กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
เพชรพระมหามงกุฎ
แผ่นดินทอง
รัตนโกสินทร์ ๒๒๕ ยินดีต้อนรับ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พระราชสกุล
เที่ยวเมืองพระร่วง
ตำนานวังหน้า
ความ-ทรงจำ ในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
อธิบายเรื่องธงไทย
ตำนานภาษีอากร
บันทึกรับสั่งสมเด็จฯ
สารคดีที่น่ารู้ - ม.จ.หญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
พระจอมเกล้าพระจอมปราชญ์
เทศาภิบาล
สิมอีสาน
ว่าด้วยตำนานเสภา เรื่องขุนช้างขุนแผน
ตำนานการสอบพระปริยัติธรรม
ตำนานพระแก้วมรกต
เรื่องทรงเที่ยวกลางคืน พระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
จดหมายเหตุพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวรจนถึงสวรรคต
พระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสแหลมมลายูคราว ร.ศ. ๑๐๘
พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนเสวยราชย์
พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนเสวยราชย์
ว่าด้วยประเทศสยามในจดหมายเหตุจีน
ว่าด้วยหน้าที่และพระอัธยาศัยในกรมพระราชวังบวรฯ กรุงรัตนโกสินทร์
ตำนานหนังสือพระราชพงศาวดาร
คำให้การหัวพันห้าทั้งหกในศึกฮ่อ
อำแดงเหมือน กับ นายริด
แผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง)
ว่าด้วยตำนานการเดินทางของฝรั่งมาสู่สยาม และมูลเหตุที่รับเป็นไมตรี
สำเภาเจดีย์ที่วัดยานนาวา
กรุงศรีอยุธยา ครั้งบ้านเมืองดี
ร.ศ. ๑๑๒
อธิบายเรื่องพระบาท
อธิบายตำนานรำโคม
วิจารณ์ว่าด้วยหนังสือ พราหมณศาสตร์ทวาทสพิธี
วินิจฉัยประเพณีแต่งงานอย่างโบราณ
พระราชหัตถเลขาอันเป็นมูลเหตุที่ตั้งหอพระสมุดวชิรญาณ
บรรดาศักดิ์ "เจ้าคุณ" ฝ่ายผู้หญิง
รับทูตฝรั่งครั้งกรุงรัตนโกสินทร์
ตำนานการที่ไทยเรียนภาษาอังกฤษ
ลักษณะการศึกษาของเจ้านายแต่โบราณ
คำให้การชาวอังวะ
แผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรฐมหาราช
"กรมสมเด็จ" กับ "สมเด็จกรม"
พระบรมราชาธิบายเรื่อง ตั้งกรมเจ้านาย
เปรียบนามสกุลกับชื่อแซ่
พระราชปุจฉาอันเป็นมูล "พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ"
คำให้การเฒ่าสา เรื่องหนังราชสีห์
ประกาศพระราชบัญญัติให้ใช้คำนำหน้าชื่อชนต่างๆ
ตำนานพระโกศ
ศึกเจ้าอนุเวียงจันทน์
ศึกถลาง
อธิบายเรื่องพระมหาอุปราช
เสด็จประพาสต้น ร.ศ. ๑๒๕
กำเนิดหัวเมืองในมณฑลอีสาน สรุป
กำเนิดหัวเมืองในมณฑลอีสาน ตอนที่ ๒
กำเนิดหัวเมืองในมณฑลอีสาน ตอนที่ ๑
อธิบายเรื่องวรรณยุกต์
ประกาศพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
ประกาศขนานนามพระพุทธปฏิมากรประจำรัชกาล
ตั้งเจ้าพระยานครศรีธรรมราช
ว่าด้วยมูลเหตุแห่งการสร้างวัดในประเทศสยาม
