ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 




 

ผาหินและสายหมอก ภูหินลาดช่อฟ้า


ภูหินลาดช่อฟ้า ตั้งอยู่ที่ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นเขาหินสูงสลับซับซ้อนมีช่องทางเดินในเขาและมีถ้ำขนาดใหญ่น้อย มากมายหลายแห่ง ในอดีตเคยเป็นปราการสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นทั้งโรงเรียนการเมือง เขตฝึกกำลังรบและกอง บัญชาการใหญ่ที่จัดส่งกำลังคนกระจายไปประจำในหลายจุด





     อีกทั้งยังมีสถูปเก็บอัฐิ ของคนที่ตายในการรบกว่า 200 ชีวิต โดยมีพิธีทำบุญอุทิศให้ผู้เสียชีวิตทุกปีในช่วงฤดูร้อน ลานฝึกใหญ่ในอดีตขณะนี้เป็นลานดูดาว มองลงไปเบื้องล่างจะเห็นอำเภอหนองวัว ซอ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ตามถ้ำต่างๆ จะพบถ้ำวิทยุ ถ้ำเวที ทับโรงพยาบาล ถ้ำสะเบียงและทับโรงแรมสำหรับสหายชายหญิงที่แต่งงานใหม่ไปฮันนีมูน





     การเดินทาง โดยใช้ทางหลวงหมาย เลข 210 (หนองบัวลำภู-อุดรธานี) ออกจากตัวเมืองหนองบัวลำภู ไปทางจังหวัดอุดรธานี ประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงหมู่บ้านห้วยเดื่อ ตำบลโนนทัน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามถนนเข้าสู่ภูหินลาดช่อฟ้า ประมาณ 10 กิโลเมตร

ข้อมูลโดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลำภู
ถนนวศวงศ์ ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู 39000
โทรศัพท์/แฟกซ์ : 0-4231-2871 e-mail : nppao@nppao.com

ข้อมูลภาพโดย : กลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร  สำนักงานจังหวัดหนองบัวลำภู  ศาลากลางจังหวัด(ชั้น4) โทร.0-4231-2786  มท.47342 , 47344     E-Mail : nongbualamphu@moi.go.th




Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2554 21:44:04 น.
Counter : 3211 Pageviews.  

เสน่ห์แห่งศิลา ณ พิพิธภัณฑ์หินแปลก

ณ จุดหนึ่งบนชายขอบด้านทิศเหนือของกรุงเทพเมืองฟ้าอมร เป็นที่ตั้งของอาคารสีขาวชั้นเดียวอันมีสภาพใหม่หมาดๆ สะอาดตาในขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก แต่สิ่งของที่อยู่ภายในจะทำให้ความประหลาดใจของเราพองโตจนคับห้อง


     ด้วยความน่าอัศจรรย์ใจของหินรูปทรงประหลาดที่ตั้งเรียงก้อนกันเป็นแนวจนเต็ม อยู่ในพื้นที่นั้น บ้าง ก็อยู่ในตู้กระจก บ้างก็ตั้งอยู่ด้านนอกท้าทายการแตะต้องลูบคลำของนักท่องเที่ยวมือซนที่เห็น ด้วยตาเพียงอย่างเดียวก็ยังไม่พอ ต้องขอสัมผัสตัวเป็นๆ ด้วยจึงจะครบอรรถรส ซึ่งการทำอย่างนั้นก็จะยิ่งให้ความงามของหินเหล่านี้ด้อยลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นแล้วควรที่จะดูแต่ตาและใช้แค่กล้องถ่ายภาพเท่านั้น โปรดอย่าเอามือไปแตะสัมผัสมันเลย...

     หินรูปทรงแปลกประหลาดที่จัดแสดงอยู่ภายในห้องนี้ล้วนแล้วแต่มีรูปทรงที่ชวนเปิด จินตนาการเป็นอย่างยิ่ง มองมุมหนึ่งก็เป็นเป็นสิ่งหนึ่ง แต่พอเปลี่ยนมุมอื่นดูบ้าง ก็กลับกลายเป็นอีกรูปทรงหนึ่งไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ บางก้อนก็ดูคล้ายกับสัตว์ชนิดต่างๆ ที่กำลังอยู่ในอิริยาบทนานาจนแทบไม่น่าเชื่อว่ามันคือก้อนหินที่เกิดจาก ฝีมือของธรรมชาติจริงๆ

