ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ราชาคีรี รีสอร์ท แอนด์ สปา บูติกรีสอร์ทแสนโรแมนติก

ราชาคีรี รีสอร์ท แอนด์ สปา บูติก รีสอร์ทที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ซึ่งทอดตัวอยู่บนชายหาดขาวบริสุทธิ์ของหาดในเพลาำ ชมวิวหาดทรายที่เป็นแนวยาวสุดสายตาดินแดนแห่งสวรรค์บนดินที่สัมผัสได้ ที่นี่พร้อมเปิดโลกแห่งความสวยงามของธรรมชาติแห่งแมกไม้ ทิวเขา และท้องทะเล ให้คุณได้พักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Rachavadee Spa ท่ามกลางวิวภูเขา ป่าไม้ และเสียงน้ำไหลผ่านโขดหิน เพื่อปรนิบัติคุณอย่างดีที่สุด ห้องอาหาร Kanab Naam Restaurant เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามเบื้องหน้า ทะเลชายฝั่งอ่าวไทย ตรงข้ามเกาะสมุย ชมพระอาทิตย์ตก สัมผัสฉากอันงดงาม และโรแมนติกที่สุด


ราชาคีรี รีสอร์ท แอนด์ สปา เป็นรีสอร์ทแห่งเดียวที่สามารถมองเห็นปลาโลมาสีชมพูได้อย่างใกล้ชิด พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำมากมาย สักการะพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช หลวงปู่ทวดเหยียบน้าทะเลจืด อุทยานแห่งชาติเขาสก เขื่อนรัชชประภา หมู่เกาะอ่างทอง หมู่บ้านคีรีวง ฟาร์มหอยนางรม อ. กาญจนดิษฐ์ สามารถเดินทางโดยเรือเฟอรรี่จากเกาะสมุย หรือเดินทางโดยเครื่องบิน มาลงที่ท่าอากาศยานสุราษฏ์ธานี หรือท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และเดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลาเพียง 30 นาที


ราชาคีรี รีสอร์ทแอนด์สปา ... ปลาย ทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันหยุดของคุณ บูติครีสอร์ทบนหาดในเพลา หรูระดับ 5 ดาว ชมวิวทะเลแบบพาโนรามาของอ่าวไทย ออกแบบตกแต่งในสไตล์ไทยร่วมสมัย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมไทยที่ผสมผสาน กับทรรศนียภาพของแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามได้อย่างลงตัว มองเห็นเกาะสมุย และเกาะพะงันอยู่ที่ฝั่งทะเลตรงข้าม

Superior Suite ห้อง พักใหม่ที่ถูกออกแบบไว้อย่างลงตัว ขนาดกว้างขวาง 48 ตารางเมตร ในบรรยากาศแบบเอเชียร่วมสมัย แฝงด้วยอารมณ์แบบไทยๆ ด้วยสถาปัตกรรมอันงดงาม เพิ่มลูกเล่นการตกแต่งด้วยวัสดุจากธรรมชาติ พร้อมสัมผัสวิวทะเลแบบพาโนรามาจากระเบียงส่วนตัว ที่คุณจะรู้สึกผ่อนคลายแบบไม่รู้ลืม

ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่

โทร. 075-300245, 089-5463234, 086-4045451

โทรสาร. 075-300295

เว็บไซต์ : //www.rachakiri.com

อีเมล์ : reservation@rachakiri.com , sales@m2debangkok.com

ที่ตั้ง : เลขที่ 99 หมู่ 8 หาดในเพลา ถ.ในเพลาขทองหยี อ. ขนอม จ. นครศรีธรรมราช 80210



//travel.sanook.com/944554




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2554    
Last Update : 13 ธันวาคม 2554 8:24:19 น.
Counter : 3376 Pageviews.  

รับลมหนาวให้เย็นใจ ไปแอ่ว...แม่ฮ่องสอน

ถึงฝนจะตก ถึงฟ้าจะร้อง อากาศจะร้อน น้ำจะท่วม เราก็ไม่หวั่นที่จะหาเรื่องราวที่เที่ยวดีๆ มานำเสนอท่านผู้อ่านเหมือนเช่นเคย วันนี้เราจะพาไปแอ่วเมืองเหนือกันที่เมืองสามหมอก แม่ฮ่องสอน เพราะที่นี่อากาศหนาวเริ่มมาเยือนแล้ว... ปีใหม่นี้หากใครยังไม่มีแพลนว่าจะไปไหน แม่ฮ่องสอนก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน! จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย มีความโดดเด่นหลายลักษณะ โดยเฉพาะสภาพภูมิประเทศ ความหลากหลายด้านวัฒนธรรม และความหลากหลายของประชากรจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ นับเป็นจังหวัดที่สถิติน่าสนใจหลายอย่าง เช่น มีประชากรเบาบางที่สุดในประเทศและมีประชากรน้อยมากเป็นอันดับ 5 ในขณะที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับ 8 ของประเทศ

