bloggang.com mainmenu search



1. มีเสียงของคนดูหนังชุด Twilight แล้วกลับมาสงสัยว่าทำไมหนังถึงดังเหลือเกิน ทำไมคนพูดถึงกันนักกันหนา ทั้งที่เนื้อหาก็ดูไม่ได้มีอะไรมาก

ถ้าจะเอาจริงๆ มันก็พอจะมีข้อเท็จจริง ที่อธิบายได้ และ ทำให้ไม่แปลกใจ ที่ Twilight จะสร้างปรากฎการณ์ระดับถล่มทลาย เพราะ ด้วยคุณภาพหนังก็อยู่ในระดับแนวหน้าทั้งงานสร้างและการกำกับ แต่ ที่ถล่มทลาย ไม่ได้มาจากคุณภาพเป็นสาเหตุหลักๆ หากแต่ เพราะในส่วนเนื้อหา ตัวหนังกับหนังสือ มีคุณสมบัติหลายข้อที่ จับใจ คนดูกลุ่มกว้าง

Twilight เป็นหนังแวมไพร์ที่เกี่ยวข้องกับ ‘เพศหญิง’ ทั้งผู้สร้างและผู้ชมมากเป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่ผู้แต่งนิยายก็เป็นหญิง (Stephenie Meyer) ตัวนิยายก็ใช้นางเอกเป็นคนเล่าเรื่องแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’

ดังนั้นเวลาอ่านหนังสือ ยิ่งผู้เขียนบรรยายเรื่องราวได้ดีมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ผู้อ่านสาวๆเคลิ้มอินตามไปด้วยมากเท่านั้น

ครั้นเมื่อมาทำเป็นหนังภาคแรก ก็เกิดการแท็คทีมพลังหญิง อันประกอบไปด้วยผู้กำกับ Catherine Hardwicke , คนเขียนบท Melissa Rosenberg และ Stephenie Meyer ที่ตามมาด้วย ทั้งสามสาวแสดงออกถึงเข้าใจความโรมานซ์สำหรับสาวๆได้เป็นอย่างดี

เพราะปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Twilight ทั้งเวอร์ชั่นหนังและหนังสือชนะใจคนดู คือ การฝากภาพ ‘เพศชาย’ในอุดมคติ ไว้ที่ตัว เอ็ดเวิร์ด คัลเลน




เอ็ดเวิร์ด เป็น แวมไพร์โปรไฟล์เลิศ ทั้ง หล่อ + รวย + หัวดี + พลังกายเกินร้อย + พลังใจงดงาม มีคุณสมบัติเพียบพร้อมกับการเป็นชายในฝัน อีกทั้ง ความเป็นแวมไพร์ ของ เอ็ดเวิร์ด ใน Twilight สามารถตีความโยงไปถึง sex ได้อย่างน่าสนใจ

เมื่อทั้งหนังและหนังสือล้วนบรรยายความรู้สึกที่กระหายอยากสูบเลือดนางเอก แต่ก็พยายามควบคุมตัวเอง ได้ราวกับความรู้สึกของแรงขับทางเพศ ซึ่งเจ้าตัวต้องต่อสู้ระหว่าง ‘ความอยาก - Id’ กับ ‘ความถูกต้อง - Superego’

ความพยายามหักห้ามใจไม่ล่วงเกินฝ่ายหญิง ของเอ็ดเวิร์ดนี้เอง เป็นสัญลักษณ์ของการให้เกียรติสตรีเพศ แสดงให้เห็น ความเป็นสุภาพบุรุษที่สาวๆมองหาในตัวชายหนุ่มในสังคม

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พลังหญิงของคนเขียน, ผู้กำกับ , ผู้ชม และ ผู้อ่าน จะพา Twilight ไปได้ไกลถึงขนาดนี้




2. แล้ว New Moon ละ ?

New Moon เป็น ปรากฎการณ์พล็อต ละครไทย ที่ถูกพัฒนาไป ในระดับฮอลลีวู๊ด

พล็อตไม่มีอะไรมาก ตัดสถานภาพ แวมไพร์ กับ มนุษย์หมาป่า ทิ้งไป เราก็จะได้ละครไทยเนื้อหาประมาณ



... พรหล้า สาวชาวบ้าน รัก เอ๊ดดี้ ลูกเศรษฐีผู้สูงศักดิ์ แต่ เอ๊ดดี้ คิดว่า พรหล้า ต้องเจ็บปวด เมื่ออยู่ไปก็ปรับตัวกับความไฮโซไม่ได้ แถม พรหล้า ยังอยากจะเปลี่ยนตัวเองให้ไฮโซ อยากพลีกายให้เอ๊ดดี้ แต่ เอ๊ดดี้ ไม่ใช่คนแบบนั้น ที่ เอ๊ดดี้รักคือ ความเป็นคนธรรมดาๆของพรหล้า



