หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย อ.ศรีประจันต์ สุพรรณบุรี
| “ควาย” ถือเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย ซึ่งวิถีการดำรงชีวิตของชาวไทยชนบทในสมัยก่อน มีความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับควาย จนถึงปัจจุบันนี้ควายก็ยังมีความผูกพันธ์กับคนไทยอยู่ดี ถึงแม้ว่าอาจจะน้อยลงกว่าเดิมมาก เพราะเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยเรามากขึ้น ทำให้เราเห็นความสำคัญของควายน้อยลง
วันนี้เราจะพาไปรำลึกวิถีชีวิตเก่าๆ ของคนไทยที่ผูกพันธ์กับควายมาช้านาน ที่บ้านอนุรักษ์ควายไทย ตามมากันเลยค่ะ
|
| |
|
หมู่ บ้านอนุรักษ์ควายไทย - สุพรรณบุรี ทำการเปิดโครงการ เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2545 อย่างเป็นทางการ มีพื้นที่ 70 ไร่ ติดถนนทางหลวงหมายเลข 340 (สุพรรณบุรี-ศรีประจันต์) กิโลเมตรที่ 115-116 ซึ่งเป็นถนนสายหลักของอำเภอศรีประจันต์ และจังหวัดสุพรรณบุรี “บ้านควาย – สุพรรณบุรี ” เป็นโครงการที่สะท้อนถึงวิถีการดำรงชีวิตของชาวไทยชนบทในสมัยก่อนซึ่งมีความ สัมพันธ์ และเชื่อมโยงกับควาย และเป็นสถานที่รวบรวมวิถีชีวิตแบบพื้นบ้านภาคกลาง
“บ้านควาย – สุพรรณบุรี” ถูกสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และรักษาขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมซื่งเป็น มรดกของประเทศไทย นอกจากนี้โครงการบ้านควายยังสนองนโยบายของรัฐโดยการสร้างงานสร้างรายได้และ สร้างโอกาศให้แก่ชุมชน และชุมชนใกล้เคียงในการทำมาหากินและประกอบอาชีพเพื่อยังชีพอย่างพอเพียง โดยแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ เช่น หมู่บ้านชาวนาแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีลานนวดข้าว คอกควาย โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ บ้านเรือนไทยภาคกลาง
พิธีเปิดโครงการ “บ้านควาย – สุพรรณบุรี” อย่างเป็นทางการถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2545 ในงานมีการจัดแสดงสินค้าหัตถกรรม “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์” และกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น การประกวดควายงาม การแสดงความสามารถพิเศษของควาย และ วิ่งควาย
|
|
ผู้เข้าเยี่ยม ชมบ้านสามารถสัมผัสกับวิถีการดำเนินชีวิตแบบย้อนยุค และกิจกรรมที่น่าสนใจต่างๆ เช่น การทำนาในแบบโบราณที่ยังใช้แรงงานจากควายและอุปกรณ์การทำนาแบบโบราณ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าเยี่ยมพื้นที่จำลองในการแบ่งสันส่วน พื้นที่ทำเกษตกรรม ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหาราช และสวนผีเสื้อนานาพันธุ์ สวนกล้วยไม้ หมู่บ้านชาวนา และสวนสมุนไพร
|
| รอบการแสดง - และเวลาเปิดทำการของบ้านควาย การเปิดทำการ เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด เวลาเปิด เวลา 09.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม 150 บาท
รอบการแสดง วันธรรมดา มี 2 รอบ (วันจันทร์ – วันศุกร์)
- เวลา 11.00 – 11.30 น. และเวลา 15.00 – 15.30 น.
รอบการแสดง วันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์ มี 3 รอบ
-รอบเช้า เวลา 11.00 – 12.00 น.
-รอบบ่ายเวลา 14.30 – 15.30 น. และ 16.00 – 17.30 น.
ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 100 บาท
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 0 2270 0395-7 สำนักงานสุพรรณบุรีโทร. 0 3558 1668
|
| การเดินทางไปบ้านควาย
บ้าน ควาย ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี มีเนื้อที่ 114 ไร่ พื้นที่โครงการ 70% ของพื้นที่ทั้งหมด อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 129 กิโลเมตร ห่างจากตัวเมืองสุพรรณบุรี 20 กิโลเมตร ห่างจากตัว อ.ศรีประจันต์ ประมาณ 2 ก.ม.
การเดินทางโดยรถส่วนตัว
ถยนต์ สามารถใช้เส้นทางในการเดินทางได้หลายเส้นทาง ดังนี้
1.จากกรุงเทพฯ ผ่านอ.บางบัวทอง ไปจนถึงตัวเมือง จ.สุพรรณบุรี หรือจากกรุงเทพฯ ผ่านนนทบุรี อ.บางบัวทอง ไปจนถึงตัวจ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 107 ก.ม.
2.จากกรุงเทพฯ ผ่านจ.ปทุมธานี อ.ลาดหลุมแก้ว ไปจนถึงตัวเมืองจ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 115 ก.ม.
3.จากกรุงเทพฯ ผ่านจ.พระนครศรีอยุธยา ไปจนถึงตัวเมืองจ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 132 ก.ม.
4.จากกรุงเทพฯ ผ่านจ.สิงห์บุรี อ.เดิมบางนางบวช จนถึงตัวเมืองจ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 228 ก.ม.
5.จากกรุงเทพฯ ผ่านจ.อ่างทอง ไปจนถึงตัวเมืองจ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 150 ก.ม.
6.จากกรุงเทพฯ ผ่านจ.นครปฐม อ.กำแพงแสนไปจนถึงตัวเมืองจ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 164 ก.ม.
การเดินทางโดยรถโยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด บริการรถโดยสารประจำทางออกจากสถานีขนส่งหมอชิตกำแพงเพชร 2 และสถานีขนส่งสายใต้ไปจังหวัดสุพรรณบุรีทุกวันมีทั้งรถธรรมดา และปรับอากาศไว้บริการ
-ติดต่อสอบถามราบละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 - 5378055
-รถธรรมดา โทร. 02 - 4345557 - 8
-รถปรับอากาศ โทร. 02-4351199-200
การเดินทางโดยรถไฟ
การ รถไฟแห่งประเทศไทย มีขบวนรถไฟออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปจ.สุพรรณบุรีทุกวัน วันละ 1 เที่ยวใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินทางไปถึงสถานีรถไฟจ.สุพรรณบุรี และต้องต่อรถโดยสารไปอีก 20นาทีโดยประมาณเพื่อไปเที่ยวชมบ้านอนุรักษ์ควายไทยที่ อ.ศรีประจันต์ ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยสะดวกในการเดินทางนักสำหรับผู้ที่จะคิดเดินทางโดยรถไฟ
|
| | | | | | | | | | | | | | |
Create Date : 16 มีนาคม 2554 | | |
Last Update : 16 มีนาคม 2554 15:39:47 น. |