เหตุเกิดเมื่อศักราช ๙๐๗ พระเทียรราชาได้ราชสมบัติ
เสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน มณฑลอุดร ตอนที่ ๑
เสด็จตรวจราชการมณฑลอีสาน มณฑลอุดร ตอนที่ ๒
เมื่อแผ่นดินทรงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒ พระองค์
ว่าด้วยลักษณะการปกครองประเทศสยามแต่โบราณ
เสด็จประพาสต้น ร.ศ. ๑๒๓
พระราชมรดกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ตำหนักทองที่วัดไทร
ด่านพระเจดีย์สามองค์
๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้
โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
สร้างพระบรมรูปทรงม้า
สมเด็จพระปิยมหาราช
อั้งยี่
ตำนานเงินตรา
ตำนานอากรบ่อนเบี้ยและหวย
แผ่นดินพระร่วง
จดหมายเหตุเสด็จหว้ากอ ปีมะโรงสัมฤทธิศก
แรกมีอนามัยในเมืองไทย
แรกมีโรงพยาบาลในเมืองไทย - ศิริราชพยาบาล
พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน
พงศาวดารเมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองลำพูนไชย
แผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
แผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช
แผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ
แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
ภูมิสถานกรุงศรีอยุธยา
ตำนานกรุงศรีอยุธยา
ศึกคราวตีเมืองพม่า
ศึกเมืองทวาย
ศึกพม่าที่นครลำปางและป่าซาง
ศึกพม่าที่ท่าดินแดง
ศึกหินดาดลาดหญ้า
ค้นเมืองโบราณ
ว่าด้วยตำนานสามก๊ก
ธรรมเนียมราชตระกูลในกรุงสยาม
พระราชกรัณยานุสรณ์
หนังสือหอหลวง
ว่าด้วยยศเจ้านาย
คำให้การเฒ่าสา เรื่องหนังราชสีห์
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ประทับนั่งในเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ บนพระที่นั่งกง
ประทับนั่งผินพระพักตร์ทอดพระเนตร ออกไปทางปากอ่าวไทย จ. สมุทรปราการ
คัดจากประชุมพงศาวดารภาคที่ ๗
(คำนำในสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ)
(๒) คำให้การเฒ่าสา เรื่องหนังราชสีห์นั้น คือเมื่อปีระกา จุลศักราช ๑๑๗๕ พ.ศ. ๒๓๕๖ ในรัชกาลที่ ๒ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์กับนายฤทธิณรงค์ กราบทูลว่าหญิงม่ายคนหนึ่งชื่อเฒ่าสาอยู่ที่ริมวัดปากน้ำในคลองบางหลวง มีหนังประหลาดผืนหนึ่ง ว่าเป็นหนังราชสีห์ของพระเจ้าเอกทัศ พระที่นั่งสุริยามรินทร์ นายอูสามีของเฒ่าสาได้มาเมื่อกรุงเก่าเสียแก่พม่าข้าศึก จึงโปรดให้เรียกเฒ่าสามาถามคำให้การ คำให้การนี้เป็นแต่เรื่องแปลกประหลาด ข้าพเจ้าได้ทำคำอธิบายเฉพาะเรื่องพิมพ์ไว้ข้างท้ายคำให้การนั้นแล้ว
......................................................................................................................................................