และ เพราะความดีเกิน เอ๊ดดี้ จึงหนี พรหล้า เปิดโอกาสให้ ตะขบ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ถือโอกาสเข้ามาใกล้ชิด ดามหัวใจที่ถูกหัก แล้วสุดท้าย เอ๊ดดี้ สำนึกได้ กลับมาหา พรหล้า สร้างปัญหาหัวใจให้ยุ่งเหยิง

พล็อตสไตล์นี้ สามารถส่งตัวตนของ พรหล้า เข้าไปแทนที่ สาวๆคนดูอีกครั้ง คล้ายๆกับใน Twlight ด้วยการ ตอบสนอง จิตใต้สำนึกของแฟนๆที่ดูอยู่ ให้รู้สึกถึง คุณค่าในตัวเอง มากจนเป็นที่ต้องการของ ผู้ชายแสนดีสองคน คนหนึ่ง ซื่อ จริงใจ ใส่กล้ามเต็มสูบ มาโช่เต็มที่ ส่วนอีกคน หล่อด้วย รวยด้วย เดินแต่ละก้าวประกายส่องวิบวับ หล่อมาแบบเมโทรเซ็กช่วล

หล่อสองสไตล์ พยายาม ปกป้องเธอจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ยอมอดทนแม้เธอจะทำฉันช้ำใจ

เป็น สาวคนไหน ได้อ่าน หรือ ได้ดู ก็น่าที่จะประทับใจได้ไม่ยากเย็น




3. คำถามที่พบบ่อย Twilight – New Moon อันไหน หนุก-ดี กว่ากัน ?

ผมคิดว่า คุณภาพโดยรวมนั้นสูสี โดย New Moon อาจตามหลังเล็กน้อย

ข้อดีของตัวหนัง Twilight คือ อารมณ์หนังอุ่นไอไปด้วยความโรมานซ์ หวานจนอาจจะเลี่ยนไปสำหรับหนุ่มๆ แต่ ก็ละมุนละไมใส่ความเป็นเพศหญิง (คล้ายๆกับที่ หนังของไมเคิล มานน์ ก็อบอวลด้วยความแมนในตัวหนัง)

ในขณะที่ Chris Weitz ผู้กำกับ New Moon ที่เพิ่งดับมากับ The Golden Compass มีจุดเด่นตรงเทคนิกการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ เช่น การนำเสนอ เวลาที่ผ่านไปแต่ละเดือน , การมาของเอ๊ดเวิร์ดในรูปแบบละอองภาพ , ความกลัวถึงอายุที่เล่าผ่านความฝัน ฯลฯ แต่ก็ด้อยลงในแง่ อารมณ์ (บางตอนก็ซึ้งอยู่ อย่างตอนเสียศูนย์นี่ก็จี๊ด)

ด้วยตัวเนื้อหา ที่ก็ไม่ได้มีอะไรมากอยู่แล้ว สำหรับคนที่อิน ก็เชื่อว่า จะอินไปกับทั้งสองภาค แต่กับตัวเอง อินแค่ประมาณหนึ่ง คือ ก็ซึ้ง แต่ ซึ้งสั้นๆ สลับ เหนื่อย กับ ความเนือย ที่มาหลายช่วง จน อยากให้ผ่านช่วงนั้นไปไวไว(เช่นใน New Moon ช่วง เอ๊ดเวิร์ด จากไป จน กลับมา ตอนแรกก็ซึ้ง แต่นานไปมันก็เริ่มเนือย)


4. สำหรับคอหนังที่ไม่รู้ ว่าดูหนัง หรือ อ่านก่อน ดีกว่ากัน ในฐานะที่ อ่านเล่มแรกแล้วไม่ถูกจริต จึงคิดว่า คนที่แพ้อารมณ์ Twilight ถ้าอยากจะดูภาค New moon ให้สนุกไม่ต้องอ่านแล้วไปดูเลยจะดีกว่า เพราะทดลองกับตัวเองแล้วว่า ผลที่ออกมาดีกว่า(อ่านมาแล้ว)จริงๆ เนื่องจาก ตัวเนื้อหาหนังสือก็ไม่มีอะไรมาก แถมหนังก็ไม่กล้าดัดแปลงมากอีก พออ่านมาก่อน ก็เลยไม่ได้ลุ้นเท่าไหร่


