bloggang.com mainmenu search


... ปกติ หนังสั้นรวมมิตร ที่ รวบรวมผู้กำกับ มาทำหนังสั้นๆ แล้วจับมารวมกัน มักจะเป็นโปรเจคต์ที่คนสร้างค่อนข้างมั่นใจล่วงหน้าว่า ขายได้ เพราะ จุดขาย คือ การกินรวบแฟนๆล่วงหน้า มาจากหลายแหล่ง อย่าง ฝัน-หวาน-อาย-จูบ เดาว่าผู้สร้างต้องค่อนข้างยิ้มกริ่มกับจุดขายในมือที่มีทั้ง แฟนๆมาริโอ้ , แฟนๆมะเดี่ยว , แฟนๆวงออกัสต์ , แฟนๆหนังรักรุ่นเก่าๆ จาก โลกทั้งใบฯ , ฯลฯ

หนังรวมมิตร จึงดูเหมือน หนังหากินง่าย แต่ ถ้าจะหาหนังรวมมิตรคุณภาพดี ในระดับเดียวกับที่ ผู้กำกับหนังใหญ่ แต่ละคนเคยทำ อาจหาได้ยาก เพราะ จากที่เคยเล่าเรื่องในเวลาสองชั่วโมง ผู้กำกับเหล่านั้น ก็ต้องมาย่นหนังของตัวเองให้เหลือ ครึ่งชั่วโมง หรือ ไม่ถึงสิบนาที

ผกก.หนังใหญ่ฝีมือดีหลายคน จึงต้องตกม้าตายเมื่อมาทำหนังสั้นรวมมิตร เพราะไม่สามารถเล่าเรื่องให้กระชับได้มากพอตามเวลาที่ย่นยอลง

... ส่วนตัวแล้วคิดว่า หนังสั้นรวมมิตรที่ดี คือ ไม่ใช่หนังที่คล้ายๆกันทุกตอน หรือ แตกต่างจนกลายเป็นคนละเรื่องคนละราว แต่ คือ การที่ ผู้กำกับแต่ละคนใส่ความเป็นตัวของตัวเองลงไป ให้เกิดความหลากหลาย โดยไม่ทิ้งธีมหลักของหนัง และ ภาพรวมของหนัง ยังคงเดินหน้าไปในทิศเดียวกัน

เหมือน หนังรัก อย่าง Paris, je t'aime ที่โจทย์มีแค่ หนังรัก กับ ปารีส แล้วผกก.แต่ละคนก็ไปบรรเลงกันตามใจนึก เราจึงได้ดูรักหลากหลาย ในสไตล์ที่แตกต่าง ที่มีตั้งแต่รักซึ้งๆ , รักของแม่ลูก , รักของชายชาย , รักสูงวัย , รักของแวมไพร์ ไปจนถึง รักเฮี้ยนๆของ คริสโตเฟอร์ ดอยล์

ในบรรดา หนังสั้นรวมมิตร ที่มีอยู่ตอนนี้ ส่วนตัวที่อยากดูที่สุดก็โครงการหนังจีน ที่มี ตู้ฉีฟง , ฉีเคอะ แล้วก็ใครอีกซักคน ที่ทำหนังสั้นแบบต่อๆกัน คือ รายแรกทำจบแค่ไหน รายถัดมาต้องดำเนินเรื่องสานต่อให้ได้ และ คนสุดท้ายต้องจบให้ลง เป็นโปรเจคต์ที่น่าสนใจมาก (ได้ข่าวว่าแผ่นก็มาแล้ว)



ฝัน-หวาน-อาย-จูบ
(หนังเล่าย้อนไปเป็น จูบ อาย หวาน ฝัน)




... ทั้งสี่เรื่อง เป็น ความรักสี่ช่วงวัย เล่าไปตามพัฒนาการความรักความสนใจคล้ายๆกับ ปิดเทอมใหญ่ฯ แต่ ฝันฯ ขยายไปไกลถึงรุ่นวัยทำงาน

จุดที่ชอบที่สุดของหนังชุดนี้ คือ ทั้งสี่เรื่อง พยายามที่จะฉีกแนวหนังรักเลี่ยนๆ และ ใส่ความเป็นตัวของตัวเองลงไปได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งเป็นจุดที่ต่างจากหนังรักGTH ที่ระยะหลังแทบจะถอดออกมาจากบล็อกเดียวกัน

จุดที่ชอบรองลงมา คือ ทั้งสี่ตอน ล้วนพูดถึง บทเรียนของความรัก ที่ได้รับจากการละเลยให้ความสำคัญของคนรัก คนใกล้ตัว ซึ่งไล่ สาเหตุ ไปตามช่วงวัยตามทฤษฎีพัฒนาการจิตสังคมของมนุษย์ ได้ดี ตั้งแต่