คำให้การเฒ่าสา เรื่องหนังราชสีห์
ข้าพระพุทธเจ้า เฒ่าสา อายุได้ ๘๕ ปี ให้การว่า เดิมเมื่อครั้งพระที่นั่งสุริยามรินทร์ ข้าพระพุทธเจ้าอยู่กับนายอูผัวข้าพระพุทธเจ้า ณ ป่าทองในกรุงเก่า ผัวข้าพระพุทธเจ้าเป็นขุนหมื่นอยู่ในกรมรักษาพระองค์ ครั้งพม่าล้อมเมืองเอาไฟเผาเมือง ผัวข้าพระพุทธเจ้ากับข้าพระพุทธเจ้าเข้าไปอยู่ในพระราชวัง ที่นั่งสุริยามรินทร์กับพระเจ้าลูกเธอเจ้าชาย ๓ เจ้าหญิง ๑ สี่พระองค์ ข้าพระพุทธเจ้าจำพระนามหาได้ไม่ เสด็จออกมา ข้าพระพุทธเจ้ากับผัวข้าพระพุทธเจ้าก็ตามเสด็จออกมาด้วย
ครั้นถึงประตูดิน ผัวข้าพระพุทธเจ้าจึงส่งหนังอันนี้ให้ข้าพระพุทธเจ้า เห็นกระดาษห่ออยู่ข้างนอกหลายชั้น ผัวข้าพระพุทธเจ้าบอกข้าพระพุทธเจ้าว่า เมื่อเสด็จพระดำเนินออกจากปราสาทนั้น ที่นั่งสุริยามรินทร์ส่งหนังอันนี้ให้ แล้วตรัสว่า หนังราชสีห์นี้เก็บไว้ให้ดีอย่าให้พม่าเอาไปได้ ข้าพระพุทธเจ้าก็รับหนังราชสีห์อันนี้ห่อผ้าซ่อนไว้กับตัวข้าพระพุทธเจ้า ผัวข้าพระพุทธเจ้าจึงเอาบาตรเหล็กซึ่งใส่เครื่องทรงไปซ่อนไว้ในกอไผ่หลังวัดหน้าพระเมรุ ผัวข้าพระพุทธเจ้าก็กลับมาถึงข้าพระพุทธเจ้า พออ้ายพม่าจับเอาที่นั่งสุริยามรินทร์ไป จึงตรัสเรียกผัวข้าพระพุทธเจ้าไปด้วย ข้าพระพุทธเจ้ากับพี่น้องข้าพระพุทธเจ้า ๕ คน หนีเข้าซ่อนอยู่ในโบสถ์วัดขุนเมืองใจ ประมาณ ๙ วัน ๑๐ วัน
ครั้นเพลาค่ำพี่น้องข้าพระพุทธเจ้าเอาเรือมารับที่ประตูดิน ข้าพระพุทธเจ้าก็พากันลงเรือหนี ลงมาอยู่กับเฒ่าอิน ณ วัดปากน้ำบางหลวง ข้าพระพุทธเจ้าจึงแก้กระดาษดู เห็นสักหลาดห่อหนังราชสีห์ ข้าพระพุทธเจ้าก็คลี่ดู เห็นแล้วข้าพระพุทธเจ้าก็ห่อเข้าไว้ดังเก่า ข้าพระพุทธเจ้าอยู่ประมาณปี ๑ พอผัวข้าพระพุทธเจ้าตามมาพบข้าพเจ้าที่วัดปากน้ำ ผัวข้าพระพุทธเจ้าถามข้าพระพุทธเจ้าว่า หนังราชสีห์ซึ่งให้ไว้ยังดีอยู่หรือ ข้าพระพุทธเจ้าบอกว่าอยู่ดีอยู่ดอก
อยู่ประมาณ ๓ ปี ๔ ปี ผัวข้าพระพุทธเจ้าศรัทธา บวชเป็นภิกษุอยู่ ณ วัดปากน้ำพอถึงแก่กรรมตาย อยู่ประมาณ ๑๑ ปี ๑๒ ปี ฝนตกรั่วถูกหีบที่ใส่ของไว้ ข้าพระพุทธเจ้าระลึกขึ้นได้จึงเปิดหีบดูของ แล้วข้าพระพุทธเจ้าจึงเอาหนังอันนี้ออกตากแดด พอสมีม่วงเดินลงมาเห็นหนังข้าพระพุทธเจ้าตากอยู่ ถามข้าพระพุทธเจ้าว่าหนังอะไรตากแดดอยู่นั้น พระพุทธเจ้าบอกว่าหนังราชสีห์ สมีม่วงจึงว่าดีแล้วข้าจะช่วยเก็บไว้ให้ แล้วข้าจะเลี้ยงยายให้ทานกินไปกว่าจะตาย ข้าพระพุทธเจ้าก็เอาหนังราชสีห์อันนี้ส่งให้แก่สมีม่วง สมีม่วงก็รับเอาไว้ประมาณ ๙ วัน ๑๐ วัน สมีม่วงหาให้ทานข้าวปลาข้าพระพุทธเจ้ากินไม่ ข้าพระพุทธเจ้าโกรธ ข้าพระพุทธเจ้าจึงทวงเอาหนังราชสีห์ของข้าพระพุทธเจ้า ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง สมีม่วงก็หาให้ข้าพุทธเจ้าไม่ ข้าพระพุทธเจ้าจึงไปต่อว่าสมีม่วง สมีม่วงก็ให้หนังอันนี้มาแก่นายสัง นายสังจึงเอามาให้ข้าพระพุทธเจ้า
