ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์)

สุพรรณบุรี
เมืองอู่ข้าวอู่น้ำของไทยเมืองอันเป็นต้นกำเนิดของวรรณคดีที่สำคัญของไทย
คือขุนช้างขุนแผน เมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน
เมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งประวัติศาสตร์ โบราณคดี
วิถีชีวิตชุมชน วิถีชนเผ่า ธรรมชาติ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
แต่ที่โดดเด่นและแตกต่างจากที่ใด 





พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร (อุทยานมังกรสวรรค์)
สร้างขึ้นจากความคิด นายบรรหาร ศิลปอาชา ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่
21 ของประเทศไทย
โดยได้เริ่มออกแบบและจัดทำพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรขึ้น
บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี
เพื่อนำเสนอเรื่องราวความเป็นมาของชาวจีนในประเทศไทย
ตลอดจนประวัติศาสตร์และอารยธรรมจีน
เพื่อเป็นอนุสรณ์การเจริญสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ครบ 20 ปีใน พ.ศ. 2539
ลำตัวมังกรภายนอกออกแบบอย่างถูกต้องตามลักษณะความเชื่อของคนจีนแต่โบราณ
ภายใต้ตัวมังกรเป็นที่ตั้งของ "พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร"
ซึ่งห้องจัดแสดงเรื่องราวด้วยเทคนิคนำเสนอทันสมัยจำนวน 20 ห้อง


หากมีโอกาสไปเยือนสุพรรณบุรี สามารถแวะไปชมกันได้ เปิดวันพุธ - วันอาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร)


สอบถามข้อมูลโทร. 0 3552 6211-2


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งานแผนปฏิบัติการตลาดภาคกลาง และ www.เที่ยวภาคกลาง.com 




 

Create Date : 22 มกราคม 2555    
Last Update : 22 มกราคม 2555 10:16:32 น.
Counter : 2243 Pageviews.  

ดอยผ้าห่มปก ความสูงที่ไม่มีวันลืม ตอน 1

ก่อนสิ้นปี
หนุ่มสาวออฟฟิศหลายคนคงนั่งมองวันลาพักร้อนกันตาปริบๆ
ว่าจะออกร่อนเร่รวนแรมไปยังถิ่นฐานไหนดี
ซึ่งทางทีมงานอีแมกกาซีนก็มีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ
อย่างการหนีขึ้นดอยไปแดนไกลที่จะช่วยสร้างอีกหนึ่งประสบการณ์ให้นักเดินทาง
ได้จดจำไม่รู้ลืม ในการออกสู่โลกกว้างครั้งนี้
ทีมงานเลือกที่จะไปเหยีบจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งเป็นที่ตั้งของจุดหมายปลายทางอย่าง "ดอยผ้าห่มปก"
ที่ถูกจัดว่ามีความสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์
และเพื่อให้ได้อรรถรสในการท่องเที่ยวแบบครบสูตร
เราจึงขอมุ่งหน้าไปยังเชียงใหม่ด้วยรถไฟ ปู้น ปู้นนน
โดยเริ่มสตาร์ทขบวนกันที่หัวลำโพงในยามเย็น





บรรยากาศของตู้นอนชั้น 1 ด่วนพิเศษ ยังคงเป็นเช่นเดิม
ที่บรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมักจะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
จนแทบจะพูดได้เลยว่า มีมากกว่าชาวไทยเสียซะอีก
นั่นเพราะฝรั่งมังค่าเขากล่าวว่า
การเดินทางด้วยรถไฟให้ทั้งความปลอดภัยและตวามสะดวกสบาย
ซึ่งไฮไลท์เด็ดของการใช้บริการรถไฟไทยคงหนีไม่พ้นความคึกคักของตู้สเบียงที่
แม้ว่าราคาข้าวของเครื่องดื่มจะแพงหูฉีกไปสักนิด แต่ด้วยเสียงเพลงเพลินๆ
ลมเย็นๆ
และความเป็นมิตรของเพื่อนร่วมเดินทางกลับทำให้นี่คือพาหนะที่หลายคนต้องยก
นิ้วให้
ระยะเวลาในการเดินทางด้วยหัวรถจักรจากเมืองหลวงมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่นับรวมๆ
แล้วก็ราว 12 ชั่วโมง โดยรุ่งอรุณของอีกวันใหม่ คุณยังจะได้เห็นถ้ำขุนตาล
ซึ่งขอการันตรีเลยว่าน่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อย
แม้จะไม่เห็นวิวทิวทัศน์แต่ความมืดและเสียงที่อื้ออึงมากขึ้นคือมนต์สเน่ห์
ของการลอดถ้ำแห่งนี้