     สิ่งหนึ่งที่นับเป็นเสน่ห์อย่างรุนแรงสำหรับหินประหลาดเหล่านี้ก็คือ “วิธีการตั้งชื่อหินแต่ละก้อน” ซึ่งเปี่ยมไปด้วยจินตนาการชี้นำ ส่งผลให้หินแต่ละก้อนมีบุคคลิกที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น คิดตามและตีความหมายได้มากยิ่งขึ้น

     และที่สุดยอดเหนืออื่นใดก็คือการตั้งชื่อหินแต่ละก้อนนั้นแฝงด้วยคติสอนใจลึก ซึ้งที่อาจจะไปสะดุดอยู่ในความคิดของใครหลายคนและชื่อของหินทุกก้อนนั้น เจ้าของผู้ครอบครองเป็นผู้คิดเองทั้งหมด โดยจะตั้งชื่อเริ่มต้นเป็นภาษาจีน ในอารมณ์แบบปราชญ์แห่งแผ่นดินใหญ่และไหว้วานให้เพื่อนฝูงที่รู้จักกันช่วย ตั้งเป็นภาษาไทยและอังกฤษให้ในความหมายเดียวกัน


     คุณบรรยง เลิศนิมิตร ผู้หลงไหลในรูปทรงของหินประหลาดและเก็บสะสมมันมาทั้งชีวิตได้เล่าให้เราได้ ฟังว่า เดิมทีพิพิธภัณฑ์หินแปลกตั้งอยู่แถวๆ บางรัก ซึ่งก็เป็นเพียงแค่ห้องแถวขนาดไม่ใหญ่มากนัก เป็นเพราะความที่ชื่นชมประทับใจนับตั้งแต่ได้ไปเที่ยวชมงาน เกี่ยวกับหินและบอนไซตั้งแต่เมื่อกว่า 10 ปีก่อน

     ความประทับใจในรูปทรงเชิงศิลปะและความรู้ทางธรณีวิทยาที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะเผื่อแผ่แบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีให้แก่ผู้สนใจ อื่นๆ ได้ชมบ้าง ในที่สุดแล้วก็ได้ตัดสินใจเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์หินแปลกบนถนนเจริญกรุงเมื่อวัน ที่ 21 ธ.ค. 2542 ซึ่งก็ไม่จัดว่ามีนักท่องเที่ยวเข้าชมมากมายเท่าไหร่นัก เหตุก็เพราะปัญหาทางด้านการเดินทางและสถานที่จอดรถซึ่งไม่ค่อยสะดวกกับการ เดินทางเข้ามาชมสักเท่าไหร่

     ที่สุดแล้วก็ได้ตัดสินใจย้ายพิพิธภัณฑ์มาตั้งอยู่ที่ปทุม-ธานีเมื่อสักปีเศษๆ ที่ผ่านมา ซึ่งเหมาะสมมาก ทั้งในแง่ของการเดินทางและมีที่จอดรถกว้างขวางเป็นของตนเอง สามารถรองรับคณะนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ๆที่เดินทางมาด้วยรถทัวร์ได้สบาย

     หิน ที่จัดแสดงนั้นมีทั้งที่มาจากต่างประเทศและภายในประเทศ มีตั้งแต่ หินตะกอน หินแร่ หินหยก หินย้อย ฯลฯ ไปจนถึงหินที่หาดูได้ยากอย่างประเภทฟอสซิล ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีให้ดูอยู่ไม่กี่แห่งนักในบ้านเรา และยิ่งประเภทถึงเนื้อถึงตัวกันได้อย่างที่นี่จะมีสักกี่ที่


     หินบางก้อนนั้นมีลักษณะที่ประหลาดจนไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเหมือนกับอะไร?แต่ หินที่ถือว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่สุดของที่นี่ก็คือหินที่ตั้งชื่อว่า “สุดแสนดีใจที่ได้พบ” ซึ่งเป็นหินตะกอนเจือด้วยแคลไซด์ ลักษณะและรูปร่างตลอดจนเส้นสีขาวบนพื้นดำนั้น ดูคล้ายกับนกเพนกวินสองตัวกำลังจุ๊บกัน ดูแล้วมีลักษณะเหมือนมีความยินดีที่ได้พบกันจริงๆ

     พิธภัณฑ์หินแปลก ตั้งอยู่บนถนนสายรังสิต-ปทุมธานี ตั้งต้นจากฟิวเจอร์ปาร์ครังสิตใช้เส้นทางไปปทุมธานี ข้ามสะพานข้ามทางรถไฟและข้ามสามแยก วิ่งตรงไปเจอสี่แยกไฟแดง จากนั้นลอดใต้ทางด่วนแล้วจะข้ามคลองประปา หากมาจากทางด่วนบางปะอิน ให้ลงที่ช่องทางศรีสมานแล้วเลี้ยวซ้ายไปปทุมฯ จะเจอสะพานข้ามคลองประปา เมื่อถึงตรงนี้ให้ชะลอชิดซ้าย เพราะเป็นช่วงโค้ง จะเห็นร้านอาหาร “ครัวโชคดี” และป้ายบอกทางเข้าพิพิธภัณฑ์อยู่ตรงนั้น ก็เลี้ยวซ้ายเข้ามาได้เลย

