ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

เที่ยวถ้ำ ชมผืนผาที่ "ถ้ำวัวแดง"

"อุทยานแห่งชาติคลองตรอน" อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและน่ามาเยือนแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่ง หนึ่งของอุทยานแห่งชาติคลองตรอน คือ "ถ้ำวัวแดง" อีกหนึ่งถ้ำที่มีความงดงามไม่แพ้ที่อื่นๆ


     ถ้ำวัวแดง เป็นถ้ำที่ค่อนข้างมีขนาดเล็ก ปากถ้ำแคบภายในโพลงเข้าไปในถ้ำแล้วเป็นทางแยก หลายทาง ห่างจากถ้ำจันทร์ประมาณ 200 เมตร กิจกรรมที่สามารถทำได้ในสถาน ที่ท่องเที่ยวคือ เที่ยวชมความงามของถ้ำและศึกษาธรณีวิทยา

     ถ้ำวัวแดง เป็นถ้ำที่อยู่ในบริเวณเดียววนอุทยานถ้ำจัน ซึ่งมีประวัติว่า สมัยก่อนยังมีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้อพยพเข้ามาจากบ้านน้ำพี้ ต.น้ำพี้ อ.ตรอน จังหวัดอุตรดิตถ์ในครั้งนั้นยังมี เงี้ยว(ไทยใหญ่) เข้ามาตีเมืองแพร่และเอาชนะเมืองแพร่ได้ และได้เข้าไปล้อมจับเอาพระยาชัยบูรณ์ผู้ครองเมืองแพร่ นำไปสำเร็จโทษเสียแล้วเงี้ยวจึงยกทัพลงมาทางทิศใต้ตั้ง ฐานทัพอยู่ที่ท่าเซา (ปัจจุบันคือ ท่าเสา)





     โดยมีความประสงค์ที่จะเข้าตีเมืองพิชัย และเมืองพิษณุโลก โดยจะต้องตีเมืองพิชัย ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านก่อน แต่การที่จะตีเมืองพิชัย ดังนั้นจะต้องตีเมืองรี้ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่าน ฝ่ายเหนือให้ได้ ก่อนเพราะหากพลาดท่าพ่ายแพ้ต่อเมืองพิชัยจะได้หนีออกเมืองรี้

     เมื่อฝ่ายเมืองรี้ทราบข่าวว่าทัพเงี้ยวจะเข้ามาทำศึกจึงได้เตรียมการต่อสู้กับเงี้ยวไว้ เป็นอย่างดีพอทัพเงี้ยวมาถึงจึงช่วยกันระดมพลตีทัพเงี้ยว จนทัพเงี้ยวแตกกระเจิงไปอยู่ที่ห้วย ทัพแตกส่วนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ ในเมืองรี้ก็อพยพที่อยู่ใหม่กลัวว่าทัพเงี้ยวจะเข้ามาตีเมืองอีก จึงพากันโดยอพยพมาอยู่ที่ปากห้วยจันซึ่งเป็นที่ที่อุดมสมบูรณ์มากมีคลอง ตรอน ไหลผ่านขึ้นกลางหมู่บ้านและมีสัตว์ป่าชุกชุมมาก





     ต่อมาเมื่อครอบครัวเพิ่มจึงได้ตั้งเป็นบ้านน้ำหมีใหญ่ และต่อมาชาวบ้านเข้าไปแสวงหาสัตว์ป่าจึงพบถ้ำมากมาย ซึ่งมีลักษณะเป็นถ้ำหิน งอก หินย้อย สวยงามมาก และมีต้นจัน ผาอยู่บริเวณถ้ำ....

ข้อมูลโดย : กรมการท่องเที่ยว






 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 25 กรกฎาคม 2554 8:36:23 น.
Counter : 4136 Pageviews.  