 

หลังจากนั่ง นอน ดื่ม ด่ำกันมาครึ่งวันเต็มๆ
ในที่สุดก็ถึงสถานนีเชียงใหม่
ซึ่งคับคั่งไปด้วยสองแถวแดงน้อยใหญ่กับบรรดาสิงห์นักขับที่ออกมาแร้งทึ้ง
เหล่านักท่องเที่ยวให้ขึ้นรถของตนเพื่อไปยังที่หมาย
สำหรับการจะไปดอยผ้าห่มปก
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือพาตัวเองให้ไปถึงอู่รถช้างเผือก
ซึ่งจะมีทั้งรถสองแถวและรถบัสสีส้มขับผ่านไปถึงอำเภอฝางด้วยเวลาราวๆ 2
ชั่วโงครึ่ง จากนั้นจึงโบกรถไปตามประสาให้ถึงอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
แต่เนื่องด้วยอานิสงค์จากการเป็นครูอาสาในครั้งก่อน
งานนี้ทีมงานอีแมกกาซีนจึงโดดลงจากสองแถวแดงราคาหัวละ 70 บาท
จากท่ารถช้างเผือกลงมาแหมะอยู่ที่ว่าการอำเภอไชยปราการแล้วจึงขึ้นกระบะคัน
โก้ของครูดอยลัดเลาะเส้นทางไปจนถึงอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
ซึ่งในจุดแรกนี้จะมีลานกางเต็นท์บ่อนน้ำร้อนฝาง ซึ่งถ้ามากันไม่ทันบ่าย 3
โมง ก็อาจต้องนอนค้างที่จุดนี้กันสักคืน
เพราะรถโฟร์วิลล์จะไม่สามรถขึ้นบนดอยหลังจาก 3 โมงเย็นไปแล้ว ดังนั้น
ในคืนแรกพวกเราจึงจองเต็นท์บริเวณลานน้ำพุร้อนเพื่อของอิงไออุ่นสยบความหนาว



 

ณ ลานบ่อน้ำพุร้อน
จะมีทั้งแอ่งน้ำร้อนและบ่อน้ำร้อนกระจัดกระจายอยู่เป็นบริเวณกว้าง
ซึ่งอาจต้องใช้ความระมัดระวังกันสักนิดในการเดินชมธรรมชาติ
และในขณะที่ทีมงานกำลังหันซ้ายแลขวาเพื่อเตรียมตัวเช็คอินจองเต็นท์
เสียงดังฟู่......อันกึกก้องก็สร้างความประหลาดใจให้กับนักท่องเที่ยวจนต้อง
วิ่งออกจากสำนักงานที่ทำการ
และนั่นคือเสียงของน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งขึ้นจากใต้พื้นพิภพ
ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่าจะเป็นเช่นนี้ทุก 30 นาที และจะยาวนานถึง 13 นาที
กันเลยดีเดียว เมื่อได้ที่ซุกหัวนอนในค่ำคืนแรกด้วยเงินเพียง 250 บาท
กันแล้ว ก็ถึงเวลาออกตระเวนไปชำระร่างกาย
ซึ่งช่วงที่ทีมงานได้ออกไปเก็บเกี่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ตรงกับฤดูหนาว

การจะนำร่างไปแช่น้ำอุ่นจึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดช่วงก่อนหัวค่ำ เมื่อ
เก็บข้าวเก็บของและรับประทานอาหารกันอย่างพร้อมสรรพ
เครื่องนุ่งห่มและอุปกรณ์อาบน้ำก็ถูกเหน็บไว้ข้างตัวเป็นอย่างดี
ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะสาวเท้าให้ว่องเพื่อไปยังบ่อแช่น้ำร้อน
ซึ่งพวกเรากลับต้องพบความผิดหวังที่ห้องอาบน้ำอุ่นๆ นั้นปิดก่อนเวลา 1 ทุ่ม
นั่นเพราะเจ้าหน้าที่แอบเก็บสัมภาระเตรียมกลับบ้านกันจนหมด ดังนั้น
น้ำเย็นเจี๊ยบจึงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ต้องยอมจำใจอย่างไรข้อกังขา



