมรับว่าอากาศ ความเป็นระเบียบเค้าดีกว่าเรา แต่ความหลากหลายสู้เรา
ไม่ได้ ถ้าการท่องเที่ยวฯ กับรัฐบาล ทำงานกันดีๆรับรองได้ไม่มีที่ไหนสู้ได้
คิดดูแค่อนุเสาวรีย์ กับน้ำพุคลองชองเกชอน เกาหลีเอามาเป็นที่ท่องเที่ยวได้
แล้วของเราล่ะ ราชดำเนินทั้งเส้นอ่ะ ตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะค่ะ วัดเกาหลีไม่เห็น
มีอะไร เลย อิฐเป็นก้อนๆเอามาเรียงๆ ของเราปราณีตสุดๆ "

"เรา ว่าเมืองไทยไม่ได้รับโหวตเพราะถูกอย่างเดียวหรอก ค่ะ อย่าดูถูกบ้านตัวเองกันนัก แล้วอย่าไปคิดว่าฝรั่งจะมีเงินใช้เป็นถุงเป็นถังกันทุกคน

โรงแรมคืน ละหลายแสนที่เมืองไทยก็มี คืนละหลักร้อยก็มี เพราะฉะนั้นไม่ว่าฝรั่งรวยหรือจนก็สามารถมาเที่ยวเมืองไทยได้หมด ไม่ใช่เฉพาะคนจนๆ ถึงจะเลือกมาเที่ยวเมืองไทย

เมืองไทยมีสถานที่ ท่อง เที่ยวเยอะแยะ หลากหลาย เราก็เคยท่องเที่ยวมาบ้าง ประเทศอื่นสวยกว่าเมืองไทยก็มีเยอะค่ะ แต่รวมๆแล้วเมืองไทยเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเท่ี่ยวที่หลากหลายมากประเทศ หนี่ง
คือคุณมาประเทศไทยแล้ว ได้เที่ยวเกือบทุกรุปแบบในราคาที่ไม่แพง เราว่าตรงนี้ก็คือความคุ้มค่าค่ะ"


"คยไปเมืองนอกมา 2-3 แห่ง
ไปเที่ยวบ้านเค้าก็สนุก ดีนะ
อย่างสิงคโปร์เนี่ย สะอาดเรียบร้อยมากกก แต่ขาดเสน่ห์
ของก็แพง ไม่ค่อยถูกปาก อย่างวัดหรืออาคารก็จะเล็กตามขนาดประเทศมั้ง
ชายหาดก็ทำ เทียมขึ้น แต่มีคนไปเที่ยวเยอะมาก

หรือ ฮ่องกงของแบรนด์เนม ถูก แต่ของตลาดนัดเค้าบางอย่าง made in thailand คิดถึงว่าเดิน JJ หรือ ถนนคนเดินที่เชียงใหม่ กำเงินไป 2000 ขนกลับบ้านกระเป๋าตุง ของบางอย่างยังทนใช้มา5-6 ปีแล้วไม่พังเลย

ไป ญี่ปุ่นก็ดี บ้านเมืองเจริญมาก รถไฟวิ่งซอกซอนทุกที่ แต่ คนเยอะมากโดยเฉพาะโตเกียว แย่งกันกิน กันใช้ บ้านเค้าก็มีร้านอาหารเยอะทุกซอกทุกซอย เราเคยลงไปกินชั้นใต้ดินที่เล็กๆ ไม่มีหน้าต่างอับๆ ก็ยังเปิดเป็นร้านอาหารได้อยู่
อยู่โตเกียวรูู้สึก เร่งรีบ มากๆ ตื่นเช้ามารีบออกไปทำงาน ทำงานจนดึกดื่น แล้วค่อยกลับมานอนที่คอนโดหรืออพาร์ทเมนท์อีก เราว่า คนทำงาน กทม. ชิลล์กว่านี้เยอะ เลิกงานมีร้านชิลล์ๆ แถวๆ สาธร สีลม เยอะแยะ (อาจจะเพราะคนไทยไม่ทุ่มกับการทำงานมากเท่าคนญี่ปุ่นก็ได้)
เพื่อนที่ทำ งาน บ.ญี่ปุ่นยังบอก เจ้านายเค้าชอบอยู่เมืองไทยมาก เพราะอยู่นี่สบายมีรถประจำตำแหน่งให้ ลูกก็ได้เรียนโรงเรียนดีๆ ถ้ากลับไปอยู่โตเกียว เค้าต้องขึ้นรถไฟไปทำงานทุกวัน บางคนถูกเรียกตัวกลับญี่ปุ่นก่อนกำหนด ลูกกับภรรยาเค้ายังเลือกอยู่เมืองไทยเพื่อเรียนหนังสือต่อ จนถึงครบกำหนดได้เลย เพราะเด็กอายุ 17-18 เองยังรู้ว่าอยู่นี่สบายกว่า