ข้อมูลโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
1600 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ : 662 250 5500 ต่อ 1336, 1337
ศูนย์บริการข่าวสารการท่องเที่ยว ททท. 1672
เว็บไซต์ : //www.TIEWPAKKLANG.COM






 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2554 21:59:10 น.
Counter : 2270 Pageviews.  

แสงแห่งศรัทธา ณ วัดเล่งเน่ยยี่ 2

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดจีนที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย มีพื้นที่ราวๆ 12 ไร่เศษ จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี (ในปีพ.ศ. 2539)


     ที่ตั้งอย่างเป็นทางการก็คือ เลขที่ 75 หมู่ 4 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ไม่ใกล้ไม่ไกล จากกรุงเทพ ไม่ว่าจะขับรถหรือนั่งรถก็สบายๆ แค่ 1 เพลิน ไม่มีใครคาดคิดว่า แต่เดิมทีที่ตรงนี้เป็นเพียงแค่โรงเจขนาดเล็กซึ่งมีพื้นที่แค่ 2 ไร่อันเป็นสถานที่ซึ่งชาวบางบัวทองให้ความเคารพนับถือมาก

     แต่ด้วยแนวคิดของวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) จากมติของคณะสงฆ์นิกายจีนแห่งประเทศไทยที่ดำริจะสร้างวัดจีนขึ้น จึงได้มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับ “เจ้าคุณเย็นเซี้ยว” (พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์) ได้ทำหน้าที่เป็นประธานที่ปรึกษาการจัดสร้างฝ่ายสงฆ์ ในการนี้ได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาได้มีโอกาสร่วมบุญในการจัด สร้างวัดแห่งนี้ด้วย

     พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์นิกายจีนรังสรรค์” โดยมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ของวัด





     วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 12 ปี (พ.ศ. 2539-2551) ก่อนที่ความยิ่งใหญ่อลังการและศิลปะความงดงามทางจิตวิญาณแห่งนี้จะปรากฏแก่ สายตาชาวโลกดังที่เราได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เวลาทำการที่เปิดให้บุคคลภายนอกได้เข้าสู่บริเวณวัดคือตั้งแต่ 8.00 น. เป็นต้นไป (แต่หก-เจ็ดโมงก็เข้าได้แล้วล่ะ)จนถึงห้าโมงเย็นในวันธรรมดา และถึงหกโมงเย็นในวันเสาร์-อาทิตย์

     บริเวณโดยรอบของวัดมีการจัดเคลียร์พื้นที่จอดรถอย่างกว้างขวางทั้งสองด้าน แต่ถึงกระนั้นเราก็คิดว่าคงยังไม่พอ เพราะเหลือบไปเห็นป้ายบอกทางไปที่จอดรถของวัดจุดที่ 3 ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลออกไป นั่นยืนยันถึงจำนวนผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาถึงวัดแห่งนี้ในโอกาสสำคัญได้ เป็นอย่างดี

     วัดเล่งเน่ยยี่ 2 หันหน้าไปทางทิศใต้ ตั้งอยู่ในทิศขวางตะวัน ดังนั้นเราจึงสามารถถ่ายภาพได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกโดยมีมหา วิหารเป็นฉากหน้า...นี่คือข้อมูลการถ่ายภาพที่สำคัญของสถานที่แห่งนี้ หลังซุ้มประตูนั้นเรียงรายด้วยหุ่นศิลา “จับโป่ยหล่อหั่ง” หรือ 18 อรหันต์ รูปสลักลอยตัวแบบที่แกะจากหินทั้งก้อนอันแสดงถึงฝีมือในการสลักหินอย่าง ชัดเจน


     หากไปแล้วอย่าลืมสังเกตที่ฐานล่างของหุ่นเหล่านี้ จะเห็นได้ทันทีว่ามีที่มาจากหินทั้งก้อนจริงๆวิหารหลังแรกที่ขึ้นไปถึงนั้น คือ “วิหารจตุโลกบาล” ซึ่งเต็มไปด้วยรูปเคารพของพระอรหันต์และพระโพธิสัตว์รวมทั้งเทพเจ้าตามคติ ความเชื่อแบบจีนสีทองอร่ามตา เป็นจุดแรกที่มีคนนิยมไหว้ขอพรกันมาก

