ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
มนต์เสน่ห์... ไทยแลนด์

มาเยือนจังหวัดนี้ทีไรรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว...อยุธยา
ตอนที่รู้ว่าเมืองนี้ถูกน้ำท่วมทุกหย่อมหญ้า
ฉันยิ่งรู้สึกเสียใจหนักเข้าไปใหญ่ เนื่องจากทั้งเมืองมากไปด้วยเรื่องราว
รวมถึงวัดต่าง ๆ ซึ่งมีให้เห็นมานานนับ100 ปี...





สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือความเสียหายซึ่งอาจไม่หวนคืนกลับมา...
แต่เมืองทั้งเมืองก็ถูกฟูมฟักจากน้ำพักน้ำแรงของชาวเมืองอยุธยาด้วยกันเอง
รวมถึงประชาชนค่อนประเทศที่ส่งกำลังเงินและกำลังแรงไปช่วย
อยุธยาจึงถูกกู้มาได้เกือบสมบูรณ์ทุกประการ เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่

สำหรับฉันที่จะต้องกลับไปดูว่าสิ่งคุ้นตาที่เห็นมาตั้งแต่เด็กยังอยู่ดัง
เดิมหรือไม่... ขับรถจากกรุงเทพฯ ถึงอยุธยาใช้เวลาไม่มาก... บ้านเมือง
โดยรอบเริ่มหนาแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว
ยิ่งเป็นวันเสาร์ด้วยแล้วที่นี่ยิ่งแน่นขนัด อากาศเย็นน้อย ๆ
และกลิ่นของต้นไม้ยังคงทำให้รู้สึกสดชื่นเหมือนเคย
ครั้งนี้ฉันขอเข้าไปกราบไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยเริ่มจาก "วัดใหญ่ชัยมงคล"
เดิมชื่อวัดป่าแก้วหรือวัดเจ้าพระยาไทย
ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำป่าสัก จากกรุงเทพฯ
เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วจะเห็นเจดีย์วัดสามปลื้ม (เจดีย์กลางถนน)
จะเห็นวัดใหญ่ชัยมงคลอยู่ทางซ้ายมือ ด้านในวัดยังคงสงบร่มเย็น
ด้านหน้ามีแม่ค้าออกมาทำมาค้าขายบ้างแล้ว แต่ก็ไม่มากเหมือนช่วงก่อนน้ำท่วม
แม่ค้าเจ้าประจำของฉันเล่าให้ฟังว่า วัดแห่งนี้ถูกป้องกันอย่างดีมาก
ด้านนอกน้ำท่วมสูงหมด แต่ด้านในถูกกันไว้
เพื่อให้เป็นที่อยู่ของประชาชนซึ่งเดือดร้อน
รวมถึงเป็นแหล่งเก็บเสบียงของชาวบ้าน
เรียกว่าเป็นที่พึ่งทางกายและทางใจให้กับชาวอยุธยาในช่วงนั้นจริง ๆ ...


มาต่อกันที่ "วัดไชยวัฒนาราม"...
เป็นวัดอีกแห่งหนึ่งที่ฉันชอบมาก เนื่องจากมีของเก่าแก่ให้เดินชมมากมาย
ตอนไปนั้นน้ำยังคงขังอยู่โดยรอบของวัด
ทำให้ชาวบ้านเปลี่ยนอาชีพจากค้าขายมาเป็นพายเรือพานักท่องเที่ยวเข้าชมวัด
โดยเก็บค่าใช้จ่ายคนละ 50 บาทต่อเที่ยว
นับว่าเป็นอีกมุมมองหนึ่งซึ่งต่างออกไปจากเดิมค่ะ ใกล้ ๆ
กันนั้นมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรืออร่อยหลายร้าน
รวมถึงของหวานขึ้นชื่ออย่างโรตี-สายไหม ให้ลองกันด้วย
รับรองว่าจะติดใจกับรสชาติหวาน ๆ และแผ่นแป้งหอมนุ่มจนลืมไม่ลงกันเลย...




"วังช้างอยุธยา แล เพนียด"...
คำว่า แล หมายถึง แลมองแลเห็น แลดู เป็นคำโบราณ เพนียด หมายถึง
โบราณสถานเป็นที่จับช้างโบราณตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
ดังนั้นความหมายรวมก็คือ
เป็นสถานที่ทำงานของช้างและดูแลที่เพนียดคล้องช้างนี้เป็นแหล่งเรียกความ
คึกคักกลับมาเร็วมากภายในบริเวณอัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาว
ต่างชาติ ช้างทุกเชือกถูกฝึกมาอย่างดี สามารถเต้นระบำได้
สามารถเล่นเกมส์สนุก ๆ ได้
อีกทั้งยังมีช้างบางเชือกให้นักท่องเที่ยวได้ขี่ชมเมืองอยุธยาโดยรอบด้วย
การแสดงที่ฉันประทับใจและคิดว่าน่ารักสุด ๆ คือ ช้างเล่นฮูล่าฮู้บ
มีส่ายก้นดิก ๆ เรียกเสียงหัวเราะให้กับนักท่องเที่ยวได้ดีเชียวค่ะ
นอกจากนี้แล้วเขายังจัดให้มีการลอดท้องช้างเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยค่ะ...



