ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
ดอยผ้าห่มปก ความสูงที่ไม่มีวันลืม ตอน 1

ก่อนสิ้นปี
หนุ่มสาวออฟฟิศหลายคนคงนั่งมองวันลาพักร้อนกันตาปริบๆ
ว่าจะออกร่อนเร่รวนแรมไปยังถิ่นฐานไหนดี
ซึ่งทางทีมงานอีแมกกาซีนก็มีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ
อย่างการหนีขึ้นดอยไปแดนไกลที่จะช่วยสร้างอีกหนึ่งประสบการณ์ให้นักเดินทาง
ได้จดจำไม่รู้ลืม ในการออกสู่โลกกว้างครั้งนี้
ทีมงานเลือกที่จะไปเหยีบจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดหมายปลายทางอย่าง "ดอยผ้าห่มปก"
ที่ถูกจัดว่ามีความสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์
และเพื่อให้ได้อรรถรสในการท่องเที่ยวแบบครบสูตร
เราจึงขอมุ่งหน้าไปยังเชียงใหม่ด้วยรถไฟ ปู้น ปู้นนน
โดยเริ่มสตาร์ทขบวนกันที่หัวลำโพงในยามเย็น





บรรยากาศของตู้นอนชั้น 1 ด่วนพิเศษ ยังคงเป็นเช่นเดิม
ที่บรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักจะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
จนแทบจะพูดได้เลยว่า มีมากกว่าชาวไทยเสียซะอีก
นั่นเพราะฝรั่งมังค่าเขากล่าวว่า
การเดินทางด้วยรถไฟให้ทั้งความปลอดภัยและตวามสะดวกสบาย
ซึ่งไฮไลท์เด็ดของการใช้บริการรถไฟไทยคงหนีไม่พ้นความคึกคักของตู้สเบียงที่
แม้ว่าราคาข้าวของเครื่องดื่มจะแพงหูฉีกไปสักนิด แต่ด้วยเสียงเพลงเพลินๆ
ลมเย็นๆ
และความเป็นมิตรของเพื่อนร่วมเดินทางกลับทำให้นี่คือพาหนะที่หลายคนต้องยก
นิ้วให้
ระยะเวลาในการเดินทางด้วยหัวรถจักรจากเมืองหลวงมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่นับรวมๆ
แล้วก็ราว 12 ชั่วโมง โดยรุ่งอรุณของอีกวันใหม่ คุณยังจะได้เห็นถ้ำขุนตาล
ซึ่งขอการันตรีเลยว่าน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อย
แม้จะไม่เห็นวิวทิวทัศน์แต่ความมืดและเสียงที่อื้ออึงมากขึ้นคือมนต์สเน่ห์
ของการลอดถ้ำแห่งนี้



 

หลังจากนั่ง นอน ดื่ม ด่ำกันมาครึ่งวันเต็มๆ
ในที่สุดก็ถึงสถานนีเชียงใหม่
ซึ่งคับคั่งไปด้วยสองแถวแดงน้อยใหญ่กับบรรดาสิงห์นักขับที่ออกมาแร้งทึ้ง
เหล่านักท่องเที่ยวให้ขึ้นรถของตนเพื่อไปยังที่หมาย
สำหรับการจะไปดอยผ้าห่มปก
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือพาตัวเองให้ไปถึงอู่รถช้างเผือก
ซึ่งจะมีทั้งรถสองแถวและรถบัสสีส้มขับผ่านไปถึงอำเภอฝางด้วยเวลาราวๆ 2
ชั่วโงครึ่ง จากนั้นจึงโบกรถไปตามประสาให้ถึงอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
แต่เนื่องด้วยอานิสงค์จากการเป็นครูอาสาในครั้งก่อน
งานนี้ทีมงานอีแมกกาซีนจึงโดดลงจากสองแถวแดงราคาหัวละ 70 บาท
จากท่ารถช้างเผือกลงมาแหมะอยู่ที่ว่าการอำเภอไชยปราการแล้วจึงขึ้นกระบะคัน
โก้ของครูดอยลัดเลาะเส้นทางไปจนถึงอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
ซึ่งในจุดแรกนี้จะมีลานกางเต็นท์บ่อนน้ำร้อนฝาง ซึ่งถ้ามากันไม่ทันบ่าย 3
โมง ก็อาจต้องนอนค้างที่จุดนี้กันสักคืน
เพราะรถโฟร์วิลล์จะไม่สามรถขึ้นบนดอยหลังจาก 3 โมงเย็นไปแล้ว ดังนั้น
ในคืนแรกพวกเราจึงจองเต็นท์บริเวณลานน้ำพุร้อนเพื่อของอิงไออุ่นสยบความหนาว



 