5. ตัวละครหลายคน น่าเป็นห่วงในปัญหาสุขภาพจิต

หนูเบลล่า สามารถใช้เป็นตัวอย่างหรือ Case study ของ โรคซึมเศร้า ได้เป็นอย่างดี ตามอาการดังนี้ – อารมณ์เศร้าซึม , เบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไร , แยกตัวจากสังคม ทำกิจกรรมสังคมลดลง, นอนไม่หลับ ฝันร้าย อาการรุนแรงถึงขนาด มีหูแว่ว ภาพหลอน , คิดทำร้ายตัวเองชนิดลืมพ่อลืมแม่ ฯลฯ อาการเข้าข่ายโรคซึมเศร้าครบครัน


ส่วน เจค๊อบ พ่อหนุ่มมนุษย์หมาป่ากับผองเพื่อน เผ่าพันธุ์นี้ มีอาการหลงรูปตัวเองขั้นรุนแรง เสื้อก็ไม่ค่อยจะใส่ มีโอกาสต้องโชว์แมนเป็นว่าเล่น ทั้ง ซิกส์แพ็ค กางเกงเอวต่ำ (สงสัยว่า คอสตูมดีไซเนอร์ มาจากหนังชุดเดียวกับ หนังของพิง ลำพระเพลิง)

บวกพฤติกรรมโชว์แมนไม่สมเหตุสมผล เช่น ไถลแมงกะไซด์ที่เพิ่งซ่อมให้พังยับ โผไปช่วยนางเอกแทนที่จะจอดดีๆก่อนก็คงไม่เป็นไร หรือ เห็นนางเอกเลือดออก พี่เล่นถอดเสื้อทั้งตัว เพื่อ เอามาซับเลือด ทันที

(เป็น มาตรฐานใหม่ของความเป็นสุภาพบุรุษ ที่น่ากลัวมาก สร้างความกดดันให้กับ ผู้ชมแฟนหนุ่มที่ตามแฟนสาวไปดูหนัง เพราะ จาก The Letter ทำให้หนุ่มตาน้ำข้าวต้องไปฝึกล้างเท้านวดเท้าให้แฟนสาวพิสูจน์รักแท้ แต่ งวดนี้ หนุ่มๆต้องพร้อมจะถอดเสื้อกลางชุมชน ได้ทุกขณะจิต แม้เพียงมีดบาดนิ้วแฟนสาว)





6. ถ้า หนูเบลล่า อยู่ครอบครัวอื่นที่ไม่ได้มี พ่อผู้แสนดีแบบในเรื่อง น้องหล้า มีสิทธิถูกพ่อแม่ตบสั่งสอน ข้อหาบ้าผู้ชาย ในระดับน่าเป็นห่วงมาก

สำหรับนักเรียนมัธยมปลายซักคน ที่พร้อมจะหนีตามผู้ชาย ชนิด สวยไม่แคร์สื่อ หรือ ไม่สนพ่อแม่ อีกทั้ง บทจะทำร้ายตัวเองก็ลืมครอบครัวไปเสียหมด เพียงเพราะ ชายทิ้ง



แถมตอนอ่อนแอ ทำทีเหมือนจะมีใจให้ เพื่อนชาย ครั้นคนรักเก่ากลับมา ก็เข้าใจว่า จะกลับไปหา คนรักเก่า แต่คำพูดคำจาของเธอ ช่างไม่ทะนุถนอมน้ำใจตอนเขาเคยทำดี แต่ตอบสั้นๆเชิดหน้าประมาณ “ไปเถอะ ยังไง ชั้นไม่เอาเธอหรอก น่าจะรู้ตัวนะ


7. ปกติ จขบ. จะหวั่นไหวกับนางเอกหน้าสวยสไตล์ คริสเตน สจ๊วต แต่ขณะดู New Moon อยู่ก็พบคำตอบว่า ทำไมถึงไม่หลงใหลน้องเบลล่า เลย



เพราะ หน้าตาเบลล่า ดูเหมือนท้องผูกอยู่ตลอดเวลา ขนาดฉากซึ้งหรืออารมณ์ดี ก็ดูยังมีปัญหาลำไส้ให้ใบหน้าตึงเครียด ทั้งๆที่ปูมหลังชีวิตในเรื่องก็ไม่ได้ระกำลำบากหนักหนา หรือ ขาดรัก มาจากไหน

ความสดใสเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ Twilight สองภาค กระชุ่มกระชวยสำหรับจขบ.คือ อลิซ




8. ดู New Moon แล้วสงสารคนรอบข้างเบลล่า (พ่อ , แฟน , เพื่อน ) นั่งคิดว่า ถ้าอยากให้หนังเข้าตานักวิจารณ์