Counter : 3816 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
'สวนหินผางาม' คุนหมิงเมืองไทย
สภาพ อากาศสลับขั้วไปมาร้อนบ้างเย็นบ้าง วันดีคืนดีฝนเทกระหน่ำ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันเวลาของฤดูหนาว แสดงให้เห็นว่าธรรมชาติไม่แน่นอน กะเกณฑ์กันไม่ได้ แต่เรื่องการเดินทาง ออกสู่ธรรมชาติคือสิ่งที่กำหนดได้
หาก เลือกเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดในภาคอีสาน จ.เลย คือจุดหมายต้น ๆ ของการเดินทาง เพียงเพราะใครบางคนหลงเสน่ห์ของแหล่งท่องเที่ยวใหม่อย่าง “เชียงคาน” เหมือนครั้งที่เมืองปายในจ.แม่ฮ่องสอนเคย ร่ายมนตร์สะกดเดียวกับเชียงคานมาแล้ว พักใหญ่ ปายให้บทเรียนกับ เชียงคานได้พอควร เชียงคานไม่มีถนนสายบาร์เบียร์ ที่ให้นักท่องเที่ยวปล่อยอารมณ์ชิล ชิล กับสายน้ำโขง มีเพียงร้านอาหารริมน้ำ กับเกสต์เฮาส์ในพื้นที่จำกัด นอกจากเชียงคาน “เลย” ยังมีสถานที่บางแห่งที่ไม่น่าละเลยไปเยี่ยมเยือน “สวนหินผางาม” เรียกขานกันว่า “คุนหมิง เมืองไทย” ที่มาของคำเรียกดังกล่าวมาจากผู้หลักผู้ใหญ่ใน จ.เลย ได้ไปดูงานที่คุนหมิง ประเทศจีน เมื่อปี 2542 เห็นพ้องกันว่าสวนหินผางามมีทัศนียภาพไม่ต่างจากคุนหมิง “สวนหินผางาม”ตั้ง อยู่ในพื้นที่บ้านผางาม หมู่10 ต.ปวนพุ อ.หนองหิน ห่างจากตัวเมืองเลยประมาณ 70 กม. อยู่ระหว่าง อ.วังสะพุงกับภูกระดึง เนื้อหาและจุดเด่น ของคุนหมิงเมืองไทย อยู่ที่ภูเขาหินปูนทอดตัวเป็นแนวยาวท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียว ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 9,000 ไร่ ประกอบไปด้วยเขาหินปูนขนาดใหญ่ 3 ลูกด้วยกันคือ เขาคุนหมิง ผาบ่อง หินเต่า และยังมีภูเขาขนาดเล็กอีกไม่ต่ำกว่า 500 ลูก มีแนวเทือกเขาเดียวที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไป เจาะลึกด้านในได้ ภายใต้เงื่อนไข ต้องใช้ไกด์ท้องถิ่นนำทาง นั้นเพราะเส้นทางเดินสลับซับซ้อนไม่ต่างจากเขาวงกต ไกด์ท้องถิ่นจะเป็นเหล่าเด็กนักเรียนในพื้นที่ สำหรับการเที่ยวชม กับเส้นทาง 1,300 เมตร จะได้ชมความมหัศจรรย์ของสวนหินงามประมาณ 21 จุด ด้วยค่าบริการนำเที่ยว 100 บาทต่อกรุ๊ป (ไม่เกิน 10 ท่าน) ส่วน อีกเส้นทางคือนั่งรถเข้าชม (ค่ารถไปกลับ 10 บาท) นั่งรถอีแต๊ก (รถไถนาเดินตาม) สู่จุดชมวิว สำหรับคนสูงอายุหรือคนที่อยากเที่ยวแบบไม่ต้องการเสียเหงื่อมาก รถอีแต๊กจะพาสู่จุดชมวิวที่มองเห็นจุดที่ได้ชื่อว่าคุนหมิงเมืองไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถจะเทียบท่าถึงจุดชมวิว ต้องปีนป่ายบันไดเหล็กขึ้นไปอีกประมาณ 2 หอบใหญ่ ๆ จึงจะได้เพลินกับวิวสวย ๆ ดังนั้นควรเตรียมพร้อมทั้งรองเท้า เสื้อผ้า