เวลา กลับมา คิดถึงบ้าน เปรียบเทียบกับที่ไปเที่ยวเสมอ ยังเคยถามเพื่อนที่ไปอยู่ยุโรปแถบๆ สแกนฯ เลยว่าเป็นไง มันบอกเงียบ ฟ้าหม่น 8 เดือน เราก็คิดว๊า..ไม่มี MBK หรือ JJ หรือ Platinum ให้ช็อปเลย ฉันคงอกแตกตาย อิอิ เวลาไปเที่ยวเมืองนอกกลับมาทุกที คิดถึงเมืองไทยม๊ากก มากก ยังไงเราก็ยังคิดว่า กทม.มีเสน่ห์ น่าท่องเที่ยว อยู่เสมอ วัดพระแก้ว วัดอรุณ และวัดมรดกโลกที่อยุธยายังคงสวยงามในความทรงจำเราตลอด "


นี่ คือส่วนหนึ่งของความเห็นที่ชื่นชมบ้านเราเอง แต่คนไทยที่ด่าประเทศตัวเองว่าได้รางวัลได้ยังไงก็มีเช่นกัน และจากการจัดอันดับจำนวนนักท่องเที่ยว เราจะเห็นได้ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว กทม และ ไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการจัดอันดับจะเห็นว่า นักท่องเที่ยวปี 2008 มาถึงปี 2009 คนที่เข้ามาเที่ยว กทม ลดลงถึง 6 ล้านคน จากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งไว้ 15 ล้านคนต่อปี และในปี 2006-2007 กทม ยังรั้งอันดับที่ 2 เมืองที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวมากที่สุดในโลก รองจากลอนดอน
คิดว่าเพื่อนๆ คงจะทราบว่า ปัญหาอะไรที่ทำให้ไทยเสียนักท่องเที่ยวมากขนาดนี้ สูญเงินนับแสนล้านบาท และการยังเป็นแบบนี้ต่อไป นักท่องเที่ยวมาเที่ยวบ้านเราลดลงเยอะกว่านี้อีกแน่นอน เราคนไทยอยากให้รักและสามัคคีกันไว้มากๆนะคับ ประเทศไทยจะได้พัฒนายิ่งๆขึ้นไปและนักท่องเที่ยวจะได้กลับมาเที่ยวไทยเยอะ เหมือนเดิม




อันดับ 2 เมือง นิวยอร์ก New York City ประเทศ สหรัฐอเมริกา United States of America
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 10,786,100 คน / นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.1 จากปี 2008 )





เป็น เมืองที่มีประชากรมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาและอันดับต้นๆของโลก จัดได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน วัฒนธรรม และบันเทิงที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติอีกด้วยนอกจากจะเป็น เมืองที่มีประชากรมากที่สุดแล้ว สัดส่วนพื้นที่ต่อประชากรยังถือว่าหนาแน่นที่สุดในสหรัฐอเมริกาลักษณะ เฉพาะของนิวยอร์กที่แตกต่างไปจากเมืองแห่งอื่นของสหรัฐ อเมริกามีให้เห็นหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบขนส่งที่มีโครงข่ายขนาดใหญ่ ระบบรถไฟใต้ดินนครนิวยอร์กที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงการจราจรและผู้คนที่พลุพล่านอยู่ตลอดเวลา จึงมีคำเปรียบเปรยถึงนิวยอร์กว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับใหล นิวยอร์กมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเกาะแมนแฮตตัน นักท่องเที่ยวมักจะแวะตามที่สถานที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ตึกเอมไพร์เสตต ตึกไครส์เลอร์ ไทม์สแควร์ เทพีเสรีภาพ

