ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ญาญ่า หลงเสน่ห์เมืองจันทน์ พาเที่ยว ชิม ช้อป



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการเปรี้ยวปาก

ใครอยากเที่ยวกับสาวญาญ่า ยกมือขึ้น!! นั่นแน่ หนุ่ม ๆ ยกมือกันใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ วันนี้สาวลูกครึ่งนัยน์ตาหวานอย่างสาว ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ จะพาทุกคนไปเยี่ยมชมเสน่ห์เมืองจันทบุรี ทั้ง ชิม ช้อปกันอย่างจุใจ โดยมีไกด์กิตติมศักดิ์อย่าง จอย รินลณี และน้าเน็ก พิธีกรรายการ "เปรี้ยวปาก เซอร์วิส" อาสาพาทั้งญาญ่า และเพื่อน ๆ ไปทัวร์กัน เอ้า...พร้อมกันหรือยัง ถ้าพร้อมแล้ว เตรียมลุยกันเลย!



เริ่มต้นทัวร์ด้วยการพาสาวญาญ่า ไปชิมก๋วยเตี๋ยวที่ขึ้นชื่อเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดจันทบุรี นั้นก็คือ ก๋วยเตี๋ยวหมูเลียง ที่มีสูตรเด็ดเฉพาะแบบชาวจันทบุรี ด้วยการใส่ "ผักเร่ว" ผสมลงไปในน้ำซุป อีกทั้งยังมีมะปี๊ด ส้มลูกจิ๋วที่ใส่แทนมะนาว ไว้กินกับก๋วยเตี๋ยวแห้ง งานนี้ สาวจอย ก็ลองเอามะปี๊ดให้สาวญาญ่าชิมดู ถึงจะเป็นรสชาติเปรี้ยวปรี๊ด แต่สาวญาญ่าก็เหมือนจะถูกอกถูกใจเจ้า "มะปี๊ด" อยู่เหมือนกัน นอกจากนั้น น้าเน็กกับสาวจอย ยังได้พาญาญ่าชิมอาหารพื้นเมืองของชาวจันทบุรีอีกมากมาย ทั้งหมูชะมวง ที่อร่อยสุดยอด รวมไปถึงเมนูที่ประยุกต์เอาผลไม้ที่ขึ้นชื่อทั้ง ทุเรียนเมืองจันทน์ เงาะ มังคุด มาผสมผสานในแต่ละเมนูอย่างลงตัว

และเมื่อชิมอาหารอร่อย ๆ กันพอหอมปากหอมคอแล้ว น้าเน็กและสาวจอย ก็ขออาสาพาสาวญาญ่า ไปช้อปปิ้งแนวย้อนยุคริมน้ำจันทบูร เมืองเก่าเมืองแก่สุดคลาสสิกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยสาวญาญ่าก็ตื่นตาตื่นใจไปกับสถาปัตยกรรมที่สวยงดงามในยุคนั้น อีกทั้งยังมีขนมโบราณมาให้สาวญาญ่าชิมอีกด้วย นอกจากนี้สองพิธีกรยังพาสาวญาญ่าไปเดินถนนสายเศรษฐกิจในสมัยรัชกาลที่ 5 พร้อมเล่าประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ถึงชุมชนนี้ พลางปั่นจักรยานชมเมืองเก่าไปด้วย



จากนั้นสาวญาญ่าก็ไปสะดุดตาร้านขายของฝากร้านหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่รอช้า รีบเข้าไปซื้อของฝากน่ารัก ๆ ให้กับเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นโปสการ์ด หรือของกระจุกกระจิกต่าง ๆ และที่ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจสาวญาญ่ามาก ๆ ก็คือ ลูกอมโบราณสีสันสดใส ที่สาวญาญ่ากวาดซื้อไปฝากเพื่อนหลายถุงเลยทีเดียว พอพักเหนื่อยชมของสวย ๆ งาม ๆ กันแล้ว น้าเน็กก็พาสาวญาญ่าปั่นจักรยานไปกินไอศกรีมโบราณ หรือที่เรียกว่าไอศกรีมกระเบื้อง ซึ่งหาทานได้ยากมาก ๆ งานนี้เหล่าพิธีกร และสาวญาญ่าก็ได้ลองชิมกันไปอีกคนละหนึ่งแท่ง ต่อกันด้วยพากันปั่นจักรยานไปที่โบสถ์แม่พระมารีอาปฏิสนธินิรมล ที่ขึ้นชือว่าเป็นโบสถ์ที่สวยงามมาก ๆ อีกแห่งหนึ่งของชาวคริสต์ งานนี้สามนักท่องเที่ยวก็ไม่พลาดจะถ่ายรูปเก็บบรรยากาศมาฝากให้เราได้ชมกัน พร้อมนั่งพูดคุยกันเบา ๆ ที่โบสถ์แห่งนั้น