 

บรรยากาศหลังอาทิตย์อัสดงของลานบ่อน้ำพุร้อน
เรียกได้ว่าอบอุ่นกว่าที่คิดไว้ โดยอุณหภูมิที่ปรอทจากเมืองกรุงวัดได้คือ 7
องศา ไอน้ำร้อนลอยละล่องอยู่ทุกถิ่นที่
ท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ก็ยังมีดวงดาวให้นอนนับอยู่เกือบค่อนคืน
ซึ่งธรรมชาติเช่นนี้นี่เองที่แม้แต่ความหนาวเย็นก็ไม่สามารถจะบีบบังคับให้
พวกเราข่มตานอน
จนต้องชวนกันออกมาต้มไข่ท้าสายลมเย็นแล้วค่อยกล่าวราตรีสวัสดิ์เบาๆ
ไอน้ำของเช้าวันใหม่ที่ลานน้ำพุร้อนดูจะแน่นหนาและให้ความอบอุ่นได้มากกว่า
เมื่อค่ำคืนก่อน ถ้าคุณได้ลองเดินดูจนทั่วจะรู้สึกเลยว่า
สถานที่แห่งนี้มีหยดน้ำค้างมากเป็นพิเศษ
จึงทำให้เห็นนกน้อยและผีเสื้อหลายชนิดบินวนอยู่รอบกาย
หลังจากสำรวจความงามของยามเช้ากันแล้วก็ถึงคราวที่จะลองไปสัมผัสกับน้ำร้อนๆ
ในบ่ออุ่น
ซึ่งที่อุทยานจะมีทั้งบ่อแช่น้ำแร่ทั้งแบบรวมและแบบส่วนตัวให้คุณๆ
ได้เพลิดเพลินใจในราคาเพียงหัวละ 20 บาท สำหรับบ่อรวม และ 50 บาท
สำหรับผู้ต้องการความเป็นส่วนตัว


อาบน้ำ กินข้าว ชมธรรมชาติอย่างจุใจ
ก็ถึงเวลารอหาสมัครพรรคพวกมาหารค่ารถโฟร์วิลล์เพื่อขึ้นไปยังลานกิ่วลม
ซึ่งเป็นอีกจุดกางเต้นท์ที่อยู่สูงและเข้าใกล้ยอดดอยเข้าไปทุกที แต่ ณ
เวลานี้ คงต้องหยุดภาคหนึ่งไว้เพียงเท่านี้ เนื่องจากทีมงานมีสมาชิกเพียง 3
หน่อ จะให้โหนกระบะคันโตราคา 1,800 บาท ก็ดูจะใช่เรื่อง ดังนั้น นั่งๆ
นอนๆ รอเพื่อนร่วมทางแล้วค่อเดินทางต่อกับภาคสองที่รับรองว่า
อดใจรอกันอีกไม่นานแน่นอน




 

Create Date : 21 มกราคม 2555    
Last Update : 21 มกราคม 2555 10:38:18 น.
Counter : 2241 Pageviews.  

เที่ยวไป ชิลล์ไป ณ ถนนคนเดินปราณบุรี

ปราณบุรี เมือง
ท่องเที่ยวบรรยากาศริมทะเลสบายๆ
มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวกันไม่ขาดสาย เพราะนอกจากจะทะเลสวยๆ
หาดทรายขาวให้เที่ยวชมแล้ว วิถีชีวิตและความน่ารักของคนปราณบุรี
ก็เป็นยังที่น่าสนใจ และสามารถแวะไปสัมผัสได้ที่ ถนนคนเดินปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์