เทพีเสรีภาพ
เป็น อนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่ และมีคุณค่าทางจิตใจ ในภาษาอังกฤษ เรียกว่า Statue of Liberty แต่เดิมชื่อว่า Liberty Enlightening TheWorld ตั้งอยู่ ณ เกาะเบคโล ปากอ่าวแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นของขวัญที่ชาวฝรั่งเศสมอบเอาไว้เป็นของขวัญแก่ชาวอเมริกัน ในวันที่อเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี ณ วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2419 โดยส่งมอบอย่างเป็นทางการ โดยมี ประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2429 ปี พ.ศ. 2527 องค์การยูเนสโก ประกาศให้อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นมรดกของโลก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมไม่น้อยกว่า 800,000 คน ตามปกติแล้ว ประชาชนสามารถขึ้นไปชมวิวบนส่วนหัวมงกุฎของเทพีได้ แต่หลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 ทางการได้สั่งปิดอนุสาวรีย์ดังกล่าว ล่าสุด มีการเปิดให้นักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปที่เกาะ เพื่อชมความสวยงามของอนุสาวรีย์จากด้านล่างได้ แต่ยังตัวอนุสาวรีย์ยังปิดอยู่ รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่ส่วนฐานของอนุสาวรีย์ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย

เซ็นทรัลพาร์ค
เป็น สวนสาธารณะขนาด 843 เอเคอร์ (3.4 ตร.กม. หรือประมาณ สนามฟุตบอล 460 สนามต่อกัน) ตั้งอยู่ในเขตแมนฮัตตันของนครนิวยอร์ก เซ็นทรัลพาร์คเปรียบเสมือนโอเอซิสสำหรับชาวแมนฮัตตัน สวนนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลังจากปรากฏในภาพยนตร์และละคโทรทัศน์หลายเรื่อง ตึกเอมไพร์สเตท (Empire State Building) เคยเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก โดยปัจจุบันสูงเป็นอันดับที่ 14 ของโลกตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา มีทั้งหมด 102 ชั้น สูงจากพื้นดิน 381 เมตร (1250 ฟุต) มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 2,158,000ตารางฟุต จุคนได้ 25,000 คน บนยอดสุดมีโดมสูงขึ้นไปอีก 60 เมตร จากชั้นล่างถึงชั้นที่ 86 มีโครงเหล็กเสริมอย่างดี คิดเป็นน้ำหนัก730 ตัน เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2472 สร้างเสร็จเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้

สะพานบรูคลิน
เป็น สะพานแขวนที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีความยาว 1825 เมตร ทอดข้ามแม่น้ำอีสต์ เชื่อมระหว่างนิวยอร์กซิตี แมนฮัตตัน และบรูคลิน

วอลล์สตรีท
ตั้ง อยู่ในแมนแฮตตันตอนใต้ ก็ถือเป็นศูนย์กลางที่มีอิทธิพลต่อระบบการเงินของโลกมาตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 และเป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค

กราวด์ซีโร่
เป็น อีกหนึ่งสถานที่ซึ่งถูกจารึกในประวัติศาสตร์ของ สหรัฐอเมริกา เนื่องจาก “กราวด์ซีโร่” เคยเป็นที่ตั้งของตึกแฝด World Trade Towerไปยังกราวด์ซีโร่ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่ช็อคคนทั้งโลกในเหตุการณ์คราวนั้น

