bloggang.com mainmenu search




...ในยุคปลายๆสงครามเย็นที่โซเวียตยังครองอำนาจ หนังพาคนดูไปรู้จักกับ ชาร์ลี วิลสัน สส.รัฐเท็กซัสผู้พ่วงบุคลิก เพลย์บอย เข้าสภามาหลายสมัย แขกแต่ละคนของเขาสามารถยืนยันความเจ้าสำราญได้จากการพบเลขาหน้าห้อง ที่ชาร์ลีแต่งตั้งตามนโยบาย "คุณสามารถสอนพวกเขาให้พิมพ์ดีดได้แต่คุณไม่สามารถสอนให้พวกเขาหน้าอกโตขึ้น"




วันหนึ่งความซวยแวะมาเยือนชาร์ลีในข้อหามั่วยา ดีไม่ดีอาจถึงขั้นต้องออกจากตำแหน่ง ปัญหาชีวิตส่วนตัวที่วิ่งเข้าใส่ชาร์ลี มาพร้อมๆกับ ปัญหาระดับชาติเมื่อเขามีโอกาสได้เดินทางข้ามโลก ตามคำชวนของโจแอน เศรษฐินีสาว ไปพบกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ทั้งเด็กๆและชาวบ้านของประเทศอัฟกานิสถานที่ถูกถล่มจากโซเวียต

... ทันทีที่ชาร์ลีได้พบเห็น เขารู้สึกสงสารและเกิดภาวะตาสว่าง ตัดสินใจวางแผนที่จะหาทางช่วยเหลืออัฟกานิสถานผ่านปฏิบัติการณ์ลับๆของคนสามคน

...ชาร์ลี จับมือกับ โจแอน-เศรษฐินีสาวพราวเสน่ห์ และ กัสต์-ซีไอเอจอมห่าม ที่เพิ่งด่าพ่อล่อแม่หัวหน้าแล้วทุบกระจกห้องของหัวหน้าพังโทษฐานที่ตัวเองไม่ได้ตำแหน่งที่ควรจะเป็น




พวกเขาคือ ทีม ที่คอยสรรหาทุนตามความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละคน โจแอน รู้จักคนในระดับสูงมีเงินถุงเงินถังพร้อมจัดงานสโมสรชั้นสูง กัสต์มีสายสนกลใน รู้จักคน รู้จักสงครามรู้จักอาวุธรู้จักแผนยุทธศาสตร์ มีลีลาที่พุ่งตรงห่ามๆไม่กลัวใคร ส่วน ชาร์ลีเต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนมีลูกเล่นมากมายในการโน้มน้าวทุกอย่างเพื่อให้ได้งบมาช่วยเหลืออัฟกานิสถาน

...จากจุดเริ่มต้นที่ปัญหาในอัฟกานิสถานเป็แค่ปัญหาเล็กๆ ที่รัฐมีงบให้เพียง 5 ล้าน ทีมชาลีค่อยๆหาพรรคพวกและโน้มน้าวให้เกิดความสงสาร ความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อได้ว่า ส่วนใหญ่ล้วนแฝงความต้องการโค่นโซเวียต คู่แข่งคนสำคัญให้ลงจากเวทีระดับโลก จากงบ 5 ล้าน สภาอนุมัติไปเรื่อยๆจนถึง 500 ล้าน ในการสรรหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับอัฟกานิสถาน

พวกเขาคิดว่ากำลังเดินหน้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าจะไปสิ้นสุดที่ใด เหมือนกับที่ กัสต์ ยกตัวอย่างบทสนทนาของท่านอาจารย์และลูกศิษย์ ว่า ในปรากฎการณ์หนึ่งๆ เราไม่สามารถตัดสินในทันทีได้ว่า จะดีหรือจะชั่ว เช่น คนขาหักอาจเป็นเรื่องร้ายที่อดขี่ม้าแต่ไม่กี่ปีต่อมาอาจเป็นเรื่องดีที่เขาไม่โดนเกณฑ์ทหาร ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นจะดีหรือไม่ดี อยากรู้ต้องรอดูต่อไป