     วิหารขนาดย่อมลงมาที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านก็คือ “หอกลอง” และ “หอระฆัง” ขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งมีการใช้งานจริงในฐานะที่เป็นเครื่องมือส่งสัญญาณในวาระต่างๆ ของวัดแต่ละช่วงเวลาในหนึ่งวัน ถัดจากนั้นเพียงบันไดหินอีกไม่กี่ขั้น ก็คือมหาวิหารใหญ่ซึ่งเป็นพระอุโบสถของวัดภายในมีพระประธานสีทองขนาดใหญ่ อยู่สามองค์คือ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน), พระอมิตาภพุทธเจ้าและ พระไภษชยคุรุไวฑูรยพุทธเจ้า ซึ่งมีความสูงจากวัชรบัลลังก์ถึงยอดพระเกศา 4.02 เมตร กว้างถึง 3.08 เมตร และด้านบนเพดานของมหาวิหารนี้ก็ยังตกแต่งลวดลายและสีสันอย่างงดงามอร่ามตา ตามแบบฉบับของอารยะธรรมจีน

     อาคารขนาดใหญ่อีกแห่งที่อยู่ด้านหลังก็มีความสำคัญไม่แพ้กันนั่นคือ “วิหารพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์” เป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์กวนอิม ปางพันตาพันมือ ซึ่งแกะสลักจากไม้เนื้อหอมส่งตรงจากประเทศจีนมีความงดงามและน่าศรัทธาเป็นอย่างมากความเพลิดเพลินโดยรอบวัดนั้นเกิดจาก การสรรหามุมมองในการถ่ายภาพ สำหรับผู้ที่อยากจะฝึกวิทยายุทธทางด้านการจัดองค์ประกอบภาพแล้ว

     ขอแนะนำให้เดินทางมาที่นี่ บอกตามตรงว่าอาจจะดูเหมือนง่าย แต่ถ้าจะถ่ายภาพให้ออกมาได้ดีนั้นไม่ง่ายเลย เพราะเส้นสายต่างๆ ของตัวอาคารนั้นมีค่อนข้างมาก แถมด้วยสีสันสะดุดตาในแทบทุกจุด และสำคัญที่สุดก็คือไม่มีระยะห่างของแต่ละอาคารมากนัก ดังนั้นจึงต้องใช้ฝีมือในการมองหามุมและจัดวางองค์ประกอบให้กับกรอบสี่ เหลี่ยมกันแบบ “เต็มที่”

     ที่นี่ไม่ได้ห้ามทั้งขาตั้งกล้องและแฟลช แต่การใช้แสงแฟลชร่วมกับงานศิลปะนั้นอาจจะต้องพิจารณาให้ดี เผลอๆ อาจจะโดนสายตาประณามเงียบจากคนรอบข้างก็เป็นได้ ดังนั้นทางที่ดีก็คืออย่าใช้ดีกว่า พึ่งแสงธรรมชาติล้วนๆ โดยหมุนหามุมที่เหมาะก็ดูท้าทายดีเหมือนกัน

ข้อมูลโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
1600 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ : 662 250 5500 ต่อ 1336, 1337
ศูนย์บริการข่าวสารการท่องเที่ยว ททท. 1672
เว็บไซต์ : WWW.TIEWPAKKLANG.COM






 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2554 21:00:29 น.
Counter : 2565 Pageviews.  

ไทยขึ้นอันดับ 6 ดินแดนที่มีความโรแมนติก

เกาะช้าง



เวนิซ



ฝรั่งเศส



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก lofttravel.com

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีการสำรวจดินแดนที่โรแมนติกที่สุดในโลก จากเว็บไซต์ สกายสแกนเนอร์ (Skyscanner) เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยดินแดนที่ขึ้นชื่อว่าโรแมนติกที่สุดของโลกได้แก่ ประเทศอิตาลี ซึ่งมีคะแนนเสียง ถึง 1 ใน 3 จากผู้ลงคะแนนเสียงจำนวน 1,000 คน เลยทีเดียว ขณะที่ประเทศไทยได้อันดับที่ 6

ผลการสำรวจดินแดนที่มีความโรแมนติกที่สุดในโลก 10 อันดับ มีดังนี้


1. ประเทศอิตาลี 33%
2. ประเทศฝรั่งเศส 19%
3. หมู่เกาะคาริเบียน 9%
4. ประเทศสเปน 4%
5. ประเทศกรีซ 4%
6. ประเทศไทย 3%
7. ประเทศสหราชอาณาจักร 3%
8. ประเทศแอฟริกาใต้ 2%
9. ประเทศออสเตรีย 2%
10. ประเทศโครเอเชีย 2%