สำหรับใครที่ชอบเดินตลาดเก่า ที่ปราณบุรีมีตลาดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี
ในทุกๆ วันเสาร์จะคึกคักไปด้วยผู้คน
เพราะบรรดาบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายได้ถูกเนรมิตให้กลายเป็นถนนคนเดิน
ให้ไปย้อนยุคสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งเป็นห้องแถวตั้งเรียงราย
และบ้านเรือนในย่านนั้นยังคงรักษาสภาพความเป็นตลาดเก่าได้เป็นอย่างดี
หลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก




ส่วนบรรดาขาช้อปของเก่า หรือสินค้ามือสอง
ก็เตรียมเงินในกระเป๋ากันไว้ให้ดี ระวังจะหมดไปแบบไม่รู้ตัว
เพราะบรรยากาศมันพาไป เดินช้อปเพลินๆ ฟังเพลงชิลล์ๆ สบายใจอย่าบอกใครเลย!


ถนนคนเดินปราณบุรี ตั้งอยู่ข้างๆ สถานีรถไฟปราณบุรี


เปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่ 15.00 - 20.00 น.


เรื่อง: กันต์ ณ ปกรณ์


ภาพ: เศกศิลป์ กัญชนะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งานแผนปฏิบัติการตลาดภาคกลาง และ //www.เที่ยวภาคกลาง.com

//travel.sanook.com/945898




 

Create Date : 20 มกราคม 2555    
Last Update : 20 มกราคม 2555 8:26:20 น.
Counter : 2333 Pageviews.  

10 สุดยอดสวน ที่ “พลาดไม่ได้” ในงานราชพฤกษ์ 54

เมื่อบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ชวน "นายรอบรู้" ไปชม มหกรรมพืชสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 หรือ "งานพืชสวนโลก" ที่
คุ้นเคยกันดี เราจึงไม่พลาดตามไปเก็บตกสิ่งที่น่าสนใจมาฝากคุณๆ บนเนื้อที่
470 ไร่ ใน ต. แม่เหียะ อ. เมือง จ. เชียงใหม่
เราเดินย่ำต๊อกอยู่เกือบทั้งวัน ตากแดดร้อนๆ จนหน้าเกรียมเป็นรอยแว่น
เราก็ขอถือโอกาสนี้คัดสรร 10 สุดยอดสวนน่าสนใจ
ที่ไปถึงภายในงานแล้วต้องพลาดไม่ได้
และเดินเที่ยวชมแล้วต้องไม่ผิดหวังมาแนะนำต่อ
ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ต้อนรับปีงูใหญ่กันไปเลย



1.ไล่จับผีเสื้อกระพริบแสง ในสวนแสงแห่งจินตนา เป็นหนึ่งในสามไฮไลท์ใหม่ และถือเป็นสุดยอดสวนที่น่าตื่นตาตื่นใจ




ยามอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ทุกอย่างก็ถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นใหม่
ด้วยดวงไฟดวงเล็กดวงน้อยนับล้านๆ ดวง ที่ประดับประดาไว้ตามต้นไม้
เห็นเป็นสวนแสงหลากสีกลางความมืด มีดอกไม้บานเปลี่ยนสี
มีผีเสื้อโบยบินกระพริบแสงตามจังหวะดนตรี
นอกจากเพลินเพลินไปกับแสงสีตระการตา
เรายังร่วมสนุกได้โดยวาดแขนไปมาเหนือเซ็นเซอร์บริเวณทางเดิน
พุ่มไม้เรืองแสงก็จะวิ่งไปตามการวาดแขนของเรา
ทั้งสนุกสนานและปลุกเร้าจินตนาการให้โลดแล่นนอกจากนี้ ขอบอกอีกว่า
สวนแสงแห่งจินตนาการยังให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานทดแทน
โดยดอกไม้ในสวนติดแผงโซลาร์เซลล์เพื่อนำพลังงานแสงแดดมาใช้ในเวลากลางคืน
เป็นการประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง


2. ขึ้นกระเช้าราชพฤกษ์ลอยฟ้า ชมวิวจากมุมสูง




จากบนกระเช้าสูง 40 เมตร
สามารถมองทัศนียภาพงานพืชสวนโลกในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน พื้นที่กว่า 470
ไร่ เหมือนถูกย่อลงมาอยู่ในสองมือ
เห็นหอคำหลวงอยู่ท่ามกลางพรรณไม้หลากสีสัน สวนนาชาติต่างๆ ขนาดเล็กจิ๋ว
ในเวลากลางคืนยิ่งมีเสน่ห์ แสงไฟจากสวนต่างๆ จะส่องสว่างหลากสี
โดยมีแสงจากสวนแสงแห่งจินตนาการกระพริบวิบวับอยู่ไม่ไกล อย่างไรก็ตาม
ไม่ควรลืมว่า มีคนรอต่อคิวขึ้นกระเช้าแน่นขนัดนักโดยเฉพาะช่วงเย็น-ค่ำ
หากไม่อยากพลาดความงามจากมุมสูง ควรรีบต่อแถวตั้งแต่เนิ่นๆ
และใช้เวลาข้างบนให้คุ้มค่า เพราะความสุขราคา 120 บาทช่างผ่านไปเร็วนัก


3. ดำดิ่งในโลกใต้บาดาล ที่อุโมงค์น้ำบาดาล







ช่วงแดดร้อนเปรี้ยงๆ คงไม่มีที่ไหนหลบร้อนดีกว่าห้องแอร์เย็นฉ่ำ
จึงขอชวนแวะเข้าสวนของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ไปเดินตะลุยในอุโมงค์น้ำบาดาลจำลองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ภายในอุโมงค์เปิดแอร์เย็นสบาย จัดแต่งเป็นเหมือนโลกใต้บาดาล
ให้เราเดินซอกแซกไปในความสลัวราวกับเป็นตัวตุ่นมุดไปใต้ดิน
ระหว่างทางจะมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดคอยอธิบายระบบการผลิตน้ำบาดาล
ตั้งแต่การสำรวจชั้นหิน ตรวจหาพื้นที่เหมาะสมในการขุดเจาะ
จนถึงการวางระบบท่อเพื่อส่งน้ำขึ้นมาหล่อเลี้ยงคนบนพื้นผิว
เรียกว่าเดินคลายร้อนแล้วยังได้ความรู้ติดตัวกลับมา


4. ท่องโลกแมลง ใน BUG WORLD ยังเป็นสวนขวัญใจเด็กๆ ไม่แพ้เมื่อ 5 ปีก่อน




นิทรรศการทั้งหมดแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ
คือส่วนแมลงมีชีวิตและแมลงไม่มีชีวิต
ส่วนแมลงไม่มีชีวิตจัดแสดงอยู่ภายในอาคาร
โดยจำลองบรรยากาศให้ใกล้เคียงโลกของแมลงในธรรมชาติ เช่น
มีเสียงร้องของแมลงนานาชนิดจนเหมือนเรากำลังเดินอยู่ในป่า
หรือมีกล่องปริศนาซ่อนบนผนัง เปิดแล้วพบแมลงสตัฟฟ์พร้อมคำอธิบาย
ชวนให้อยากรู้จักเจ้าแมลงตัวจิ๋วมากขึ้นขณะที่ส่วนแมลงมีชีวิตจะอยู่ในสวน
พรรณไม้ที่อยู่ติดกัน เราจะได้เห็นผีเสื้อบินว่อน ตั๊กแตนเกาะตามพุ่มไม้
ด้วงเดินไปมา จนรู้สึกเหมือนสวนแห่งนี้มีชีวิตไปด้วย

5. ตะลุยดงดอกไม้ ใน สวนพันธุ์ไม้เมืองหนาว เพียงแง้มประตูห้องจัดแสดง กลิ่นดอกลิลลี่หอมๆ ก็โชยมาทักทาย




นอกจากลิลลี่สีชมพูสดแปลงใหญ่แล้ว
ภายในสวนแห่งนี้ยังมีพันธุ์ไม้เมืองหนาวอื่นๆ เช่น บิโกเนีย ฟอร์เก็ตมีน็อต
หอมหมื่นลี้ ฯลฯ บานสะพรั่งแข่งกันอวดดอกสีสดใส ทั้งส้ม ชมพู ม่วง แดง
ตัดกับใบสีเขียวสด ดูแล้วสดชื่นมีชีวิตชีวา
ชวนให้เดินถ่ายรูปได้อย่างเพลิดเพลิน


