ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)



เป็นโบราณสถานเก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ 3 ยอด ยอดที่สูงที่สุดสูง 95 เมตร แต่เดิมชาวบ้านเรียกภูเขานี้ว่า “เขาสมน” พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพอพระราชหฤทัยที่จะสร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนยอดเขาแห่งนี้ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งในขณะนั้นเป็นพระสมุหกลาโหมเป็นแม่กองก่อสร้าง จนสำเร็จเรียบร้อยเมื่อปี พ.ศ. 2403 ทรงพระราชทานนามว่าพระนครคีรี แต่ชาวเมืองเพชรเรียกกันติดปากว่าเขาวัง สืบมาจนบัดนี้ พระนครคีรีมีพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนิโอคลาสสิคผสมสถาปัตยกรรมจีน ตั้งอยู่บนยอดเขาใหญ่ๆ 3 ยอดด้วยกัน ดังนี้

ยอดเขาด้านทิศตะวันออก บริเวณไหล่เขาเป็นที่ตั้งของวัดมหาสมณาราม ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนฝีมือขรัวอินโข่งบนผนังทั้งสี่ด้าน เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ส่วนบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว เป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพฯ ภายในวัดพระแก้วประกอบด้วยพระอุโบสถขนาดเล็ก ประดับด้วยหินอ่อน ด้านหลังเป็นพระพุทธเสลเจดีย์ ด้านหน้าพระอุโบสถเป็นหอระฆังรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขนาดเล็ก

เขายอดกลาง เป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุจอมเพชรมีลักษณะเป็นเจดีย์สีขาว ทรงลังกา มีความสูงจากฐานเจดีย์ 40 เมตร ลักษณะภายในฐานกลวงเป็นหอกลมกลางฐานตรงกลางมีเสาใหญ่รับน้ำหนักองค์พระเจดีย์ รอบพระเจดีย์มีทางเข้าไปยังหอกลมสีทางด้วยกัน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ โปรดเกล้าให้บูรณะเจดีย์เก่าที่มีอยู่แล้วและได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ มีผู้เชื่อว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุจอมเพชรด้วยจิตอันบริสุทธิ์ จะมีอานิสงส์ส่งผลให้ชื่อเสียงขจรขจายไปกว้างไกล เปรียบประดุจชัยภูมิของพระบรมธาตุที่ตั้งอยู่บนเขาสูง แวดล้อมด้วยหมู่มวลพระที่นั่งในพระราชวังพระนครคีรี และยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นพระที่นั่งต่าง ๆ บนยอดเขาอีก 2 ยอด รวมทั้งทิวทัศน์ของตัวเมืองเพชรบุรีได้อีกด้วย

ยอดเขาด้านทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของพระราชวังที่ประทับอันได้แก่ พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ พระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท พระที่นั่งราชธรรมสภา หอชัชวาลเวียงชัย หอพิมานเพชรมเหศวร์ พระที่นั่งสันถาคารสถาน หอจตุเวทปริตพัจน์ ศาลาทัศนานักขัตฤกษ์ นอกจากนี้แล้วยังมีโรงรถ โรงม้า ศาลามหาดเล็ก ศาลาลูกขุน ศาลาด่าน ศาลาเย็นใจ ทิมดาบองครักษ์ โรงครัว ตามแบบพระราชวังทั่วไป รอบพระราชวังมีป้อมล้อมอยู่ทั้ง 4 ทิศ คือ ป้อมธตรฐป้องปกทางทิศตะวันออก ป้อมวิรุฬหกบริรักษ์ทางทิศใต้ ป้อมวิรูปักษ์ป้องกันทางทิศตะวันตก และป้อมเวสสุวรรณรักษาทางทิศเหนือ


กรมศิลปากรได้ใช้บางส่วนของพระราชวังบนยอดเขาด้านทิศตะวันตกนี้จัดตั้งเป็
พิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี ภายในเก็บรักษาโบราณวัตถุต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รูปหล่อโลหะสำริดและทองเหลืองที่ใช้สำหรับตกแต่งห้องต่าง ๆ ในพระที่นั่ง และเครื่องกระเบื้องของจีน ญี่ปุ่น และยุโรป

เวลาเปิด-ปิด: เฉพาะส่วนของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินี้ เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.

อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30–16.30 น.