Timesquare
ไทม์สแควร์ เป็นจุดตัดสำคัญของถนนใน แมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก โดยเป็นจุดตัดของถนนบรอดเวย์ กับ ถนนเซเวนท์ เอเวนิว อีกทั้งยังเป็นจุดที่อยู่ระหว่าง ถนนเวสต์ โฟตี เซเคอนด์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ โฟตี เซเวนท์ สตรีท ซึ่งไทม์สแควร์ทอดตัวยาวอยู่บนพื้นที่ในบล็อกระหว่างถนนซิกท์ เอเวนิว กับ ถนนเอกท์ เอเวนิว ในความยาวแนวตะวันออก - ตะวันตก และอยู่บนพื้นที่ระหว่างถนนเวสต์ โฟตีท์ สตรีท กับ ถนนเวสต์ ฟิฟท์ตี เทิร์ด สตรีท ในแนวเหนือ - ใต้ โดยไทมสแควร์เองได้กลายเป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งบนฝั่งตะวันตกของย่านธุรกิจการ ค้าในเขตมิด
ทาวน์ แมนฮัตตัน



อันดับ 1 เมือง ลอนดอน London ประเทศ สหราชอาณาจักรหรืออังกฤษ United Kingdom Or England
(จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2009 ประมาณ 15,033,200 คน / นักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 2.0 จากปี 2008 )




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2553    
Last Update : 11 ตุลาคม 2553 22:36:50 น.
Counter : 2126 Pageviews.  

ตรัง เมืองหมูย่างรสเลิศ เสน่ห์หาดทรายงาม

ถ้ำมรกต

ตรัง

ตรัง

ตรัง

ตรัง

ตรัง

ตรัง

ตรัง

ตรัง


ตรัง

ตรัง (ททท.)

คำ ขวัญ...เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกสีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา

สำหรับผู้ที่หลงใหลบรรยากาศของหาดทราย ชายทะเล กลุ่มเกาะ และอาหารอร่อยแล้ว ไม่มีใครไม่คิดถึง "ตรัง" หรือ "เมืองทับเที่ยง" เมืองท่าค้าขายที่เจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีต และเติบโตต่อเนื่องยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน โดยสั่งสมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ตกทอดไว้ในแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี

และอย่างที่รู้กันว่า ตรัง เป็นดินแดนแรกที่มีการนำต้นยางพารามาปลูก ทุกวันนี้ยางพาราคือพืชเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ ทำรายได้เลี้ยงชีพผู้คนมาอย่างยั่งยืน ไม่เพียงเท่านั้น ความอุดมสมบูรณ์ของตรังยังรวมถึงผืนป่า แหล่งน้ำ และถ้ำน้อยใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าหาดทราย ชายทะเล และหมู่เกาะเลย

การไปเยือน จังหวัดตรัง จึงนับว่าได้ท่องเที่ยวครบทุก รสชาติ ทั้งดินแดนประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต ธรรมชาติ โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเหมาะสมและพอเพียงในแต่ละที่ที่คุณไป

จังหวัดตรัง มีเนื้อที่ประมาณ 4,941 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเล็กเนินน้อยสลับกับที่ราบ ทำให้สันนิษฐานกันว่าชื่อตรัง มาจากคำว่า "ตรังคะ" ในภาษาบาลี ซึ่งแปลว่าลูกคลื่น ตามสภาพพื้นที่ของจังหวัดตรัง ขณะที่อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งบอกว่า ตรังมาจาก "ตรังเค" ภาษามลายู แปลว่า "รุ่งอรุณ" หรือ "สว่างแล้ว" เพราะสมัยก่อน เรือสินค้าจากมลายูจะแล่นมาถึง "ตรัง" ตอนสว่างพอดี



ความเป็นมาของ เมืองตรัง นั้น เริ่มต้นในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยพบหลักฐานคือจารึกวัดเสมาเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งบอกไว้ว่า ตรัง เป็นหัวเมืองที่ขึ้นต่อเมืองนครศรีธรรมราช และหลักฐานอื่น ๆ ที่พบในเวลาต่อมา ทำให้สามารถแบ่งยุคสมัยของวิวัฒนาการเมืองตรังได้เป็น 3 ช่วง คือ