6. ถ่ายรูปกับลานแฟชั่นไม้ดอกที่สวนดาษดา อสวนดอกไม้ชื่อดังใน จ. ปราจีนบุรี ซึ่งคราวนี้ยกพลมาแสดงฝีมือในงานพืชสวนโลก




โดยจัดสวนตามแนวคิด Let Love Grow
ให้สวนมีสีสันสดใสราวความรักที่เบ่งบาน
ด้านหน้าประดับด้วยตุ๊กตานางแบบในชุดดอกไม้ หุ่นแมลงปอหลายสี
และฉากดอกไม้หลากพันธุ์ จนดูคล้ายเป็นลานแฟชั่นมวลไม้ดอก
ถัดเข้ามามีห้องดอกไม้เฉลิมพระเกียรติ และด้านในสุดเป็นสวนเรือนกระจก
มีทั้งเบญจมาศ เยอบีรา กล้วยไม้ จัดเป็นแปลงยาวราวกับทุ่งดอกไม้
...ใครที่ตามหาฉากดอกไม้สวยๆ ถ่ายรูปสนุกๆ มาสวนนี้รับรองไม่ผิดหวัง


7. ตามหาดอกทิวลิป
ในสวนเนเธอร์แลนด์ และเดินเที่ยวสวนนานาชาติ สวนยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
เพราะเดินครั้งเดียวเหมือนชะโงกหน้าไปดูถึง 38 สวนทั่วโลก





สวนยอดฮิตยังคงเป็นสวนเนเธอร์แลนด์ ทั้งกังหันลม ทุ่งลิลลี่สีส้มสด
และดอกทิวลิปยังคงมาตามนัด เพียงแต่ทิวลิปไม่เยอะเหมือนเมื่อ 5 ปีก่อน
ด้านในยังมีเถาวัลย์มะเขือเทศด้วยเทคนิคการปลูกแบบฮอลแลนด์
และฉากดอกไม้สีสวย อีกหลายสวนก็จัดได้สวยงามและน่าสนใจ เช่น สวนลาว
ซึ่งจำลองวิหารวัดเชียงทองมาไว้ที่นี่
เดินชมวิหารอ่อนช้อยแล้วแวะมาจิบกาแฟลาวหอมกรุ่นรสนุ่มก็รื่นรมย์ไม่น้อย
หรือสวนภูฏาน ที่คงสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ไว้เหมือนเดิม
ขณะที่สวนแปลกที่สุดคงเป็นสวนเกาหลี เพราะมีแต่กำแพงหินและไห
ไม่กล้าฟันธงว่าสวย เอาเป็นว่าแปลกตาน่าสนใจ
ส่วนสวนญี่ปุ่นยังคงมาแนวเรียบง่ายสไตล์เซน เป็นสวนหิน มีบ่อปลา
และซุ้มไม้ไผ่ ชวนให้นั่งสงบจิตใจ นอกจากนี้สวนอินโดนีเซีย แอฟริกาใต้
โมร็อคโค ก็ยังน่าแวะเวียนเข้าไป
เพราะจัดแต่งตามวัฒนธรรมของตนอย่างมีเอกลักษณ์


8. ชวนเด็กๆ มาสนุก ที่ Kids's
Eco Park เป็นอีกไฮไลท์ที่เพิ่มขึ้นใหม่ ภายในอาคารรูปทรงแปลกตา
คือนิทรรศการแบบ Interactive ให้เด็กๆ ช่วยตัวการ์ตูนมาสค็อตของงาน





ทั้งน้องคูณ ลมบิน ดินฉ่ำ น้ำใส ไออุ่น รักษาสิ่งแวดล้อมให้สำเร็จ
เช่นช่วยกันปลูกต้นไม้โดยการโบกไม้โบกมือเพื่อให้อนิเมชันฝนโปรยลงมารดน้ำ
ต้นกล้า หรือทุบเบาะเพื่อพรวนดินให้ต้นไม้เจริญเติบโต นอกจากความสนุกแล้ว
หัวใจของสวนแห่งนี้ คือการกระตุ้นให้เด็กๆ
ตระหนักว่าตนเองก็มีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมได้