โดยสาวจอย ได้ถามสาวญาญ่าว่า ชอบอาหารแบบไหน แล้วทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า งานนี้ สาวญาญ่าก็ตอบทันทีเลยว่า ตนชอบอาหารรสจัด เพราะคุณพ่อสอนให้ลองกินทุกอย่าง ถ้าชอบไม่ชอบอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องทำกับข้าวนั้น ส่วนมากตนจะทำสปาเกตตี้ แต่อร่อยหรือไม่อร่อย ตนก็ไม่รู้ เพราะทำเองกินเอง ถ้าถามถึงอาหารพื้นเมืองของ จ.จันทบุรี ที่ตนได้ลองชิมนั้น ตนชอบทุกเมนูเลย ส่วนที่ชอบมากที่สุดก็คงเป็นหมูชะมวง ซึ่งเนื้อหมูนั้นนุ่มจนละลายในปากได้เลย ส่วนความรู้สึกที่ได้มาเที่ยวจังหวัดจันทบุรีเป็นครั้งแรก ตนรู้สึกตื่นเต้นมาก มีขนม มีของกินอร่อย ๆ และมีวิวสวย ๆ พร้อมได้รู้ประวัติเก่าแก่ของจังหวัดนี้ ทำให้ตนรู้สึกทั้งสนุก อิ่ม และได้ความรู้ไปด้วย



นอกจากนี้สาวญาญ่ายังได้ฝากถึงผลงานล่าสุดของเธอด้วยว่า ตนขอฝากละคร เรื่องตะวันเดือด ที่กำลังออกอากาศในวันศุกร์ - อาทิตย์ ทางช่อง 3 ด้วย เพราะเป็นละครเรื่องแรกที่ตนได้รับบทบู๊ระห่ำ บ้าดีเดือดขนาดนี้ อีกทั้งโลเกชั่นที่ถ่ายทำนั้นจะออกแนวคาวบอยนิด ๆ รับรองว่า ทั้งสนุก ทั้งภาพสวยแน่นอน สุดท้ายนี้ ตนก็ขอฝากเพลงประกอบละครชื่อเพลงว่า "นาฬิกาตาย" ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจแฟน ๆ ทุกคนด้วย

เอ้า...ใครอยากจะทัวร์ ชิม ช้อป ชิล เบา ๆ ไปกับสาวญาญ่า ก็อย่าลืมติดตามรายการ เปรี้ยวปาก เซอร์วิส ได้ทางช่อง 3 วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม เวลา 08.35 น. นะคะ




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2554 7:36:35 น.
Counter : 1475 Pageviews.  

สัมผัสวิถีชีวิตชาวมอญ 'ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง'

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

สัมผัสวิถีชีวิตชาวมอญเที่ยวตะรอนกินของอร่อยที่ 'ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง'

“ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง” เกิดจากแนวคิดขององค์การ บริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง และประชาชนในพื้นที่ มีความเห็นพ้องต้องกันว่าต้องการทำตลาดน้ำขึ้นมา ทั้งนี้ในเบื้องต้นต้องการจัดทำเป็นศูนย์จำหน่ายผลิตผลทางการเกษตรเท่านั้น แต่เมื่อนำเอาแนวคิดดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมประชาตำบล กลับได้รับการตอบรับและขยายการดำเนินงานให้กว้างขวางขึ้นในลักษณะศูนย์ จำหน่ายสินค้าของชุมชน

