ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 

๒๙๐ - การเผชิญหน้า (ตอนที่ ๒)



“ไม่ได้การแล้ว...!”
ทันใดนั้นเอง เจ้างูยักษ์ก็เลื้อยพุ่งเข้ามาใกล้ต้นไม้ของเขาอย่างรวดเร็ว ชายนักเดินทางตัดสินใจกระโดดลงจากต้นไม้วิ่งหนีไปด้านหลัง ก่อนที่งูตัวนั้นจะเลื้อยบดต้นไม้จนกิ่งก้านหักล้มลงมาบางส่วน ตอนนี้มันเห็นรับรู้ว่าเหยื่อของมันได้วิ่งหนีออกจากต้นไม้ไปแล้ว ซึ่งมันเลื้อยตามไปอย่างรวดเร็ว ชายนักเดินทางเหลียวหลังไปมองสักพักหนึ่ง มีเพียงความมืดของป่าที่บดบังแสงจันทร์ เขาเห็นดวงตาของสัตว์ตัวนั้นยังคงเคลื่อนที่มาที่เขา
“ตายแน่คราวนี้ ๆ ...” ชายนักเดินทางร้องหอบ ๆ เขาไม่มีอาวุธอะไรที่จะสู้กับเจ้าสัตว์ตัวนั้นได้เลย

ร่างของเขาทรุดลงกองกับพื้น เพราะขาเจ้ากรรมไปสะดุดเข้ากับขอนไม้ขอนหนึ่ง ชายนักเดินทางพยายามตะเกียกตะกายตัว ให้ห่างจากที่ล้มลงมากที่สุด แต่นั่นก็ยังช้ากว่าการเคลื่อนที่ของเจ้าอสรพิษอยู่มาก มันเลื้อยอ้อมเข้ามาขวางทาง ไม่ให้เขามีทางหนีและโอบล้อมพื้นที่รอบตัวชายนักเดินทาง ด้วยลำตัวขนาดใหญ่ของมัน จากนั้นมันก็พยายามขดตัวเป็นวงกลม โดยที่มีเหยื่อมนุษย์อยู่ภายในวงล้อม

เขาไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย ทุกทิศทางรอบตัวล้วนแต่เป็นเกร็ดของสัตว์ร้าย นอกเสียจากว่า เขาจะมีปีกเพื่อบินหนีกออกไป
ตอนนี้สติสัมปัญชัญญะของชายนักเดินทางแทบกระจัดกระเจิงหายไป เพราะเหตุของความกลัวภัยที่อยู่เบื้องหน้า
ความตายตอนนี้ดูเป็นเรื่องใหญ่หลวง แม้เขาจะผ่านเหตุการณ์เกี่ยวกับความตายมามาก แต่ก็ไม่นึกเลยว่า จะมาจบชีวิตโดยการเป็นเหยื่อของสัตว์เดรัจฉานตัวนี้

เจ้างูยักษ์เริ่มใช้ลำตัวกอดรัดชายนักเดินทาง กล้ามเนื้อลำตัวที่ทรงพลังค่อย ๆ บดร่างของเขา มันชูหัวอันใหญ่ตัวขึ้นมาสูงพอ ๆ กับต้นไม้ ส่อแววตาอันน่ากลัวมาที่ชายนักเดินทาง ซึ่งตอนนี้กำลังดิ้นต่อสู้กับแรงเบียบรัดมหาศาลของมัน

“โอ้ย !.. ช่วยด้วย...” ชายนักเดินทางร้องขอความช่วยเหลือ ด้วยเสียงที่เจ็บปวดที่สุด

ในความเวทนาที่แรงกล้านั้นเอง แต่เพราะความเจ็บปวดเวทนานั้นเอง ทำให้เขาย้อนนึกไปถึงการฝึกฝนกำลังของสติ ตามที่อาจารย์เคยสอนมา คราวนั้นอาจารย์บังคับให้เขานั่งสมาธิยาวนานตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ให้ขยับเลยแม้เพียงนิดเดียว และเขาคิดว่านั่นเป็นความทรมาณมากที่สุดในชีวิต ซึ่งเทียบเท่าได้กับครั้งนี้ ทุกครั้งที่เจ็บปวดจากการนั่ง จะมีเสียงของอาจารย์อบรมเตือนใจเสมอว่า



