เชิญชวนเชียร์ให้ไปดู Surfs Up : แอนิเมชั่นแสนสนุกสุดน่ารักของปี (และ ผมฯชอบมากกว่า Ratatouille)
...ความจริงโปรแกรมเด็ดที่ผมรอดูของอาทิตย์นี้คือ หนังคาวบอยแบรดพิตต์ ที่ได้รับเสียงชื่นชมมามากมาย แต่สุดท้าย หนังก็หายไปกับสายลม เหลือเพียง
โอปปาติก ที่ดูมาแล้ว กับ
Surfs Up ที่ไม่ได้หวังอะไรกับหนังมากนัก เมื่อพิจารณาจากรายได้ของหนังที่ดูจะไม่เท่าไหร่ เช่นเดียวกับเสียงวิจารณ์ที่ออกมากลางๆไม่ได้ดีเลิศหรือย่ำแย่อะไร
แถมถ้าอ่านเรื่องย่อแล้วถอดรูปแบบการเล่าเรื่องของหนังทิ้งไป ดูแค่ หน้าหนังที่เป็น แอนิเมชั่นนกเพนกวิน กับ พล็อตเรื่องหลักๆ ก็จะพบว่า Surfs Up เป็นหนังที่เชยสิ้นดี เพราะ
1.เรามีเพนกวินมาแล้วจากสารคดี
The Emperor's Journey แถมปีก่อน เราเองก็เพิ่งมี แอนิเมชั่นเพนกวิน
Happy feet แถมเส้นทางชีวิตของตัวละครหลักก็คล้ายๆกันนั่นคือ
มัมเบิ้ล เพนกวินหนุ่ม ใน Happy feet ก็ไม่ต่างอะไรจาก โคดี้ เพนกวินหนุ่ม ใน Surfs Up สำหรับการเป็น คนที่แตกต่างในสังคม นั่นคือ เพนกวินนักเต้นในฝูงเพนกวินนักร้อง หรือ เพนกวินนักเซิร์ฟในหมู่เพนกวินทำงานประจำ
พวกเขาถูกมองอย่างดูแคลนและกลายเป็นตัวประหลาดในสายตาคนรอบข้าง เมื่อพวกเขาคิดจะเดินทางตามความฝันของตัวเอง
2.พล็อตเรื่องของ Surfs Up ราวกับถอดออกมาจากนิยายกำลังภายในของโกวเล้ง
พระเอกหนุ่มละอ่อนไร้ฝีมือตกลงจากหน้าผาจนบาดเจ็บสาหัสที่ก้นเหว ด้วยชะตาฟ้ากำหนดเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ที่ปลีกตัวจากยุทธภพ แล้วก็กลายเป็นศิษย์เอก ฝึกปรือวิชา ด้วยกระบวนท่าที่นึกว่าจะพิสดารแต่กลับเป็นท่าสามัญพื้นฐานที่นำไปสู่ วิทยายุทธชั้นเทพ
...ด้วยเหตุผลข้างต้น ผมจึงไม่ฝากความหวังอะไรไว้กับ Surfs Up มากนัก แถม สตูดิโอโซนี่ก็ไม่ใช่ชื่อที่การันตีคุณภาพได้เหมือน พิกซ่าร์ หรือ จิบลี ว่าจะมีมาตรฐานของงานออกมาใกล้เคียงกัน
แต่ ความเหนือชั้นของหนัง มาพร้อมกับ บทภาพยนตร์ที่เขียนขึ้นอย่างชาญฉลาด ผ่านการเล่าเรื่องในรูปแบบ mockumentary หรือ สารคดีจอมปลอม
(สารคดีที่สร้างขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดติดตามชีวิตของคนที่ไม่มีอยู่จริงแต่ทำเสมือนว่าตัวละครในสารคดีนั้นมีชีวิตอยู่จริงเหมือนเราๆ)ดังนั้น เมื่อหนังทำตัวเป็นเสมือนสารคดีจอมปลอม หนังก็สามารถเล่นกับความเป็นสารคดีได้อย่างสนุกเต็มที่ เช่น การตัดสลับสัมภาษณ์ผู้คนรอบตัวพระเอก , การตามติดเพื่อถ่ายทำทุกแง่มุมของแต่ละชีวิตโดยบางครั้งต้องสังเวยชีวิตตากล้อง(ไม่สยองแต่ฮา) , การล้อเลียนต่างๆนานาเช่น จาก ESPN ช่องกีฬาชื่อดัง เราจะได้เห็น SPEN ช่องกีฬาในหมู่เพนกวินที่ดัง(ไม่แพ้กัน) , ฉากรีเพลย์ในการถ่ายทอดกีฬา เช่น ฉากนักเตะยิงเข้าประตู ก็เปลี่ยนไปเป็น ฉากรีเพลย์พระเอกหล่นจากคลื่นยักษ์ ที่ทั้งน่าสงสารและขำๆ ฯลฯ