ณ วัน ๖ เดือน ๘ แรม ๕ ค่ำ ปีระกาเบญจศก จุลศักราช ๑๑๗๕ (ในรัชกาลที่ ๒) เฒ่าสา เฒ่าอีน เอาหนังมา ณ เรือนนายฤทธิรณรงค์ หาพบตัวนายฤทธิไม่ มาเข้าเวรอยู่ในพระราชวัง พบแต่บิดานายฤทธิ บิดานายฤทธิจึงว่าหนังอันนี้เห็นประหลาดเกลือกจะเป็นของต้องพระราชประสงค์ เพลาเช้านายฤทธิจึงจะลงไปเอาหนังอันนี้ ขึ้นมาทูลเกล้าฯถวาย เฒ่าสา เฒ่าอีนก็พาเอาหนังอันนี้กลับไปให้พระสมุห์ดู นายสังจึงมาบอกแก่หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ก็ข้ามไปดูหนังอันนี้ เห็นประหลาดอยู่ให้งดไว้ก่อน เพลาเช้าพบนายฤทธิพร้อมกันที่วัดปากน้ำ จึงจะนำตัวข้าพระพุทธเจ้ากับหนังขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ครั้นรุ่งเช้านายฤทธิรณรงค์กับหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ไปหาข้าพระพุทธเจ้าเอาหนังกับตัวข้าพระพุทธเจ้าขึ้นทูลเกล้าฯถวาย เป็นความ(สัตย์จริงของ)ข้าพระพุทธเจ้าเท่านี้ ขอเดชะฯ
......................................................................................................................................................
อธิบายเรื่องหนังราชสีห์
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
หนังที่กล่าวในคำให้การนี้ ไม่ปรากฏว่าแล้วไปอยู่ที่ไหนต่อมา แต่ไม่ได้ใช้ในราชการ จึงเข้าใจว่าเมื่อถามคำให้การแล้ว จะไม่ทรงเชื่อถือว่าเป็นหนังราชสีห์ และไม่เชื่อคำให้การของเฒ่าสาว่าเป็นความจริงด้วย เพราะที่เรียกว่าราชสีห์นั้น แต่ก่อนมาถือกันว่ารูปร่างอย่างที่เขียนกันไว้แต่โบราณ เช่นเขียนในดวงตราพระราชสีห์เป็นต้น เห็นเป็นของไม่มีจริง หรือที่ยอมรับว่ามี คนก็เชื่อว่ามีในป่าพระหิมพานต์ อันมนุษย์จะพบเห็นได้ด้วยยาก มีเรื่องราวหนังสือพงศาวดารเหนือ ว่าขุนสิงหฬสาครไปได้หนังราชสีห์มาครั้งหนึ่ง ก็เป็นเรื่องพิลึกกึกกือน่ากลัวอันตรายมาก พ้นวิสัยที่ใครจะไปทำอย่างขุนสิงหฬสาครได้อีก คติความคิดที่มาถืออย่างประเทศอื่นว่า ไลออนหรือสิงโต นี้เองคือราชสีห์ฉะนี้ พึ่งมาปรากฏต่อเมื่อในรัชกาลที่ ๔
แต่มีความประหลาดอยู่ในเรื่องพระราชพงศาวดารว่า เมื่อในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ ที่เรียกว่าพระที่นั่งสุริยามรินทร์นั้น แขกหรือฝรั่ง ชือ อะลังกะปูนี ได้เอาสิงโตเข้ามาถวาย ถ้าหากเกิดความเชื่อถือในครั้งนั้นว่าสิงโต หรือ ไลออน เป็นอย่างเดียวกับราชสีห์ หนังราชสีห์ที่มีในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศก็เห็นจะเป็นหนังสิงโตตัวนั้นเอง แต่ที่เฒ่าสาว่าตัวไปได้มาอย่างไรนั้นเป็นคนละเรื่อง เหลือวินิจฉัย ฯ
Create Date : 27 เมษายน 2550
Last Update : 27 เมษายน 2550 9:32:41 น.
