ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

ลอยกระทงปี 2554 รวบรวมสถานที่น่าไปเที่ยว!

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเทศกาล "สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำตลอดทั้งเดือนพฤศจิกายน 2554 นอกจากจะมีกิจกรรมเด่นๆ ในหลายพื้นที่ เช่น ประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย, ประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่, ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวงฯ จังหวัดตาก ฯลฯ ให้ได้ไปเที่ยวและสัมผัสความงดงามกันแล้ว แต่เนื่องจากปีนี้ในหลายพื้นที่ในหลายจังหวัดได้ประสบอุทัยภัย (น้ำท่วม) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงได้มีการงดจัดลอยกระทงในบางสถานที่ เช่น เทศกาลสีสีนแห่งสายน้ำมหกรรมลอยกระทง ณ สวนนาคราภิรมย์ กรุงเทพฯ เป็นต้น ดังนั้นจึงขอให้นักท่องเที่ยวตรวจสอบข้อมูลการเดินทางก่อนไปเยือนกันให้แน่ชัด แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ยังไม่รู้ว่าปีนี้มีโปรแกรมจัดงานลอยกระทงที่ไหนบ้าง สนุก! ท่องเที่ยว ก็ได้รวบรวมมาฝากเช่นเคยอีกแล้ว

--------------------------------------

กิจกรรมลอยกระทงภาคใต้ ปี 2553 (คลิกที่นี่)

กิจกรรมลอยกระทงภาคกลาง ปี 2553 (คลิกที่นี่)

กิจกรรมลอยกระทงภาคอีสาน ปี 2553 (คลิกที่นี่)

กิจกรรมลอยกระทงภาคเหนือ ปี 2553 (คลิกที่นี่)

กิจกรรมลอยกระทงภาคตะวันออก ปี 2553 (คลิกที่นี่)

--------------------------------------

ประวัติความเป็นมาประเพณีลอยกระทง

ลอยกระทง (Loi Krathong Day) เป็นประเพณีของไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาแต่โบราณ งานลอยกระทงเริ่มทำตั้งแต่ กลางเดือน 11 ถึงกลางเดือน 12 ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำจะเต็มสองฝั่งแม่น้ำ ที่นิยมมากคือ ช่วงวันเพ็ญเดือน 12 เพราะพระจันทร์เต็มดวง ทำให้แม่น้ำใสสะอาด แสงจันทร์ส่องเวลากลางคืน เป็นบรรยากาศที่สวยงาม เหมาะแก่การลอยกระทง

เดิมพิธีลอยกระทง เรียกว่า พระราชพิธีจองเปรียงชักโคม ลอยโคม ซึ่งเป็นพิธีของพราหมณ์ เพื่อบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ครั้นคนไทยรับนับถือพระพุทธศาสนา ก็ทำพิธียกโคมเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณี ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลอยโคมบูชาพระพุทธบาท ณ หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ประเทศอินเดีย

การลอยกระทง ตามสายน้ำนี้ นางนพมาศ สนมเอกของพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย คิดทำกระทงรูปดอกบัว และรูปต่างๆ ถวาย พระร่วงทรงให้ลอยกระทงตามสายน้ำไหล ในหนังสือ ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ พระร่วงตรัสว่า "แต่นี่สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศ ถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอย เป็นรูปดอกบัวอุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมฆทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน"

ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำกระทงขนาดใหญ่และสวยงาม ดังพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ของเจ้าพระยาทิพาราชวงศ์ กล่าวไว้ว่า

"ครั้นมาถึงเดือน 12 ขึ้น 14 ค่ำ 15 ค่ำ แรมค่ำหนึ่งพิธีจองเปรียงนั้น เดิมได้โปรดให้ขอแรง พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า ฝ่ายใน และข้าราชการที่มีกำลังพาหนะมาทำกระทงใหญ่ ผู้ถูกเกณฑ์ต่อเป็นถังบ้าง ทำเป็นแพหยวกบ้าง กว้าง 8 ศอกบ้าง 9 ศอกบ้าง กระทงสูงตลอดยอด 10 ศอก 11 ศอก ทำประกวดประขันกันต่างๆ ทำอย่างเขาพระสุเมรุทวีปทั้ง 4 บ้าง และทำเป็นกระจาดชั้นๆ บ้าง วิจิตรไปด้วยเครื่องสด คนทำก็นับร้อย คิดในการลงทุนทำกระทงทั้งค่าเลี้ยงคนและพระช่าง เบ็ดเสร็จก็ถึง 20 ชั่งบ้าง ย่อมกว่า 20 ชั่งบ้าง"