การไม่ทันสังเกต ยังไม่ทันรู้จักความรักของเพื่อนต่างเพศ ของ วัยแรกรุ่น

การไม่ทันได้เรียนรู้ที่จะปรับนิสัยส่วนตัวเพื่อเทคแคร์คนรักของ วัยรุ่นตอนต้น

ความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นผู้ใหญ่ของ วัยรุ่นตอนปลาย

และ

ความชาชินที่ให้ความสำคัญกับงานและความสำเร็จของ วัยผู้ใหญ่


สามตอนแรก มีประเด็นคล้ายๆกันคือ พูดถึง มุมของฝั่งชาย ในขณะที่ตอนสุดท้ายเป็นมุมของฝั่งหญิง


... และ จุดร่วมสำคัญ คือ หนังทั้งสี่เรื่อง ขาย มาม่า แบบไม่เกรงใจคนดู

ซึ่ง มาม่า นอกจากจะโผล่เยอะ พอดูหนังจบก็กลับมานึกถึง มาม่า อีกรอบ เพราะความรู้สึกของการดูหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้ไม่ได้ชอบหนังมากมาย เพราะรู้สึก คล้ายๆกิน มาม่า คือ

แกะง่ายกินง่าย ไม่ต้องประนีตพิถีพิถัน ลวกๆใส่น้ำ กินแล้วก็อิ่มประมาณหนึ่ง ไม่ถึงกับผิดหวังรุนแรง เพราะยังไงมาม่าก็รสชาติแบบนี้ อิ่มอืดๆ เหมือนขาดอะไรไป และ อยากจะให้ใส่เนื้อใส่หมูให้มากกว่านี้


จูบ



(พระเอกรูปหล่อ แต่ไม่ค่อยสนใจแฟน จนตัวร้ายมาดเสี่ยนักมวย ที่ชอบแย่งจูบแฟนของชาวบ้าน ประกาศกร้าวว่า ข้าจะแย่งหญิงมาครองพร้อมยึดจูบแรกของแฟนพระเอกเป็นของตัวเอง ยกเว้นพระเอกจะทนหมัดของตัวเองได้)


- ขายสไตล์ และ ขายมาริโอ้

- สไตล์ของหนังหวือหวา เร้าใจสลัดภาพหนังรักยุคภาพหวานประมาณ GTH ไปได้ ประมาณเหมือนดูหนังกาย ริชชี่ หรืดู MTV หรือดู รายการมิวสิควิดิโอ ประเภท กราฟฟิกขึ้นยุบยับ ตัดต่อฉับไว ตัวละครหันมาคุยกับคนดู ทำให้ตื่นตัวอยากติดตาม

- แต่ พอติดตามไปได้ซักพัก ก็ชักเริ่มเบื่อๆ เพราะ บทหนังน่าผิดหวังเหลือเกิน เหมือนไม่มีอะไรจะเล่า เดินเรื่องไปเรื่อยๆง่ายๆ ทั้งทัศนคติที่ง่ายๆ บทสรุปที่ง่ายๆ จบแล้วเหมือนกิน มาม่าครึ่งซองลวกน้ำร้อน ไม่อิ่มและไม่ได้สารอาหาร

- ไม่ชอบมุก เห็นหมี และ ไม่ได้ ดัดจริต เพราะจะพูดกูมึงสิงสาราสัตว์ ถ้าเหมาะกับสภาพแวดล้อมของตัวละครก็โอเค แต่คิดว่า มุกบางอย่างก็เหมาะสำหรับคุยกันในวงเล็กๆมากกว่าจะเอามาขายเป็นวงกว้าง ไม่ชอบที่หยิบเดอตี้โจ๊กที่เหมาะสำหรับวัยหนึ่งกลุ่มหนึ่ง ให้กลาย เป็นเรื่องธรรมดาที่ฮาๆขำๆเหมาะกับคนทุกวัย

- มาริโอ้ ถ้าเล่นแต่หนังขายหล่อแบบนี้ไปเรื่อยๆ อนาคตทางการแสดงน่าเป็นห่วง เพราะ หล่อเลือกได้ในวงการจริง แต่ หล่อนิ่งๆอยู่ได้ไม่นาน

- ดูแล้วรู้สึกว่า ตอนนี้น่าจะเหมาะกับฉายทางฟรีทีวีมากกว่า


อาย



(นางเอกลูกเศรษฐี ไปสำรวจเกาะที่พ่อได้สัมปทาน โดยมี พระเอกที่เป็นอดีตแฟนเมื่อสองปีก่อน เป็นคนนำสำรวจ พร้อมๆกับ การได้เปิดเผยความจริงว่า เพราะอะไร เขาถึงหายจากชีวิตของเธอไป)