9. มุ่งสู่หอคำหลวง
ชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ วิหารล้านนาใจกลางงานราชพฤกษ์แห่งนี้
คือสถานที่จัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนิทรรศการพระราชประวัติและพระอัจฉริยภาพด้านต่างๆ





งานศิลปกรรมที่งดงามและขรึมขลังภายในวิหารนี้ ออกแบบโดย อ. ปรีชา เถาทอง
ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียง ส่วนที่สำคัญคือ พุ่มดอกบัวตูม 9 ดอก
ที่มียอดฉัตรสีทอง 9 ชั้นอยู่ด้านบน หรือ ต้นบรมโพธิสมภาร
สื่อถึงพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และการครองพระองค์ให้อยู่ในทศพิศราชธรรม
นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังรูปพระราชกรณีกิจ
ที่จิตรกรเขียนได้อย่างประณีตงดงาม


10. เก็บความรู้เรื่อง "โลกร้อน" ก่อนกลับบ้าน ที่สวน TOYOTA เป็นหนึ่งในสวนที่ป่าวประกาศเรื่อง "โลกร้อน" ออกมาอย่างแจ่มชัด




ค่ายรถยนต์แห่งนี้พยายามรณรงค์เรื่อง "4 ลด 4 เพิ่ม"
ให้ทุกคนและทุกหน่วยงานช่วยกันลดภาวะโลกร้อน นั่นคือ
ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ลดการใช้พลังงาน ลดการใช้น้ำ ลดปริมาณขยะ
เพิ่มพื้นที่สีเขียวในที่ทำงาน เพิ่มความพึงพอใจให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้อง
เพิ่มโอกาสในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมให้แก่พนักงาน
และเพิ่มเครือข่ายในการทำความดีเพื่อสังคม แนวคิดนี้กลายมาเป็นสวน TOYOTA
ซึ่งแบ่งเป็นส่วนต่างๆ เช่น ส่วนเสียงบ่นพึมพึมจากธรรมชาติ
จะใช้ต้นไม้และแมลงกระซิบบอกปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ส่วน 4 ลด 4 เพิ่ม
จะแสดงถึงกิจกรรมที่เราทำได้เพื่อรักษาโลก
แต่ไฮไลท์ของสวนอยู่ที่ภาพยนตร์สั้น 3D เรื่อง บันทึกพลิกวิกฤตโลก
ที่นำเสนอผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
โดยให้ผู้ชมใส่แว่นสามมิติชมภาพทะลุจอให้ความรู้สึกสุดสมจริงกันเลยทีเดียว


มหกรรมพืชสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ที่ จ. เชียงใหม่ เปิดให้เข้าชมแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2555 อย่าลืมหาโอกาสแวะไปชมกันให้ได้นะ




 

Create Date : 19 มกราคม 2555    
Last Update : 19 มกราคม 2555 10:07:36 น.
Counter : 4213 Pageviews.  

ตามไปดูทั่วไทย (ลำพูน) 16 มกราคม 2555






ตามไปดูทั่วไทย (ลำพูน) 16 มกราคม 2555

วันนี้จะพาไปที่จังหวัด ลำพูน...เมืองบุญแห่งล้านนา
ไปดูกันว่าจังหวัด ลำพูนมีอะไรเด่นบ้าง
และไปดูวิถีชีวิตของชาวจังหวัดลำพูนว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร
ไปดูสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดลำพูนกันเลย
ช่วงตามกระแส อยู่กับแจ็ค จะพาไปรู้ทัน...แฟชั้นในปี 2012
ว่าปีนี้จะมีทิศทางไปทางไหน เราจะมาพูดคุยกับ คุณอาร์ท เจ้าของร้าน
Qillstyle เรื่องนิยามของแฟชั้น โลก

ตามไปดูทั่วไทย (ลำพูน) 16 มกราคม 2555




ตามไปดูทั่วไทย (ลำพูน) 16 มกราคม 2555 part 2/3







ตามไปดูทั่วไทย (ลำพูน) 16 มกราคม 2555 part 3/3






 

Create Date : 18 มกราคม 2555    
Last Update : 18 มกราคม 2555 7:35:39 น.
Counter : 1476 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.