ชาร์ลี อาจเห็นใจและมีความหวังดีอยากช่วยชาวอัฟกานิสถาน แต่เมื่อปัญหานี้ขึ้นไปเป็นปัญหาระดับชาติ ความจริงใจของคนสองสามคน ถูกละลายแล้วแปรผันไปเป็น ความต้องการแสดงตนเป็นใหญ่ อยากเป็นมหาอำนาจ ความต้องการกำจัดคู่แข่งทางอ้อม

ดังนั้น ความช่วยเหลือที่ดูเหมือนเพื่อมนุษยธรรม ที่แท้ก็ล้วนทำเพื่อตัวเอง และ เมื่อเริ่มต้นด้วยจิตเจตนาเช่นนี้ เราจึงเห็นท่าทีของผู้ทรงอำนาจในหนังเหมือนพี่ใหญ่มือเติบที่อนุมัติงบไปอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ครั้นได้ชัยชนะก็สิ้นสุดการช่วยเหลือ

พวกเขาพร้อมทุ่มเงินกว่า 500 ล้านเพื่อยิงฮ.ของโซเวียตให้ร่วงหมดจากฟากฟ้า แต่กลับไม่ยินดีที่จะอนุมัติงบอีกแค่ 1 ล้านเหรียญ เพื่อฟื้นฟูและให้การศึกษากับพวกอัฟกานิสถาน



...สุดท้าย คนที่พวกเขามอบอาวุธให้ก็หันอาวุธมาทำร้ายกลับคืน เพราะ ในหัวของชาวบ้านโตมาพร้อมกับสงคราม ส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครช่วยเหลือเขาอย่างไร ดังนั้นในตอนนี้ อาวุธเขาดีพอไม่แพ้ใคร เหล่าผู้คนที่มีชีวิตรอดจากสงครามโซเวียตก็ใช้วิธีการเดิมๆดำรงตัวเองอยู่ต่อ คือ ต่อสู้เอาตัวรอด และ หันปลายกระบอกปืนใส่มหาอำนาจที่ทำตัวใหญ่คับเมืองคอยจุ้นจ้านบ้านคนอื่น คนถัดมา ซึ่งนั่นก็คือ อเมริกา ผู้เป็นอาจารย์สอนรบให้กับพวกเขาแต่ไม่เคยสอนด้านมนุษยธรรม

ซึ่ง บทเรียนอันเจ็บแสบไม่ว่าจะภัยก่อการร้ายหรือ 9/11 ของอเมริกาครานี้ก็เป็นผลพวงมาจากน้ำมือของพวกเขาเองที่มีส่วนร่วมปั้นศัตรูขึ้นมาเพื่อแลกกับชัยชนะเพียงครั้งเดียว สมกับคำพูดที่ชาร์ลีปิดเรื่องไว้ว่า

These things happened. They were glorious and they changed the world... and then we fuc*ed up the endgame.




... ไดอะล็อกในหนังของ ไมค์ นิโคลส์ ยังกัดเจ็บเฉียบคมไม่แพ้ Closer กระนั้นก็ดี อย่าหลงคารมไปกับคำที่คนบอกว่าเป็นหนังตลกแล้วคาดหวังว่าหนังน่าจะฮาตรึม เพราะเห็นหลายคนในโรง ฮากริบ แล้วหนังจบก็บ่นกับเพื่อนๆต่อว่าไม่เห็นตลกตรงไหน

นั่นเป็นเพราะ ตลกในหนังเรื่องนี้เป็นแนว ตลกเสียดสี ตลกคิด ตลกคำพูด นั่นคือ มุกเด็ดๆส่วนใหญ่อยู่ในบทสนทนา ที่เราต้องพอรู้จักเรื่องราวการเมืองบ้าง และต้องคิดตามบ้างถึงจะยิ้มจะขำได้ และก็ไม่ใช่ตลกแบบฮาระเบิด ไม่ใช่ตลกตบถาดหรือด่าคำหยาบแล้วถึงจะฮา

...ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน กับบทซีไอเอห่ามๆอารมณ์ร้อนเรื่องนี้ ทั้งฮาทั้งห้าว เป็น ไฮไลท์เด็ดๆที่คู่ควรกับการเข้าชิงออสการ์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปีนี้การแสดงของ ฮาเวียร์ บาร์เด็มในบทมือสังหารป่วยจิตนั้น ขึ้นแท่นรอรับรางวัลตั้งแต่หัววันแล้ว