- เมื่อเทียบกับศิษย์เก่าจากรักแห่งสยาม น้องตาล นางเอกของเรื่องนี้มีพัฒนาการที่น่าปลื้มกว่า มาริโอ้

- เมื่อเทียบกับอีกสามตอน เป็นตอนที่ซึ้งที่สุด , ถ่ายภาพสวยที่สุด, มีตัวละครน่าสนใจที่สุด (งุก – หนุ่มชาวเล แจ๊ค สแปโร่ว์) และ เป็นตอนที่เล่าเรื่องลงตัวที่สุดในแง่ของการเป็นหนังสั้นที่มีกรอบเวลาจำกัด

- ถึงจะซึ้งไปอย่างเพลิดเพลิน แต่ ข้อด้อยบางจุดก็เห็นได้ชัด อย่าง พระเอกเล่นทื่อ , ปมต้นเหตุดูของฝั่งชายเมื่อเฉลยแล้วรู้สึกว่าแค่นี้เองหรอ?

- ถ้าหนังเพิ่มกิมมิค หรือ มุกเล็กๆน้อยๆ แบบ กรณีโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ อีกซักหน่อย หนังคงจะมีอะไรน่าประทับใจและดูมี ‘อะไร’ มากกว่านี้

- จากชื่อผู้กำกับ เมื่อเทียบกับหนังรักที่เคยทำๆมากับอีกสามคน ก่อนดูรู้สึกว่า คาดหวังได้น้อยที่สุด แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา กลับน่าประทับใจมากกว่า จูบ และ หวาน

- มุก ข.อ. คิดเหมือน มุก เห็นหมี ในความเห็นเรื่อง จูบ นอกจากจะไม่ขำยังรู้สึกว่า ไม่น่าเล่น

- (แอบเดาตอนดูว่า พระเอก เป็น วิญญาณ ถึงหายไปเฉยๆสองปี)


หวาน



(พระเอกบ้างาน แม้นางเอกจะร้องขอให้แบ่งเวลา แต่พระเอกก็บอกว่า ถ้าไม่ทำงานก็จะไม่มีเงินใช้มากพอ ในที่สุด นางเอกก็หมดความอดทน สภาพจิตใจแตกสลาย ความทรงจำที่มีในตัวถอยหลังกลับไปยี่สิบปี ไม่เหลือความทรงจำในปัจจุบัน)


- พล็อตเรื่องมีความน่าสนใจมาก ชวนให้คิดถึง The Curious Case of Benjamin Button หนังที่อยากดูมากๆของปีหน้าที่เล่นเกี่ยวกับ ความรักและอายุที่แปรปรวน

(The Curious Case of Benjamin Button - เด็กคนหนึ่งที่เกิดมาสภาพร่างกายเหี่ยวแก่ แต่เมื่ออายุมากขึ้น สภาพร่างกายจะค่อยๆหนุ่มลง / หวาน - ความทรงจำของนางเอกนับถอยหลังตามอายุที่มากขึ้น)

- เป็นตอนที่มีบทที่ท้าทายแต่คนเขียนบทยังตีไม่แตก เอาแค่ประเด็นกับเนื้อหา ก็ซึ้งแล้ว แต่พอได้ดูแล้วรู้สึกว่า เป็นตัวอย่างของการดัดแปลงที่ทำเป็นหนังสั้นไม่ลงตัว เหมาะจะทำเป็นหนังยาวมากกว่า เพราะพอทำเป็นหนังสั้นๆแค่สี่สิบนาที หนังเล่าได้สับสน และ ช่วงเวลาที่กระโดดไปมาก็ดูชวนงงๆมากกว่าจะซึ้ง

- เพลงที่เลือกมาของ MD อยู่ในหนังแล้วช่วยเสริมให้กับหนัง เหมาะกับหนัง มากๆ

- ในแง่ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ภาวะของนางเอกในทางสภาพจิตเรียกว่า regressed คือถดถอยไปเป็นเด็ก และ การรักษาสามารถทำได้ไม่ต้องทิ้งไว้เป็นยี่สิบปี

- ฝ่ายเมคอัพทำ คนหน้าแก่เหมือนคนเปื้อนฝุ่น และ ผลของเมคอัพผสมกับจังหวะเวลาที่หนังใช้เล่าเรื่อง ทำให้ฉากจบดูตลกๆมากกว่าซึ้ง



ฝัน



(นางเอก หลงรัก นักร้องวงออกัสต์ แม้จะมี พระเอก ที่เป็นเพื่อนสนิทแอบปลื้มอยู่ใกล้ๆก็มองไม่เห็นคุณค่า แล้วเธอหลงเข้าไปผจญภัยอยู่ในความฝันกับพี่เบิร์ด และ วงออกัสต์)