ปัจจุบันประเพณีลอยกระทง มีการจัดงานกันแทบทุกจังหวัด ถือเป็นงานประจำปีที่สำคัญ โดยเฉพาะ ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการจัดขบวนแห่กระทงใหญ่ กระทงเล็ก มีการประกวดกระทง และประกวดธิดางามประจำกระทงด้วย

ส่วนการลอยโคม ชาวบ้านทางภาคเหนือและภาคอีสานยังนิยมทำกัน ชาวบ้านจะนำกระดาษ มาทำเป็นโคมขนาดใหญ่สีต่างๆ ถ้าลอยตอนกลางวัน จะทำให้โคมลอยโดยใช้ควันไฟ ถ้าเป็นเวลากลางคืน ก็จะใช้คบจุด ที่ปากโคม ให้ควันพุ่งเข้าในโคม ทำให้ลอยไปตามกระแสลมหนาว เวลากลางคืนแลเห็นแสงไฟโคม บนท้องฟ้า พร้อมกับแสงจันทร์และดวงดาวสวยงามมากทีเดียว

คติที่มาเกี่ยวกับวันลอยกระทงมีอยู่หลายตำนาน ดังนี้

1. การลอยกระทง เพื่อขอขมาแก่พระแม่คงคา
2. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระผู้เป็นเจ้าตามคติพราหมณ์ คือบูชาพระนารายณ์ซึ่งบรรทมสินธุ์อยู่ในมหาสมุทร
3. การลอยกระทง เพื่อต้อนรับพระพุทธเจ้า ในวันเสด็จกลับจากเทวโลก เมื่อครั้งเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อทรงเทศนาอภิธรรมโปรดพระพุทธมารดา
4. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า ที่หาดทรายริมแม่น้ำนัมมทานที เมื่อคราวเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ
5. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระจุฬามณีบนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศาของพระพุทธเจ้า
6. การลอยกระทง เพื่อบูชาท้าวพกาพรหม บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
7. การลอยกระทง เพื่อบูชาพระอุปคุตตะเถระ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล ประวัติการลอยกระทงในเมืองไทย

การลอยกระทงในเมืองไทย มีมาตั้งแต่ครั้งสุโขทัย เรียกว่า การลอยพระประทีป หรือลอยโคม เป็นงานนักขัตฤกษ์รื่นเริงของประชาชนทั่วไป ต่อมานางนพมาศหรือท้าวศรีจุฬาลักษณ์สนมเอกของพระร่วง ได้คิดประดิษฐ์ดัดแปลงเป็นรูปกระทงดอกบัวแทนการลอยโคม การลอยกระทงหรือลอยโคมในสมัยนางนพมาศ กระทำเพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า แม่น้ำเนรพุททา


การลอยกระทงในปัจจุบัน

การลอยกระทงในปัจจุบัน ยังคงรักษารูปแบบเดิมเอาไว้ได้ตามสมควร เมื่อถึงวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 12 ชาวบ้านจะจัดเตรียมทำกระทงจากวัสดุที่หาง่ายตามธรรมชาติ เช่น หยวกกล้วยและดอกบัว นำมาประดิษฐ์เป็นกระทงสวยงาม ปักธูปเทียนและดอกไม้เครื่องสักการบูชา ก่อนทำการลอยในแม่น้ำก็จะอธิษฐานในสิ่งที่มุ่งหวัง พร้อมขอขมาต่อพระแม่คงคา

ตามคุ้มวัดหรือสถานที่จัดงานหลายแห่ง มีการประกวดกระทง ประกวดนางนพมาศ และมีมหรสพสมโภชในตอนกลางคืน นอกจากนั้นยังมีการจุดดอกไม้ไฟ พลุ ตะไล ซึ่งในการเล่นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ วัสดุที่นำมาใช้กระทง ควรเป็นของที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายตามธรรมชาติ

เหตุผลของการลอยกระทง

สรุปเหตุผลของการลอยกระทงในประเทศไทยดังนี้

1. เพื่อขอขมาแม่คงคา เพราะได้อาศัยนำท่านกินและใช้ และอีกประการหนึ่งมนุษย์มักจะทิ้งและถ่ายสิ่งปฏิกูลลงไปในนำด้วย
2. เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิาฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย
3. เพื่อลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์
4. เพื่อบูชาพระอุปคุต ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพแกพระอุปคุตอย่างสูง ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มากสามารถปราบพญามารได้ การลอยกระทงไม่มีพิธีรีตอง เพียงแต่ขอให้มีกระทงจะทำด้วยอะไรก็ได้ เช่น ใบตอง การกล้วย กาบพลับพลึง เปลือกมะพร้าว กระดาษ จุดธูปเทียนปักที่กระทงแล้วอธิษฐานตามที่ตนปรารถนา เสร็จแล้วจึงลอยไปที่แม่นำลำคลอง




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2554 8:14:37 น.
Counter : 1888 Pageviews.  

ชุมชนท่องเที่ยว ตอน โฮมสเตย์บ้านลาดเจริญ

โฮมสเตย์บ้านลาดเจริญ อีกหนึ่งชุมชนท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของตำบลนาแวง อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี บ้านลาดเจริญ ถูกจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยแยกหมู่บ้านออกจากบ้านลาดหญ้าคาทางทิศตะวันออกประมาณ 500 เมตร



โฮมสเตย์บ้านลาดเจริญ

บ้านลาดเจริญ เป็นชุมชนชนบทชายแดนติดกับแม่น้ำโขงมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบพอเพียง ครั้งหนึ่งชาวบ้านได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานโฮมสเตย์ในท้องถิ่นอื่นๆ จึงได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มโฮมสเตย์บ้านลาดเจริญขึ้น เมื่อเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ. 2547 เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบคนชายแดนลาว รับประทานอาหารที่ทำจากปลาแม่น้ำโขงและยังเป็นแหล่งผลิตหัตถกรรมจากไม้เก่า ซึ่งนำมาจากประเทศลาว

นอกจากนี้ในชุมชนยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือ "หาดทรายสูง เวินไก่แม่ฟัก" และ "คอนหมู"รวมทั้งชมทิวทัศน์ที่หาชมได้ยากของสองฝั่งแม่น้ำโขง เนื่องจากบ้านลาดเจริญ มีพื้นที่และภูมิทัศน์ที่เอื้อต่อการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีพื้นที่ ติดริมแม่น้ำโขง ในช่วงฤดูแล้ง น้ำลดลงเต็มที่ มีเกาะแก่งหินและหาดทรายผุดขึ้นมา ให้เห็นอย่างสวยงามตระการตา

ด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน เป็นบริเวณเวิ้งน้ำกว้างใหญ่ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า "เวินไก่แม่ฟัก" เพราะมีเสียงที่เกิดจากน้ำไหลกระทบถ้ำหิน เหมือนเสียงแม่ไก่ร้องขณะฟักไข่ และด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเวิน จะมีหาดทรายริมฝั่งน้ำเป็นแนวยาว กว้างและค่อนข้างสูงชัน จึงตั้งชื่อว่า "หาดทรายสูง" ซึ่งปัจจุบันกำลังพัฒนา ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สมบูรณ์ ในทุก ๆ ปีจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมาเที่ยวชม

โดยเฉพาะช่วงฤดูน้ำลด ประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน ของทุกปี รอบ ๆ บริเวณหาดทรายสูง จะมีจุด และสถานที่ชมความแปลกและความงดงามของธรรมชาติ รวมทั้งชมร่องรอยอารยธรรม ภาพเขียนและแกะสลักนูนต่ำของยุคโบราณก่อนประวัติศาสตร์

โดยแหล่งท่องเที่ยวภายในชุมชนนั้นมีหลายแห่ง สถานที่ท่องเที่ยวแรกที่อยากแนะนำให้คุณไปเยือน คือ



โฮมสเตย์บ้านลาดเจริญ

1. จุดท่องเที่ยวทางน้ำบริเวณ "หาดทรายสูง"