...ถึงแม้จะมีจุดเริ่มต้นเหมือน Happy feet ตรง
การเดินตามความฝันของเด็กหนุ่ม แต่ ข้อคิดของหนังเรื่องนี้ก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง มีรายละเอียดจำเพาะตัว โดยเฉพาะเมื่อหนังสื่อให้เห็นวงจรการเรียนรู้ที่แต่ละคนได้รับ ไม่ได้จำกัดเฉพาะพระเอกที่ได้อะไรๆไปเมื่อหนังจบ เพราะ ตัวละครในหนังทั้งเด็กทั้งแก่ล้วนแต่ได้รับคติสอนใจกันไปคนละอย่างสองอย่าง
โคดี้ เติบโตมากขึ้นจากการเดินทาง , บิ๊กซี หลุดพ้นบางอย่างเพราะ โคดี้ ,ไก่น้อยมอบข้อคิดดีๆในการแข่งขันว่าชัยชนะไม่สำคัญเท่ามิตรภาพและความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ฯลฯ... งานด้านภาพในหนังเรื่องนี้ คงทำให้ พิกซ่าร์ต้องหนาวๆร้อนๆ เพราะ ลายเส้นของโซนี่ เรื่องนี้ช่างเนียนตาและสวยสบายตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีฉากไหนหรือภาพไหนที่ดูแล้วขัดหูขัดตา อีกทั้ง ตัวละครของหนังก็ถูกวาดขึ้นมาให้แสดงออกทางสีหน้าและภาษากายได้อย่างมีชีวิตจิตใจ
เสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ยังอยู่ที่ เสียงพากษ์ที่เข้ากับบุคลิกตัวละครอย่างเหมาะเจาะ เสียงพระเอกตัวเก่งของเราถ่ายทอดโดย เชีย ลาเบิฟ หน้าใหม่ไฟแรงจาก Transformers และ บิ๊กซี ก็ได้ เจฟฟ์ บริดเจ็ส มามอบเสียงพากษ์ที่ดูป๋าดี ไก่น้อยได้เด็กเนิร์ด จอห์น เฮเดอร์ มาพากษ์
(เพิ่งดู Blades of Glory หนังสเก็ตน้ำแข็งฮาๆที่เขาเล่น ขอแนะนำสนุกและดีทีเดียว) ส่วนางเอกเสียงตะแง้วเป็นเสียงของ ซูอี้ เดสชาแนล ครูในฝันของพระเอกใน Bridge to Terabithia
ตัวละครหลายๆตัวในหนังเรื่องนี้มีคาแรคเตอร์ที่น่าจดจำ ส่วนผมนั้นชื่นชอบ แก๊งค์เพนกวินจิ๋วที่น่ารักกะปุ๊กลุ๊กกันมากๆ (เพนกวินรวมกันสามตัวมักจะมีทีเด็ดเสมอ เหมือนตอน Madagascar นั่นก็มีแก๊งค์เพนกวินกวนโอ๊ย) ยิ่งบทหนังขยันหยอด มุกตลกน่ารักๆ เป็นระยะๆ ซึ่งมุกตลกทั้งหลายกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ เวิร์คทั้งสิ้น ยิ่งทำให้หนังเรื่องนี้ขึ้นแท่น แอนิเมชั่นน่ารักที่สุดของปีนี้(ของผมฯ) ไปครองโดยไม่ต้องสงสัย
สรุป ... ปีนี้
Ratatouille ต้องได้สวมมงกุฎแอนิเมชั่นขั้นเทพที่ลายเส้นกินขาดหลายเรื่องๆกับเนื้อหาลึกซึ้งลุ่มลึก แต่สำหรับผม
Ratatouille ยังไม่สามารถเข้าถึงใจลึกๆเหมือนตอนดู
Meet the robinsons กับ
Surfs Up หนังแอนิเมชั่นสองเรื่องของปีนี้ที่น่าสงสารในชะตากรรมล้มคว่ำไม่เป็นท่า แต่ทั้งสองเรื่องกลับเป็นแอนิเมชั่นที่ผมชอบมาก มากเสียกว่า
Ratatouille เสียด้วยซ้ำ
เป็นหนังในตระกูลอิ่มอุ่นหัวใจอีกเรื่อง เพราะ ดูแล้วสบายใจ ยิ้มได้เรื่อยๆตลอดสองชั่วโมงโดยไม่มีช่วงน่าเบื่อหน่าย หลายๆมุกฮากลิ้ง แถมข้อคิดของหนังก็เข้าท่าเข้าทาง