1 comments
Counter : 2938 Pageviews.
Share
Tweet
ไม่เคยอ่านเลยนะเรื่องนี้ เป็นครั้งแรกที่เห็น
ว่างๆ คงต้องไปขุดหาเรื่องในประชุมพงศาวดารอ่านกันแล้ว
เฒ่าสาหญิงม่ายอยู่ริมวัดปากน้ำในคลองบางหลวง
น่าจะเป็นวัดปากน้ำภาษีเจริญ ของหลวงพ่อสด ใช่เปล่า
โดย:
NickyNick
วันที่: 9 สิงหาคม 2550 เวลา:15:30:39 น.
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
กัมม์
Location :
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [
?
]
วิชา ความรู้จะมีค่าเมื่อถูกถ่ายทอด
Bigmommy
NickyNick
เพ็ญชมพู
kenzen
สาวใหม
กระจ้อน
คนรักน้ำมัน
Why England
naragorn
biebie999
วรณัย
เซียงยอด
แม่สลิ่ม
รอยคำ
สุธน หิญ
นอกราชการ
BFBMOM
มณีไตรรงค์
karmapolice
เมื่อไรจะหายเหงา
เจ้าชายเล็ก
รักดี
ลุงนายช่าง
nidyada
mr.cozy
กวินทรากร
Mutation
พลังชีวิต
หนุ่มรัตนะ
Webmaster - BlogGang
[Add กัมม์'s blog to your web]
เครือข่ายกาญจนาภิเษก
หอมรดกไทย
เวียงวัง
มอญ
กฎหมายไทย
ประตูสู่อีสาน
พจนานุกรมไทย-อังกฤษ
พจนานุกรมไทย-บาลี
คำไท - คำถิ่น
คนโคราช
หนังสือหายาก E - Book
ลิลิตตะเลงพ่าย
สามก๊ก
บ้านมหา (หมอลำออนไลน์)
หมากรุกไทย และหมากกระดาน
ราชกิจจานุเบกษา
สมุดภาพเมืองไทยในอดีต
พระราชวังพญาไท
พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย
ฐานข้อมูลภาพถ่าย กรมศิลปากร
ปากเซ ดอท คอม
ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้
มวยไชยา
ดำรงราชานุภาพ
พิพิธภัณฑ์ธงสยาม
ห้องสมุดพันทิป
สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า
จิตรกรรมฝาผนังวัดบุปผาราม
พิพิธภัณฑ์ศาลไทย
จิตรธานี
Wikimapia
ราชบัณฑิตยสถาน
Bloggang.com
MY VIP Friend
ว่างๆ คงต้องไปขุดหาเรื่องในประชุมพงศาวดารอ่านกันแล้ว
เฒ่าสาหญิงม่ายอยู่ริมวัดปากน้ำในคลองบางหลวง
น่าจะเป็นวัดปากน้ำภาษีเจริญ ของหลวงพ่อสด ใช่เปล่า