แม่ฮ่องสอน ได้ชื่อว่าเป็น เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี นอกจากนี้แม่ฮ่องสอนยังนับเป็นพื้นที่ปลายสุดด้านตะวันตกของประเทศ คือที่เส้นแวง 97.5 องศาตะวันออกในเขตอำเภอแม่สะเรียง (ตะวันออกสุดของประเทศ อยู่ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ที่ 105.5 องศาตะวันออก) ประชากรในจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความหลากหลาย ทั้งคนเมือง ชาวไต (ไทใหญ่) จีนฮ่อ พม่าและชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ราวร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมด ได้แก่ ม้ง (แม้ว) ลีซู (ลีซอ) ล่าหู่ (มูเซอ) ลัวะ และปกฺกะญอ (กะเหรี่ยง) เป็นต้น โดยต่างรักษาวัฒนธรรมของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็อยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีวัฒนธรรมต่างกันได้โดยไม่เคยปรากฏ ความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมแต่อย่างใด

เริ่มต้นเที่ยวจากในตัวเมืองกันก่อน เราขอพาท่านไปกราบสักการะ อนุสาวรีย์พญาสิงหนาทราชา อยู่ ต้นถนนขุนลุมประพาส เดิมชื่อ ชานกะเล เป็นชาวไทยใหญ่ ได้รวบรวมผู้คนตั้งหมู่บ้านชื่อว่า "บ้านขุนยวม" ต่อมาได้ยกขึ้นเป็นเมือง จวบจนปี พ.ศ. 2417 จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน และพระเจ้าอินทวิชยานนท์เจ้าครองนครเชียงใหม่ ได้ยกบรรดาศักดิ์ชานกะเล เป็นพญาสิงหนาทราชา และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก เมื่อกราบสักการะเสร็จเรียบร้อยร้อยแล้วให้มุ่งหน้าตรงขึ้นไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตรก็จะพบกับ วัดพระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่บนดอยกองมู ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างโดย จองต่องสู่ เมื่อ พ.ศ. 2403 เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมาจากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมื่อ พ.ศ. 2417 โดย พญาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก จากวัดพระธาตุดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ได้อย่างชัดเจนและสวยงามมาก สามารถมาเที่ยวชมพบความสวยงามที่แตกต่างของที่นี่ได้ทั้งตอนกลางวันและกลาง คืน

อีกวัดหนึ่งที่มีความสวยงามและเลื่องชื่อเช่นกัน คือ วัดจองกลาง และ วัดจองคำ เป็น วัดที่มีพื้นที่ติดกัน อยู่ติดกับหนองจองคำซึ่งเป็นหนองน้ำสาธารณะกลางเมืองแม่ฮ่องสอน โดยส่วนใหญ่จะมีการจัดงานประเพณี วัฒนธรรมต่างๆ บริเวณหนองน้ำจองคำแห่งนี้ อาทิ งานลอยกระทง งานสงกรานต์ เป็นต้น เมื่อมาถึงยังหนองน้ำแล้วให้หันหน้าเข้าวัด วัดที่อยู่ด้านซ้ายมือจะเป็นวัดจองคำ ส่วนขวามือจะเป็นวัดจองกลาง สองวัดนี้สร้างด้วยศิลปะแบบไทยใหญ่ที่มีความงดงามมากทั้งคู่ โดยเฉพาะศิลปะการสร้างอาคารแบบหลังคาซ้อนชั้นที่เรียกว่า "จอง" นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญที่สวยงาม โดยวัดจองคำถือว่าเป็นวัดแห่งแรกของเมืองแม่ฮ่องสอน ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2340 เมื่อมาถึงวัดจองคำแล้วอย่าลืมไปกราบสักการะหลวงพ่อโตองค์ใหญ่เพื่อเป็นสิริ มงคล เมื่อเดินถัดมายังบริเวณวัดจองกลาง ซึ่งจะมีจุดเด่น คือ เจดีย์ประธานทรงมอญ ที่ประดับสวยงามตามรูปแบบของไทยใหญ่ บนจองจะประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์จำลองปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ บริเวณด้านข้างจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งด้านในจัดแสดงของเก่าที่หาชมยาก มีตุ๊กตาไม้แกะสลักเป็นรูปคนและสัตว์ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพระเวชสันดรชาดก โดยช่างฝีมือชาวพม่า เปิดให้ชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. บริเวณถนนด้านหน้าของวัดจะจัดเป็น ถนนคนเดิน ใน ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว เปิดทุกวัน ประมาณ 5 โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม แล้วแต่จำนวนความหนาแน่นของนักท่องเที่ยว จะมีสินค้ามาวางขายมากมาย ทั้งของกินและของใช้ เพิ่มสีสันให้เมืองดูคึกคักยิ่งขึ้น