กราบนมัสการพระธาตุ ณ วัดหนองแวง จังหวัดขอนแก่น

วัดหนองแวง ขอนแก่น

วัดหนองแวง ขอนแก่น

วัดหนองแวง ขอนแก่น

วัดหนองแวง ขอนแก่น


กราบนมัสการพระธาตุ ณ วัดหนองแวง จังหวัดขอนแก่น (คู่หูเดินทาง)

เนื่องจากในเดือนนี้มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาคือ วันอาสาฬหบูชา ทางคู่หูเดินทางจึงอยากเชื้อเชิญให้เราชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เข้าวัด ฟังธรรม รักษาศีล เพื่อเป็นการพักผ่อนจิตใจ หลังจากที่เราต้องใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อยกับโลกในยุคปัจจุบันนี้ ทุกครั้งที่ทางทีมงานได้ออกไปทำคอลัมน์ เก็บเกี่ยวเรื่องราวและประสบการณ์ดี ๆ มาฝากคุณผู้อ่านก็ไม่เคยพลาดที่จะต้องแวะวัด ทำบุญ กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนั้น ๆ เช่นกัน

โอกาสนี้เราจึงอยากจะพาคุณผู้อ่าน ไปกราบนมัสการพระธาตุสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ณ วัดหนองแวง ซึ่งมีพระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุ 9 ชั้นอันงดงามตั้งอยู่ที่นั่นกันค่ะ...

วัดหนองแวง ขอนแก่น

วัดหนองแวง ขอนแก่น

วัดหนองแวง (พระอารามหลวง) ซึ่งมีพระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุเก้าชั้น เรือนยอดทรงเจดีย์ (จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น) จัดสร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น ความสูงขององค์พระธาตุฯ 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน

ในระหว่างการเดินขึ้นเราจะได้ยินเสียงอันไพเราะก้องกังวาน ของกระดิ่งที่แขวนไว้โดยรอบพระธาตุทั้ง 9 ชั้น ทำให้มีความสุขใจในขณะเดินขึ้นไปในแต่ละชั้น พร้อมยังสามารถเดินชมศิลปะและความงดงามของบานประตู ภาพวาด และหน้าต่างแกะสลัก บอกเล่าเรื่องราวเป็นภาพชาดก ภาพพุทธประวัติ

ในชั้นบนสุดของพระธาตุเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุกลางบุษบก อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวทัศนียภาพ ความสวยงามของเมืองขอนแก่นได้รอบทั้ง 4 ทิศ โดยเฉพาะทางด้านทิศตะวันออก สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของบึงแก่นนคร ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 600 ไร่

วัดหนองแวง ขอนแก่น

วัดหนองแวง ขอนแก่น

ภายในองค์พระธาตุแต่ละชั้น

ชั้นที่ 1 เป็นหอประชุม มีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) และพระธาตุของพระสาวกประมาณ 100 องค์ ประดิษฐานอยู่ บานประตู หน้าต่าง แกะสลักภาพนิทานเรื่องจำปาสี่ต้น แบบ 3 มิติ และมีจิตรกรรมฝาผนังประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น

ชั้นที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ของชาวอีสาน โดยเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในอดีต ที่ค่อนข้างหาดูได้ยากในปัจจุบัน พร้อมทั้งทีการวาดลวดลายบนผนังที่เกี่ยวกับข้อห้ามของคนอีสาน ที่เรียกว่า "คะลำ" ซึ่งเป็นแนวประพฤติตนในการอยู่ร่วมกันของชาวอีสาน โดยแต่ละภาพก็หมายถึงข้อห้ามแต่ละข้อ ซึ่งมีทั้งหมด 35 ข้อ บานประตู หน้าต่าง เขียนลวดลายเบญจรงค์ และภาพแกะสลักนิทานเรื่องสังศิลป์ชัย

ชั้นที่ 3 เป็นหอปริยัติ บานประตู หน้าต่าง เขียนลวดลายเบญจรงค์และภาพแกะสลักนิทานเรื่องนางผมหอม เป็นนิทานที่ได้เล่าสืบต่อกันมาแต่โบราณของชาวอีสาน และในชั้นที่สามนี้ได้รวบรวมตาลปัตร พัดยศ และเครื่องอัฐบริขารของพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดขอนแก่น