- เฮี้ยนตั้งแต่ พี่เบิร์ด มา และ เฮี้ยน ยิ่งกว่า เมื่อเดินเรื่องไปซักพัก กลายเป็น หนังวัยรุ่นใสๆ ผสม หนังแอนิเมชั่น และ หนังเพลง

- ดูตอนนี้แล้วคิดถึงตอน น้องโฟกัส ใน ปิดเทอมใหญ่ฯ ให้อารมณ์ รักคลั่งไคล้idol คล้ายๆกัน แถม น้องผู้หญิงในเรื่องนี้ก็เล่นได้เซี้ยว น่าประทับใจมิใช่น้อย

- ดูเอาเพลินแบบไม่นับเนื้อหาสาระ ชอบตอนนี้มากที่สุด เพราะ รู้สึกสนุกและตลกกับมุกจิกๆกัดๆ เป็นบทพิสูจน์ว่า มะเดี่ยว เป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งและสร้างสรรค์ บวก รู้สึกดีที่มะเดี่ยว ไม่ขายของเก่า ไม่เน้นขายหล่อใสออกัสต์ ไม่เน้นขายซ้ำย่ำรอยแนว รักแห่งสยาม

- โชคดีที่ได้การเล่าเรื่องที่สนุก เพราะ บทหนังมั่วๆสะเปะสปะ คนดูต้องใช้ความพยายามในการเข้าใจเรื่องราวมากเกินไป ทั้งๆที่ หนังสามารถทำให้เข้าใจง่ายกว่านี้ก็ยังได้ ไม่จำเป็นต้องให้มั่วเพราะเป็นความฝัน

- งานแอนิเมชั่น บางตอน หยาบๆเหมือนดูในทีวี (ขึ้นโรงทั้งที น่าจะให้มันเนี้ยบกว่านี้หน่อย ตอนดูยังคิดว่า ถ้าแอนิเมชั่นได้แบบในโฆษณาของธ.กสิกรไทย ก็น่าจะดี)

- ฮาตอนหนังเพลงมาก และ ชอบเหตุผลตอนท้ายที่เฉลยให้เด็กสาวคนนี้ต้อง ‘ฝัน’ มาก ช่างเสียดสีดีแท้



- แมวผี ดูแล้วคิดถึงตัวละคร รถแมว ใน My Neighbor Totoro



สรุป ... ชอบ ฝัน มากที่สุด ชอบ อาย รองลงมา ส่วน หวาน เกือบจะชอบถ้าบทลงตัวมากกว่านี้ และ ไม่ชอบ จูบ เลย

ถัวเฉลี่ยแล้วรู้สึกว่า หนังเล่นง่ายๆไปหน่อย และ ขาดความประนีตอย่างละนิดอย่างละหน่อยแทบทุกตอน ก็เพลิดเพลินประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับห้ามพลาดหรือต้องไปตีตั๋วดูในโรง





Link ของ บทความที่อ้างอิงถึง และ เกี่ยวข้อง

ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น , อีกหนึ่งหนังไทยวัยรุ่นดีๆ ที่ว่าด้วย 'ความรักของวัยรุ่น'

สี่แพร่ง , แพร่งหนึ่งเงียบสยอง แพร่งสองบ้าพลังเกินงาม แพร่งสามง่ายแต่ดี แพร่งสี่เชยสะดุ้ง

รักแห่งสยาม , ทุกชีวิตเติบโตได้ด้วยความรัก






สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง ได้ที่ //vreview.yarisme.com




พื้นที่แนะนำผลงาน{ตัวเอง}

(คลิกที่รูปหนังสือ เพื่อ อ่าน หรือ แสดงความเห็น ต่อหนังสือแต่ละเล่มได้เลยครับ)

ปีนี้ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” ขอฝากผลงานเล่มล่าสุดที่เพิ่งคลอดจ้า อันว่าด้วย 'ความรักและกำลังใจ' ผ่านแรงบันดาลใจจากชีวิตและภาพยนตร์ ในหนังสือที่ชื่อว่า

เมื่อฉันลืมตา แล้วโลกเปลี่ยนไป



และ ผลงานสองเล่มก่อน จากสองปีที่ผ่านมา



"หนังสือรัก" หนังสือที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม กับ องศาที่ 361 หนังสือที่อาสาช่วยคุณค้นหามุมเล็กๆในตัวเองที่จะมีความสุขในชีวิตได้มากขึ้น โดยอาศัย'หนัง'เป็นสะพานพาไปเข้าใจตัวเอง


มีขายตามร้านหนังสือทั่วไป แต่ เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก

พูดคุยกับเจ้าของ Blog คลิก

เปิดหารายชื่อหนังเก่าๆนอกเหนือจากในหน้าสารบัญ คลิก




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date :28 ธันวาคม 2551 Last Update :28 ธันวาคม 2551 21:35:44 น. Counter : Pageviews. Comments :32