โดยการจัดสร้างซุ้ม จำหน่ายสำหรับขายของ ซุ้มจำหน่ายสินค้าโอท็อปและสะพานริมปูน ริมคลอง ปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่โดยรอบ จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆรวมใช้ระยะเวลาดำเนินงานกว่า 3 ปีจึงสามรถเปิดดำเนินการได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ชาวบ้านได้นำผัก ผลไม้ที่มีอยู่ในสวน อาหารคาวหวานพื้นเมือง งานฝีมือ มาจำหน่ายซึ่งเป็นนโยบายหลักของผู้ดำเนินงานที่จะเน้นการท่องเที่ยวแบบผสม ผสานเชิงอนุรักษ์ ซึ่งเป็นแนวคิดในการดำเนินงานและเอกลักษณ์ที่สำคัญของตลาดบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งเป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น เรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนเชื้อสายมอญเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทรงคุณค่าเหมาะแก่ การเที่ยวชมและเลือกซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ชาวบ้านนำมาขายล้วนแต่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและมีคุณค่า ช่วยกันซื้อของไทยกินของไทยเงินทองไม่รั่วไหลแน่นอน

การเดินทาง มาทางสี่แยกบางนา ถนนสรรพาวุธ เมื่อสุดถนนสรรพาวุธนั่งเรือข้ามฝากมาทางวัดบางน้ำผึ้งนอกหรือวัดบางน้ำผึ้ง ใน พอขึ้นจากเรือนั่งรถมอเตอร์ไซค์มาลงที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง หรือมาทางด่วนสายบางนา-ดาวคะนองเลี้ยวซ้ายลงที่สุขสวัสดิ์ขับมาถึงสามแยก พระประแดงเลี้ยวซ้ายเข้ามาขับตามทางจะพบทางบังคับเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชร หึงษ์ประมาณ 5 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรหึงษ์ 26 ขับมาตามทางสังเกตุซุ้มประตูวัดบางน้ำผึ้งในเลี้ยวรถเข้ามาจะพบลานจอดรถ

หากเพื่อนคนไหนมีเวลาว่าง หรือกำลังมองหาที่เที่ยวที่ไม่ไกลจากกรุงเทพก็อย่าพลาดที่จะมาแวะชมแวะจับ จ่ายซื้อของที่ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ต.บางน้ำผึ้ง อ. พระแดง จ. สมุทรปราการ แห่งนี้ได้นะครับเพื่อนๆจะได้ทั้งสำผัสวิถีชีวิตชาวมอญและได้กินของอร่อยที มีให้เลือกมากมายทั้งกินทั้งเที่ยวแบบสุดคุ้มแน่นอน


'ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง' เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ที่ตรงกับวันศุกร์หรือวันจันทร์เวลาประมาณ 08.00-15.00 น.โทรศัพท์ 028196762


ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ขอบข้อมูลและะภาพประกอบจาก หมูหิน.คอม




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2554    
Last Update : 23 สิงหาคม 2554 7:36:06 น.
Counter : 2046 Pageviews.  

ตลุย!! ทุ่งหญ้าสีเขียวที่ "ภูเขาหญ้า" (ภูเขาเขาหัวล้าน)



"ภูเขาหญ้า" หรือ "เขาหัวล้าน" (เขาผี) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของตำบลตำบลหงาว อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ภูเขามีลักษณะเป็นภูเขาเตี้ยๆติดต่อกันหลายลูก ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นบนภูเขา

     โดยในช่วงหน้าฝนภูเขาทั้งลูกจะถูกปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าสีเขียวปูลาดไปตามเนินเขา ยอดหญ้าปลิวไสวไปตามสายลม ส่วนในช่วงฤดูแล้งทุ่งหญ้าจะเป็นสีทอง เหมือนกัมมะหยี่พลิ้วเป็นคลื่นด้วยแรงลมสวยงามมาก ในเทศกาลต่างๆมีผู้คนจำนวนมากนำอาหารไปรับประทานกัน เป็นการพักผ่อนหย่อนใจกับธรรมชาติรอบๆภูเขาหญ้า

ข้อมูลโดย : กรมการท่องเที่ยว





 

Create Date : 22 สิงหาคม 2554    
Last Update : 22 สิงหาคม 2554 8:44:21 น.
Counter : 1965 Pageviews.  