ชั้นที่ 4 เป็นหอปริยัติธรรม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ของเก่า ภาพวาดที่บานประตู หน้าต่าง เป็นภาพพระประจำวันเกิด เทพประจำทิศ และตัวพึ่ง-ตัวเสวย

ชั้นที่ 5 เป็นหอพิพิธภัณฑ์ มีบริขารของหลวงปู่พระครูปลัดบุษบา สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดรูปที่ 6 บานประตูหน้าต่างแกะสลักภาพพุทธชาดก

ชั้นที่ 6 เป็นหอพระอุปัชฌายาจารย์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานชาดกเรื่องเวสสันดร

ชั้นที่ 7 เป็นหอพระอรหันต์สาวก บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานเรื่องพระเตย์มีใบ้

ชั้นที่ 8 เป็นหอพระธรรม เป็นที่รวบรวมพระธรรม คัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา พระไตรปิฏก ฯลฯ บานประตูแกะสลักรูปพรหม 16 ชั้น

ชั้นที่ 9 เป็นหอพระพุทธ ตรงกลางมีบุษบก เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า บานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ รูปพรหม 16 ชั้น

ทั้งนี้ วัดหนองแวง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.




ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2554 11:23:41 น.
Counter : 1658 Pageviews.  

เดินป่า...ชมทะเลหมอกบน "ยอดดอยภูเมี่ยง"

"ยอดดอยภูเมี่ยง" อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของคนนิยมไพร ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมไม่น้อบไปกว่าสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ โดยยอดดอยนั้นตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติคลองตรอน อยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ คต.1 (บ้านต้นขนุน) มีลักษณะเป็นเทือกเขาแบ่งเขตจังหวัดระหว่างจังหวัดอุตรดิตถ์-จังหวัดพิษณุโลก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 1,656 เมตร


"ยอดดอยภูเมี่ยง"

     จากยอดดอยภูเมี่ยงนักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพของทั้ง 2 จังหวัด และสามารถมองเห็นเขื่อนสิริกิติ์ได้ นอกจากนี้ยังพบพรรณไม้ กุหลาบพันปี ข้าหลวง ดงตาว เอนอ้า และขันหมากป่า รวมทั้งพรรณไม้นานาชนิดตามเส้นทางสู่ยอดภูเมี่ยง





"ยอดดอยภูเมี่ยง"


     นอกจากนี้แล้วตามเส้นทางจะมีน้ำตกทั้งหมด 8 ชั้น แต่ละชั้นมีลักษณะความสวยงามแตกต่างกันออกไป ซึ่งยอดดอยภูเมี่ยงเหมาะสำหรับผู้รักความท้าทายและความสวยงามตามธรรมชาติของทุ่งหญ้า ป่าเขา ลำเนาไพร

ข้อมูลโดย
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

ภาพ : กรมการท่องเที่ยว







 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2554 10:16:16 น.
Counter : 2686 Pageviews.  

คุ้มวงศ์บุรี เสน่ห์สีชมพูคู่เมืองแพร่



คุ้มวงศ์บุรี Wongburi House จ.แพร่

หรือ บ้านวงศ์บุรี ดำเนินการสร้างโดยเจ้าพรม ( หลวงพงษ์พิบูลย์ ) และเจ้าสุนันตา วงศ์บุรี (หลานสาวเจ้าบัวถา) โดยดำริของ เจ้าบัวถา ชายา เจ้าพิริยะเทพวงศ์ (เจ้าเมืองแพร่องค์สุดท้าย) ซึ่งมีอาชีพทำสัมปทานป่าไม้ โดยสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 คุ้มวงศ์บุรีเป็นอาคารไม้สักทอง 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา รูปแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป ประดับลวดลายแบบเรือนขนมปังขิง ซึ่งเป็นรูปแบบนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อสร้างโดยช่างจีนชาวกวางตุ้งและผู้ช่วยชาวไทย

ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจ ประกอบด้วย เครื่องใช้ไม้สอยในยุคนั้น อาวุธโบราณ พระพุทธรูปโบราณ รูปภาพเก่าแก่ เอกสารการขอสัมปทานป่าไม้ในอดีต