และถ้าหากใครมาเที่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม ก็อาจจะได้โบนัสกลับไปคือ การชมทุ่งดอกบัวตอง ที่ บานสะพรั่งเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วทั้งภูเขากว่า 1,000 ไร่ อยู่ห่างจากอำเภอแม่เสรียงประมาณ 16 กิโลเมตร ริมทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณกิโลเมตรที่ 84 ตำบลแม่เหาะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา พร้อมทั้งยังมีบริการให้เช่าเต็นท์ค้างแรมบนดอยได้ด้วย ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บริเวณหน่วยทำการบนทุ่งบัวตอง หรือที่อำเภอขุนยวม โทร. 0-5369-1108

อีกจุดหนึ่งที่ห้ามพลาด คือ การมาเที่ยวชมหมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่า อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง การเดินทางสะดวก ถนนคอนกรีตอย่างดี มีฝายน้ำล้นเป็นช่วงๆ การเดินทางมาเที่ยวที่นี่อย่างคาดหวังว่าเราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ของพวกเขา เพราะความเจริญได้เข้ามาทำให้วัฒนธรรมบางอย่างของที่นี่อาจจะหายไปบ้าง การแต่งกายของคนยุคใหม่เริ่มดูเป็นเมืองมากขึ้น แต่บางคนก็ยังคงอนุรักษ์ไว้ แต่ก็ยังคงเสน่ห์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาแวะเวียนกันอย่างไม่ขาดสาย ผู้คนดูอัธยาศัยใจคอดี ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ การมาเที่ยวที่นี่นอกจากจะถ่ายรูปกับชนเผ่าเป็นที่ระลึกแล้ว เค้ายังมีชุดให้เราเช่าถ่ายแต่งตัวเหมือนกับชนเผ่าอีกด้วย โดยมีร้านขายของที่ระลึก เช่น เสื้อยืด พวงกุญแจ โปสการ์ด และ ตุ๊กตาไม้รูปสาวกระเหรี่ยงคอยาว อยู่ตลอดทางเดิน เสียค่าผ่านทางคนละ 20 บาท

ห่างจากจุดนี้ไปอีกไม่ไกล ก็จะได้พบกับ "ภูโคลน คันทรี่คลับ" เป็น สถานที่ทำหน้าใสพอกหน้าสวยด้วยโคลนธรรมชาติ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งโคลนสุขภาพที่ดีที่สุดในประเทศไทย ซึ่งในโลกมีเพียง 3 แห่งเท่านั้น คือ ที่ทะเลสาป DEAD SEA ในประเทศอิสราเอลและจอร์แดน ซึ่งเป็นโคลนจากทะเลน้ำเค็ม และอีกที่คือ โคลนจากลาวาภูเขาไฟ ในประเทศโรมาเนีย ส่วนโคลนของที่นี่ถือเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นโคลนเดือนบริสุทธิ์สีดำที่ขึ้นมาพร้อมกับสายน้ำแร่ธรรมชาติใต้ดินที่ สะอาด มีอุณหภูมิอยู่ที่ 60 - 140 องศาเซลเซียส ไม่มีกลิ่นของกำมะถัน อุดมด้วยแร่ธาตุถึง 6 ชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนังและระบบไหลเวียนของร่างกาย ค่าบริการพอกหน้าอยู่ที่ 60 บาทต่อท่านใช้เวลาประมาณ 15 นาที หากท่านใดมีเวลาเหลือเฟือแล้วอยากจะลองพอกโคลนทั้งตัวเพื่อพลัดเซลล์ผิวเก่า ก็ทำได้ สนนราคาท่านละ 700 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-5361-2265 หรือที่ //www.pooklon.com