เที่ยวเมืองเพชร สัมผัสวิถีชีวิตคนบ้านลาด

อำเภอบ้านลาด อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่น่ามาเยือนแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี โดยการเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเขตบ้านลาดเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น คุณ สามารถขี่จักยาน รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ส่วนตัวขับขี่ตามหมู่บ้านเพื่อที่ยวชมทิวทัศน์ ต่างๆ ในอำเภอบ้านลาดได้


     จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือเริ่มจากวัดท่าชัยศิริ ซึ่งสมัยก่อนทางราชการตักน้ำ้ำ จากแม่น้ำเพชรจากจุดนี้ในพระราชพิธีต่างๆ ระหว่างทางคุณสามารถแวะชมวัดต่างๆ เช่นวัดไม้รวกสุขาราม วัดโพธาวาส วัดพระพาน วัดเกาะแก้วสุทธาราม และวัดลาดศรัทธาราม

     โดยแต่ละวัดจะมีลักษณะสถาปัตยกรรม และศิลปะเฉพาะของตัวเอง บ้านเรือน ต้นตาล หมู่บ้าน และวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจเมื่อได้พบเห็น คุณอาจแวะทักทาย กับชาวท้องถิ่น ผู้ซึ่งเป็นมิตรเสมอ

     จากนั้นไม่พลาดแวะชิมผลไม้สดเช่น กล้วย ส้มโอ และชมพู่ หรือตลาดกลาง สหกรณ์การเกษตรอำเภอบ้านลาดซึีงตั้งอยู่ในเขตตัวเมืองบ้านลาด เส้นทางชมบ้านลาดจะเวียน มา บรรจบกับจุดเริ่มต้นพอดี

     การท่องเที่ยวเชิงเกษตรในอำเภอบ้านลาด


     เนื่องจากสภาพดินในเขตอำเภอบ้านลาดมีความสมบูรณ์ทำให้เกิดการเพาะปลูกพืชชนิดต่างๆ เช่นมะนาวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวบ้านลาด รสชาติของมะนาวมีความเปรี้ยว คนไทยมักจะนำน้ำมะนาวมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม การทำนาข้าวเป็นอาชีพทั่วไปของคนถ้องถิ่น บ้านลาดและถือเป็นอาชีพหลักของคนไทย แต่ความพิเศษของที่นี่คือชาวบ้าน ลาดสามารถ ปลูกข้าวได้ตลอดทั้งปี

     ต้นตาลมีอยู่ทุกแห่งในเขตอำเภอบ้านลาด ต้นตาลเป็นต้นไม้ที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจ ของคน ท้องถิ่น ซึ่งเป็นที่มาของน้ำตาลรสเลิศ สามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำขนม หวาน นานาชนิด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักเมืองเพชรบุรีว่าเป็นเมืองแห่งขนมหวานก็เพราะตาลโตนด ทำให้อำเภอบ้านลาดเป็นอำเภอที่น่าสนใจเหมาะสมที่เป็นเมืองแห่งการ ท่องเที่ยวเชิงเกษตร อำเภอบ้านลาดอยู่ติดอำเภอเมืองเพชรบุรีไปทางทิศใต้ ระยะทางระหว่างตัวอำภอห่างกันเพียง 5 กิโลเมตร

     - การแข่งขันวัวลานเป็นการละเล่นเพื่อความบันเทิงของชาวนาพื้นบ้านบ้านลาด เชื่อว่าวัวลานเกิดขึ้นที่พื้นที่นี้ เนื่องจากการใช้วัวเพื่อการทำนาและขนข้าวขนของ ด้วยเกวียน และการนวดข้าวที่มีการใช้วัวผูกเรียงต่อกันด้านข้างประมาณ 4-5 ตัวและ เดินนวดข้าวเป็นวงกลม จนเกิดความคิดในการแข่งขันกันขึ้นเพื่อเป็นการประลองความ แข็งแกร่งของ วัวจากบ้านต่างๆ

     หลังจากการเสร็จฤดูทำนา ทำจนเป็นประเพณีเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันมีการใช้วัวแข่งขันรอบละประมาณ 20 ตัว โดยมีวัวเพียง 2 ตัวท้าย นอกสุดของวงแถว เรียกว่า "วัวใน" และ " วัวนอก" ที่วิ่งแข่งขันประลองกัน เนื่องจาก สภาพอากาศร้อนและการทำมาหากินในตอนกลางวัน การแข่งขันวัวลานจึงทำกันใน ตอนกลางคืนมักเริ่มประมาณ 4 ทุ่ม แข่งกันไป จนฟ้าสาง และมีเกือบทุกวันในหน้าร้อน