สังเกตว่าระยะหลังเขาจะคุมบทบาทของตัวเองในหนังได้กลมกลืนคงเส้นคงวาตั้งแต่นาทีแรกยันนาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะในหนังตลาดหรือหนังอาร์ต เช่น Capote / MI3 เขามีสมาธิที่จะสร้างคาแรคเตอร์ให้ไม่แกว่งไม่หลุดแม้วินาทีเดียว ได้ยินมาว่า ผลงานอีกสองเรื่องของปีเขาก็ฝากฝีมือที่น่าจะจำไม่แพ้กันนั่นคือ The Savages กับ Before the Devil Knows You're Dead



....อีกส่วนที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้ นอกจากบทสนทนาและการแสดงเจ็บๆของแต่ละคน คือ ความจริงใจที่จะวิพากษ์การทำตัวเป็น ตำรวจโลก ของอเมริกา อาจจะไม่เจ๋งโดนใจเท่าใน Black hawk down แต่ก็มีอะไรดีๆและจริงใจมากกว่า The Kingdom หนังของปีที่ผ่านมา

เพราะใน The Kingdom นั้นอาจจะเจ๋งตรงคำพูดปิดท้ายที่แสดงให้เห็นความเป็นผู้ร้ายในจิตใจทั้งสองฝ่าย แต่อารมณ์หนังที่นำเสนอมาตลอดทั้งเรื่องไม่ชวนให้คล้อยตาม ผมยังรู้สึกเหมือนผู้สร้างผู้กำกับหลงชื่นชมในการกระทำของชาติตัวเองแบบไม่รู้ตัว คำพูดที่ใส่เข้ามาเหมือนเป็นคำพูดของนักการเมืองที่ขาดความจริงใจแต่พูดไปเพื่อให้ได้มาซึ่งความถูกต้องดีงาม

ตรงข้ามกับเรื่องนี้ ที่เล่าเรื่องแบบเฮฮา แต่ท่าทีตอนท้ายของเหล่าสส.ในสภาและประโยคปิดเรื่องของ ชาร์ลี นี่ซิที่จริงใจกว่า และ ชวนให้สมน้ำหน้าพฤติกรรมป๋าดันบวกอยาก ใหญ่คับฟ้า แต่ไม่เคยมีความจริงใจที่จะช่วยเหลือ สุดท้ายก็โดนหอกข้างแคร่มาทิ่มแทงจนถึงปัจจุบัน


สรุป ... เพลิดเพลินแต่ไม่ได้บันเทิงสำหรับทุกคน ถ้าไม่ชอบหนังพูดมาก ควรเลี่ยง แต่หากชอบหนังที่มีบทฉลาดๆจิกๆกัดๆกับทีมนักแสดงฝีมือดีเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าดู โดยเฉพาะคนที่ชอบเรื่องการบ้านการเมืองไม่ควรพลาดหลังจากเมื่อปลายปี ก็มีหนังการเมืองดีๆบทสนทนาเจ๋งๆอย่าง Lions for Lambs นำทางมาก่อนแล้ว



Link บทความที่อ้างอิงถึงจากใน blog

Closer , เมื่อความรักถูกสำรวจและตีแผ่ผ่านตัวละคร

เวียนเฮดกับแฮนด์เฮลด์ ใน The Kingdom + สัจธรรมของความกร่าง

Lions for Lambs , ส่งเสริมสิงโต ตรวจสอบแกะ และ ลงมือทำ



แจ้งข่าวจ้า : องศาที่ 361 คลอดอย่างเป็นทางการแล้ววววว




อ่านเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ไขเบื้องหลังของหนังสือ คลิกได้ที่นี่เลยครับ

เบื้องหลัง 'องศาที่ 361' - พ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่ 2 ของ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”

อ่านจบเมื่อใด ขอเชิญชวนมาพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือ คลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ

อ่านแล้วมาคุยกัน ... "องศาที่ 361


ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม





ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิกhtmlentities(' >')> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date :19 กุมภาพันธ์ 2551 Last Update :19 กุมภาพันธ์ 2551 11:19:59 น. Counter : Pageviews. Comments :9