เสร็จสรรพจากที่นี่แล้วแวะไปนอนรับไอหนาวเย็นๆ กับทะเลสาบอันสุดแสนโรแมนติกและสวยที่สุดในประเทศไทย (ตามความเห็นของเรา) กันที่ "ปางอุ๋ง" หรือที่มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า "โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)" เป็นที่ที่สร้างความประทับใจให้กับเราเป็นอย่างมาก มาแล้วก็อยากจะมาอีกทุกๆ ปีเลยก็ว่าได้ งดงามทั้งธรรมชาติและบรรยากาศ สวยตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในฤดูหนาวอย่างนี้คุณจะได้เห็นสายหมอก หยอกล้อกับสายน้ำท่ามกลางขุนเขาและป่าสน ให้เราบรรยายอย่างไรก็คงไม่เท่ากับที่คุณได้มาสัมผัสเอง มีบริการให้เช่ารถจักรยาน ที่ปั่นแล้วได้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ จะนั่งม้าแคะเที่ยวชมรอบพื้นที่ก็ได้ หรือถ้าใครไปกับคนรักขอแนะนำให้เช่าแพนั่งชิลล์ๆ กลางสายน้ำก็ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบ 1 ลำนั่งได้ 2-3 คน พร้อมคนพาย ราคา 150 บาท มีให้เลือกพักทั้งแบบบ้านพักของโครงการฯ โฮมสเตย์ของชาวบ้าน และลานกลางเต้นท์ เลือกได้ตามชอบ ห้องน้ำสะอาด กว้างขวาง มีลานจอดรถเทปูนอย่างดี หากนักท่องเที่ยวต้องการค้างแรมต้องลงทะเบียนผ่านศูนย์ศิลปาชีพ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก่อนจึงจะสามารถนำรถเข้าปางอุ๋งได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-5361-1244 หรือ 08-5618-3303

เราของปิดท้ายทริปนี้กันที่ "อำเภอปาย" อำเภอยอดนิยมของที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักแม่ฮ่องสอนมากขึ้น ที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแหล่ง เช่นก่อนที่เราจะถึงตัวเมืองปาย ขอให้แวะเที่ยวชมมหัศจรรย์ธรรมชาติที่ "กองแลน" อยู่ด้านซ้ายมือ มีลักษณะคล้ายๆ แพะเมืองผีที่แพร่ แต่มีทางเดินเล็กๆ ให้เดินเที่ยวชมแบบเสียวๆ เหมือนเดินอยู่บนยอดหน้าผา เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม

เลยไปอีกหน่อยด้านขวามือ ก็จะได้พบกับป้าย "โป่งน้ำร้อนท่าปาย" ซึ่ง เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง เหมาะที่จะมาเล่นน้ำ อาบน้ำแร่จากธรรมชาติ ตามธารน้ำ เมื่อเดินเข้าไปถึงด้านในสุดก็จะเห็นบ่อน้ำที่มีลักษณะน้ำเดือดผุดๆ สามารถนำไข่มาต้มได้ อุณหภูมิความร้อนอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นจุดกำเนิดน้ำแร่ ระหว่างทางออกก็จะพบเห็นแคมป์ช้างมากมายคอยให้บริการนักท่องเที่ยว จะขึ้นนั่งเที่ยวป่า หรือ ซื้ออาหารเลี้ยงช้างก็ได้ เลยจากจุดนี้ไปก็จะพบกับสะพานเหล็กสีเขียวโดดเด่นอยู่ระหว่างทาง นั่นคือ "สะพานประวัติศาสตร์" ที่นักท่องเที่ยวส่วนมากจะไปยืนโพสต์ท่าสวยๆ กันที่นี่ เป็นสะพานที่ทหารญี่ปุ่นสร้างไว้ใช้ข้ามแม่น้ำปายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

พอตกเย็นแวะเดินเล่นที่ "ถนนคนเดินปาย" ใน ช่วงฤดูท่องเที่ยวจะเปิดขายกันทุกวัน มีทั้งงานอาร์ต ของที่ระลึก ของฝาก เสื้อยืด ผ้าพันคอ กระเป๋า ของกิน ... เยอะแยะไปหมด เรียกว่าถ้ามาเดินเล่นแล้ว จะต้องให้มีเหตุให้คุณได้ควักเงินออกจากกระเป๋าแน่นอน

ช่วงเช้ามืดแนะนำให้ไปดูทะเลหมอกที่ บ้านสันติชน เลยจากศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนานขึ้นไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร ทางลาดชัน สามารถติดต่อรถของชาวบ้านขึ้นไปได้ บางคนจะขึ้นไปรอแสงพระอาทิตย์ยามเช้าตั้งแต่ 04.30 น. เป็นภาพที่สวยงามน่าประทับใจเช่นกัน พอสายๆ ก็ลงมาเดินเล่นที่ ศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนาน บ้านสันติชล ซึงมีบ้านดินตั้งเรียงรายอยู่ มีร้านขายของที่ระลึกที่ทำจากบ้านดิน ร้านอาหารจีนยูนาน และมีก้อนหิน สลักชื่อภาษาจีนตัวใหญ่ๆ วางเด่นเป็นสง่า ด้านหลังก้อนหินใช้เป็นเวทีกลางแจ้ง มีร้านกาแฟ ร้านขายชา และร้านวาดรูปเหมือนโดยใช้พู่กันจีน อีกจุดหนึ่งที่ดูสะดุดตาก็คือ ชิงช้าไม้ ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางสนามหญ้า ที่รายล้อมไปด้วยที่พักซึ่งเป็นบ้านดิน โดยมีที่จอดรถอยู่ด้านหน้าศูนย์ฯ