อัตราค่าเข้าชม : รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครคีรี และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรีได้ ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3242 5600

ข้อมูลจาก: thai.tourismthailand.org





 

Create Date : 05 สิงหาคม 2554    
Last Update : 5 สิงหาคม 2554 7:43:18 น.
Counter : 1341 Pageviews.  

ตลาดคลองสวนร้อยปี




ตลาดคลองสวนร้อยปี นับเป็นชุมชนเก่าแก่ที่ดำรงชีวิตด้วยวัฒนธรรมที่หลากลาย มีทั้งชาวจีน ชาวไทยมุสลิม ชาวไทยพุทธ ที่ยอมรับในความความแตกต่างชองกันและกัน จนสามารถอยู่รวมกันได้อย่างมีความสุขเรื่อยมา กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง จนถึงปัจจุบัน บรรยากาศเก่า ๆ ของร้านค้าเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นที่ที่หลาย ๆ คนอยากจะเห็น บรรยากาศในการซื้อขายแลกเปลี่ยน ที่นักท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ทั้งคนท้องถิ่น ที่ยังนิยมมาจับจ่าย ใช้สอยเลือกซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันหรือจะนั่งชิมอาหารอร่อย ๆ ชมบรรยากาศเก่า ๆ ได้อย่างเต็มอิ่ม

ที่ตลาดคลองสวนมีเสน่ห์ ตรงที่มีสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าของบ้านเรือนทุกหลัง รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่ยังมีกลิ่นอายในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 อยู่ พร้อมกับบรรยากาศเก่า ๆแบบโบราณ รวมถึงวิถีชีวิตร่วมสมัยย้อนยุคกว่า 100 ปี ที่ยังคงมีชีวิต ที่เราสามารถเข้าไปสัมผัสได้จริง และชิมอาหารอร่อยทั้งอาหารคาวหวานที่มีสูตรเฉพาะ ขนมหวาน กาแฟสูตรโบราณดั้งเดิม ชมของเก่า ร้านโชห่วย หรือร้านค้าขายปลีกขนาดเล็กๆซึ่งหาดูได้ยากในปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดเราสามารถเข้าไปชมได้ในตลาดแห่งนี้แห่งเดียวภายในตลาดเป็นห้องแถวเรียงรายกันเป็นแนวยาวประมาณ 40-50 ห้อง มี ร้านโชห่วย หรือร้านค้าขายปลีกขนาดเล็กๆ ซึ่งในทุกวันนี้อาจจะไม่ค่อยได้เห็น ไม่ค่อยได้ใช้บริการมากนัก เนื่องจากในปัจจุบัน มักจะพบเห็นในรูปแบบร้านสะดวกซื้อ มากกว่า สลับกับร้านขายอาหารของกินมากมายขนมต่าง ๆ ซึ่งแต่ละเมนูนั้นเป็นสูตรโบราณดั้งเดิมซึ่งหากินได้ยากในปัจจุบัน

ตลาดคลองสวนเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ติดกับคลองน้ำตลอดแนว เพราะในสมัยก่อนก็จะใช้การเดินทางเข้าออกตลาด โดยทางเรือเพียงทางเดียวเท่านั้น ตลาดคลองสวน ตั้งอยู่ที่ ริมคลองประเวศน์บุรีรมย์ ในพื้นที่ 2 จังหวัดคือ ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่จะมาถึงนี้ อย่าลืมหาโอกาสเข้าไปท่องเที่ยวสัมผัสกับบรรยากาศเก่า ๆ กินอาหารอร่อย ๆ ที่ตลาดคลองสวนร้อยปี


ข้อมูลจาก : siamfreestyle.com





 

Create Date : 04 สิงหาคม 2554    
Last Update : 4 สิงหาคม 2554 7:45:15 น.
Counter : 1372 Pageviews.  