1. สมัยตั้งเมืองที่ตำบลควนธานี (พ.ศ. 2354-2436) ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พบหลักฐานจากทำเนียบกรมการเมืองตรังว่า พระอุไภยธานี ผู้ว่าราชการเมืองตรังคนแรก ได้สร้างหลักเมืองไว้ที่ควนธานี (อยู่ในอำเภอกันตังในปัจจุบัน ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศใต้ 8 กิโลเมตร)

2. สมัยตั้งเมืองที่กันตัง (พ.ศ. 2436-2458) ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยุคนี้พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง ท่านเห็นว่าที่ตั้งเมืองเดิมคือควนธานีนั้นอยู่ห่างจากฝั่งทะเลมาก จึงกราบบังคมทูลขอย้ายที่ตั้งเมืองมาอยู่ที่ตำบลกันตัง เพราะที่นี่เป็นชุมชนใหญ่ มีชาวจีนเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ในช่วงที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีเป็นเจ้าเมืองนี้เองที่ตรังได้รับ การพัฒนาไปอย่างมาก เช่น มีการนำต้นยางพาราจากมลายูมาปลูกเป็นครั้งแรก มีการตัดถนนจากตรังไปพัทลุง สร้างท่าเรือเพื่อรองรับการค้าขายกับต่างชาติ ฯลฯ นับเป็นยุครุ่งเรืองอย่างยิ่งเลยทีเดียว

3. สมัยตั้งเมืองที่ทับเที่ยง (พ.ศ. 2458 จนถึงปัจจุบัน) ล่วง มาถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทรงมีพระราชดำริว่า เมืองกันตังมีพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยจากอริราชศัตรู อีกทั้งมีการระบาดของไข้อหิวาตกโรค จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ที่ตำบลทับเที่ยง ซึ่งเป็นที่ตั้งของอำเภอเมืองตรังในปัจจุบันนั่นเอง

เกาะมุก

ตรัง

สถานที่ท่องเที่ยว ที่ไม่ควรพลาด

สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาช่อง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 ตำบลเขาช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ไปตามทางหลวงสายตรัง-พัทลุง อยู่ห่างจากตัวเมืองตรัง 21 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และน้ำตกต่าง ๆ วันเปิดทำการทุกวัน ไม่เสียค่าเข้าชม

พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ตั้งอยู่เลขที่ 1 ถนนค่ายพิทักษ์ ตำบลกันตัง อยู่ห่างจากเทศบาลกันตังประมาณ 200 เมตร เป็นที่ตั้งของสถานที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญ คือ “จวนเก่าเจ้าเมืองตรัง” หรือบ้านพักอดีตเจ้าเมืองตรังพระยารัษฎานุประดิษฐ์ เปิดทำการทุกวัน ไม่เสียค่าเข้าชม

ยางพาราต้นแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ริมถนนก่อนเข้าสู่ตัวอำเภอกันตัง หน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง เป็นต้นยางรุ่นแรกที่พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ

เขาปินะ ภูเขาลูกนี้ภายในกลวงจนถึงยอดเขา มีลักษณะคล้ายกะทะคว่ำ ตรงเชิงเขาเป็นที่ตั้งของวัดปินะ มีบันไดขึ้นไปชมถ้ำ ซึ่งมีอยู่หลายชั้นและชมทิวทัศน์รอบ ๆ เขาได้ บริเวณทางเข้าถ้ำมีพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่

ถ้ำมรกต

เกาะมุก-ถ้ำมรกต ตั้ง อยู่บนฝั่งตะวันออกของเกาะ นับเป็นจุดเด่นที่สุดในทะเลตรัง ลักษณะของเกาะทางด้านทิศตะวันตกส่วนใหญ่เป็นโขดหน้าผาหินสูงตระหง่านหัน หน้าออกสู่ทะเล นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปเกาะมุก สามารถลงเรือจากท่าเรือปากเมง อำเภอสิเกา ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที ค่าเช่าเรือเหมาลำราคาประมาณ 1,500 บาท/วัน หรือนั่งเรือโดยสารขึ้นที่ท่าเรือกวนตุงกู ค่าเรือคนละ 40 บาท ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