และหัวใจกันไว้แต่เนิ่น ๆ เส้น ทางเดินเท้าสำรวจใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเศษ มีทั้งทางตรง ทางลาดชันและทางราบต่ำที่ต้องก้มตัว เอี้ยวตัวไปมาลอดช่อง ไต่บันได พอได้เหงื่อซึมท่ามกลางป่าเบญจพรรณ ที่มีพรรณไม้ดึกดำบรรพ์ อาทิ จันทน์ผา ปรง ตะบองเพชร แทรกตัวอยู่กับไม้ใหญ่ เมื่อเข้าสู่แดนสลับซับซ้อน จุดเรียกเหงื่อแรก ตั้งชื่อแบบหยามกันไม่ลงว่า “เนินวัดใจ” เพราะต้องปีนบันไดจนแทบท้อได้ หรือเรียกเล่น ๆ ว่า เนินท้อแท้ จุดนี้จะเห็นต้นจันทน์ผาขนาดใหญ่ชูช่อรอต้อนรับ เดิน ลัดเลาะไหล่เขามา จะเจอซุ้มนักเลงเกรงใจ หรือซุ้มคารวะ ไม่ว่าใหญ่มาจากไหนก็ต้องก้มหัวลอดช่องหินลงมา เพื่อเดินลงบันไดเหล็กนำไปสู่ถ้ำ “อรทัย” ถ้ำที่ตั้งชื่อให้เป็นเกียรติกับผู้มาสำรวจรุ่นแรกที่เป็นผู้หญิงในนามดัง กล่าว ถัดมาจะพบกับ “ช่องสรีระ” เป็นช่องหินที่แคบมากจนไม่คิดว่าจะพาร่างกายเข้าไปได้ ต้องเอี้ยวตัวไปทางขวาเล็กน้อย แต่เมื่อ ก้มตัวมุดเข้าไปจะพบกับป่องเอี้ยมที่เป็นช่องหิน เมื่อมองลอดลงไปแล้วจะมองเห็นทางที่เดินผ่านมา “ประตูโขง” คือปรากฏการณ์ก้อนหินเทินกัน มีช่องซุ้มประตู ก่อนที่จะพบกับผนังหินที่ทะลุเป็นช่องคล้ายรูปหัวใจที่ดูบูด ๆ เบี้ยว ๆ ชาวบ้านจึงเรียกขานมุมนั้นว่า “ถ้ำหัวใจสลาย” เดิน ชมนกชมไม้มาจะถึงจุดชมวิว ที่ต้องปีนบันไดเหล็กขึ้นไปสูดอากาศเย็นสบายบนที่สูง มองเห็นสวนหินงามได้ในมุมภาพ มีทั้งหินที่เทินกันเหมือนกับรูปเต่า และภูเขาหินสูงต่ำสลับซับซ้อน ถ่ายภาพเป็นระลึกเสร็จสรรพ ต้องไต่บันไดลงมาอีกทอด ตรงทางลงจะมีรถอีแต๊กไว้บริการ เพื่อมาส่งยังจุดเดิม สำหรับสภาพอากาศบริเวณสวนหินงาม ถ้าอากาศไม่ปรวนแปรความหนาวเย็นจะเริ่มมาทักทายที่ราวเดือน พ.ย.-ม.ค. ของทุกปีท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวที่น่ารัก ขับรถมาจะมองเห็นแนวทิวทุ่งบัวตองสีเหลือง บานสะพรั่ง และเร้าใจด้วยการนั่งรถอีแต๊กไปยังจุดชมวิว ส่วนสินค้าที่ระลึกเป็นของชาวบ้านแท้จริงไม่ว่าจะเป็นงานไหมพรมถัก มีทั้งหมวก ผ้าพันคอ งานหัตถกรรมไม้ไผ่…“ผาหินงาม” มุมหนึ่งของ “เลย” ไปแล้วจะรักแล้วรักเลยจริง ๆ **สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-4289-4254 หรือ 08-4779-2633 เว็บไซต์ //www.puanpu.go.th
ขอบคุณที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์
|
| | | | |
Create Date : 15 มีนาคม 2554 | | |
Last Update : 15 มีนาคม 2554 8:39:44 น. |
Counter : 1846 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เที่ยวฉะเชิงเทรา ไปไหว้พระพิฆเนศวรปางนอน
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท.