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนที่แจ้ซ้อน

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อนที่แจ้ซ้อน

หากว่าเราได้เดินทางสู่ดินแดนล้านนาอันอุดมด้วยป่าเขาดอยสูงมากมาย เป็นดินแดนที่ที่ทุกคนปรารถนาไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นแล้ว ก็มีเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน ลำปาง เป็นต้น

เมืองลำปาง มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ทุกคนอยากไปสัมผัส คือ “น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน” อยู่ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง และยังประกอบด้วยธรรมชาติป่าเขา สายน้ำตกอื่นๆ อยู่ในพื้นที่แห่งนี้ด้วย จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของจังหวัดลำปาง

ใครที่ชอบอาบน้ำร้อน นอนแช่น้ำแร่ ก็ไม่ผิดหวัง เพราะที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน นั้นประกอบด้วยธรรมชาติที่ทำให้ทุกคนมีความสุข ผ่อนคลายความตึงเครียด มีลมหายใจธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกแจ้ซ้อนที่สวยงาม บ่อน้ำร้อนที่สวยงามในยามเช้า และเราก็จะพบความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงถึง 73 องศาเซลเซียส

การเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จะเป็นเส้นทางที่สะดวกสบาย เป็นทางราดยางที่รถทุกชนิดเข้าไปถึง ปัญหาอุปสรรคการเดินทางก็ไม่มีอะไรมากนัก ยกเว้นว่าเราจะเลือกเส้นทางวิ่งจากแจ้ซ้อนไปออกเชียงใหม่ที่ต้องใช้เส้นทาง ลูกรังขึ้นเขาจะข้ามดอยที่สูงชัน จนไปออกถนนสายดอยสะเก็ด- แม่ขะจาน เส้นทางสายนี้เหมาะสำหรับรถปิ๊กอัพหรือรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เราสามารถลัดไปเชียงใหม่ได้ใกล้กว่ากัน

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

จุดเด่นของอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน คือ น้ำพุร้อน เป็นน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ประกอบด้วยบ่อเล็กบ่อน้อยถึง 9 บ่อ อยู่ในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ มีอุณหภูมิ โดยเฉลี่ยประมาณ 73 องศาเซียลเซียส

ทางอุทยานฯ ได้จัดห้องอาบน้ำแร่ไว้ในมุมที่เป็นธรรมชาติ มีความกลมกลืนกับพื้นที่ มีทั้งห้องแช่ส่วนตัว กับห้องตักอาบ โดยเฉพาะห้องแช่ส่วนตัวนั้นมีการออกแบบได้มาตรฐานของห้องอาบน้ำแร่ทั่วไป มีท่อน้ำเย็นสำหรับนำมาผสมกับน้ำร้อน เพื่อให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม

มีข้อระเบียบข้อระวังการอาบน้ำแร่ด้วย เพราะการอาบหรือแช่นานเกินไปก็มีผลต่อสุขภาพด้วย อาจเป็นลมหน้ามืดได้ และในบริเวณใกล้เคียงก็มีน้ำตกแจ้ซ้อน ซึ่งมีอยู่ 6 ชั้น มีน้ำตลอดปี และไหลมารวมกับสายน้ำร้อนจากบ่อน้ำร้อน ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั่วไป

จากน้ำร้อนมาเป็นน้ำเย็นที่เราสามารถสัมผัสธรรมชาติได้ 2 รูปแบบในครั้งเดียวกัน โดยเฉพาะเส้นทางน้ำตกเราสามารถท่องเที่ยวไปได้ครบทุกชั้น จะมีเส้นทางให้เดินเลียบขึ้นตามชั้นหน้าผา ธรรมชาติของน้ำพุร้อนแจ้ซ้อนแห่งนี้ มีศักยภาพเพื่อการท่องเที่ยวและพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบ ยิ่งช่วงหน้าหนาวก็จะเป็นบรรยากาศที่เหมาะเป็นอย่างยิ่ง

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

ในช่วงยามเช้าบริเวณบ่อน้ำร้อนจะมีบรรยากาศที่งดงาม ประกอบไปด้วยไอหมอกที่ลอยกรุ่นอยู่เหนือบ่อน้ำร้อน จึงช่วยให้บรรยากาศที่บ่อน้ำพุร้อนเกิดเป็นภาพความงดงามที่ตระการตา นอกจากสถานที่เหล่านี้แล้วก็ยังมี น้ำตกแม่มอน น้ำตกแม่ขุน ซึ่งเป็นน้ำตกที่ยังคงเป็นธรรมชาติและมีสายน้ำไหลตลอดปีอยู่ท่ามกลางผืนป่า แห่งนี้

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกจัดวางระบบไว้เป็นอย่างดี มีบ้านพัก มีลานตั้งแค้มป์ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีร้านอาหาร มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้หลายอย่าง จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ทีเดียวข้อมูลการเดินทาง จากตัวเมืองลำปางไปประมาณ 75 กม. โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1035 ลำปาง-แจ้ห่ม เป็นระยะทาง 58 กม. จากนั้นต่อด้วยเส้นทาง ร.พ.ช. อีก 17 กม. ก็ถึงที่ทำการอุทยานฯ

การติดต่อ ติดต่อจองบ้านพักที่
ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โ
ทร.579-7223, 579-5734,
หรือ 561-4292 –4 ต่อ 724, 725
และติดต่อที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
โทร.0- 5438- 0000, 08- 9851- 3355
แฟกซ์ 0- 5426- 3041...