"วัดมหาธาตุ" เป็น
วัดอีกแห่งหนึ่งที่หลายคนพูดถึง... วัดแห่งนี้โดนน้ำท่วมไปค่อนข้างมาก
ยังมีคราบน้ำทิ้งรอยไว้ให้เห็นมีนักท่องเที่ยวหลายคนกำลังเก็บภาพกันอยู่
บ้างก็นั่งเล่นใต้ร่มไม้ใหญ่
แต่สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากสุดคือเศียรพระพุทธรูปต้นไม้
นับเป็นจุดถ่ายภาพที่ไม่เคยห่างหายไปจากนักท่องเที่ยวเลยสักครั้ง
จำได้ว่าเมื่อตอนน้ำท่วมมีข่าวของช่อง CNN ได้มาถ่ายภาพที่จุดนี้เหมือนกัน
ตอนนั้นน้ำท่วมเกือบมิดเศียรพระ
แต่ตอนนี้น้ำแห้งสนิทจนสามารถมองเห็นความงามได้ชัดเจนแล้ว
ดังนั้นจึงไม่ควรพลาดที่จะมาเยี่ยมชมกัน
นอกจากจุดนี้แล้วภายในบริเวณวัดยังมีอะไรให้ดูอีกมากทั้งพระปรางค์ขนาดใหญ่,
เจดีย์ 8 เหลี่ยม เป็นเจดีย์ลดหลั่นกัน 4 ชั้น 8 เหลี่ยม
ชั้นบนสุดประดิษฐานปรางค์ขนาดเล็ก
ซึ่งเจดีย์องค์นี้จัดว่าเป็นเจดีย์ที่แปลกตา พบเพียงองค์เดียวในอยุธยา,
วิหารที่ฐานชุกชี, วิหารเล็ก, พระปรางค์ขนาดกลาง
ภายในพระปรางค์มีภาพจิตรกรรมเรือนแก้วซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติและ
ตำหนักพระสังฆราช...




การมาเยือนอยุธยาครั้งนี้ฉันรู้สึกอิ่ม
เอมใจเหมือนอย่างเช่นเคย... ผู้คนที่นี่กลับมาฟื้นตัวเร็วมาก
ไม่มีคราบแห่งความเศร้าให้เห็น
มีแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจซึ่งมีมากมายจนล้นเมืองนี่ล่ะมนต์เสน่ห์ไทยแลนด์ที่พวก
เราคุ้นชิน
และฉันก็หวังว่าพวกเรานี่ล่ะจะเป็นผู้ช่วยเพิ่มรอยยิ้มให้พวกเขาได้อีกแรง
หนึ่งด้วยการสนับสนุนการท่องเที่ยวกับชาวเมือง
เพียงแค่วันเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะค่ะ...



การเดินทาง


- การเดินทางไปวัดใหญ่ชัยมงคล มา
จากรังสิต ถึงทางต่างระดับวังน้อยให้แยกซ้ายไปทางนครสวรรค์
จนถึงทางต่างระดับอยุธยาเลี้ยวซ้ายเข้าอยุธยาตรงไปจนถึงสี่แยกที่มีวงเวียน
เป็นเจดีย์อยู่กลางแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดใหญ่


ชัยมงคล


- การเดินทางไปวัดไชยวัฒนาราม สามารถ
ใช้เส้นทางเดียวกับวัดกษัตราธิราช
แต่พอข้ามสะพานวัดกษัตราธิราชไปแล้วให้เลี้ยวขวาแล้วตรงไปเรื่อย ๆ
ก็จะเห็นวัดไชยวัฒนารามตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ทางด้านหน้า



- การเดินทางไปวัดมหาธาตุ อยุธยา จากกรุงเทพฯ
เข้าตัวเมืองอยุธยาแล้วข้ามสะพานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ตรงไปจนถึงสี่แยกไฟแดงที่ 2 เลี้ยวขวาตรงไปไม่ไกลนัก ผ่านบึงพระราม
จะเห็นวัดมหาธาตุอทางซ้ายมือ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30
น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาทหมายเหตุ ตั้งแต่เวลาประมาณ
19.30-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน


Create Date : 11 มกราคม 2555
Last Update : 11 มกราคม 2555 7:42:23 น. 2 comments
Counter : 1887 Pageviews.

 
ไปอยุธยาฯ แนะนำว่าให้ลองไปเที่ยวชมตลาดนัดตอนเช้าที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาด้วยนะคะ ของกินอร่อย ๆ เยอะมาก ๆ เปิดเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.00 - 14.00 น. ค่ะ

ปล. เมนูของกินที่พลาดไม่ได้ คือ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน , ไอศครีมสตอเบอรี่โยเกิตร์ปั่น, กุ้ยช่ายแป้งสด และขนมจีบทำเองค่ะ ^^


โดย: sornsri101 วันที่: 11 มกราคม 2555 เวลา:11:25:34 น.  

 


โดย: Kavanich96 วันที่: 12 มกราคม 2555 เวลา:7:33:15 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.