สำหรับเด็กๆเล็กๆที่ไม่เก็ตการล้อเลียนรูปแบบสารคดีอาจไม่ฮามากนัก แต่แฟนๆหนังสารคดีประเภทตามติดชีวประวัติคนสำคัญๆ หรือ แฟนๆช่องกีฬา ได้มาดูหนังเรื่องนี้รับรองได้ว่ามีหลายฉากที่ฮาตรึม
Blog หนังเรื่องอื่นๆที่อ้างอิงถึงRatatouille htmlentities('< ')htmlentities('< ')บนทางเดินของความฝัน - ในสังคมแห่งอคติhtmlentities(' >')> Hairspray Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไปTransformers , โอ้ว ไมเคิล เบย์ คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆเลยBridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open แจ้งข่าวจาก จขบ. : องศาที่ 361 คงจะเลื่อนไปเป็นช่วงกลางๆถึงปลายเดือนพฤศจิกาฯ รอเจอ องศาที่ 361 ที่ร้านหนังสือใกล้บ้านท่านนะค้าบขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม
เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.phpชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิกhtmlentities(' >')> หน้าสารบัญ ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ -->
หน้าแรก รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา
คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน
คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
โดย: nanoguy 30 ตุลาคม 2550 0:49:18 น.
ส่วนแอนิเมชั่นอันดับหนึ่งในดวงใจของผมคือเรื่อง monster, inc. ครับ
โดย: Tonekid IP: 124.121.225.130 30 ตุลาคม 2550 1:32:36 น.
โดย: หนอนน้อย 30 ตุลาคม 2550 3:01:50 น.
ดูไปยิ้มไปตลอดทั้งเรื่อง
ชอบแก๊งค์เพนกวินน้อยกับเจ้าไก่มากๆ
ออกจากโรงมา ยิ้มอย่างมีความสุขจริงๆค่ะ
โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ 30 ตุลาคม 2550 10:42:24 น.
แต่ว่า...เรื่อง blades of glory นี่ต้องหามาดูเองใช่มั๊ยอ่ะครับ
อยากดูเรื่องนี้ ชอบหนังเกี่ยวกับเสก็ตน้ำแข็ง ไม่เกี่ยงแนว 666
แล้วก็เห็นว่ามีเพลง Time to say goodbye ของ Sarah Brightman คนโปรดด้วย
โดย: KajuakungWahaha 30 ตุลาคม 2550 18:02:16 น.
โดย: a IP: 58.10.84.132 2 พฤศจิกายน 2550 17:30:09 น.
โดย: บลูยอชท์ 5 พฤศจิกายน 2550 20:18:37 น.
โดย: The Start of something new 27 พฤศจิกายน 2550 7:55:07 น.
เลยชักสงสัยว่าเพราะซับไทยหรือเปล่าที่แปลไม่ดีเพราะเท่าที่ฟังดูเองหลายอย่างถ้าไม่ฟังเป็นอังกฤษจะเสียความฮาไปพอสมควร
ปล.ขอบคุณที่รีวิวว่าดีนะครับ นึกว่าผมจะเพี้ยนไปแล้วที่ดันชอบเรื่องนี้ (แต่ที่เช็คจากimdbก็คนชอบเยอะนี่หน่า)
โดย: โดนัท IP: 220.42.58.207 18 ธันวาคม 2550 13:31:07 น.
สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม
หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง
ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน
โดย: ป๋องแป๋ง IP: 124.120.0.136 24 มีนาคม 2551 17:07:19 น.