สำหรับผลสำรวจสถานที่ที่โรแมนติกที่สุดในโลก สำหรับการขอแต่งงาน 5 อันดับ มีดังนี้

อันดับที่ 1 ตกเป็นของประเทศอิตาลี ในบรรยากาศการขอแต่งงานบนเรือกอนโดลากลางแม่น้ำในนครเวนิซ
อันดับที่ 2 ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส ที่หอไอเฟล ในกรุงปารีส ของประเทศฝรั่งเศส
อันดับที่ 3 ได้แก่ การขอแต่งงานในบริเวณบันไดสเปน ที่กรุงโรมของประเทศอิตาลี
อันดับที่ 4 ได้แก่ การขอแต่งงานใน ค่ายพักแรมใต้แสงดาวในประเทศสกอตแลนด์
อันดับที่ 5 ได้แก่ การขอแต่งงานบนตึกเอ็มไพร์เสตท ซึ่งตึกสูงระฟ้าอยู่บนเกาะแมนฮัตตัน หน้านครนิวยอร์คของสหรัฐอเมริกา




 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2554 22:37:38 น.
Counter : 1648 Pageviews.  

100 ที่บอกรัก (ภาคใต้)



สรรหาสถาน ที่เหมาะๆ ซึ่งครบด้วยฉากสวยงามพร้อมบรรยากาศชวนให้อภิรมย์ ถือโอกาสตอนไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน ไม่ก็ไปกับครอบครัวของคุณหรือเธอ

เลือกช่วงเวลาที่เป็นใจ ก่อนจะบอกคำรักตามความรู้สึก ณ ขณะนั้น


73. เขื่อนรัชชประภา หากอยากบอกรักท่ามกลางธรรมชาติสุดโรแมนติก ล่องเรือชมเขื่อนกว้างใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมของภูผาแต้มด้วยฟุ้งหมอกราวกับ เมืองในฝัน เชื่อได้ว่าต้องประทับใจอย่างสุดซึ้งกับสายลมและสายน้ำเย็นชื่นใจ รอให้เรือหยุดลงตรงจุดที่เห็นเวิ้งเขาสลับสล้าง นั่นคือเวลากระซิบรักให้เธอรู้ (สุราษฎร์ธานี)

74. อุทยานแห่งชาติเขาสก สีเขียวขจีของมวลไม้ ทิวหมอกที่พาดผ่านเทือกเขาหินปูน และผืนน้ำใสราวมรกต เป็นความงามที่ยากจะหาสิ่งใดเปรียบ สถานที่เช่นนี้เหมาะกับคู่รักที่อยากมาดื่มด่ำธรรมชาติใสพิสุทธิ์ เที่ยวน้ำตก ชมพันธุ์ไม้หายากอย่างบัวผุด พร้อมพิสูจน์ความรู้สึกของคนข้างกายที่จะอยู่เคียงคู่ในวันข้างหน้า (สุราษฎร์ธานี)

75. หินตาหินยาย ธรรมชาติมักจะสร้างสรรค์สิ่งพิเศษชวนพิศวง เช่นงานศิลป์ที่เป็นตำนานแห่งเกาะสมุยนี้ คือความอัศจรรย์ใจสำหรับทุกคนที่ได้เห็น นอกจากจะมองเป็นศิลปะแล้ว ยังอาจคิดให้ลึกซึ้งถึงเรื่องของปรัชญาการกำเนิดและดำรงอยู่แห่งมวลมนุษย์ เฉกเช่นการเริ่มต้นและดำรงอยู่แห่งความรักของคุณ (เกาะสมุย)

76. Fisherman’s Village แวด ล้อมของหมู่บ้านชาวเลได้ถูกเติมแต่งให้มีแสงสีและชีวิตชีวาน่าค้นหา ด้วยร้านอาหารริมทะเลในบรรยากาศโรแมนติกซึ่งกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของอ่าวบ่อ ผุด อวลไอความละไมของทัศนียภาพผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น ควรอย่างยิ่งที่จะได้รับเลือกเป็นที่บอกรักครั้งนี้ (เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี)

77. Ocean 11 : The Official Beach Restaurant อาจเป็นอารมณ์ของร้านที่มีรูปแบบศาลาไทยทรงประยุกต์ ดูเรียบง่ายทว่าทันสมัย ในบรรยากาศท้องทะเลแสนโรแมนติก ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Ocean’s Eleven ที่มีความเท่อยู่ในตัว แม้เป็นเรื่องอาชญากรรมแต่ก็แฝงเร้นเรื่องความรักเอาไว้ (เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี)