- คอนหมู เป็นโขดหินกลางน้ำ มีถ้ำริมน้ำเวลาน้ำกระทบถ้ำจะเกิดเสียงดังคล้ายหมูร้อง จึงเรียกว่า "คอนหมู" และยังมีสิ่งที่น่าสนใจคือ รูปภาพโบราณ ที่มนุษย์โบราณแกะสลักไว้บนโขดหินและตามผนังถ้ำ ทั่วไป เช่นรูปสัตว์ สุนัข มังกร โค และอักษรโบราณ คล้ายภาษาจีน ภาษาขอม

- แก่งคันแยง เป็นคันร่องหินน้ำไหลเชี่ยวมาก สมัยก่อนเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านใช้กระชอนดักปลาซึ่งมีปลาชุกชุมมากเคย มีชาวบ้านจับปลาตัวขนาดใหญ่ 200 – 300 กิโลกรัม (ปลาบึก)

- หินสิ่ว เป็นหินสมัยฝรั่งเศสครอบครองภูมิภาคอินโดจีน สมัยสองร้อยกว่าปีมาแล้ว มีเวียดนาม ลาว เขมร ฝรั่งเศส ได้ใช้เรือกำปั่นขนส่งทางน้ำ จากหลี่ผี ถึง หลวงพระบาง บริเวณนั้น มาถึงบริเวณนั้น น้ำแรงมาก เรือกำปั่นขึ้นไม่ได้ จึงได้ใช้เครื่องสิ่วเจาะหิน เพื่อเป็นที่เกาะฉุดลากให้เรือขึ้นได้ บริเวณหลังหินสิ่ว จะมีกอหว้าน้ำ ดูสวยงามมาก

- แก่งพละกาย เป็นแหล่งจับปลาอีกแห่งหนึ่ง สมัยก่อนมีปลาชุกชุม ต้องใช้กระชอนตักปลาขนาดใหญ่ คนที่ถือกระชอนดักปลาต้องมีพละกำลังที่แข็งแรงมากจึงเรียกว่า "แก่งพละกาย"

- คอนวัว บริเวณโขดหินมีภาพแกะสลักหินโบราณเป็น รูปหน้าวัวหันหน้าเข้าหากัน และมีรูปคนด้วย จึงเรียกว่า "คอนวัว"

- ถ้ำคันสะลึง เป็นถ้ำหินริมน้ำขนาดใหญ่จุคนได้ประมาณ 50 คน สมัยก่อนคนโบราณที่ ไปหาปลา ใช้เป็นที่หลบแดดหลบฝน

2. จุดท่องเที่ยวทางบก

- ขัวนางนี ( ขัวภาษาอีสาน หมายถึง สะพาน อยู่ห่างจากหมู่บ้าน 1,500 เมตร ห่างจากหาดทรายสูง 200 เมตร เป็นสะพานหินธรรมชาติที่น่าทึ่งมาก ใกล้ ๆ กับสะพานทางทิศใต้ จะมีหินรูปจระเข้ตัดเป็นท่อนๆ ขาดจากกันสมัยโบราณใช้สะพานนี้ข้ามห้วยบวกปลากั้ง และทุกวันนี้ ก็ใช้ข้ามไปสู่หาดทรายสูง ถ้ำพระ ถ้ำเสือได้

- ถ้ำพระ อยู่ห่างจากหมู่บ้าน 3,500 เมตร เมื่อปีพ.ศ. 2475 ได้มีคนเข้าไปค้นหาสมบัติในถ้ำได้พบพระทองคำขันหิน เงินลิ่ม เงินโบราณ เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันเป็นเพียงถ้ำที่ว่างเปล่าเท่านั้น

- ถ้ำเสือ อยู่ห่างจากหมู่บ้าน 3,300 เมตร เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2499 มีเสือ 2 ตัว มาอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ตกตอนกลางคืนก็ออกอาละวาด ไล่กินวัวชาวบ้านชาวบ้านจึงพร้อมใจกันใช้ฟืนอุดปากถ้ำแล้วจุดไฟเผาจนเสือตาย และให้ชื่อว่า "ถ้ำเสือ"

- สุสานช้างแมมมอส อยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 500 เมตร เป็นคันฝายกั้นน้ำสาธารณะ เมื่อ พ.ศ.2535 เกิดฝนตกหนักทำให้คันฝายขาด น้ำเซาะถึงชั้นหินจึงเห็นงาช้างโผล่ขึ้นมา มีความยาว ประมาณ 2.70 เมตรปัจจุบันได้นำไปมอบให้พิพิธภัณฑ์จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อเก็บรักษาไว้ เป็นของ ศิริมงคลคู่บ้านคู่เมืองและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบุคคลที่พบงาช้าง คือนายบุบผา อินธิแสง