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน


ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก moohin.com




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2554    
Last Update : 2 สิงหาคม 2554 8:09:30 น.
Counter : 3470 Pageviews.  

เที่ยวสุดสัปดาห์สไตล์แอดเวนเจอร์ ที่ จปร.

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

สุดสัปดาห์ที่ จปร. (e-magazine)

การท่องเที่ยวกับสังคมของคนเมืองช่างต่างกันเหลือ ด้วยช่องวางของเวลาแต่ละสัปดาห์มันปลีกออกจากงานได้ยากมาก ๆ บางคนอาจจะทำงานทั้งปี จนลืมไปว่าคุณเองก็มีวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนสั้นแต่ยังมันส์ได้ วันนี้คนทำงานวัยมันส์ที่ต้องการการท่องเที่ยวแบบแอนเวนเจอร์ ที่ใกล้ ๆ และครบครันก็ต้องที่นี้เลยครับ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก ความสนุกของที่นี้มีหลากหลายมากมายในที่ของเหล่านายร้อย นอกจากกิจกรรมที่คุณจะได้รับ คุณก็ยังจะได้รับความรู้ใหม่ ๆ จากทหารใจดี ที่พร้อมจะบริการคุณตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียน จปร.

การเดินทางนั้นไม่ยาก โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หรือ โรงเรียนนายร้อย จปร.นั้น ตั้งอยู่ที่อำเภอองครักษ์ ตำบลพรหมณี ห่างจากตัวเมือง 14 กิโลและห่างจากกรุงเทพเพียง 75 กิโลเมตรเท่านั้น มีพื้นที่กว่า 19000 ไร่ด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาล ทำให้โรงเรียนนายร้อยมีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง นอกจากการเรียนการสอนตำราทหาร และมีกิจกรรมที่สามารถทำได้หลากหลายไม่ว่าแรนลี่ พายเรือ ยิงปืน เพ้นต์บอลหรือค่ายต่าง ๆ ที่เป็นกิจกรรมเหล่านักเรียนนายร้อยใช้เป็นประจำ มาดูกันหน่อยสิว่าที่นี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

หากมีเวลามากพอ หลังการเดินทางอยากจะแนะนำให้นักท่องเที่ยว ได้มีโอกาสสักการะพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 ที่ศาลา 6 เหลี่ยม เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยเหมือนกันนักเรียนนายร้อย ที่ต้องเข้ามาสักการะเป็นประจำ หลังจากนั้นจะเป็นเวลามันส์ของคุณดูซิว่า 1 วันเต็มคุณสามารถทำอะไรกันที่นี้ได้บ้าง ในช่วงเช้าเราอาจจะเลือกกิจกรรมแบบแอดเวนเจอร์เลย เพราะช่วงเช้านั้นแดดจะไม่แรงเท่าช่วงบ่าย ที่พร้อมสาดรังสีอัลตราทำร้ายหนังหน้าสวย ๆ ของคุณ

วัดใจคนกล้าท้าโรยตัวจากหน้าผาจำลองเคลื่อนผ่นน่านน้ำ โดดหอสูงกว่า 34 ฟุต ฐานเหินเวหา ฐานแมงมุมขนไข่ ซึ่งมันเป็นกิจกรรมของสไตล์ทหารแท้ ๆ และคุณไม่ต้องกลัวว่าจะเจ็บตัว ที่นี่อุปกรณ์เซฟที่ดีเยี่ยมความตื่นเต้นความหวาดเสียว ที่จะทำให้คุณซึ้งในรสวิชาทหารที่เขาฝึกกันอยู่ทุกวันวี่ และงานนี้ยังได้รู้ว่าทหารนอกจากจะเป็นรั้วของชาติยังฮาอีกด้วย