78. The Five Islands ยามเมื่อแสงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า คือบรรยากาศแสนหวานที่คู่รักไม่ควรพลาด ชมแสงสุดท้ายของวันที่มีเกาะสี่-เกาะห้าที่ถูกย้อมด้วยสีส้มทองเป็นฉากหลัง พร้อมลิ้มรสอาหารแสนอร่อยในสายลมทะเล รับรองว่าคำรักจะดังก้องในหัวใจไม่แพ้เสียงคลื่นแน่นอน (เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี)

79. จามจุรีวิลล่า เกาะเต่า ชวนคนรักมาดินเนอร์ใต้แสงเทียน ยิ่งได้มานั่งชมวิวยามค่ำคืน รับลมทะเลที่ห้องอาหารริมผาอย่าง Chaba & Starlight Restaurant ก็ยิ่งทำให้ค่ำคืนของคุณมีความสุขยิ่งขึ้น เพลิดเพลินกับรสอาหาร พลางสบตาหวานซึ้งผ่านแสงเทียนวิบวับ แล้วเอื้อนเอ่ยถ้อยคำหวานจับใจ (เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี)

80. หาดบ่อผุด แม้จะไม่สวยเท่าหาดอื่นบนเกาะสมุย แต่มีดีที่ความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว หาเวลาอยู่สองคนท่ามกลางเสียงคลื่นซัดสาด ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ลับฟ้า และดวงจันทร์เริ่มส่องแสง แค่เดินเกี่ยวก้อยกันชมจันทร์ นั่นคือฉากที่ใช่สำหรับเวลานี้ (เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี)

81. หมู่เกาะอ่างทอง การที่ได้ลอยเรือเข้าไปอยู่ในใจกลางหมู่เกาะใหญ่น้อยที่มาอยู่รวมกันถึง 42 เกาะ ท่ามกลางแสงทองของอาทิตย์ใกล้อัสดง ให้ความรู้สึกราวกับหลุดเข้ามาในดินแดนพิศวงอันสงบงาม แฝงไว้ด้วยความลึกลับเหมือนต้องมนตรา ผสานความอิ่มเอิบแสนสุขใจ คล้ายค้นพบสิ่งที่ใช่เหมือนกับที่ค้นพบคนที่ใช่ซึ่งอยู่ข้างกาย (หมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี)

82. ทะเลใน ดุ่มเดินขึ้นสู่เบื้องบนของเกาะแม่เกาะซึ่งเป็นเกาะใหญ่แห่งหมู่เกาะอ่างทอง ฝ่าแสงอาทิตย์สดใสที่แต้มประกายเพชรลงในท้องทะเล ไต่บันไดไม้แคบๆ ไปด้วยกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป กระทั่งถึง ยอดสูงสุด ที่ซึ่งเวิ้งทะเลสีมรกตปรากฏแก่สายตา ณ บัดนั้น คำว่ารักเธอดูจะยิ่งใหญ่กว่าห้วงสมุทร (หมู่เกาะอ่างทอง จ. สุราษฎร์ธานี)

83. อนันตรา สิเกา รีสอร์ทแอนด์สปา ขณะที่กำลังละเลียดมื้อค่ำในบรรยากาศโพล้เพล้ ณ ห้องอาหาร Acqua บนชั้นสองของอนันตรา สิเกา รีสอร์ทแอนด์สปา จะมองเห็นทะเลอันดามันอยู่เบื้องหน้า อาศัยจังหวะที่สองสายตาประสานกันเอ่ยคำว่ารักออกไป จะกลายเป็นความประทับใจไม่รู้ลืม (ตรัง)

84. ถ้ำมรกต ไกลออกไปจากชายฝั่งทะเลตรัง คือที่ตั้งของโถงถ้ำที่มีน้ำทะเลไหลผ่านจากทางเข้าที่มืดมิดไปสู่ภายในซึ่ง มีหาดทรายขนาดเล็กประดับอยู่ ตรงจุดนี้นี่เองที่จะมีลำแสงอาทิตย์ส่องผ่านช่องผาหินที่เบื้องบนสะท้อนกับ ผิวน้ำทะเล และกระทบผนังถ้ำ ทำให้เกิดเป็นสีเขียวแปลกตา บอกเธอไปเลยว่ารักของคุณที่มีให้เธองดงามลึกล้ำดั่งมรกตเช่นภาพที่เห็นอยู่ นี้ (ตรัง)

