ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

อยากรู้มั๊ย Top 10 โรงเรียนนานาชาติ ค่าเทอมแพง มันแพงเท่าใหร่



 ข้อมูลคร่าวๆ ของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยกันก่อน โดยโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยจะมีอยู่ด้วยกันประมาณ 100 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยจะแบ่งเป็น 2 ระบบใหญ่ๆ คือ
-ระบบอเมริกัน เรียน 2 เทอม 4 Quarter ระดับชั้นจะเรียกเป็น Grade , Gr.1-12
-ระบบอังกฤษ เรียน 3 เทอม ระดับชั้นเรียกเป็น Year , Year 1-13
ส่วนระบบอื่นๆ ก็มีบ้าง เช่น ระบบเยอรมัน ระบบฝรั่งเศส ระบบญี่ป่น ระบบสิงคโปร์ ระบบอินเดีย เป็นต้น

10 โรงเรียนนานาชาติจที่แพงจนขนตูดลุกนี่มันขนาดใหน ไปดูกัน


10.โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี
(Ruamrudee International School)
-ที่ตั้ง : เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 220,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย270,00 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 516,800 บาท



9.โรงเรียนนานาชาติเดอะ รีเจนท์
(The Regent’s International School)
-ที่ตั้ง : เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 60,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 50,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 534,000 บาท



8.โรงเรียนนานาชาติเปรมติณสูลานนท์
(Prem Tinsulanonda International School)
-ที่ตั้ง : อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 134,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 50,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 543,420 บาท



7.โรงเรียนนานาชาติบริติช
(Britrish International School)
-ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 75,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 100,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 560,800 บาท



6.โรงเรียนพระมหาไถ่วิเทศศึกษา
(Redeemer International School Thailand)
-ที่ตั้ง : เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 220,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 270,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 627,500 บาท



5.โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์
(Harrow International School)
-ที่ตั้ง : เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 155,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 75,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 657,540 บาท



4.โรงเรียนนานาชาติเอ็นไอเอสที
(NIST International School)
-ที่ตั้ง : เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 273,500 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 335,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 685,400 บาท



3.โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา
(Bangkok Patana School)
-ที่ตั้ง : เขตบางนา กรุงเทพมหานคร
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 254,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 720,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 733,155 บาท




2.โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่
( Shrewsbury International School)
-ที่ตั้ง : เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 103,000 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : 100,000 บาท
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 762,300 บาท



1.โรงเรียนนานาชาติไอเอสบี
(International School Bangkok : ISB)
-ที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
-ค่าจองสิทธิ์การเรียน : 244,500 บาท
-ค่าประกันความเสียหาย : –
-ค่าเทอมชั้นมัธยมศึกษา : 763,000 บาท







ผลสำรวจนี้ สำรวจไว้ประมาณ 2555 ผ่านมา 4 ปี น่าจะปรับราคาแล้ว



คนเกิดมาใครว่ามันจะเท่ากัน อิจฉาพวกมัน ไม่ต้องสอบ GAT/PAT O-Net
จบโรงเรียนพวกนี้แล้ว พ่องก็ให้ไปเมืองนอก...




 

Create Date : 28 กันยายน 2559    
Last Update : 28 กันยายน 2559 8:42:05 น.
Counter : 6477 Pageviews.  

Oxford คว้าอันดับ 1 มหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลกแซงหน้า Caltech - ม.มหิดลติดอันดับ 501-600



มหาวิทยาลัย Oxford ถูกจัดติดอันดับ 1 ของโลกประจำปี 2016-2017 ( ภาพโดย brockport.studioabroad)

Times จัดอันดับประจำปีให้มหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ดดีที่สุดในโลกแซงหน้า Caltech ที่อยู่อันดับ 1 ติดต่อมา 5 ปี เผยสหรัฐมีมหาวิทยาลัยดีๆหลายแห่งแต่ยังไม่ดีที่สุด ในเอเชียสิงคโปร์และจีนขยับพรวด มหิดลติดอันดับ 501-600 ผลการจัดอันดับเป็นแนวทางให้นักเรียนเลือกเข้าศึกษาต่อ

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2016 หนังสือพิมพ์วอล สตรีท เจอร์นัล รายงานผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดยนิตยสาร Times Higher Education  แห่งลอนดอนโดยระบุว่ามหาวิทยาลัยในสหรัฐมีดีจำนวนมากในโลก แต่ยังไม่ดีที่สุด เมื่อผลการสำรวจและจัดอันดับออกมาในปี 2016 -2017

มหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่พูดและสอนด้วยภาษาอังกฤษเก่าแก่ที่สุดได้รับการจัด อันดับดีที่สุดในโลก โดยอ๊อกเฟิร์ดเปิดสอนมาตั้งแต่ปีค.ศ.1096 หรือ 920 ปีที่แล้วเข้ามาเบียดอันดับหนึ่งจากแคลเทค ( the California Institute of Technology) แห่งเมืองพาสซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนียที่อยู่อันดับ 1 ติดต่อกันมา 5 ปีต้องหลุดไป

วอลสตรีทรายงานว่านับเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่มหาวิทยาลัยนอกสหรัฐถูกจัดขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก  นอกจากนี้ในปีนี้ยังพบว่ามหาวิทยาลัยในเอเชียทั้งที่จีนและฮ่องกงไต่อันดับ ขึ้นมา บางมหาวิทยาลัยขยับเป็นตัวเลขถึง 2 ตัว

การจัดอันดับปีนี้นอกจากจะสลับอันดับ 1 อ๊อกเฟิร์ดกับอันดับ 2 แคลเทคแล้วอันดับอื่นยังเหมือนๆเดิม โดยมีอันดับดังนี้ 

1. University of Oxford (U.K.)

2. California Institute of Technology (U.S.)

3. Stanford University (U.S.)

4. University of Cambridge (U.K.)

5. Massachusetts Institute of Technology (U.S.)

6. Harvard University (U.S.)

7. Princeton University (U.S.)

8. Imperial College London (U.K.)

9. Swiss Federal Institute of Technology Zurich (SUI)

10. University of California, Berkeley/University of Chicago (U.S.)

12.Yale University(U.S.)

13.University of Pennsylvania (U.S.)

14.University of California, Los Angeles (U.S.)

15.University College London (U.K.)

16.Columbia University(U.S.)

17.Johns Hopkins University(U.S.)

18. Duke University (U.S.)

19.Cornell University (U.S.)

20.Northwestern University (U.S.)

21.University of Michigan (U.S.)

22.University of Toronto (Canada)

23.Carnegie Mellon University (U.S.)

24.National University of Singapore (Singapore)

25.London School of Economics and Political Science (U.K.)

นายฟิล เบตี้  บรรณาธิการของ Times Higher Education เปิดเผยว่าการจัดอันดับครั้งนี้ได้มุ่งเน้นไปที่การค้นคว้าและวิจัย ของมหาวิทยาลัย,การนับดัชนีชี้วัดเช่นจำนวนของการอ้างอิงและสิ่งพิมพ์โดยนัก วิชาการของมหาวิทยาลัยและปริมาณของเงินทุนวิจัยที่ได้รับในปีที่กำหนด

นอกจากนี้ยังสำรวจความเห็นของนักวิชาการชั้นนำ 20,000  รายที่ให้ความเห็นว่ามหาวิทยาลัยใดสมควรจะได้รับอันดับใดบ้าง ยังมีการอ้างอิงผลงาน 56 ล้านรายการรวมทั้งผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์แล้ว 11.9 ล้านรายการ

การสำรวจยังรายงานถึงทุนการวิจัยด้วยแตกต่างไปยังการสำรวจของ U.S. News & World Report ที่นำเรื่องของอัตราการรับนักศึกษา,คะแนนสอบและเงินเดือนที่ได้รับหลังเรียนจบมาวัด  

มหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ดได้รับเงินทุนวิจัยมากถึง 552.9 ล้านปอนด์สเตอร์ลิงหรือคิดเป็น 679 ล้านดอลลาร์เป็นทุนจากภายนอกระหว่างปีการศึกษา 2014-2015

เงินทุนวิจัยเหล่านี้ได้มาจากวงการอุตสาหกรรม,สาธารณสุข,และผู้บริจาคเพื่อการกุศลที่จะลงทุนให้กับมหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ด

นายเบตี้ยังให้ข้อสังเกตุว่าในปีนี้มหาวิทยาลัยในเอเชีย ได้ผ่านมหาวิทยาลัยเกียรติยศหลายแห่งในยุโรปและสหรัฐ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยจากจีนที่ถีบตัวจากอันดับในกลุ่ม 200 ขึ้นมาถึงเลข 2 ตัวอาทิเช่นมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University ) ขึ้นอันดับ 29 สามารถแซงหน้ามหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งอยู่อันดับ 32  ในรอบ  8 ปีที่ผ่านมาจีนได้ลงทุนประมาณ 33 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนากลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศของตน

“มาถึงปีนี้มหาวิทยาลัยจีนจึงถูกจัดอันดับเหนือ มหาวิทยาลัยในสหรัฐด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการตีพิมพ์ผลงานวิจัยวิทยา ศาสตร์ อีกทั้งต้องยอมรับว่าจีนทุกวันนี้เป็นผู้นำที่มีนักวิทยาศาสตร์มากที่สุดใน โลก”นายเบตี้กล่าว

มหาวิทยาลัยจีนอีกแห่งคือซิงหัว (Tsinghua University) อยู่อันดับ 35 ของโลกเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐอยู่ในปักกิ่งสามารถแซงหน้ามหาวิทยาลัยบราวน์ที่อยู่ใน Ivy League ของสหรัฐได้  ขณะที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง (The University of Hong Kong) อันดับ 43 และ Hong Kong University of Science and Technology อันดับที่ 49 ก็ยังแซงหน้ามหาวิทยาลัยบราวน์ซึ่งอยู่ในอันดับ 51 ของโลก

นายเบตี้เปิดเผยว่าทราบว่ารัฐบาลจีนพยายามผลักดัน 6 มหาวิทยาลัยชั้นนำของตนเข้าสู่ระดับสูงๆของโลกให้ได้ภายในปี 2020 โดยมีเป้าหมายว่าภายในปี 2030 มหาวิทยาลัยของจีนแห่งใดแห่งหนึ่งจะต้องเข้าไปติดอันดับ 15 ของโลกไม่หลุดไปจากนี้

นายหยวน กุยเรน อดีตรัฐมนตรีศึกษาของจีนให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลจีนมุ่งเน้นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทั้งงานด้านวิจัย “บาง สาขาวิชาเฉพาะด้านอาทิเช่นวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ค่าใช้จ่ายสูง กว่าด้านมนุษยศาสตร์ จะต้องมีการเพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจและ อุตสาหกรรมของประเทศ”

มหาวิทยาลัยของเอเชียที่อยู่ในอันดับสูงสุดคือมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (the National University of Singapore)อยู่ อันดับ 24 มีนักศึกษา 38,000 คน โดยบางภาควิชารัฐบาลสิงคโปร์จะให้ทุนสนับสนุนด้านการเรียนอย่างเต็มที่ และมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีอันดับสูงกว่า  London School of Economics and Political Science อีกด้วย

การจัดอันดับครั้งนี้มหาวิทยาลัยในสหรัฐถือเป็น 1 ใน 3 ที่อยู่ในอันดับ 200 เหมือนปีที่แล้ว  มหาวิทยาลัยในอังกฤษติด 16 % หรือลดลง 1 % จากปีที่แล้ว ส่วนมหาวิทยาลัยในเยอรมนีเพิ่มเป็น 11 % ของ 200 มหาวิทยาลัย

The Times Higher Education World University Rankings จัดตั้งในปี 2004 เพื่อจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีของโลกไม่ว่าจะเป็นการสอน,การวิจัย,ภาพรวม จากสายตานานาชาติ,ชื่อเสียงและอื่นๆของมหาวิทยาลัย เพื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีโอกาสให้นักเรียนผู้สนใจตัดสินใจเลือกเรียน มหาวิทยาลัยต่อไป

สำหรับอันดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ที่ถูกจัดสูงคือ Mahidol University อันดับ 501-600 และมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอยู่ในอันดับ 601-800 ประกอบด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี




 

Create Date : 23 กันยายน 2559    
Last Update : 23 กันยายน 2559 8:16:03 น.
Counter : 1220 Pageviews.  

11 ภาพของดอกไม้ธรรมดาๆ แต่พอมองดีๆกลับเหมือนกับ "สัตว์ต่างๆ" ได้อย่างน่าอัศจรรย์สุดๆ




หนึ่งในงานอดิเรกที่หลายๆคนชื่นชอบเป็นที่สุด ก็คงจะต้องหนีไม่พ้นการปลูกสวนเล็กไว้ที่หน้าบ้านจากนั้นก็คอยดูแลรดน้ำต้นไม้ให้มันทุกวันอย่างแน่นอน และเมื่อพวกมันเติบโตขึ้น มันก็ได้สร้างความสวยงามที่เห็นแล้วชวนเบิกบานใจ แต่คงจะดีไม่น้อยเลยนะ ถ้าหากว่าดอกไม้หน้าบ้านคุณจะบังเอิญเติบโตขึ้นมาแล้วมีลักษณะคล้ายกับ"สัตว์ชนิดต่างๆ" เหมือนอย่างภาพเหล่านี้ เรียกได้ว่าเกิดจากความบังเอิญล้วนๆเลยจริงๆ จะเป็นยังไง ต้องลองไปดูกัน

ภาพและข้อมูลจาก boredpanda.com




 

Create Date : 22 กันยายน 2559    
Last Update : 22 กันยายน 2559 8:39:29 น.
Counter : 2885 Pageviews.  

เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”



เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”
แผ่นดินไหวในพม่าที่สะเทือนถึงประเทศไทย รวมทั้งธรณีพิบัติที่อิตาลี ทำให้คนไทยหลายคนอกสั่นขวัญแขวน ที่ญี่ปุ่นซึ่งเผชิญเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้งมีการเตรียมพร้อมที่น่าจะเรียนรู้เป็นตัวอย่าง

       ถึงแม้ประเทศไทยจะไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว หากแต่ในระยะหลังคนไทยรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวในพื้นที่ใกล้เคียงได้บ่อยครั้งขึ้น โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวในประเทศไทยจึงไม่ใช่ไม่มีเลย หากแต่คนไทยมีประสบการณ์แค่ไหนหากเกิดแผ่นดินไหว?

       สำหรับญี่ปุ่น แผ่นดินไหวคือภัยพิบัติที่น่ากลัวและสร้างความสูญเสียมากที่สุด เพราะไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ความสั่นสะเทือนในเสี้ยวเวลาไม่กี่วินาทีแต่สร้างความเสียหายได้อย่างมหันต์ ญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหวมากเป็นพิเศษ

เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”
“เตรียมพร้อม” สำคัญที่สุด

       คนญี่ปุ่นทุกคนจะได้รับ “การฝึกรับมือภัยพิบัติ” ปีละหลายครั้งมาตั้งแต่สมัยชั้นประถมศึกษา และทุกคนล้วนแต่เคยผ่านประสบการณ์เผชิญกับแผ่นดินไหวขนาดเล็กหรือกลาง มาบ้างตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้นเมื่อห้องเกิดการสั่นกึกกักทุกคนก็จะคิดทันทีว่า “แผ่นดินไหวหรือเปล่านะ?” และคิดได้โดยอัตโนมัติว่า “ต้องรีบไปปิดแก๊ส และต้องรีบไปเปิดประตู”

       แต่ชาวต่างชาติจะไม่รู้เลยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ซึ่งทำให้ตื่นตระหนกและขาดสติ ซึ่งอาจเสี่ยงถึงเสียชีวิต

เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”
ชาวญี่ปุ่นเรียนรู้วิธีสร้างที่พักชั่วคราวเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
       การสร้างความคุ้นเคยจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในญี่ปุ่นจะมีศูนย์รับมือภัยพิบัติอยู่แทบทุกเมือง ที่นี่จะมีเครื่องจำลองแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวระดับต่าง ๆ ซึ่งประชาชนสามารถขอทดลองประสบการณ์ได้ การได้เห็นได้สัมผัสกับของจริงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุ้นเคยและตั้งสติได้

เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”
1 นาทีแรกชี้ชะตาชีวิต
       แผ่นดินไหวในช่วง 1 นาทีแรกจะมีความรุนแรงมากที่สุด และเป็นช่วงสำคัญที่จะต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้รอดชีวิต

       1. ปกป้องร่างกายของตนเอง มุดเข้าไปใต้โต๊ะหรือใต้เก้าอี้ เก็บแขนขาให้มิดชิด
       2. ปิดแก๊ส ปิดเตาให้เรียบร้อย ป้องกันไฟไหม้
       3. ใส่รองเท้าให้เรียบร้อย เพราะในห้องอาจมีเศษถ้วยชามหรือกระจกหน้าต่างที่แตก ถ้าเท้าบาดเจ็บจะทำให้การหนีภัยยากลำบากขึ้น
       4. เตรียมทางหนีทีไล่ เปิดประตูหรือหน้าต่างสำหรับหนีออกไปได้ ถ้าดูแล้วไม่มีแนวโน้มของการเกิดอาคารพังถล่ม หรือเพลิงไหม้ ก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบอพยพออกมาด้านนอก เมื่อจะอพยพให้ตรวจสอบสภาพภายนอกโดยรอบให้แน่ใจก่อน
       5. เมื่อออกมานอกอาคาร ต้องป้องกันศีรษะด้วยกระเป๋าหรือเสื้อโค้ท
       6. ไม่เข้าใกล้สิ่งที่อาจพังล้มหรือหักโค่น เช่น ตู้ขายของอัตโนมัติ กระจกหน้าต่าง ป้าย หรือเสาไฟ
       7. พยายามไปอยู่ในที่โล่งให้ได้มากที่สุด
       8. หากไฟดับ ยิ่งจะทำให้เกิดความกลัวและตื่นตระหนกได้ จนคนอื่น ๆ อาจวิ่งมาชนและทำให้เสียหลักล้มต่อเนื่องจนกลายเป็นเหตุเหยียบกันตายได้ ในเวลาเช่นนี้ขอให้รออย่างสงบ ไม่ขยับเคลื่อนที่ไปไหน จนไฟฉุกเฉินติดขึ้น

เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”


เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”
       ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการเตรียมป้องกันภัยพิบัติอย่างมาก แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ยังต้องเข้าร่วมซ้อมป้องกันภัยประจำปี เด็กนักเรียนก็เรียนรู้วิธีป้องกันตัวเองเพื่อไม่ให้ตื่นตกใจและกลายเป็นภาระของผู้ใหญ่ ขณะที่ชุมชนก็มีการจัดตั้ง “คณะกรรมการป้องกันภัย” ทำให้มีบุคคลที่จะรับผิดชอบชัดเจนเมื่อเกิดเหตุ รวมทั้งมีเส้นทางอพยพและแผนการณ์ที่ชัดเจน

       ภัยพิบัติเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากแต่ความไม่รู้และขาดสติน่ากลัวยิ่งกว่า เหมือนเช่นเหตคลื่นยักษ์ “สึนามิ” พัดถล่มภาคใต้ของไทยเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งคนไทยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสึนามิคืออะไร? และทำให้กลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์

เรียนรู้จากญี่ปุ่น...เอาตัวรอดอย่างไรเมื่อ “แผ่นดินไหว”
นายกฯชินโซ อะเบะ ร่วมซ้อมรับมือภัยพิบัติ
ที่มา  //manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9590000085059




 

Create Date : 25 สิงหาคม 2559    
Last Update : 25 สิงหาคม 2559 15:33:59 น.
Counter : 1326 Pageviews.  

สาวสวยเกาหลีโชว์กินข้าวออนไลน์ ไม่ถึงปีได้เงินจากแฟนคลับ 1.5 ล้าน







อาชีพใหม่มาแรง สาวสวยชาวเกาหลีใต้จัดโชว์กินข้าวผ่านรายการออนไลน์ ได้เงินบริจาคจากแฟนคลับถึง 50 ล้านวอน (1.5 ล้านบาท) ในเวลาเพียง 200 วัน ด้านชาวเน็ตเกาหลีจวกยับ บริจาคเงินให้คนกินข้าวโชว์ มันใช่เรื่องเหรอ ?

..:: เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีกระแสการจัดรายการผ่านทางออนไลน์แบบใหม่ที่เรียกว่า ม็อกบัง (Mukbang) หรือการรับประทานอาหารมื้อใหญ่โชว์ออกอากาศผ่านช่อง Afreeca TV ซึ่งเป็นสถานีออนไลน์ชื่อดังในเกาหลีใต้ ส่วนผู้ดำเนินรายการจะเรียกกันว่า บีเจ (BJ) ที่จะคอยมานั่งรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยให้แฟนคลับได้ชม

..:: แต่ล่าสุด (31 กรกฎาคม 2559) เว็บไซต์ Koreaboo เปิดเผยว่า ม็อกบัง กำลังตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์เกาหลีใต้ เมื่อบีเจสาวสวยนาม วูอัง ได้เปิดเผยในรายการทอล์คโชว์ว่า เธอสามารถทำเงินจากการโชว์ม็อกบังได้ถึง 40-50 ล้านวอน หรือราว 1.2-1.5 ล้านบาท ในระยะเวลาแค่ 200 วัน ซึ่งมาจากการบริจาคของบรรดาแฟนคลับที่ติดตามเธอนั่นเอง





..:: ทำเอาชาวเน็ต เกาหลีถึงกับตะลึงในตัวเลขมหาศาล และพากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันมากมาย โดยหลายคนเห็นว่า การจ่ายเงินเพื่อให้คนรับประทานอาหารให้ดูนั้นไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่าเลย ในขณะที่ชาวเน็ตบางรายตั้งข้อสังเกตว่า ตอนหนึ่งของรายการเผยให้เห็น ว่าบีเจสาวรายนี้นั้นใช้เงินซื้ออาหารมากกว่าที่ได้บริจาคมา และยังปฏิบัติกับแม่ราวเป็นคนรับใช้ด้วย





---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------








ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Kapook




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2559    
Last Update : 7 สิงหาคม 2559 8:31:08 น.
Counter : 1108 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.