ก่อนกลับเข้าไปในตัวเมืองปายอีกครั้ง ควรแวะ "วัดน้ำฮู" เพื่อกราบสักการะพระอุ่นเมือง พระพุทธรูปสิงห์สามอายุประมาณ 500 ปี สร้างด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 28 นิ้ว สูง 30 นิ้ว ปางมารวิชัย พระพุทธรูปองค์นี้มีพระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้ โดยมีน้ำซึมออกมาอยู่เสมอ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวนิยมของน้ำมนต์ที่ออกจากเศียรท่านไปสักการะ บูชา เพราะถือว่าเป็นสิ่งอันเป็นมงคลอย่างหนึ่ง ที่ปายมีทั้งที่กินและที่พักให้เลือกมากมาย ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน สนนราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อย หลักพัน ยันหลักหมื่นกันเลยที่เดียว ด้วยพื้นที่ที่จำกัด ฉบับนี้เราเลยขอจบทริปการพาไปสัมผัสอากาศหนาวที่แม่ฮ่องสอนแต่เพียงเท่านี้ ก่อน โอกาสหน้าเราจะเก็บตกสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจอื่นๆ มาให้คุณผู้อ่านได้สนุกตื่นตาไปกับเรา ทั้งจุดชมวิวดอยกิ่วลม ถ้ำลอด ถ้ำปลา ป่านสน และ ห้วยน้ำดัง เป็นต้น


ความสุขจากการท่องเที่ยวไม่ได้อยู่ที่การถึงจุดมุ่งหมาย...แต่อยู่ที่สีสันความสนุกระหว่างทางและผู้ที่ร่วมทางไปกับเรา

Tips การเดินทาง

• รถยนต์ส่วนตัว

มีให้เลือก 3 เส้นทาง คือ
- เส้นทางที่ 1 : ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไปจนถึง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 106 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1103 เส้นทางนี้จะผ่านเข้าสู่อำเภอฮอด แล้วจึงใช้ทางหลวง หมายเลข 108 สู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีถนนเพียงสายเดียว คือ ทางหลวงหมายเลข 108 ผ่านอำเภอ หางดง สันป่าตอง จอมทอง ฮอด แม่สะเรียง แม่ลาน้อย และขุนยวม มาถึงอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางประมาณ 349 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้ระยะทางไกลเป็นทางตัดขึ้นเขาสูง แต่มีความสวยงามและคดเคี้ยวนับได้มากถึง 1,864 โค้ง
- เส้นทางที่ 2 : ใช้ทางหลวงสายเอเชีย ผ่านจังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชรจนถึงลำปาง จากนั้นเข้าทางหลวง หมายเลข11 จนถึงเชียงใหม่ จากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน เข้าทางอำเภอแม่แตง-อำเภอปาย โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 107 แล้วเข้าแยกซ้ายสู่แม่แตง ตามทางหลวงหมายเลข 1095 (เส้นทางสายแม่มาลัย-ปาย) ตัดจากอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เข้าสู่อำเภอปายจนถึงแม่ฮ่องสอน เส้นทางนี้ยังเป็นเส้นทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วย อาทิ ห้วยน้ำดัง และถ้ำต่างๆ เป็นถนนลาดยางอย่างดีตลอดสาย
- เส้นทางที่ 3 : เส้นทางนี้สั้นกว่าเส้นทางแรก แต่ระหว่างทางจะไม่มีปั๊มน้ำมันใหญ่ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวก ออกจากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข108 ผ่านอำเภอ หางดง-สันป่าตอง-จอมทอง- ฮอด จนถึงหลักกิโลเมตรที่ 20 เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1088 ผ่านอำเภอแม่แจ่ม ไปเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1263 ที่สามแยกแม่ศึก บ้านแม่นาจร ผ่านปางอุ๋ง แยกดอยแม่อูคอ แล้วมาเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 108 มุ่งสู่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน

• รถโดยสารประจำทาง
จากกรุงเทพฯ มีรถโดยสารปรับอากาศออกจากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (จตุจักร) ทุกวัน สอบถามรายละเอียดและตารางเดินรถได้ที่ Call Center โทร.1490 เรียก บขส.



//travel.sanook.com/944537




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2554    
Last Update : 12 ธันวาคม 2554 8:50:48 น.
Counter : 3329 Pageviews.  