ความสมบูรณ์และสวยงามของคุ้มวงศ์บุรี นั้นยังได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่น ปี 2536 ของสมาคมสถาปนิกสยามอีกด้วย





สร้างตามรูปแบบงานสถาปัตยกรรมสมัยนิยมในยุครัชกาลที่ ๕
ใช้เวลาในการก่อสร้างรวม ๓ ปี
สิริรวมอายุถึงปัจจุบันสมัย
คุ้มวงศ์บุรี ก็ได้ผ่านร้อน ผ่านหนาว
เด่นตระหง่านคู่เมืองแพร่มาถึง ๑๑๒ ปี

คุ้มวงศ์บุรีหลังนี้ โดยรวม สีที่ใช้จะเป็นสีชมพู
เนื่องเพราะเป็นสีโปรดของแม่เจ้าบัวถา


ลักษณะการก่อสร้างเป็นเรือนไม้สักทอง ๒ ชั้น
สถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป แบบ“เรือนขนมปังขิง”
ที่สร้างอย่างประณีต อ่อนช้อย ประดับประดาต้วยลวดลายฉลุไม้
อย่างลงตัว ยามสัมผัสแสงก็สะท้อนภาพความงามออกมาได้อย่างน่าดูชม

เรือนไม้สีชมพูขาวหลังนี้ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วนหลักด้วยๆกัน คือ
ส่วนหน้ากับส่วนหลัง
ส่วนหลังเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าของเรือน
ซึ่งเดิมเป็นเรือนไม้ใต้ถุนโล่งแบบพื้นบ้าน

สถานที่ตั้งคุ้มวงศ์บุรี ถนนคำลือ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่



หน้าต่างบานกระทุ้ง ซึ่งนับวันหาดูได้ยากขึ้น บริเวณเชิงชายประดับด้วยไม้ที่ฉลุอย่างสวยงาม


หน้าจั่ว ซึ่งเป็นจุดเด่นของอาคาร สวยงามด้วยไม้ฉลุลวดลายขนมปังขิง มีชายน้ำประดับรอบเชิงชาย สวยในรูปแบบไทยผสมยุโรป


ซุ้มหน้าต่าง กันแดดกันฝนและกันตกที่ชั้นบน ก็ยังประดับประดาด้วยลายไม้อย่างละเอียดอ่อน


โถงทางเดินชั้นล่างให้ความรู้สึกแบบย้อนยุค บันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นบนจัดวางอย่างลงตัว


โถงทางเดินชั้นบนบรรยากาศโปร่งๆด้วยช่องแสงของลวดลายขนมปังขิง


บริเณทางเข้าประดับเป็นซุ้มลวดลายขนมปังขิงอย่างสวยงาม


บริเวณห้องทำงาน


ภายในห้องรับแขกกับเฟอร์นิเจอร์ไทยผสมยุโรป


โถงชั้นบนประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน




ขอบคุณ...comingthailand




 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 22 กรกฎาคม 2554 7:48:18 น.
Counter : 2233 Pageviews.  

วัดใหญ่ชัยมงคล



วัดใหญ่ชัยมงคล เป็นวัดที่นักท่องเที่ยวนิยมมากที่สุดวัดหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความโดดเด่นที่ "เจดีย์ชัยมงคล" ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยา ทางด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่มีผู้ศรัทธาเข้ามากราบไหว้กันมาก นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย วัดใหญ่ชัยมงคลเป็นวัดที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญๆของกรุงศรีอยุธยามากมาย ที่นักท่องเที่ยวจะได้ความรู้เรื่องราวทางประวัติศาตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี

วัดใหญ่ชัยมงคลนี้ตามพงศาวดารสันนิษฐานทางหนึ่งว่า เป็นวัดที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง หลังการสร้างกรุงศรีอยุธยา ไม่นานนัก โดยพระองค์ให้ขุดพระศพของ เจ้าแก้วเจ้าไทย ที่สิ้นพระชนม์ด้วยอหิวาตกโรค เอาขึ้นมาเผาเสีย และที่ปลงพระศพนั้นให้สถาปนาพระเจดีย์และพระวิหาร แล้วให้นามว่า วัดป่าแก้ว เป็นวัดที่พระสงฆ์ที่บวชเรียนมาจากสำนักของพระวันรัตนมหาเถระในลังกา ที่เน้นทางวิปัสสนาธุระ ถือการบำเพ็ญภาวนาเป็นสำคัญ คณะสงฆ์นี้ได้เป็นที่เคารพเลื่อมใสแก่ชาวกรุงศรีอยุธยาเป็นอันมาก ทำให้ผู้คนต่างมาบวชเรียนในสำนักสงฆ์คณะป่าแก้วมากขึ้น โดยอธิบดีสงฆ์สำนักนี้จะได้รับการแต่งตั้งเป็น สมเด็จพระวันรัตน์ เป็นพระสังฆราชฝ่ายขวา คู่กับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ซึ่งมีตำแหน่งเป็นสังฆราชฝ่ายคันถธุระ ที่เน้นการศึกษาพระไตรปิฎก

มีเรื่องราวหนึ่งในพงศาวดารของวัดป่าแก้วว่า ในอุโบสถของวัดเคยเป็นที่ซึ่งคณะคิดกำจัดขุนวรวงศาธิราชกับท้าวศรีสุดาจันทร์ มาประชุมเสี่ยงเทียนอธิษฐาน และทำการเป็นผลสำเร็จ จึงอัญเชิญพระเฑียรราชาลาผนวช ขึ้นครองราชสมบัติทรงพระนามว่า สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พ.ศ. ๒๑๐๔ ในรัชกาลของสมเด็จพระมหาจักรพรรดินั้นเอง ได้มีพระบรมราชโองการให้เอาสังฆราชวัดป่าแก้วไปสำเร็จโทษ ฐานฝักใฝ่ให้ฤกษ์ยามแก่ฝ่ายกบฎพระศรีศิลป์

เมื่อครั้งที่พระนเรศวรกระทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชของพม่าจนได้ชัยชนะนั้น บรรดาทหารไม่สามารถติดตามช้างทรงได้ทัน จนพระองค์ต้องตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึก ซึ่งตามกฏแล้วทหารเหล่านั้นจะต้องโทษถึงประหารชีวิต แต่ในระหว่างที่รออาญาอยู่นั้น สมเด็จพระวันรัตน พระสังฆราชพร้อมด้วยพระสงฆ์ 25 รูปได้ขอให้พระนเรศวรพระราชทานอภัย ยกเว้นโทษให้กับทหารเหล่านั้น โดยให้เหตุผลว่าพระองค์เปรียบดังพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แวดล้อมด้วยหมู่มารก่อนที่จะตรัสรู้ เป็นการประกาศเกียรติและบารมีความกล้าหาญและความเก่งกาจของพระองค์ให้ขจรกระจายไปทั่วแคว้นทั่วแผ่นดิน เมื่อได้อภัยโทษให้เหล่าทหารแล้วสมเด็จพระนเรศวรจึงโปรดให้สร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ และความมีน้ำพระทัยของพระองค์ ที่มีต่อทหารเหล่านั้นทั้งยังเปลี่ยนโทษตายกลายเป็นสร้างบุญ พระะราชทานนามว่า “เจดีย์ชัยมงคล” และสร้างให้ยิ่งใหญ่กว่าเจดีย์ "วัดภูเขาทอง" ที่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองมาสร้างไว้เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่มีต่ออยุธยาเมื่อคราวเสียกรุงครั้งที่ 1 ประมาณ ว่ามีความสูงจากพื้นดินราว ๑ เส้น ๑๐ วาและชาวบ้านได้นำเอาชื่อวัดกับนามพระเจดีย์มาประกอบกันเรียกขานกันต่อมาว่า “วัดใหญ่ชัยมงคล” จนกระทั่งทุกวันนี้









 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2554 8:05:56 น.
Counter : 3719 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.