     - ผลิตผลจากตาลโตนดมีหลายอย่าง แต่ที่ทำรายได้ให้ชาวบ้านจากนักท่องเที่ยวคือลูกตาลอ่อน ในสมัยก่อนน้ำตาลจากตาลโตนดเป็นสินค้า ส่งออกจากเพชรบุรีไปทั่วประเทศ หรือแม้ส่งออกไปต่างชาติ โดยมีหลักฐานเป็นหม้อตาลโบราณมากมายหลงเหลือให้ศึกษาโดยดูได้ที่ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี

     ตาลโตนดให้ประโยชน์หลายประการเช่นการทำน้ำตาล ขนมตาล ไม้ตาลของที่ระลึก ตาลเชื่อม เป็นต้น นักท่องเที่ยวสามารถชมการทำน้ำตาลได้ในบางหมู่บ้านแต่ต้องติดต่อ ล่วงหน้า หรือเยี่ยมชมเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ โดยเฉพาะที่หมู่บ้าน ถ้ำรงค์ หรือที่หมู่บ้านหนอกกะปุก อำเภอบ้านลลาด สำหรับของฝากจากผลิภัณฑ์ตาลหารซื้อได้ตาม ร้านค้าขนมริมทางเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพฯ

ข้อมูลโดย : Phetchburi-travelguide






 

Create Date : 21 สิงหาคม 2554    
Last Update : 21 สิงหาคม 2554 11:16:17 น.
Counter : 2436 Pageviews.  

ภูทับเบิก-น้ำหนาว ในความงามฤดูฝน



ใครที่เคยมีความคิดว่าฤดูฝนจะเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติไม่ได้อรรถรส วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ จะพาไปสัมผัสบรรยากาศสองแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดฮิต อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และ ภูทับเบิก ที่มีความงดงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นแนวเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง นับว่าเป็นเวลาที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปสำหรับการเดินทางเพื่อพักผ่อน ซึ่งการมาเยือนน้ำหนาวในช่วงฤดูฝน มีข้อดีตรงที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน มีที่พักเพียงพอ และไม่ต้องแย่งอาหารการกินกับใคร นับเป็นช่วงฤดูกาลที่เหมาะกับคนต้องการสัมผัสธรรมชาติจริงๆ แต่ก็อาจจะอารมณ์เสียได้ถ้าเจอฝนตกตลอดทริป

ส่วนแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวก็มีอยู่มากมาย เริ่มจากช่วงเช้าที่ผมได้ขึ้นไปชมคือ จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นภูค้อ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอทุยานฯไปเพียง 4-5 กิโลเมตร ถึงจะไม่มีหมอกหนาตาอย่างช่วงฤดูหนาว แต่หมอกบางๆจากไอฝนก็ช่วยทำให้ผืนป่าสีเขียวที่มองเห็นเบื้องล่างสวยไปอีกแบบ แต่ก็น่าเสียดายที่ผลพวงของฝนที่ตกตลอดคืน ทำให้เช้านี้ดวงอาทิตย์ไม่มาทักทายบรรดาช่างภาพที่มาเฝ้ารอตามนัด

จากนั้นในช่วงสายก็มาถึงคิวของการเดินป่าชมความงามตาม เส้นทางเดินป่า ที่มีให้เลือกทั้งระยะสั้นประมาณ 1 กิโลเมตร และระยะยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งทั้งสองเส้นทางจะเต็มไปด้วยพืชพันธ์นานาชนิด ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักเดินป่ามือสมัครเล่นได้เป็นอย่างดี ยิ่งในช่วงฤดูฝนป่าจะสวยงามและเขียวขจีเป็นพิเศษ ถึงแม้พื้นจะลื่นไปบ้างบางเส้นทาง แต่ก็ถือเป็นกิจกรรมผจญภัยเล็กๆสำหรับคนที่อยากซึมซับบรรยากาศของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น ถ้ำใหญ่น้ำหนาว ถ้ำใหญ่มีความงามวิจิตรพิสดารโดยธรรมชาติ สวยงามไปด้วยหินงอกหินย้อย น้ำตกตาดพรานบา น้ำตกเหวทราย ผาล้อมผากอง ภูผาจิต ฯลฯ การเดินทางในครั้งนี้ทำให้รู้ว่า ถ้ามาจะมาเที่ยวน้ำหนาวควรจัดสรรเวลาให้ดี เพราะไม่อย่างนั้นจะมานั่งเสียดายว่าชมความงามได้ไม่ครบทุกที่

จากอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเรามุ่งตรงไปยังสถานที่พักแรมในคืนที่สอง ภูทับเบิก ที่ตั้งอยู่ใน ตำบลวังตาล จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งยอดภูทับเบิกนับเป็นจุดที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ มีความห่างจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,768 เมตร ส่งผลให้มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี และสามารถมองเห็นกลุ่มเมฆ และทะเลหมอกตัดกับยอดเทือกเขาเพชรบูรณ์ ได้อย่างชัดเจนในช่วงฟ้าเปิดปลายฤดูฝนและต้นฤดูหนาว

ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง ซึ่งสมัยก่อนเคยมีอาชีพปลูกฝิ่นขายเหมือนกับชาวเขาในจังหวัดอื่นๆ แต่ต่อมาเมื่อมีการเข้าปราบปราม ชาวบ้านจึงเปลี่ยนอาชีพมาทำการเกษตรแบบขั้นบันได เปลี่ยนมาปลูกกะหล่ำปลีแทน ทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาบุกเบิกภูทับเบิกช่วงแรกๆ เรียกที่นี่ว่า ดอยกะหล่ำปลี เพราะภูเขาหลายลูกเต็มไปด้วยต้นกะหล่ำปลีกว้างใหญ่ไปจนสุดสายตา

น่าเสียดายว่าช่วงที่ผมไปชาวบ้านได้เก็บกะหล่ำปลีไปขายจนเกือบหมดแล้ว ทำให้เห็นความงามของไร่กะหล่ำปลีได้ไม่เต็มที่ แต่ยังพอจะเห็นรถกระบะมาจอดรับซื้อกะหล่ำปลีตลอดเส้นทางขึ้นภูอันคดเคี้ยวอยู่บ้าง ถ้าใครอยากเห็นความงามของไร่กะหล่ำปลีแบบสุดลูกหูลูกตาเต็มภูเขาต้องมาในช่วงปลายฝนต้นหนาว และถ้าอยากหอบหิ้วกะหล่ำปลีกลับไปทานที่บ้านก็สามารถสอบถามชาวบ้านแถวนั้นได้ ชาวบ้านจะขายให้เราในราคาไม่แพง

ความงดงามของภูทับเบิกไม่ได้มีแค่ไร่กะหล่ำปลีกว้างใหญ่เท่านั้น แต่ไอหมอกยามเช้าที่เราสามารถเห็นได้แทบทุกวัน ในช่วงฤดูหนาวหรือวันที่มีฝนตกก็สวยงามไม่แพ้ที่ใด อย่างช่วงที่ผมไปซึ่งตรงกับฤดูฝนตลอดเส้นทางขึ้นภูก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย

ยิ่งพอมาถึงยอดภูบริเวณ หอดูดาวและที่วัดอุณหภูมิ ณ จุดชมวิวภูทับเบิก อากาศหนาวเย็นผสมผสานกับเม็ดฝนที่โปรยปรายมาเป็นระยะ ทำให้หมอกยิ่งหนาตาขึ้นอย่างกับฤดูหนาว ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปกว่า 10 โมงเช้าแล้ว อุณหภูมิตอนนั้นยังวัดได้เพียง 14 องศาเท่านั้น

แต่ถ้าใครมีโอกาสได้มาเยือนภูทับเบิกแล้วก็อยากให้ลองกางเต็นท์นอนบนยอดภูดูสักครั้ง เพราะในเวลากลางคืน ทิวทัศน์เบื้องล่างจะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากหมู่บ้าน เปรียบเสมือนดวงดาวระยิบระยับ ตามสโลแกนของภูทับเบิกที่ว่า
“นอนทับเบิก สัมผัสความหนาว ดูดาวบนดิน”



ขอบคุณเนื้อหาจาก... ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
ภาพจาก....... oceansmile.com












ขอบคุณเนื้อหาจาก... ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
ภาพจาก....... oceansmile.com

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2554    
Last Update : 20 สิงหาคม 2554 10:51:26 น.
Counter : 1693 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.