85. แหลมพรหมเทพ ภาพอาทิตย์อัสดงที่ปลายสุดของเกาะภูเก็ตมีความงามตรึงตาสมกับที่ผู้คนจาก ทั่วโลกต้องมาชมเมื่อเดินทางมายังเกาะแห่งนี้ แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือในบางฤดูกาลที่นี่นับเป็นจุดสุดท้ายที่ดวงอาทิตย์ ลับขอบฟ้าประเทศไทย นำมาอุปมาอุปมัยกับความรักได้ว่าจะหยุดรักไว้ที่เธอเป็นคนสุดท้าย (ภูเก็ต)

86. Twinpalms หาดสุรินทร์ แม้แสงแดดจะแรงร้อน แต่ทัศนียภาพเบื้องหน้าของหาดสุรินทร์ยามมองออกไปจาก Beach Bar ทำให้หลายคนต้องมนตร์เสน่ห์แห่งท้องทะเล สีฟ้าใสของน้ำทะเลตัดกับสีขาวสะอาดของร่มชายหาด มองดูน่ารักและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เหมือนรักที่สดใสเปล่งประกายของคุณ (ภูเก็ต)

87. ร้านหนังสือ 2521 เดินชมย่านเมืองเก่าบนถนนถลาง แล้วมาซึมซับความเงียบสงบแบบคลาสสิกที่ร้านหนังสือเท่ๆ ร้านนี้ ผนังแบบปูนเปลือยกับหนังสือที่วางเรียงราย และคาเฟ่เล็กๆ เป็นบรรยากาศที่คู่รักหนอนหนังสือต้องโปรดปราน ทั้งยังประทับใจได้ยิ่งกว่าที่สวยหรูอื่นใดทั้งหมดทั้งมวล (ภูเก็ต)

88. White Box บ้านสีขาวแนวโมเดิร์นที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมหาดกะหลิม มีแสงสีม่วงอ่อนแตะแต้ม ทำให้มองเหมือนกล่องใส่ความรักอันอ่อนหวานและใสบริสุทธ์ ชวนกันมาอาบแสงสวย ฟังเสียงคลื่นขับกล่อม และดื่มด่ำรสชาติอาหารแสนอร่อย ปล่อยให้สายลมช่วยนำพาคำรักให้ลอยอยู่รอบตัวคุณและเธอ (ภูเก็ต)

89. ร้านอาหารดีบุก สัมผัสกลิ่นอายย่านเมืองเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีสที่ผสานตะวันตกและตะวัน ออกอย่างลงตัว เลือกเพลิดเพลินกับบรรยากาศสบายๆ ได้หลายมุม ทั้งมุมเล็กๆ หน้าร้าน หรือสวนสวยหลังร้าน หากเป็นดินเนอร์จะได้สีสันของแสงไฟสีส้มที่เติมความโรแมนติกให้คู่รักได้ พร่ำรำพันความรู้สึกต่อกัน (ภูเก็ต)

90. อ่าวปิเละ น้ำทะเลใสสีมรกต มองเห็นหมู่ปะการังใต้ผืนน้ำได้เด่นชัด เขาหินปูนทำหน้าที่เป็นป้อมปราการอันแข็งแกร่งโอบล้อมอ่าว ยามเมื่อน้ำลด จะปรากฏหาดทรายสีขาวที่ริมผา บอกอาณาเขตให้ลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย การบอกรักที่อ่าวแห่งนี้ก็เป็นประดุจการให้คำมั่นว่าจะปกป้องทุกโมงยาม (กระบี่)

91. หมู่เกาะห้อง ผืนน้ำสีเขียวส่องกับทรายสีขาวบนหาดโค้งรูปนกบิน คือภาพความงามตรึงตาที่จะช่วยเพิ่มความหวานให้แก่ความรักของคุณ จูงมือกันเดินย่ำบนผืนทรายเนียนละเอียด พลางชมธรรมชาติงามอัศจรรย์ของลากูนแห่งนี้ แล้วจะพบว่าความรักที่ก่อเกิดในใจก็เป็นความมหัศจรรย์เช่นกัน (กระบี่)

92. สระมรกต น้ำสีเขียวอมฟ้าที่ใสราวกระจกสมดังชื่อสระมรกตที่เรียกขาน ให้คู่รักได้เพลิดเพลินไปกับความงามมหัศจรรย์ของธรรมชาติ สดชื่นฉ่ำใจกับเสียงน้ำไหล และได้ไอเย็นจากมวลไม้เขียวขจีที่โอบล้อม ชวนให้กระซิบคำหวานอย่างเบิกบานสดใส (กระบี่)