เทศกาลไม้ดอกเมืองหนาว อ.ภูเรือ จ. เลย

เทศกาลไม้ดอกเมืองหนาว อ.ภูเรือ

"อร่อยกับอาหารปลอดสารพิษ รื่นเริงชีวิตรับปีใหม่ไร้แอลกอฮอล์"


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย ขอเชิญท่านสัมผัสกับอากาศหนาวสุดในสยาม ท่ามกลางทะเลแห่งภูเขา สายหมอก และดอกไม้นานาพันธุ์ ในงานเทศกาลไม้ดอกเมืองหนาว อำเภอภูเรือ ช่วงวันที่ 29 ธันวาคม 2554- 3 มกราคม 2555 สนามหน้าที่ว่าการอำเภอภูเรือ


นางอัจฉพรรณ บุญเจริญ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเลย กล่าวว่า อำเภอภูเรือ มีลักษณะเป็นที่ราบเชิงเขาและภูเขา มีอากาศที่หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย โดยเฉพาะคริสต์มาสที่จะอวดสีสันสวยงามในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ของทุก ปี เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบธรรมชาติและดอกไม้ใน ช่วงอากาศเย็นสบายนี้ ททท.สำนักงานเลย จึงได้จัดจุดถ่ายภาพ และซุ้มให้บริการข้อมูลข่าวสาร ( i ) ในช่วงวันหยุดตลอดเดือนธันวาคมและในช่วงงานเทศกาลฯ ดังกล่าว พร้อมด้วยน้ำดื่ม ชา และกาแฟ ที่มีไว้ต้อนรับทุกท่านที่บริเวณ "ปรอทยักษ์" บ้านหนองบง กิจกรรมที่น่าสนใจได้แก่ ขบวนรถบุปผชาติที่ตระกาลตา ในพิธีเปิดงานวันที่ 30 ธันวาคม 2554 เทศกาลอาหารปลอดสารพิษ ปลอดแอลกอฮอล์ ประกวดเมนูไก่งวง ร่วมรับรางวัลในช่วงงาน Count Down กับการแสดงดนตรีของวงต้นน้ำ และการจุดพลุไฟต้อนรับปีใหม่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ ว่าการอำเภอภูเรือ โทร. 0 4289 9004/0 4289 9553 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเลย โทร. 0 4281 2812 / 0 4281 1405




sanook.com




 

Create Date : 11 ธันวาคม 2554    
Last Update : 11 ธันวาคม 2554 10:35:46 น.
Counter : 1884 Pageviews.  

วันนี้...ที่ “ป่าตอง”

แสงแดดจางๆ ส่องเข้ามาทางหน้าต่างเครื่องบิน ภาพเกาะน้อย เกาะใหญ่ที่กระจายตัวอยู่กลางทะเลสีน้ำเงิน นั่นแสดงให้ฉันรู้ว่า ฉันมาถึงแล้วนะ จ.ภูเก็ต ที่ใครหลายคนต่างพากันกล่าวถึงว่า...สวยงาม ฉันเดินทางมาภูเก็ต โดยมีจุดมุ่งหมายมาที่ หาดป่าตอง อยากมาให้เห็นกับตาว่าสีน้ำทะเลของที่นี่ ตัดกับ แสง สี เสียงยามค่ำคืนของป่าตองขนาดไหน และเมื่อเครื่องบินร่อนลงสู่รันเวย์ (ทีไร ท้องไส้ปั่นป่วน ขมวดเป็นก้อนขึ้นมาทันที) ฉันก็มุ่งสู่หาดป่าตอง


วันนี้ที่หาดท้องฟ้าแจ่มใส มองเห็นน้ำทะเลสีฟ้าใสสะอาด หาดทรายขาวเนื้อละเอียด พร้อมชาวต่างชาตินุ่งบิกินี่ตัวจิ๋ว มาเล่นน้ำบ้าง อาบแดดบ้าง ยิ่งทำให้หาดนี้ดูสดชื่นขึ้นมาอีกเยอะเลย แต่หากมาในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน-ตุลาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่หาดป่าตองสามารถเล่นกระดานโต้คลื่นได้อีกด้วย ซึ่งชาวต่างชาติได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก บินตรงมาที่นี่เพื่อการเล่นกระดานโต้คลื่นโดยเฉพาะ ทำให้มีโอกาสเห็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ยืนโชว์ความแข็งแรงอยู่บนกระดานโต้คลื่นได้อย่างเต็มตา แสงแดดที่นี่แรงจนแสบผิว แต่ไม่หวั่นกับการที่จะเปิดตาและเปิดใจสำรวจป่าตองอย่างใกล้ชิด จากบริเวณหน้าหาด (หันหน้าสู่หาด) เดินไปทางขวามือจนสุดหาดทราย เดินขึ้นเนินเล็กๆ ไปเรื่อยๆ จะพบกับจุดโขดหินของทะเลป่าตอง ตรงนี้น้ำทะเลจะมีสีฟ้าปนสีเขียวอ่อน มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ลมเย็นๆ ชื่นใจ แต่ฉันยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เดินฝ่าความร้อนของไอแดด มุ่งหน้าสู่ หาดกะหลิม ชายหาดที่แสนเงียบ ไร้ผู้คน อยู่ข้างๆ กับหาดป่าตอง น้ำทะเลก็สวยไม่ต่างกัน มีต้นหญ้าเล็กๆ ขึ้นเขียวก่อนลงถึงตัวหาดทราย ช่วยมาเพิ่มสีสันให้หาดกะหลิมดูสดชื่นมากกว่าเดิม และหากมาทันช่วงพระอาทิตย์จะตกดิน จะได้อีกหนึ่งบรรยากาศ ฉันขอนับเป็นไฮไลท์ (สำหรับตัวเอง) อีก 1 ที่ก็แล้วกัน