สวนสาธารณะควนตำหนักจันทน์ ตั้งอยู่ที่อำเภอกันตัง อยู่ในเขตเทศบาลตำบลกันตัง ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 24 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 250 ไร่

วนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง อยู่ในท้องที่บ้านควนแคง หมู่ที่ 7 ตำบลบ่อน้ำร้อน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาหวาง ป่าควนแคง และป่าน้ำราบ มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549

หาดยาว ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลเกาะลิบง เป็นหาดทรายยาวต่อจากโขดเขารูปกระโดงฉลามขึ้นมาทางด้านเหนือ มีสนทะเลขึ้นเป็นแนวดูสวยงาม มีชายหาดกว้างเหมาะจะเข้าค่ายพักแรม และมีบริการที่พักของเอกชน จากตัวเมืองตรังโดยรถตู้ปรับอากาศสาย ตรัง-หาดยาว ค่าโดยสารคนละ 40 บาท

เกาะลิบง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอกันตัง ตั้งอยู่ที่ตำบลลิบง ทะเลตรัง มีพื้นที่ 25,000 ไร่ รอบ ๆ เกาะเต็มไปด้วยหญ้าทะเลซึ่งเป็นอาหารของ "พะยูน" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่กำลังจะสูญพันธุ์ การเดินทางนักท่องเที่ยวต้องไปลงเรือที่ท่าเรือกันตัง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง

เกาะกระดาน

เกาะกระดาน อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุกและเกาะลิบง เป็นเกาะที่สวยแห่งหนึ่งของทะเลตรัง อยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุกและเกาะลิบง มีเนื้อที่ 600 ไร่

หาดเจ้าไหม

อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตั้ง อยู่ที่หาดฉางหลาง ห่างจากตัวเมือง 27 กิโลเมตร ตามเส้นทางสาย 4046 ระยะทาง 40 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายตามถนนเลียบชายหาดอีก 7 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอกันตังและอำเภอสิเกา มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งที่อยู่บนฝั่งและอยู่ในทะเล ประเภทถ้ำ บ่อน้ำร้อน ชายหาด และแหล่งดำน้ำดูปะการัง เป็นต้น

แต่เนื่องจากอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ อยู่ในเขตอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้ช่วงระหว่าเดือนกรกฎาคม - กันยายน มีฝนตกชุก คลื่นลมแรง ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จึงมีกำหนดปิดการท่องเที่ยวประจำปี บริเวณถ้ำมรกต เกาะกระดาน เกาะเชือก และเกาะแหวน ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน ของทุกปี สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่บนฝั่ง สามารถท่องเที่ยวได้ตามปกติตลอดทั้งปี โดยมีแหล่งท่องเที่ยว เช่น บ่อน้ำร้อนควนแคง, เกาะกระดาน, เกาะเชือก, เกาะมุกต์, ถ้ำเจ้าไหม, หาดเจ้าไหม, หาดฉางหลาง, หาดปากเมง และหาดหยงหลิง-หาดสั้น

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคลองลำชาน ตั้งอยู่ในตำบลนาวง อำเภอห้วยยอด เป็นที่อยู่อาศัยของนกเป็ดน้ำนกเป็ดแดงจำนวนมาก รอบ ๆ จะมีหนองน้ำขนาดใหญ่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่สงบเงียบเหมาะสำหรับการนั่งพัก ผ่อน พร้อมทั้งมีศาลาริมน้ำสำหรับไว้นั่งชมนก

ประติมากรรมใต้น้ำในทะเลตรัง เป็นทางเลือกใหม่ของแหล่งท่องเที่ยวในทะเลตรัง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้จัดทำปะการังเทียมใต้น้ำซึ่งออกแบบเป็นประ ติมากรรมรูป "พะยูน" เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์ท้องถิ่น