การเดินทาง : ทางรถยนต์ ตั้งอยู่ถนนสายหลัก หมายเลข 2112 ( ถนนสายยุทธศาสตร์ )เชื่อมต่อระหว่างอำเภอเขมราฐ - อำเภอโขงเจียม และหากเดินทางจากจังหวัดอุบลราชธานี ให้ใช้เส้นทางทางหมายเลข2050 อุบลราชธานี เขมราฐ เลี้ยวขวาก่อนถึงตัวอำเภอเขมราฐ ประมาณ 2 กม. เพื่อเข้าสู่ถนนหมายเลข 2112 (ถนนสายยุทธศาสตร์) เดินทางประมาณ 15 กม. ให้สังเกตป้ายโฮมสเตย์บ้านลาดเจริญแล้วเลี้ยวซ้าย เดินทางต่อประมาณ 9 กม. ถึง โฮมสเตย์บ้านลาดเจริญระยะห่างจากจังหวัดอุบลราชธานี 120 กิโลเมตรระยะห่างจากอำเภอเขมราฐ 22 กิโลเมตร ระยะห่างจาก อ.บ.ต.นาแวง 12 กิโลเมตร

ข้อมูลโดย : เครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชน
เว็บไซต์ : //www.cbtthaidatabase.org




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2554 8:48:57 น.
Counter : 1703 Pageviews.  

สถานที่ท่องเที่ยว...วันลอยกระทงภาคเหนือ

ลอยกระทง

ลอยกระทง

ลอยกระทงภาคเหนือ (ททท.)

ย้อนยุคทั่วไทย สุขใจที่พิษณุโลก

เทศกาลลอยกระทงประเทศไทยของจังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2554 “ย้อนยุคทั่วไทย สุขใจที่พิษณุโลก” กำหนดจัดงานวันที่ 6 - 10 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณหน้าวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ณ.บริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร และสวนชมน่าน

ภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมมหกรรมอาหารอร่อยไร้แอลกอฮอล์และถนนย้อนยุค ถนนสองแควแลอดีตปีที่ 2 การประกวดร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ไทยสากลและสตริง การแสดงคอนเสิร์ตเวทีลอยน้ำ การแสดงทางวัฒนธรรม ประกวดอาหารไทย ประกวดกระทงประดิษฐ์ฝีมือ หนูน้อยนพมาศ ประกวดนางนพมาศ รำวงย้อนยุคและงานวัดใหญ่ย้อนยุค ประกวดแต่งกายย้อนยุค ประกวดขบวนแห่ ประกวดกระทงใหญ่ การแสดงแสงสี เสียง "จตุรทิศเทพสถิตแห่งสายน้ำ และเล่าขานตำนานลอยกระทงโลก" การลอยกระทงสายและปล่อยโคมลอย

ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการศึกษา เทศบาลนครพิษณุโลก โทรศัพท์ 055 983 221 ต่อ 227

งานประเพณีลอยกระทง จังหวัดแพร่

จังหวัดแพร่ ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2554 ในวันที่ 8 – 10 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณสวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ร.9

โดยกิจกรรมภายในงานจะมีการประกวดกระทงฝีมือ การประกวดซุ้มประตูวัด การประกวดหนูน้อยนพมาศ การประกวดโคมลอย การประกวดนางนพมาศ และการประกวดตีกลองปูจา ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานศาสนาวัฒนธรรม กองการศึกษา เทศบาลเมืองแพร่ โทรศัพท์ 054 511 406

งานประเพณีลอยกระทง "ปลอดเหล้า-เบียร์ และเบื่อประทัด"

จังหวัดน่าน ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีลอยกระทง "ปลอดเหล้า-เบียร์ และเบื่อประทัด" ประจำปี 2554 ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณลานรวมใจ และใต้สะพานพัฒนาภาคเหนือ

โดยภายในงานจะมีกิจกรรมการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง สินค้าราคาถูก, การจำหน่ายอาหารเพื่อรับประทานแบบขันโตก (ณ บริเวณลานรวมใจ), การแสดงดนตรี การแสดงกิจกรรมต่าง ๆ การแสดงโฟล์คซอง, การแข่งขันชกมวยไทย (ณ เวทีมวย ใต้สะพานพัฒนาภาคเหนือ), การประกวดนักร้อง-หางเครื่อง และการประกวดหนูน้อยนพมาศ นางนพมาศ และเทพบุตรยี่เป็ง ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลเมืองน่าน โทรศัพท์ 054 710 234

ลอยกระทง

งานเทศกาลยี่เป็ง ลอยโคมกว๊านพะเยา

ขอเชิญเที่ยวงานเทศกาลยี่เป็ง ลอยโคมกว๊านพะเยา ในวันที่ 8 - 11 พฤศจิกายน 2554 สถานที่จัดงานบริเวณริมกว๊านพะเยา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา

ภายในงานจะมีกิจกรรมการปล่อยโคมลอย, ชมขบวนแห่กระทง, การประกวดนางนพมาศ, การแสดงศิลปวัฒนธรรม, กาดฮิมกว๊าน ลานคนเดิน, การจำหน่ายอาหารพื้นบ้าน และการแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน

ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัดพะเยา โทรศัพท์ 054 449 704, ศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการจังหวัดพะเยา โทรศัพท์ 054 487 210, ททท.สำนักงานเชียงใหม่ (เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง) โทรศัพท์ 053 248 604, 053 248 607 และ TAT Call Center 1672 หรือ www.loikrathong.net


เทศกาลลอยกระทงเมืองอุตรดิตถ์

จังหวัดอุตรดิตถ์ ขอชวนเที่ยวเทศกาลลอยกระทงเมืองอุตรดิตถ์ ในวันที่ 8 – 10 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณวัดธรรมมาธิปไตย

โดยกิจกรรมภายในงานจะมีการแสดงต่าง ๆ จากนักเรียนในสังกัดเทศบาลเมือง, การแสดงประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เรื่องวีรชนพระยาพิชัยดาบหัก, การประกวดเทพบุตรเมืองน่าอยู่, การประกวดหนูน้อยนพมาศและนางนพมาศ, การประกวดการประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ และการประกวดรถกระทงใหญ่ ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ โทรศัพท์ 055 413 185

ประเพณีล่องสะเปาจาวเวียงละกอน

จังหวัดลำปาง ขอชวนเที่ยวงานประเพณีล่องสะเปาจาวเวียงละกอน ประจำปี 2554 ในวันที่ 9 – 11 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณเขื่อนยาง ริมแม่น้ำวัง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง

กิจกรรม

9 พฤศจิกายน : การประกวดซุ้มประตูป่า ฯลฯ

10 พฤศจิกายน : ขบวนแห่สะเปาลอยน้ำ (หลังโรงพยาบาลแวนแซนต์วูร์ด-ตามแม่น้ำวังไปถึงเขื่อนยาง)

11 พฤศจิกายน : ขบวนแห่สะเปาใหญ่ (กระทงลอยน้ำ) (สามแยกเก๊าจาว-ข่วงนคร)

ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายท่องเที่ยวเทศบาลนครลำปาง โทรศัพท์ 054 237 237

ลอยกระทง

ประเพณีลอยกระทงจังหวัดลำพูน

จังหวัดลำพูน ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีลอยกระทงจังหวัดลำพูน ในวันที่ 9 – 11 พฤศจิกายน 2554 ณ บริเวณสะพานท่าข้าม อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน

กิจกรรม

9 พฤศจิกายน : ขบวนแห่กระทงเล็ก (ถนนอินทยงยศ-คูเมืองลำพูน)

10 พฤศจิกายน : พิธีเปิดประเพณีลอยกระทง จ.ลำพูน และกิจกรรมกาดหมั้วครัวแลง

11 พฤศจิกายน : ขบวนแห่กระทงใหญ่ การประกวดหนูน้อยนพมาศ การจุดพลุ (ถนนอินทยงยศ-ประตูช้างสี-ถนนรอบเมือง-เชิงสะพานท่าขาม)

ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลนครลำพูน โทรศัพท์ 053 530 683





ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก




 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2554 12:06:00 น.
Counter : 2073 Pageviews.  

อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท จ.ลำปาง



อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท

ตั้งอยู่ในจังหวัดลำปาง มีเนื้อที่ทั้งหมด โดยประมาณ 758,750 ไร่ หรือ 1,214 ตารางกิโลเมตร จัดตั้งขึ้นเนื่องจากถ้ำผาไท เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดลำปาง มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำแม่น้ำวัง และแม่น้ำงาว เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่งาวฝั่งขวา , ป่าแม่โป่ง , ป่าขุนวัง , แปลงที่หนึ่ง , ป่าแม่แจ้ฟ้า , ป่าแม่เมาะ , ป่าแม่ต๋า และป่าแม่มาย , ป่าแม่ยาง และป่าแม่อาง

มีอาณาเขตติดต่อกับ

ทิศเหนือ จด อุทยานแห่งชาติดอยหลวง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา
ทิศใต้ จด ศาลเจ้าพ่อประตูผา ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง
ทิศตะวันออก จด ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) อำเภองาว จังหวัดลำปาง
ทิศตะวันตก จด แม่น้ำวัง อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง

สถานที่เที่ยวในอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ลำปาง

อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท
มีเทือกเขาที่สลับซับซ้อน มีเทือกเขาสูงชัน เนื่องจากสภาพภูเขาที่เป็นหินปูน ทำให้ถ้ำมีขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก และมีสภาพป่าที่สมบูรณ์เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกหลายแห่ง สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ น้ำตกตาดเหมย น้ำตกห้วยตาดน้อย น้ำตกแม่ส้าน น้ำตกแม่แก้ ถ้ำผาไท ถ้ำโจร ถ้ำราชคฤห์ หล่มภูเขียว

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาพักผ่อน เที่ยวชมธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทได้ตลอดทั้งปี โดยที่ท่านสามารถเลือกสัมผัสธรรมชาติได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ปิคนิค เล่นน้ำตก เดินป่า ส่องสัตว์ เที่ยวถ้ำ เป็นต้น


การเดินทางไปอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ลำปาง

ระยะทางจากจังหวัดลำปาง ถึงอำเภองาว และ จากอำเภองาว ถึงสำนักงานถ้ำผาไท 65 กิโลเมตร มีสภาพถนนเป็นถนนลาด ยางตลอดเส้นทาง




 

Create Date : 04 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2554 7:43:42 น.
Counter : 1922 Pageviews.  

เขาค้อ เพชรบูรณ์ สัมผัสสายลมหนาวและไอหมอก

เขาค้อ เป็นอีกสถานที่ชื่อดังในเมืองไทยที่ว่ากันว่าอากาศดีสุดๆ จนได้รับฉายาว่า "สวิสแลนด์แดนสยาม" หลายคนที่เคยมาพักผ่อนติดอกติดใจจนต้องมาเป็นครั้งที่สอง และในครั้งที่สองเราอยากจะขอแนะนำให้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตทหารบนยอดเขาค้อที่คุณอาจเคยพลาดไป และจะเป็นการดีมากหากใครที่ยังคิดเคืองติดใจกับทหารที่มีแต่ข่าวไม่ดีเราจะได้รู้ว่าพวกเขาก็คือคนที่ติดทองอยู่หลังพระทุกที่ทั่วแดนไทย ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยว

เริ่มต้นที่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ตั้งอยู่เลย กม. 23 ของทางหลวงหมายเลข 2196 ไปเล็กน้อย เป็นอนุสาวรีย์ ทหารอาสา จากหน่วยรบกองพันที่ 93 ซึ่งมาช่วยรบในพื้นที่เขาค้อและเสียชีวิตในการสู้รบที่ตรงนี้เป็นอีกจุดนึกที่เราจะได้สัมผัสบรรยากาศยามเช้าแบบสดชื่นๆ และได้ซึมซับกับความเสียสละของเหล่าวีรชนที่ต้องสละชีวิตเพื่อแผ่นดิน ต่อลงมาที่ฐานอิทธิ สถานที่เรียนรู้สำหรับเยาวชนที่มีใจรักในการเป็นทหาร ผู้ปกครองจะสามารถปลูกผังพวกเขาด้วยการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ทางทหารอย่างสำราญ ฐานอิทธิตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่มองเห็นทิวทัศน์ และเป็นฐานสำคัญฐานหนึ่งในการเข้ายึดพื้นที่ ปัจจุบันทางการได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์อาวุธเปิดให้คนได้เข้าชมทุกวัน โดยการนำอาวุธปืนใหญ่ ซากรถถัง และอาวุธที่ใช้สู้รบในการรบที่บนเขาค้อมากมาย รวมทั้งการจัดห้องบรรยายสรุปแก่ผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะด้วย คิดค่าชมคนละ10 บาท และเชื่อเลยว่าน้องหนูทั้งหลายจะปันใจให้กับเสื้อสีเขียวแล้ว ในส่วนของการเดินมาที่นี้ให้ใช้ตามทางหลวงหมายเลข 2196 เลยกม. 28 ไปเล็กน้อย แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2323 ไปประมาณ 3 กม. รวมระยะทางประมาณ 31 กม.