แดดร่มลมตก อาศัยเช่ามอเตอร์ไซค์ขี่ตะลอนป่าตอง ออกไปตามถนนสายหลัก ซึ่งเป็นวันเวย์ เดินรถทางเดียว และเมื่ออยากกินอาหารใต้บ้าง ให้แวะร้านข้าวยำปัตตานี อร่อยกำลังดี ร้านจะถึงก่อน ศูนย์การค้าจางซีลอน ห้างที่ใหญ่ที่สุดของป่าตอง ส่วนบริเวณตรงข้ามกัน ยังเป็นตลาดขายของขนาดใหญ่ จำพวกเสื้อผ้าสีสัน บิกินี่ ของใช้ต่างๆ ให้เลือกช้อปอย่างจุใจ ย้ำเตือนกันหน่อยว่า เวลาขับรถในป่าตอง ต้องระวังเรื่องวันเวย์เสมอ หากเข้าผิดเข้าถูกจะโดนเส้นทางบังคับซ้าย ขับไปเรื่อยๆ ขึ้น-ลงภูเขาสนุกสนานกันไป จนขับเลยออกไปไกลเกือบถึงตัวเมืองภูเก็ต ที่บอกได้ก็เพราะฉันหลงออกนอกเส้นทางมาแล้ว (ตื่นเต้นและได้ลุ้นว่าเส้นทางขึ้น-ลงเขานี้จะไปสุดที่ไหน)


ใครชอบงานศิลปะ ที่ป่าตองมีร้าน ART SHOP พร้อมแกลลอรี่เล็กๆ ข้างทางเยอะมาก อยู่แถวๆ แยกโคกมะขาม สามแยกที่บังคับรถเลนเดียวนั่นเอง จะเห็นศิลปินมานั่งวาดรูปสีน้ำมัน และมีโชว์งานสวยๆ ให้เห็น หรืออยากนั่งชิมกาแฟในร้านสไตล์เรโทร แนะนำให้ไปที่ Chic Room ถ.นาใน อยู่ด้านในสุดของป่าตอง เป็นร้านกาแฟชั้นครึ่ง ที่ตกแต่งแนวเรโทรได้น่ารัก พร้อมกับของเก่าเก็บที่สะสมไว้จำนวนมาก ที่นี่มี Wi-Fi ฟรีไว้คอยบริการด้วย เท่านั้นไม่พอเจ้าหน้าที่ของที่นี่ ยังพาไปชมโรงแรมด้านใน ที่ขอบอกว่า Chic! ไม่แพ้กับตัว Café เลย สำหรับไฮไลท์ของป่าตองที่แท้จริงจะอยู่ที่ ถ.บางลา สถานที่ที่เต็มไปด้วย แสง สี เสียง ชาวต่างชาติ กลิ่นบุหรี่ แอลกอฮอล์และเสียงเพลง ประหนึ่งพัทยาขนาดใหญ่ แต่หากลงมาที่หาดแล้วลองยืนมองป่าตองแบบ 360 องศา จะพบว่าป่าตองมีเสน่ห์แม้ยามค่ำคืน การเดินทางภายในป่าตอง มีอยู่ 4 รูปแบบคือ รถตุ๊กๆ แบบเหมาจ่าย วินมอเตอร์ไซค์ ขอบอกว่า ทั้ง 2 อย่างราคาแพงมาก เช่ามอเตอร์ไซค์หรือจักรยานแบบรายวันจะคุ้มมากถึงมากที่สุด และแบบสุดท้าย "เดิน" มันอาจจะเหนื่อยและร้อนมาก แต่มันทำให้เราได้เห็นอะไรอะไรมากขึ้น เพียงช่วงสั้นๆ เดินดีกว่าค่ะ และอย่าลืมมองหาป้ายเส้นทางหนีคลื่นยักษ์ไว้ด้วยก็ดี อย่างน้อยจะได้รู้เส้นทางหนี หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน

หากมีเวลามากหน่อย นอกจากป่าตองแล้ว ที่ภูเก็ตยังมีที่ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองเก่าย่าน อ.เมือง วันเสาร์มีถนนคนเดินด้วย น่าสนใจมาก หาดกะตะ หาดกะรน แหลมพรหมเทพที่ขึ้นชื่อและเกาะต่างๆ อีกมากมาย สามารถเดินทางได้ด้วยรถสองแถวใหญ่ ในราคาเพียง 25 บาทตลอดสาย โดยให้เริ่มต้นที่ตลาดในเมือง แล้วจะมีบริการรถสองแถวใหญ่หลายเส้นทางออกไปสู่แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ หรือหากจะออกจากป่าตอง สามารถนั่งรถสองแถวใหญ่ได้บริเวณสี่แยกป้อมตำรวจฯ ทางที่จะไปหาดกะหลิม รอนานหน่อย แต่มาแน่นอนค่ะ

ขอขอบคุณ

ทีมงาน Quiksilver Thailand Surf Competition 2011 และ Ibis Hotel
ด.ต.เดชณรงค์ บัวแก้ว สภ.กะทู้ งานป้องกันปราบปราม

เรื่อง / ภาพ : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ




 

Create Date : 10 ธันวาคม 2554    
Last Update : 10 ธันวาคม 2554 9:50:23 น.
Counter : 2105 Pageviews.  

หาดเจ้าหลาว ชิลล์ๆ ในสายลมหนาว

หลังจากเที่ยวภูเขากันจนเต็มอิ่ม บางจากขอหันมาเอาใจแฟนๆที่หลงใหลในเสียงคลื่น หาดทราย แสงแดด และสายลมอุ่นๆ กันบ้างนะครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาบางจากขอพาทุกท่านไปยัง หาดเจ้าหลาว สุดยอดหาดทรายใกล้เมืองในไม่กี่ที่ในประเทศไทยที่ให้ท่านได้สัมผัสแนวปะการังที่แสนงดงามสุดประทับใจใน 1 ชั่วโมง ที่ จ.จันทบุรี ครับ


หาดเจ้าหลาว อยู่ห่างจากอำเภอท่าใหม่ 19 กิโลเมตร ถัดมาจากหาดแหลมเสด็จ มีบรรยากาศเงียบสงบ เป็นหาดทรายสีนวล ยาวเหยียดสุดสายตา ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าว ผู้คนนิยมไปพักผ่อนกันที่นี่ในวันหยุด มีที่พักตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงระดับมาตรฐาน และร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีเรือท้องกระจกและเรือเร็วบริการนำนักท่องเที่ยวไปชมแนว ปะการังน้ำตื้นที่อยู่ห่างจากฝั่งไปเพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งนับเป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายนัก เพราะโดยปกติแล้วปะการังจะเกิดในบริเวณที่เป็นเกาะเท่านั้นเนื่องจากมีการ ไหลเวียนของกระแสน้ำพอเหมาะ อุณหภูมิเหมาะสม และไร้มลพิษ การพบปะการังบริเวณใกล้แนวชายฝั่งจึงสะดวกต่อการเดินทางไปชมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยว คือระหว่างเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม ทั้งนี้สามารถหาเช่าเรือท้องกระจกเพื่อชมปะการัง จุได้ประมาณ 5-20 คน ราคาค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 800-1,400 บาท อันนี้ก็อยู่ที่ฝีมือของการต่อรองครับ

ด้านการเดินทางไปยัง หาดเจ้าหลาว ท่าน สามารถเข้าถึงได้ถึงสองเส้นทาง คือ จากถนนสุขุมวิทก่อนถึงตัวเมืองจันท์ประมาณ 30 กิโลเมตร ถึงกิโลเมตรที่ 301 มีทางแยกขวาไปตามทางหลวง 3399 และจะพบป้ายทางแยกไปหาดต่างๆ เป็นระยะๆ และอีกเส้นทางหนึ่งคือ จากตัวเมืองเดินทางไปอำเภอท่าใหม่ระยะทาง 17 กิโลเมตร ต่อด้วยเส้นทางที่ไปเขื่อนวังโตนดและเลยไปจนถึงชายทะเลได้เช่นกันครับ




 

Create Date : 09 ธันวาคม 2554    
Last Update : 9 ธันวาคม 2554 8:21:09 น.
Counter : 1876 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.