เมื่อผ่านกิจกรรมช่วงเช้าก็เข้ามาสู่การพักผ่อน หลังทานข้าวเสร็จอาจจะพาลูกหลานเด็กน้อยเข้าไปชม อาคารพิพิธภัณฑ์ 100 ปี จปร ที่นี้เป็นที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับกองทัพไทย ทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เคยใช้ทำสงครามในสมัยก่อน หรือจะเป็นเครื่องแบบนายทหารของกองทัพ รวมถึงวีดีทัศน์บรรยายเรื่องราวและความเป็นมาของที่นี้ ที่นี้จะเป็นประโยชน์สำหรับน้อง ๆ หนู ๆ ที่อยากโตขึ้นสวมชุดเขียวสะพายปืน

โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

เข้าสู่คาบบ่ายที่อากาศค่อนข้างร้อนสักหน่อย ก็หนีเข้าสนามยิงปืนมีหลังคาบังแดดให้หายกังวล ปืนของที่นี้มีทั้งสั้นและยาวให้คุณฝึกสมาธิได้ดี พร้อมกับทหารแม่นปืนประกบข้างกายอย่างอุ่นใจ ครูฝึกจะสอนให้เรารู้การใช้ปืนที่ถูกวิธี และการกลั้นลมหายใจในการยิง ชวนเพื่อนมากระหน่ำเป้าแล้ววัดความแม่นกันได้ แต่หากหมันไส้เพื่อนฝูงก็ชักชวนมาเปิดศึกอันร้อนระอุด้วย สงครามเพ้นต์บอลบนสนามที่กว้างประมาณ 2 ส่วน 3 ของสนามฟุตบอล มีทั้งกล่อง ถัง ลัง บ้าน เหมือนคุณกำลังปะทะกันแบบสมจริงยิ่งกว่า 3D

ตกเย็นคุณอาจเลือกที่จะพักผ่อนง่าย ๆ ด้วยการผายเรือแคนนูในบึงกว้าง หรือจะหากิจกรรมอย่างอื่นทำต่อเช่น ร้องคาราโอเกะ ตีสนุ๊ก หรือจะออกรอบกับเพื่อนฝูงที่มาด้วยก็ยังได้ เพราะที่นี่มีบริการเกือบทุกอย่างยังมีกิจกรรมอื่น ๆ สำหรับคนไม่ชอบแอดเวนเจอร์เท่าไหร่ก็พวกส่องนก เดินป่าท่องธรรมชาติตามใจชอบ ทางโรงเรียนนายร้อยจุลจอมเกล้ายังมีบริการบ้านพัก

สำหรับคนที่อยากค้างคืน การเดินทางมาที่ จปร ทำให้คุณมีทางเลือกในการท่องเที่ยวที่หลากหลายมากกว่าเดิม สถานที่ใกล้เคียงไม่ว่าจะน้ำตกสาลิกา นางรองหรือน้ำพุร้อนเล็กมันทำให้คุณเลือกพักผ่อนทั้งสั้นและยาว หากคุณคิดว่าไม่มีเวลามากแต่ต้องการผจญภัยแบบวัยเด็ก พร้อมความอบอุ่นที่จะได้รับจากเหล่าทหารใจดีเป็นของฝากที่ยากจะลืม




ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ ท่องเที่ยว หรืออ่าน แมกกาซีน




 

Create Date : 01 สิงหาคม 2554    
Last Update : 1 สิงหาคม 2554 8:12:07 น.
Counter : 2066 Pageviews.  

เที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ที่ จุดยุทธศาสตร์ที่ 1 "ย.1"



จุดยุทธศาสตร์ที่ 1 "ย.1" อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเยือนของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ซึ่งตั้งอยู่ในเขต อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน ปัจจุบันอุทยานแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวของคนที่รักการเดินศึกษาธรรมชาติ ชมทิวทัศน์ และการพักค้างแรม...

     สำหรับการเดินทางไปเยือน จุดยุทธศาสตร์ที่ 1 "ย.1" นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเท้าจากที่ทำการ
อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล โดยใช้ระยะทางประมาณ 1,500 เมตร ก็จะมาถึง ย. 1

     โดยบริเวณนี้เป็นที่ตั้งบ้านพักรับรองของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินเคยใช้เป็นที่ประทับแรมระหว่างการก่อสร้างอุโมงค์ ปัจจุบันการรถไฟประเทศไทย เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

ข้อมูลโดย
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช






 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2554 12:37:30 น.
Counter : 1802 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.