มาที่บนยอดสูงสุดของเขาค้อด้วยเส้นทางเดียวกันกับฐานอิฐอยู๋เลยไปซะหน่อย จะมีอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อถูกสร้างขึ้นเพื่อเทอดทูนวีรกรรมของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้พลีชีพในการสู้รบเพื่อปกป้องพื้นที่ในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2511-2525 โดยสร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นหินอ่อนทั้งหมด หมายถึงการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหาร ฐานอนุสรณ์กว้าง 11 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2511 อันเป็นปีที่เริ่มปฏิบัติการรุนแรงของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ความสูงจากแท่นบูชาถึงยอดอนุสรณ์สถานสูง 24 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2524 อันเป็นปีที่เริ่มยุทธการครั้งใหญ่ ความสูงจากฐานถึงยอดอนุสรณ์สถาน 25 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2525 อันเป็นปีสิ้นสุดการรบ ความกว้างฐานสามเหลี่ยมด้านละ 2.6 เมตร หมายถึง ปี พ.ศ.2526 ซึ่งเป็นปีที่สร้างอนุสรณ์สถานแห่งนี้ ผนังภายในบันทึกประวัติอนุสรณ์ผู้เสียสละ และรายชื่อวีรชนผู้เสียสละชีวิตเพื่อประเทศชาติ อีกหนึ่งที่ที่มีความสวยงามเล็กบนเขาค้อ เจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ ถูกสร้างตั้งอยู่บนยอดเขาติดกับหอสมุดนานาชาติเขาค้อ บ้านกองเนียม ต.เขาค้อ ที่ยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งอันเชิญมาจากประเทศศรีลังกา เจดีย์แห่งนี้ชาวเพชรบูรณ์สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ในวันสำคัญทางศาสนาจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาร่วมกันประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเช่น พิธีเวียนเทียน เป็นประจำในเดือนธันวาคมของทุกปีจะมีการจัดงาน "วันนัดพบเอกอัครราชทูต ณ เขาค้อ" โดยเชิญเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆมาร่วมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมของจังหวัด หากมีโอกาสอย่าลืมแวะเวียนไปกราบไหว้ให้เสียเที่ยวเชียว

มาถึงที่สุดท้าย พระตำหนักเขาค้อ พระตำหนักตั้งอยู่บนเขาย่าซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาค้อ ทางขึ้นค่อนข้างชันมากควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ พระตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรงานโครงการในพระราชดำริและทรงตรวจเยี่ยมราษฎร อ.เขาค้อ และอาคารคอนกรีตครึ่งวงกลมมีทั้งหมด15ห้อง เป็นพระตำหนักแห่งนี้มีรูปทรงแปลกกว่าพระตำหนักอื่นๆ บริเวณโดยรอบของพระตำหนักได้จัดตกแต่งด้วยพันธุ์พืช ไม้ดอกเมืองหนาวหลากชนิดลงตัวกันได้อย่างสวยงาม การเดินทาง ทางหลวงหมายเลข 2196 อีกประมาณ 33 กม. ด้วยความลดเลี้ยวเคี้ยวคดขอให้ทุกคนเดินทางอย่าประมาทและไม่ทัวร์รถบัสไม่สามารถขึ้นได้นะครับ

ความสนุกสนานข้างบนเขาค้อยังมีน้ำตกและแห่ลงแอนเวนเจอร์ที่หลากหลายสไตล์ที่คุณจะได้สัมผัส และเราก็หวังว่าคุณจะไม่พลาดที่จะไปสูดอากาศดีๆ เข้าปอดกันนะครับ


credit sanook




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2554 8:10:09 น.
Counter : 1795 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.