ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
เกาะสีชัง...สวยน่าไปทุกฤดูกาล

"สีชัง ชังแต่ชื่อ
เกาะนั้นหรือจะชังใคร..." ฉันได้ยินเพลงนี่ดังมาจากวิทยุคลื่นหนึ่ง
ทำให้คิดขึ้นได้ว่าคู่หูเดินทางฉบับนี้เราน่าจะพาไปเยือนยังเกาะสีชัง
ยามเมื่อปลายฝนต้นหนาว เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า
สีชังนั้นเขาชังแต่ชื่อจริงดังบทเพลงหรือไม่?





การเดินทางนั้นไม่ยากเลย
นั่งรถเพียงแค่ชั่วโมงเศษๆก็ถึงอำเภอศรีราชาแล้ว ลงรถที่หน้าตึกคอม
ต่อรถสามล้อ(ตุ๊กตุ๊ก) หรือรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ไปยังท่าเรือเกาะลอย
เพื่อขึ้นเรือต่อไปยังเกาะสีชัง ค่าโดยสารเรือเพียงคนละ 45 บาท
ขาไปเริ่มเวลา 8.00-20.00 น. ขากลับเริ่ม 6.00-18.00 น.เรือจะออกทุกๆ 1
ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 40-45 นาทีก็ถึงแล้ว
ทันทีที่ย่างเท้าก้าวขึ้นท่าเรือ ชุมชนเกาะสีชัง
ก็สามารถสัมผัสได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ บรรยากาศการท่องเที่ยวแบบท้องถิ่น
มิตรภาพ รอยยิ้มและน้ำใจที่มีให้พบเห็นกันโดยทั่วไปบนเกาะแห่งนี้ 
เกาะสีชัง เป็นเกาะใหญ่ที่มีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของชลบุรี
อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ
ถือได้ว่าเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวแห่งหนึ่งมีท่าจอดเรือ 2 จุด คือ ท่าบน
และ สะพานท่าเทววงษ์ (ท่าล่าง)
สามารถเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับหรือจะพักค้างคืนก็ได้เพราะที่นี่เค้าก็มี
ทีพัก รีสอร์ทไว้คอยให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยว




ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่



ตั้งอยู่บนเขาห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางด้านเหนือของเกาะ
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือ
ลักษณะเป็นถ้ำซึ่งดัดแปลงเป็นศาสนสถาน ที่ผสมผสานด้วยสถาปัตยกรรมจีนและไทย
สามารถเดินต่อไปยัง มณฑปรอยพระพุทธบาท
อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
เดินบันไดต่อขึ้นไปอีกประมาณ 345 ขั้นรัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้
บนยอดเขาเป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ




ช่องเขาขาด



ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา
ในบริเวณจะมีสะพานวชิราวุธสำหรับเดินชมทิวทัศน์
สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลมๆ
ขนาดต่างๆ มากมาย
ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5



หลักศิลาจารึก



ตั้งอยู่ที่ข้างสนามโรงเรียนเกาะสีชัง จารึกเล่าถึงพระราชปรารภของรัชกาลที่ 5 เกี่ยวกับบรรยากาศที่ดีบนเกาะสีชัง






พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน



ตั้งอยู่ภายในบริเวณพระราชวังจุฑาธุราชฐาน
เป็นสถานที่จัดแสดงสัตว์น้ำทางทะเลอยู่ในความดูแลของสถาบันวิจัยทรัพยากรทาง
น้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นแหล่งที่ให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
เปิดให้ชมฟรี วันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 9.00 - 17.00
น.



พระจุฑาธุชราชฐาน



ห่างจากท่าเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5
เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม
ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง เดินเข้ามาก็จะพบศูนย์บริการข้อมูล
ซึ่งมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นเป็นเด็กนักเรียนที่หารายได้พิเศษเพื่อเป็นทุนการ
ศึกษา เด็กทุกคนได้ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี
สามารถอธิบายและพาเดินชมได้อย่างทั่วถึง
ค่าบริการแล้วแต่จะให้เพราะถือว่าเป็นการสนับสนุนการศึกษาแก่อนาคตของชาติ
เรานั่นเอง เดินขึ้นไปทางขวามือก็จะพบพระบรมรูป รัชกาลที่ 5
ขอเชิญสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ถัดขึ้นไปเป็นระฆังหิน
เพียงคุณใช้หินก้อนเล็กๆ เคาะที่ระฆังหินเบาๆ
คุณก็ได้ยินเสียงกังวานดั่งเคาะระฆังจริงๆ
เค้าว่าให้อธิฐานระหว่างเคาะเรื่องที่ขอไว้ก็จะได้สมใจหมาย
เดินต่อขึ้นมาอีกนิดก็จะพบกับวัดอัษฎางค์นิมิตร
เป็นพระอุโบสถที่อยู่ในเขตพระราชวัง มีลักษณะแตกต่างจากที่อื่นคือ
มีพระอุโบสถ อยู่ใต้เจดีย์ทรงกลมแบบลังกา
ตัวพระอุโบสถสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิค
บริเวณพระเจดีย์อุโบสถยังมีต้นศรีมหาโพธิ์
ซึ่งนำหน่อมาจากพุทธคยาประเทศอินเดียปลูกไว้ เดินลงมาเรื่อยๆ
ก็จะพบกับเรือนผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม เรือนอภิรมย์ เรือนวัฒนา
พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง และเรือนไม้ริมทะเล
ในส่วนพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์ ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง
ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในสมัยนั้น
เหลือให้เห็นเพียงฐานราองค์พระที่นั่งเท่านั้น
เพราะได้ถูกรื้อย้ายไปปลูกที่พระราชวังดุสิต แล้วพระราชทานนามให้ใหม่ว่า
พระที่นั่งวิมานเมฆ ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง


นอกจากนี้ยังมีสถานที่ก่อสร้างที่น่าสนใจ
อื่น ๆ อีก ได้แก่ บ่อน้ำ ผา ธารน้ำ สระน้ำ พระที่นั่ง น้ำพุ พระตำหนัก
บันได ทางสัญจร ประภาคาร แล
สถานที่ก่อสร้างอีกแห่งหนึ่งที่สวยงามดึงดูดใจผู้มาเยือนและผู้พบเห็นก็คือ
สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานท่าเทียบเรือขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้สักทาสี
เสาก่อด้วยหินโบกปูนซีเมนต์ มีศาลาพักทรงไทย 3 แห่ง คือ ต้น กลาง
และปลายสะพาน หน้าบันจำหลักโดยช่างชาวจีนฝีมือประณีตและงดงาม



Tips


รถบริการสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
• รถสามล้อเครื่องหรือที่นี่เขาเรียกกันว่า "สกายแลป" อัตรานำเที่ยวรอบเล็ก 150 บาท รอบใหญ่ 250 บาท
โดยสารได้ไม่เกิน 6 คน
• รถสองแถวบริการนำเที่ยวรอบเกาะ ราคาคันละ 500 บาท โดยสารได้ 7-15 คนไม่จำกัดเวลา
• รถมอเตอร์ไซด์เช่า คิดค่าบริการ 1 ชั่วโมง 80 บาท, เหมา 250 บาท, ค้างคืน 300 บาท


Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 8:11:02 น. 1 comments
Counter : 2516 Pageviews.

 



โดย: Kavanich96 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:7:55:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.