พระพิฆนเศวร เป็นเทพที่มีผู้คนนับถือและเคารพมากที่สุด และเป็นที่ทราบกันดีว่า พระพิฆเนศวร มีหลายปาง ซึ่งส่วนใหญ่จะบูชาปางตามสายงานอาชีพของตน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปสักการะบูชา "องค์พระพิฆเนศวรปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย" ณ วัดสมานรัตนาราม ริมแม่น้ำบางปะกง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา กัน...ถ้าพร้อมแล้วตามเราไปเลย
องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข ที่วัดสมานรัตนาราม ถือเป็นปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ใกล้กับโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ กันมี องค์พระพิฆเนศวรปางยืน สร้างที่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางตลาด จังหวัดฉะเชิงเทรา และ องค์พระพิฆเนศวรปางนั่ง สร้าง ณ เชิงภูเขา วัดเขาแดง ตำบลสาลิกา จังหวัดนครนายก ให้ได้ไปกราบไหว้อีกด้วย
สำหรับ องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข หมาย ถึง ความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน รื่นรมย์ ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง อิ่มหนำ สำราญ มีกินมีโชคลาภ จะนำความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา ซึ่งมีเนื้อชมพู มีขนาดความสูง 16 เมตร และความกว้าง 14 เมตร ลักษณะนั่งกึ่งนอนตะแคงบนฐาน พระหัตถ์บนด้านขวาทรงเชือกบ่วงบาศน์ ที่ทรงใช้ในการนำพามนุษย์ไปสู่เส้นทางแห่งธรรมะ และหลุดพ้นพร้อมทรงขจัดอุปสรรคในระหว่างทาง พระหัตถ์บนซ้ายทรงเชือกขอสับ ที่ใช้ในการป้องกันและพันฝ่าความยากลำบาก พระหัตถ์ขวาล่างทรงงาที่หักครึ่ง เป็นสัญญลักษณ์แห่งความเสียสละ พระหัตถ์ขวาด้านบนถือดอกบัว
อีกทั้งทรงมีใบหูที่กว้างใหญ่เหมือนใบพัดหมายความว่า ท่านพร้อมที่รับฟังสิ่งที่เราร้องเรียนและเรียกหา มีงูที่พันอยู่รอบท้องท่าน แสดงถึงพลังที่มีอยู่โดยรอบ และหนูที่ทรงใช้เป็นพาหนะ แสดงถึงความไม่ถือองค์ พร้อมที่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่เล็ก และเป็นที่รังเกียจของมนุษย์ส่วนมาก อีกทั้งบริเวณรอบ ๆ ฐานพิฆเนศองค์ใหญ่ จะมีพระพิฆเนศทั้ง 32 ปาง ประดิษฐานอยู่ เพื่อให้ผู้คนกราบไหว้
ทั้งนี้ หลังจากไปไหว้ องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข แล้ว...ห้ามพลาด! กับการไปกระซิบหู "ท่านหนูมุสิกะ" ผู้เป็นต้นห้องขององค์พระพิฆเนศ เพื่อฝากคำขอพรต่าง ๆ ไปยังพระพิฆเนศ โดยยืนด้านหลังเอาปากพูดตรงหูหนู และเอามือปิดหูของหนูอีกข้างไว้ เพราะเชื่อกันว่า "ท่านหนูมุสิกะ" จะนำข้อความทั้งหมดไปบอกให้องค์พระพิฆเนศทราบ และคำขอพรจะสัมฤทธิ์ผล
อย่างไรก็ตาม เมื่อไปถึงวัดสมานรัตนาราม ควรไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดอื่น เช่น พระราหูองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย, หลวงพ่อโต ปางมารวิชัย อายุกว่า 120 ปี พระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า, พระพุทธมหากรุณาคุณประสิทธิ์, หลวงพ่อดำ, หลวงพ่อโต จำลองภายในพระอุโบสถหลังใหม่ และจระเข้โหราเทพารักษ์
การเดินทาง
จากกรุงเทพฯ วิ่งถนนรามอินทรา ออกมีนบุรี ก่อนถึงมีนบุรีเลี้ยวซ้ายไปจังหวัดฉะเชิงเทรา สังเกตป้ายบอกทางเมื่อจะเข้าแปดริ้วเลี้ยวซ้ายบนสะพาน (ตรงไปจะไปชลบุรี ) ไปเรื่อย ๆ เลยไฟแดงชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ตรงไปถึงสี่แยกไฟแดงแยกคอมเพล็ก เลี้ยวซ้ายไปทางบางคล้า ตั้งไมล์ 4 กิโลเมตร จะถึงปากทางวัดจุกเฌอ เลี้ยวช้ายเข้าไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร จะมีทางเบี่ยงขวาสังเกตป้าย วิ่งข้ามสะพานสูงซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำ ลงสะพานวิ่งต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงปากทางเข้าวัดสมานรัตนาราม
Create Date : 14 มีนาคม 2554 | | |
Last Update : 14 มีนาคม 2554 8:46:24 น. |
Counter : 2509 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |