คุยกันเล็กน้อย ... หายหน้าไปหลายวันเพราะไปปฎิบัติภารกิจมาครับ เตรียมการสำหรับไปบรรยายเรื่อง
ผลของความรุนแรงในหนังกับคนดู ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี เดี๋ยวปลายเดือนนี้ไปพูดเรื่องนี้อีกรอบในงานสื่อสร้างสุข ใครบังเอิญผ่านไปคงได้เจอกัน แล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังในบล็อกแบบช็อตต่อช็อต ว่า ความรุนแรงในหนังทั้งหลายแหล่นั้น มีผลต่อคนดูอย่างไร ที่ว่า
โอ๊ย ดูหนังโหดๆไม่เห็นจะเป็นอะไร คนจิตปกติดูไปก็ไม่เป็นฆาตกรหรอก จริงหรือไม่ ? อันจะนำไปสู่เหตุผลที่ดีอย่างยิ่งสำหรับการจัดเรตหนัง
องศาที่ 361 ... ขอบคุณเพื่อนที่ติดตามสนใจกันนะครับ หลายคนถามว่าจะออกเมื่อไหร่ แหะๆ ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพิ่งคุยกับบก.ไปเห็นว่า อาจจะออกทันงานหนังสือช่วงท้ายๆ ซึ่งก็ยังไม่ชัวร์เช่นกัน เพราะผมเองเพิ่งส่งคำนำแบบสดๆร้อนๆไปเมื่อคืน และ กำลังรอแก้เนื้อหาในบทสุดท้ายที่ยังไม่ได้รับกลับมา จึงไม่มั่นใจเลยว่าจะทันหรือไม่ รู้ผลเมื่อไหร่จะแจ้งใน Blog แน่นอนครับ
อาทิตย์นี้ไม่มีหนังเรื่องไหนน่าสนใจเลย (ความจริง โรงงานอารมณ์ ก็น่าสนใจ แต่ยังไม่อยากดูหนังอารมณ์นี้ ว่าแต่ คนตั้งชื่อนี่ตั้งชื่อได้ส่อเหลือเกิน) ก็คงประหยัดค่าตั๋วหนังไป เอาไปช็อปงานหนังสือแทนก็คงจะดีเหมือนกัน ไว้อาทิตย์หน้าหนังน่าสนใจเข้าเยอะคงได้กลับมาเขียนมาคุยกันอีกครับ
ไปคุยกันถึง เดอะ คิงด้อม กันต่อเลยครับ
ความน่าสนใจ : เป็นหนังเรื่องแรกของปีนี้ที่ยกทัพขึ้นตะวันออกกลาง ก่อนที่จะมีตามมาอีกโขยงใหญ่ เรื่องที่น่าสนใจสุดคงไม่พ้น In the Valley of Elah ของ พอล แฮกกิส ผู้กำกับนักเขียนบทมือทองในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา กับ คุณลุงออสการ์ทีได้จาก Crash
เนื้อหา : เกิดเหตุการณ์ระเบิดในซาอุดิอาระเบีย บึ้มแรก คร่าชีวิตผู้คนนับร้อย ก่อนจะมาสู่บิ้มสองที่ร้ายแรงกว่าคร่าชีวิตเจ้าหน้าที่อเมริกันตามมาอีกนับสิบ ระเบิดครั้งนี้ถูกลักลอบเข้ามาในชุมชนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของซาอุด้วยกันเอง
เอฟบีไอในอเมริกาก้นร้อนเป็นไฟ แต่ละคนต่างก็โกรธและอยากจะเดินทางไปในทันทีเพื่อสางคดีนี้ให้ได้ เพราะคิดว่า ทางซาอุน่าจะบ่มิไก๊ แม้ทางนั้นจะบอกว่าพวกเขาสามารถคลี่คลายคดีได้เอง ไม่ต้องการให้คนอเมริกันเข้ามาก้าวก่ายอันอาจจะก่อให้ผู้ก่อการร้ายยิ่งไม่พอใจทำอะไรรุนแรงมากขึ้นไปอีก เอฟบีไอกลุ่มหนึ่งยังดึงดันจะเข้าไปให้ได้ เพราะ หนึ่งในเหยื่อระเบิดคือเพื่อนที่แสนดีของพวกเขา
ฝั่งซาอุไม่ต้องการ รัฐบาลตัวเองกลัวจะเกิดปัญหา พวกเขาจึงหาลู่ทางลับๆและนำทีมไปสืบสวนได้ในที่สุด ก่อนจะต้องพบกับนรกต่างแดน