93. เกาะลันตา เลือกเรือคายักสีสดแบบสองคนพาย แล้วพากันล่องออกไปสู่น้ำทะเลอันดามันสีสวย แวะหยุดพักตรงจุดที่สายตามองว่าสวยโรแมนติกที่สุด แล้วเอ่ยคำในใจให้เสียงสะท้อนในสายลมแผ่วเบา (กระบี่)

94. อ่าวมาหยา ภาพที่เลื่องลือระบือไกลไปทั่วโลกในความงามอิ่มตาน่าหลงใหล ยังคงความคลาสสิกอยู่ไม่จืดจาง ผืนทรายขาวเนียนที่แนบข้างทะเลสีมรกตเย้ายวนให้อยากสัมผัส ยิ่งหากคนข้างกายคือใครที่หมายปองเป็นพิเศษ การนั่งบนผืนทรายในน้ำทะเลใสเคียงคู่กันเป็นความรู้สึกดื่มด่ำฉ่ำเย็นเกิน บรรยาย (กระบี่)

95. ท่าปอมคลองสองน้ำ เดินเคียงคู่จูงมือกันไปบนสะพานไม้ในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าพรุที่หล่อเลี้ยงด้วยน้ำสีเขียวใส รายล้อมด้วยรากไม้รูปทรงคดเคี้ยวงามแปลกตา เมื่อคำรักถูกเอ่ยออกมา คำคำนั้นจะฟังลึกซึ้งเหมือนเสียงกระซิบจากราวไพร (กระบี่)

96. อ่าวนาง ที่สุดของทัศนียภาพผาหินปูนบนหาดทรายงามล้ำ เห็นจะเป็นที่อ่าวนางแห่งนี้ ท้องทะเลกว้างสีครามสดใสขับให้ผาหินสีน้ำตาลเข้มดูโดดเด่นเป็นสง่า มองเหมือนสถาปัตยกรรมชิ้นเลิศที่ธรรมชาตินำมาจัดแสดง เปรียบได้กับรักที่มั่นคงแข็งแกร่งดุจหินผาย่อมเป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวทุก คน (กระบี่)

97. อ่าวพระนาง บนอ่าวแห่งตำนานรักที่เล่าถึง “นาง” หญิงสาวคนงามแห่งท้องทะเลกระบี่ได้กลายเป็นหม้ายขันหมาก เพราะแรงริษยาของพญานาค ชวนให้ถ่ายทอดเรื่องราวท่ามกลางทัศนียภาพงามสงบ โดยย้ำให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจเช่นนั้นแน่นอน ว่าแล้วก็มอบ Sunset Kiss เป็นจุมพิตมัดใจระหว่างอาทิตย์อัสดงที่ริมหาด (กระบี่)

98. เขากาโรส มีจุดเด่นที่เทือกเขาหินปูนสูงตระหง่านประดับด้วยพันธุ์ไม้เขียวขจีรายรอบ ชมความงามทั่วบริเวณเขากาโรสด้วยเรือหัวโทงที่จะพาสัมผัสทุกซอกมุมอย่างใกล้ ชิด จับจังหวะช่วงที่ลอดถ้ำเข้าไปชมความงามในเทือกเขา สะกิดเธอให้หันกลับไปมองด้านหลังที่ช่องว่างระหว่างหินผามีรูปร่างเป็นรูป หัวใจ บอกแทนความนัยว่านี่คือหัวใจที่มอบให้เธอ (กระบี่)

99. หมู่เกาะสิมิลัน หินรูปเรือใบที่เกาะแปดเป็นดั่งสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแห่งนี้ ทั้งยังเป็นจุดชมวิวที่มองเห็นทิวทัศน์หาดทรายได้สวยงามมาก บอกเธอสิว่าคุณจะพาเธอล่องเรือใบแห่งรักสู่โลกที่งดงาม (พังงา)

100. หมู่เกาะสุรินทร์ แดนสวรรค์สำหรับนักดำน้ำที่พร่างพรายด้วยสีสันใต้ทะเลอันละลานตา ขณะที่ผืนทรายสีขาวบนหาดช่องขาดหรือหาดไม้งาม ได้รอเวลาแห่งค่ำคืนที่ดวงดาวนับร้อยนับพันจะออกมาอวดโฉมบนราวฟ้า ให้คู่รักได้มองแสงดาวในดวงตาของกันและกันเพื่ออวดความรู้สึกที่มี (พังงา)





 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2554 8:31:59 น.
Counter : 1644 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.