ณ ลานบ่อน้ำพุร้อน
จะมีทั้งแอ่งน้ำร้อนและบ่อน้ำร้อนกระจัดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้าง
ซึ่งอาจต้องใช้ความระมัดระวังกันสักนิดในการเดินชมธรรมชาติ
และในขณะที่ทีมงานกำลังหันซ้ายแลขวาเพื่อเตรียมตัวเช็คอินจองเต็นท์
เสียงดังฟู่......อันกึกก้องก็สร้างความประหลาดใจให้กับนักท่องเที่ยวจนต้อง
วิ่งออกจากสำนักงานที่ทำการ
และนั่นคือเสียงของน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งขึ้นจากใต้พื้นพิภพ
ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าจะเป็นเช่นนี้ทุก 30 นาที และจะยาวนานถึง 13 นาที
กันเลยดีเดียว เมื่อได้ที่ซุกหัวนอนในค่ำคืนแรกด้วยเงินเพียง 250 บาท
กันแล้ว ก็ถึงเวลาออกตระเวนไปชำระร่างกาย
ซึ่งช่วงที่ทีมงานได้ออกไปเก็บเกี่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ตรงกับฤดูหนาว

การจะนำร่างไปแช่น้ำอุ่นจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดช่วงก่อนหัวค่ำ เมื่อ
เก็บข้าวเก็บของและรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมสรรพ
เครื่องนุ่งห่มและอุปกรณ์อาบน้ำก็ถูกเหน็บไว้ข้างตัวเป็นอย่างดี
ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะสาวเท้าให้ว่องเพื่อไปยังบ่อแช่น้ำร้อน
ซึ่งพวกเรากลับต้องพบความผิดหวังที่ห้องอาบน้ำอุ่นๆ นั้นปิดก่อนเวลา 1 ทุ่ม
นั่นเพราะเจ้าหน้าที่แอบเก็บสัมภาระเตรียมกลับบ้านกันจนหมด ดังนั้น
น้ำเย็นเจี๊ยบจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ต้องยอมจำใจอย่างไรข้อกังขา



 

บรรยากาศหลังอาทิตย์อัสดงของลานบ่อน้ำพุร้อน
เรียกได้ว่าอบอุ่นกว่าที่คิดไว้ โดยอุณหภูมิที่ปรอทจากเมืองกรุงวัดได้คือ 7
องศา ไอน้ำร้อนลอยละล่องอยู่ทุกถิ่นที่
ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ก็ยังมีดวงดาวให้นอนนับอยู่เกือบค่อนคืน
ซึ่งธรรมชาติเช่นนี้นี่เองที่แม้แต่ความหนาวเย็นก็ไม่สามารถจะบีบบังคับให้
พวกเราข่มตานอน
จนต้องชวนกันออกมาต้มไข่ท้าสายลมเย็นแล้วค่อยกล่าวราตรีสวัสดิ์เบาๆ
ไอน้ำของเช้าวันใหม่ที่ลานน้ำพุร้อนดูจะแน่นหนาและให้ความอบอุ่นได้มากกว่า
เมื่อค่ำคืนก่อน ถ้าคุณได้ลองเดินดูจนทั่วจะรู้สึกเลยว่า
สถานที่แห่งนี้มีหยดน้ำค้างมากเป็นพิเศษ
จึงทำให้เห็นนกน้อยและผีเสื้อหลายชนิดบินวนอยู่รอบกาย
หลังจากสำรวจความงามของยามเช้ากันแล้วก็ถึงคราวที่จะลองไปสัมผัสกับน้ำร้อนๆ
ในบ่ออุ่น
ซึ่งที่อุทยานจะมีทั้งบ่อแช่น้ำแร่ทั้งแบบรวมและแบบส่วนตัวให้คุณๆ
ได้เพลิดเพลินใจในราคาเพียงหัวละ 20 บาท สำหรับบ่อรวม และ 50 บาท
สำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว


อาบน้ำ กินข้าว ชมธรรมชาติอย่างจุใจ
ก็ถึงเวลารอหาสมัครพรรคพวกมาหารค่ารถโฟร์วิลล์เพื่อขึ้นไปยังลานกิ่วลม
ซึ่งเป็นอีกจุดกางเต้นท์ที่อยู่สูงและเข้าใกล้ยอดดอยเข้าไปทุกที แต่ ณ
เวลานี้ คงต้องหยุดภาคหนึ่งไว้เพียงเท่านี้ เนื่องจากทีมงานมีสมาชิกเพียง 3
หน่อ จะให้โหนกระบะคันโตราคา 1,800 บาท ก็ดูจะใช่เรื่อง ดังนั้น นั่งๆ
นอนๆ รอเพื่อนร่วมทางแล้วค่อเดินทางต่อกับภาคสองที่รับรองว่า
อดใจรอกันอีกไม่นานแน่นอน



Create Date : 21 มกราคม 2555
Last Update : 21 มกราคม 2555 10:38:18 น. 0 comments
Counter : 2241 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.