ดารา : เจมี่ ฟอกซ์ ... เคยอ่านจากใครซักคนว่าไม่ชอบเพราะพระเอกคนนี้ขี้เก๊ก มานั่งนึกย้อนหลังก็แอบเห็นด้วยเหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขามีพลังดารามากมาย ชอบที่สุดคงเป็นบทใน Collatral ที่เล่นได้นุ่มนวลและดูเป็นธรรมชาติที่สุด
เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์... เวลาออกแอคชั่นทีไร อดคิดไม่ได้ว่า อิเลคตร้า มาเอง
คริส คูเปอร์ ... ความจริงพี่แกเท่ แต่เรื่องนี้พี่แกดูติดจะโอเวอร์แอคติ้งไปนิด
แอชรัฟ บารอม... คนนี้แหละ เด่นสุด ในหนัง กับบทนายตำรวจฝั่งซาอุที่พยายามจะหาทางเอาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้
คุณครูของลูกพระเอก ... ใครก็ไม่รู้ มาจากไหนก็ไม่รู้ โผล่มาแป๊บๆแต่น่ารักน่าดูชม
แฮนด์เฮลด์ = อินเฮลล์ : ผมไม่ใช่คนรังเกียจการถ่ายทำสไตล์กล้องกวัดแกว่งแฮนด์เฮลเหมือนพาคนดูวิ่งไปพร้อมๆกับตัวละคร เพราะขนาด Bourne กับ United 93 ผมก็ทึ่งและรู้สึกว่ามันช่างทรงพลัง สมจริงยิ่งนัก หรือ แฮนด์เฮลด์ในมือของไมเคิล มานน์ ก็เหมือนดึงคนดูให้จมดิ่งไปกับความรู้สึกของตัวละคร แต่ แฮนด์เฮลด์ในมือปีเตอร์ เบิร์ก จาก The Kingdom ทำเอาผมเวียนหัวอยู่นานตอนเดินออกจากโรง ชอบสุดก็ตอนใช้ในฉากแอคชั่นช่วงท้ายเท่านั้น
ปลื้ม (noun) : ไม่เหมาะกับการเป็นพิธีกรวาไรตี้ และ ออกเทป เป็นอย่างยิ่ง
ปลื้ม (verb) : ฉากเปิดเรื่องตอนต้นที่เพิ่งชม บอดี้ ศพ19 ไปแหม็บๆว่าเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ใส่ใจให้ความสำคัญกับฉากเปิดหนัง มาดูของ The Kingdom พบความเจ๋งที่บรรยายประวัติศาสตร์ชนชาติอาหรับด้วยกราฟฟิคสลับภาพข่าวได้อย่างน่าทึ่ง / ฉากแอคชั่นสิบห้านาทีสุดท้ายที่บุกชิงตัวประกันพร้อมกำจัดเหล่าร้ายในถิ่นศัตรูได้อย่างถึงลูกถึงคน / ประโยคปิดท้ายที่สามารถอธิบายสัจธรรม ได้ดีที่สุดว่า
ทำไมโลกนี้ถึงไม่เคยสงบสุขเสียที และ เป็นตัวอย่างที่ดี ที่ถ่ายทอดสัจธรรมของ ความพยายามจะเป็นฮีโร่หรือตำรวจโลกในความเป็นจริง ด้วยการเข้าไปแทรกแซงชาติอื่น แล้วคาดว่า จะนำมาซึ่งความสงบสุข
สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่การทำเพราะต้องการตอบสนองความกร่างของตัวเองแทบทั้งสิ้น แถมผลสุดท้าย ตัวเองนั่นแลคือ คนจุดชนวนสงครามให้ไม่จบไม่สิ้น
ไม่ปลื้ม : การวางคาแรคเตอร์ตัวละครที่ดูเท่ๆ แต่งแต้มสีสันเหมือนโยนความเก่งแต่ละสไตล์เข้าใส่ตัวละคร มีความสุดโต่งในคาแรคเตอร์ของตัวเอง เหมือนสูตรสำเร็จ เช่น คนนี้เนิร์ดมกๆ คนนี้เชี่ยวระเบิดสุดๆ ฯลฯ ขัดกับ ความสมจริงที่หนังพยายามนำเสนอ ถ้าเจมี่ ฟ็อกกับลูกทีมไปอยู่ในหนังของไมเคิล เบย์ คงจะทำให้ผมอินมากกว่าในหนังเรื่องนี้ ยิ่งเจอบทหนังที่ยัดความเก่งและกร่างของอเมริกาตอนต้น ตัวอย่างหนึ่งที่ขัดความรู้สึกคือวิธีการหาทางแอบเดินทางไปซาอุด้วยการแบล็คเมลล์ที่ดูแล้วมันรู้สึกประมาณ
เก่งเหลือเกิ้น เลยไม่รู้สึกอินถึงความพยายามจะเข้าไปจัดการเรื่องราวในบ้านคนอื่น
จุดอ่อน/จุดแข็ง : เนื้อเรื่องบางช่วงก็ดำเนินไปอย่างล่าช้าเหมือนว่าไม่มีรายละเอียดอะไรจะเล่า บางช่วงก็เร่งรัด บางตอนก็เล่นง่ายเกินไป สิ่งที่มาชดเชยคือได้การกำกับที่ทำให้หนังเดินไปข้างหน้าอย่างเข้มข้นหนักแน่น เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นที่มันส์ขาดใจและฉากระเบิดตูมตามที่น่าตกใจกลัว เช่นเดียวกับ เนื้อหาที่เชิดชูความเก่งกาจของอเมริกา ก็ถูกชดเชยด้วย ไดอะล็อคหรือรายละเอียดที่สอดแทรกกัดอเมริกาแสบๆคันๆกลับไปเช่นกัน
สรุป ... ดูได้เพลินๆ ถ้าไม่คาดหวังอะไรจากโปสเตอร์ที่ไม่ดึงดูดเท่าไหร่จะพบว่ามันดีกว่าที่คิด แต่ถ้าดูหนังตัวอย่างแล้วคาดหวังการสืบสวนอันเข้มข้น การดำเนินเรื่องที่สมจริง อาจจะผิดหวัง จะพลาดไปรอแผ่นก็ไม่ถือว่าน่าเสียดายมากนัก ไม่รู้เป็นไง ดูหนังของผู้กำกับปีเตอร์ เบิร์กคนนี้ทีไร(Friday Night Lights, The Rundown ) รู้สึกเหมือนอารมณ์มันได้ประมาณเกือบสุดๆทุกที
ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม
เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.phpชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิกhtmlentities(' >')> หน้าสารบัญ ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ -->
หน้าแรก รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา
คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน
คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
ผมเคยเรียน IR กับ อ.สุรัตน์
แกมานั่งด่า CSI ให้ลูกศิษย์ฟังว่าเป็นการ propaganda ของตำรวจอเมริกัน สร้างภาพให้ดีเกินจริง เพราะตำรวจอเมริกันทั้งเหยียดเพศ เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ เหยียดศาสนา (ท่าทางแกจะติดภาพจาก Crash มากๆ 55+)
พอมาดูตำรวจ 4 คนใน The Kingdom มีทั้ง
- อเมริกันผิวขาว (คริส คูเปอร์)
- แอฟริกันอเมริกัน (เจมี่ ฟอกซ์)
- อเมริกันยิว (ใครไม่รู้)
- ตำรวจหญิง (เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์)
อืมมมม... มันก็น่าคิดนะเนี่ย - -*
โดย: nanoguy 17 ตุลาคม 2550 1:51:59 น.
แวะมาเยี่ยมค่ะ
โดย: ข้ามขอบฟ้า 17 ตุลาคม 2550 4:23:25 น.
+ แต่อีกเหตุผลหลักก็คือเรื่องกล้อง 'มือนรก' (hand-held) นั่นแหละครับ ... ผมรู้ตัวเองว่าไม่ค่อยถูกโรคด้วยซักเท่าไหร่ มีอาการ motion sickness ตะครั่นตะครออยู่เนืองๆ ... ถ้ากับบางเรื่องที่เนื้อหาเข้มข้น อย่าง Bourne trilogy หรือ United 93 ก็พอลุยๆ ดูผ่านไป ... แต่ถ้าไม่ แล้วละก็ ดูจบออกมาอาจเปื่อยไปเลยก็เป็นได้ (เคยสาปส่ง The Blair Witch project ไป ก็เพราะเรื่องกล้องแฮนด์เฮลนี่แหละ)
+ ก็ขออ่านเฉยๆ แล้วกันนะครับหน้านี้
โดย: บลูยอชท์ 17 ตุลาคม 2550 10:23:53 น.
หนังเรื่องนี้ ผมขอบายจริงจังเลยครับ เพราะว่าช่วงนี้หมดเงิน (ทุกครั้งเลย) ที่จะไปดูหนังแล้ว แถมเพื่อนที่ไปดูมาบอกว่า "สนุกดีนะ แต่เอ็งคงจะไม่ค่อยชอบ" สรุป เลยไม่ไปซะเลยครับ
โดย: null IP: 202.183.190.14 17 ตุลาคม 2550 10:55:23 น.
^
เอ๋ ทำไมผม Comment แล้วมันเป็น "null" หว่า เลย Log in มาใหม่ครับ
โดย: null (เข็มขัดสั้น ) 17 ตุลาคม 2550 11:04:25 น.
เรื่องนี้ดูแล้วเฉยๆนะ เป็นหนังอีกเรื่องในปีนี้(ที่มากเหลือเกิน)ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ดูจบก็รู้สึกหดหู่อยู่เหมือนกัน ซึ่งก็คงอยู่ในอารมณ์เดียวกับตัวละคร ที่ก่อนที่จะไปออกภาคสนามรู้สึกตื่นเต้น แต่พอกลับถึงประเทศบ้านเกิดอารมณ์กลับเปลี่ยนกลายเป็นหดหู่
โดย: JACK BAUER IP: 202.28.77.32 18 ตุลาคม 2550 15:19:05 น.
หนังก็ดูได้เรื่อยๆครับ พอไปได้ในช่วงนี้ที่ไม่ค่อยมีหนังไรดู
โดย: amnesia IP: 124.121.166.58 18 ตุลาคม 2550 19:25:46 น.
โดย: sunontinee IP: 125.25.61.217 18 ตุลาคม 2550 21:25:14 น.
ติดตาเจมี่ฟอกซ์เลยนึกว่าเป็นหนังของไม่เคิลมานน์ซะอีก
ชอบผู้พันอัลกาซีห์อ่ะ เด่นสุดอย่างที่พี่ว่าเลย โดยเฉพาะตอนที่ไปหาข้อมูลเรื่องอาบู ฮัมซ่ากับอดีตคนร้ายกลับใจอ่ะ
เสียดายไม่น่าจบเรื่องความตายเลย
หนังเรื่องไหนที่ผมกำลังจะชอบมักเป็นแบบนี้ทุกที
แต่สงสัยผมคงอินกับฉากแอคชั่นมากเกินเลยไม่รู้สึกเรื่องคาเมราแฮนด์เฮลสักเท่าไร
เอาไว้รอดูแผ่นอีกเที่ยวแล้วกัน แหงะ
น๊านนานจะได้เข้าโรงหนังสักทีแบบว่าไม่ค่อยค้นน่ะครับ อิอิ ส่วนมากจะตามอ่านรีวิวของพี่ซะมากกว่า
โดย: DeltA IP: 58.9.188.199 20 ตุลาคม 2550 23:24:13 น.
โดยส่วนตัวเป็นมุสลิมอยู่แล้ว ที่ไปดูหนังเรื่องนี้เพราะอยากรู้ว่าอเมริกันจะทำหนังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชนชาติอื่นออกมาเป็นแบบไหน และผลสรุปก็เป็นไปอย่างที่คิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ศาสนาอิสลามสอนเรื่องความรุนแรง ฆ่าคนไร้เหตุผล การไม่ปะปนระหว่างชายและหญิง ฯลฯ ดูเหมือนว่าจะนำเสนอให้ผลรวมออกมาเป็นด้านลบของมุสลิมซะส่วนใหญ่
ส่วนในด้านดี ไม่ว่าจะเป็นการละหมาด การทักทาย หรือวิถีชีวิตของมุสลิม โฟกัสออกมาแค่นิดเดียว แต่เรื่องที่ว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาแห่งการก่อการร้ายเหมือนจะเป็นจุดโฟกัสจุดหลักที่ต้องการนำเสนอให้ผู้ชมหนังเรื่องนี้ทราบ
โดย: bebek 30 ตุลาคม 2550 14:37:53 น.
โดย: iakgoog IP: 58.10.102.210 30 ตุลาคม 2550 16:57:57 น.
สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม
หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนัง
ได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน
โดย: ป๋องแป๋ง IP: 124.120.0.136 24 มีนาคม 2551 17:05:08 น.