จังหวัดตรัง ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ งาม ๆ อีกเพียบ รอให้คุณไปสัมผัสนะคะ

ตรัง

ทิปส์

หาก จะเข้าถ้ำเขากอบ ต้องมั่นใจว่าตัวเองไม่เป็นคนกลัวที่แคบ เพราะปลายทางก่อนออกจากถ้ำนั้น เป็นโพรงแคบมาก ขนาดแค่เรือพาย 1 ลำ ลอดผ่านพอดี

ทุกครั้งที่เข้าถ้ำ อย่าแตะต้องหยดน้ำตรงปลายหินย้อย เพราะไขมันจากนิ้วมือจะทำให้หินย้อยไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้

หาก จะไปเที่ยวถ้ำ ทางที่ดีควรมีไฟฉายคาดศีรษะที่กันน้ำติดตัวไปด้วย ถึงแม้ผู้ประกอบการจะมีไฟฉายให้ แต่การมีเป็นของตัวเองจะสะดวกกว่า และสามารถใช้ได้ในหลายกรณี

ก่อน ลงดำน้ำ ควรทาแชมพูที่ด้านในของหน้ากากดำน้ำ จากนั้นนำหน้ากากดำน้ำไปแกว่ง ๆ ในน้ำทะเล แล้วค่อยสวม วิธีนี้เป็นการเคลือบฟิล์มที่หน้ากากดำน้ำ ทำให้ไม่เป็นฝ้ามัว

เตรียม กระเป๋ากันน้ำหรือถุงกันน้ำไปด้วยทุกครั้งเมื่อไปเที่ยวทะเล โดยเฉพาะเวลาพายคายัค เพื่อป้องกันของมีค่าเสียหายเมื่อโดนน้ำเป็นเวลานาน

เมื่อไปเที่ยวทะเล อย่าลืมนำโลชั่นกันแดด ค่า SPF สูง ๆ หมวก แว่นกันแดดไปด้วย

ตรัง

การเดินทาง

ตรังอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 828 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดตรังได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถประจำทาง รถไฟ และเครื่องบิน การเดินทางไปตรัง

โดยรถไฟ : มีรถไฟออกจากสถานีหัวลำโพงไปถึงสถานีตรังทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690 //www.railway.co.th

โดยรถยนต์ : จากกรุงเทพฯ ไปตรังได้ 2 เส้นทาง คือ

1. ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านสุราษฎร์ธานี ทุ่งสง แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 403 สู่อำเภอห้วยยอด จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ไปจนถึงตรัง ระยะทางประมาณ 828 กิโลเมตร

2. ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จนถึงจังหวัดชุมพร แล้วแยกเข้าระนอง พังงา กระบี่ ตรัง ระยะทางประมาณ 1,020 กิโลเมตร

โดยรถประจำทาง : มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพฯ-ตรัง ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร.1490 //www.transport.co.th ทรัพย์ไพศาลทัวร์ โทร. 0 2884 9584 ปัจจุบัน บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้เปิดให้บริการจองตั๋วรถโดยสารออนไลน์แล้ว ติดต่อได้ที่ //www.thaiticketmajor.com นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ไทยรูท ดอทคอม //www.thairoute.com

โดยเครื่องบิน : สายการบินที่ให้บริการเส้นทางกรุงเทพฯ-ตรัง คือ นกแอร์ โทร. 1318, 0 2900 9955 //www.nokair.com//travel.kapook.com/view17701.html

การเดินทางภายในตรัง : ในตัวเมืองตรังมีรถโดยสารประจำทางไปยังอำเภอต่างๆ ได้อย่างสะดวก นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะได้หลายรูปแบบ ทั้งรถตุ๊กตุ๊กหน้ากบ รถสองแถว รถโดยสารประจำทาง ฯลฯ สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีขนส่งตรัง โทร. 0 7521 5718

นอกจากเส้นทางบนบก การเดินทางทางเรือก็เป็นอีกเส้นทางสำคัญสำหรับการท่องเที่ยว เพราะตรังเป็นเสมือนศูนย์กลางเดินทางไปท่องเที่ยวในหมู่เกาะต่างๆ ทั้งในพื้นที่จังหวัดตรังและจังหวัดกระบี่ ซึ่งมีน่านน้ำต่อเนื่องกัน หลายท่าเรือของตรังมีเรือโดยสารให้บริการไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ท่าเรือปากเมง ท่าเรือหาดยาว เป็นต้น




ขอขอบคุณข้อมูลจาก




 

Create Date : 09 ตุลาคม 2553    
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 23:39:17 น.
Counter : 2186 Pageviews.  

มนต์เสน่ห์กำแพงเมืองเก่าอาวิลา

บรรยากาศตอนเช้าเลียบกำแพงหินเก่าๆในเขตเมืองโบราณ แน่นอนว่าคุณคงอยากมีความรู้สึกแบบนี้บ้างเหมือนกัน บังเอิญว่าเคยได้ยินชื่อเมืองๆหนึ่ง ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของกำแพงเมืองอันเก่าแก่ และองค์การยูเนสโกได้ยกให้เป็นมรดกโลกไปในปี ค.ศ.1985


     เมืองอาวิลา (Ávila) เมืองโบราณอันเก่าแก่ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นคาสตีลและเลออน ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเจ็ดแคว้นปกครองตนเองของประเทศสเปน และนอกจากนี้ อาวิลา ยังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล ประมาณ 1,131 เมตร หรือ ประมาณ 3,665 ฟุต ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในประเทศสเปนอีกด้วย

     สำหรับการท่องเที่ยวภายในเมืองอาวิลา คุณอาจเริ่มต้นด้วยการไปชมเมืองเก่า ซึ่งที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ก็คงจะเป็นการเดินชมกำแพงเมืองยุคกลาง ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองอาวิลานั่นเอง

     โดยกำแพงเมืองเก่าของอาวิลานั้นถูกสร้างขึ้นในช่วง ศตวรรษที่ 11 ซึ่งสร้างมาจากหินแกรนิตสีน้ำตาล ในสมัยก่อนกำแพงแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันดินแดนสเปนจากพวกมัวร์ (Moors) โดยกำแพงจะประกอบด้วยหอคอยรูปครึ่งวงกลม 88 หอ และประตู 9 ประตู ซึ่งนับเป็นป้อมปราการที่สมบูรณ์ที่สุดในสเปนอีกด้วย





     หลังจากนั้นเข้าไปชมอาคารเก่าแก่ภายในเขตกำแพงเมือง ซึ่งสถานที่แรกก็คือ มหาวิหารประจำเมือง ที่สร้างขึ้นในแบบกอธิค โดยมหาวิหารถูกสร้างขึ้นระหว่างศตวรรษที่ 12 ถึง ศตวรรษที่ 14 ภายในมหาวิหารมีประติมากรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง และที่น่าสนใจที่สุดก็คงจะเป็นภาพวาดที่สวยงาม

     จากนั้นไปสัมผัสความคึกคักของเมืองกันที่ พลาซ่า เดอ ซานตา เทเรซา (La Plaza de Santa Teresa) โดยที่นี่จะเป็นที่ตั้งของรูปปั้นสีขาวบริสุทธิ์ของแม่ชีเทเรซ่า ซึ่งถือว่าเป็นผู้อุทิศตนและมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปศาสนาในเมืองนี้ นอกจากนี้แม่ชีเทเรซ่ายังได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับพระเยซูจำนวนหลายเล่มอีกด้วย


     ปัจจุบันเมืองอาวิลายังคงเป็นเมืองที่ยังคงรักษาภาพลักษณ์ของเมืองยุคกลางไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ก้อนอิฐทุกก้อน อาคารทุกหลัง ยังคงสะท้อนอดีตอันเก่าแก่ของเมืองไว้ตราบนานเท่านาน






 

Create Date : 08 ตุลาคม 2553    
Last Update : 8 ตุลาคม 2553 22:41:56 น.
Counter : 3044 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.