8.1 ผู้กำกับน่าจะลองกล้าหาญชาญชัย เพียงเปลี่ยนบทตอนท้ายนิดเดียว เช่น

เจค๊อบ : ฉันมีอะไรอยากจะพูดกับนาย

เอ๊ดเวิร์ด : ฉันอยากขอบคุณนายก่อน ที่ปกป้องเบลล่า

เจค๊อบ : เอาเถอะ เอ๊ด เรื่องเบลล่า เราเหนื่อยมาพอแล้ว เรารู้ใจตัวเองแล้ว

เราชอบนายวะ นายจริงใจ ไม่หวั่นไหวง่ายเหมือน เบลล่า ไม่ทำเราเจ็บปวดเหมือนเบลล่า เราอยากคบกับนาย



เอ๊ดเวิร์ด : ฉันก็ชอบแก จาค็อบ คบแกมันง่ายๆดี ไม่เดือดร้อน ถ้าเรารักกัน เผ่าพันธุ์ของพวกเราจะได้ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว


เข้าสู่ไตรภาค Twilight mountain



8.2 หรือจ้าง คอมโพเซอร์ จากเมืองไทย ใส่เพลงไทยใน OST. ดังนี้ น่าจะทำให้อินในเนื้อเรื่องที่เป็นอยู่มากกว่า เพลงเดิมที่ใช้อยู่


ธีมของเอ๊ดเวิร์ด - รักก็เจ็บ เลิกก็เจ็บ , ฟ้าคงสะใจ , ฉันทำผิดเอง

ธีมของเจคอบ - ตัวจริงของเธอ , ตัวสำรอง , เหนื่อยไหม

ธีมของเบลล่า - อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน , ดาวมหาลัย (ใส่เสียงร้องแบบกอสเปลช่วง "พ่อไม่เข้าใจเบล พ่อไม่เซ้นซิถีฟ")



9. ข้อนี้ไม่สปอยล์ เพราะจขบ.ยังไม่ได้อ่านเล่มถัดไป แต่ คิดเล่นๆในแง่ว่า

พล็อตของ Twilight มีสิทธิไปได้ไกลกว่า นิยายรักโรมานซ์ ถ้าต่อยอดประเด็นว่า เอ็ดเวิร์ด กับ เบลล่า มีลูก

โดยที่ทั้งสองคนเป็นแวมไพร์ แต่ ลูกเป็นคนธรรมดา ครั้น เมื่อลูกโตเข้าวัยรุ่นเริ่มรู้ความจริง ลูกอยากเป็นเหมือนพ่อแม่ ทั้งคู่ จะเลือกให้ ลูกโตเป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตเหมือนเพื่อนๆ หรือ จะกัดซอกคอทำให้เขาเป็นแวมไพร์

พล็อตนี้ขอเปลี่ยนเอาผู้กำกับ Let the right one in มาทำแทน เป็น Let the twilight one in





10. เหล่าโวลทูรี่ เท่จริง เจ๋งจริง เสียดายบทน้อยไปหน่อย (น้องดาโกต้า พูดแค่ไม่ถึง ห้าประโยค กับ เจ้าหนูคาเมรอน ไบรท์จาก Birth ไม่ได้พูดซักแอะ) , ชอบ Michael Sheen มากมาตั้งแต่พี่แกเป็น โทนี่ แบล ใน The Queen แล้วเปลี่ยนมาเป็น ฟรอสต์ ใน Frost/Nixon โดยไม่ทำให้คนดูติดภาพในบทเดิม งวดนี้เลยกลายมาเป็น เล่นหนังไตรภาคแวมไพร์หมาป่า สองเรื่องเลย ว่าจะไปหยิบ The Damned United มาดูต่อซะหน่อย



สรุป ... ในฐานะไม่ใช่แฟน เอ็ด , เบล หรือ จา ดูแล้วก็ออกแนวอารมณ์ประมาณ ก็ดี ไม่ดี ไม่แย่

ถ้าชอบภาคแรก ก็ไม่ควรพลาดภาคสอง แต่ ถ้าภาคแรกหาวเป็นพักๆ ภาคสองควรเตรียมหมอนไปด้วย


Link บทความที่เกี่ยวข้อง

Twilight + The Duchess + Teeth , (สัปดาห์หนังพลังหญิง) อาทิตย์นี้ ผู้หญิง ครองโรง

The Golden Compass , ง๊ายง่าย เด๊กเด็ก

The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกะเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน'

Angels and Demons + Let the right one in , แดน บราวน์ ห้าวเป้ง ปะทะ แวมไพร์เจ๋งเป้ง





Create Date :23 พฤศจิกายน 2552 Last Update :23 พฤศจิกายน 2552 10:10:33 น. Counter : Pageviews. Comments :42