“นั่งอยู่นาน ๆ นี่ กายมันทรมาณจากทุกข์ หรือจิตทรมาณกันแน่ ในส่วนของกายมันก็เป็นเรื่องของกายที่มีความร้อน ความเย็น ความเจ็บปวดเป็นตามธรรมชาติของมัน คนเราที่ทรมาณดิ้นรนเพราะความไม่เข้าใจเรื่องกายกับจิต คิดว่าสิ่งนั้นเป็นของอย่างเดียวกัน แยกแยะไม่ออกว่าสิ่งใดคือทุกข์ทางกายหรือทุกข์ทางจิตใจ เมื่อยามที่ประสบทุกข์กายอย่างสาหัส จวนจะเอาชีวิตไม่รอด ให้เธอจงรักษาใจเอาไว้ อย่าได้ดิ้นรนวุ่นวายไปกับกายนั้น จำไว้ว่าต่อให้เราดิ้นรนมากเพียงใด สิ่งนั้นเมื่อถึงเวลา มันก็ต้องแยกจากกันอยู่วันยังค่ำ ”


ความทุกขเวทนานั้น ทำให้ชายนักเดินทางหวนนึกถึงคำพูดของอาจารย์ เป็นผลให้สติของเขากลับคืนมาอีกครั้ง จิตใจก็นิ่งสงบลง และตั้งใจอธิษฐานเปล่งคำพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบาว่า
“ด้วยอานิสงส์ที่ข้าพเจ้ารักษาศีล เจริญเมตตา โดยความไม่เบียดเบียนมาโดยตลอดเวลาอันยาวนาน และได้ออกเดินทางเพื่อหวังจุดหมายสูงสุดคือพระนิพพาน ขอให้พ้นจากอันตรายในครั้งนี้ไปได้ด้วยเถิด ”



ด้วยอำนาจแห่งศีลบารมี และอธิษฐานบารมีนั้นเอง การไม่ประทุษร้ายต่อผู้ที่ประทุษร้าย ส่งผลให้เกิดปาฏิหารย์อย่างทันตาเห็น เจ้างูยักษ์ค่อยตัวเล็กลงเรื่อย ๆ จากขนาดตัวเท่าสองลำตาล เหลือเพียงลำตาลเดียว และค่อย ๆ ลดลงอีก เหลือขนาดเท่างูเหลือม และลดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดมีขนาดเท่างูดิน ไม่มีพิษ หรือเรี่ยวแรงที่จะรัดชายนักเดินทางได้อีกต่อไป มันค่อย ๆ เลื้อยหายเข้าไปในพงหญ้าใกล้ ๆ ด้วยอาการตกใจ พอ ๆ กับชายนักเดินทางที่ประหลาดใจ ที่สามารถรอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้มาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

บนกิ่งไม้ใกล้ ๆ นั่นเอง นกสองตัวซึ่งสังเกตุเหตุการณ์อยู่ตลอด ต่างงวยงงกับสิ่งที่ได้เห็น

“เธอเห็นอย่างที่ฉันเห็นใช่มั้ย...” นกตัวผู้พูดสะกิดนกตัวเมีย
“ใช่ มนุษย์คนนั้นรอดมาได้ แถมยังเสกให้พญางูกลายเป็นงูดินไปเสียได้ เห็นทีเราสองตัวคงไม่มีใครชนะพนันครั้งนี้เสียแล้วล่ะ...” นกตัวเมียพูดก่อนจะพากันบินหนีจากไป

-จบ-

ภัยทั้งหลายที่เราต่างประสบกันนั้น สิ่งที่ตายไปก่อนร่างกายของเราคือ สติ เพราะธรรมดาของคนทั่วไปย่อมไม่อาจแยกแยะกายและจิตได้ ทำให้หลงคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกัน ทุกข์ก็คือทุกข์เดียวกัน ทุกข์จะร้ายแรงเพียงใดก็ขอให้มีสติไว้ เช่นเดียวกับการเดินทางของชายนักเดินทางครั้งนี้ เขามีชีวิตรอดมาได้ ก็เนื่องด้วยการฝึกฝน และปฏิบัติธรรม เหมือนเช่นคำกล่าวที่ว่า ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้ที่ปฏิบัติไม่จริงจัง ธรรมก็ช่วยอย่างไม่จริงจัง เวลามีภัยแล้วไม่มีใครช่วย ก็โทษธรรม โทษพระพุทธเจ้า คิดว่าทำดีแล้วไม่ได้ดี หากแต่ก็ไม่ได้มองย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าก่อนว่าการประพฤติของตัวเองในอดีต ว่า ปฏิบัติผิดถูกมากน้อยแค่ไหน...(ครับ)





 

Create Date : 03 มีนาคม 2554    
Last Update : 28 มีนาคม 2554 8:30:50 น.
Counter : 533 Pageviews.  

1  2  3  

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.