bloggang.com mainmenu search




... เมื่อมาถึงภาคนี้ ดูเหมือน Saw จะเป็นแฟรนไชส์ที่ขายแฟนประจำเป็นเป้าหมายหลักเสียแล้ว เพราะคนที่เคยดูๆมาก็อยากจะติดตามว่า เนื้อหาของหนังจะเล่นอย่างไรต่อไป จะมีอะไรมาหลอกเราได้อีก

จะต่างจากแฟรนไชส์หนังสยอง พวกศุกร์ 13 หรือ นิ้วเขมือบ ก็ตรงที่ แฟนๆหนัง Saw จำเป็นต้องดูภาคก่อนๆมาเป็นการบ้าน สำหรับคนที่ไม่เคยดูมาก่อน จัดได้ว่า เป็นเรื่องยากที่จะเก็บอะไรได้ครบ เพราะแต่ละภาค ล้วนเก็บเล็กผสมน้อยจากภาคก่อนๆ เช่นเดียวกับภาคนี้ ขนาดคนที่ดูมาครบ แต่ทิ้งช่วงนาน ก็ยังงงๆอยู่พักใหญ่ว่าใครเป็นใครอยู่เหมือนกัน

เสน่ห์ของ Saw ที่เหนือหนังเลือดสาดเรื่องอื่นๆ อยู่ที่

1.กับดัก อุปกรณ์ ... เชื่อได้ว่า แฟนๆ saw เฝ้ารอว่า หนังจะมี อุปกรณ์เด็ดๆอะไรมาทรมานเหยื่ออีก ผู้สร้างจึงตอบสนองความต้องการคนดูด้วยการคิดกลไกแปลกๆแหวกๆซับซ้อนมากขึ้น แต่ ปัญหาคือ ดูเหมือน ผู้สร้างจะเข้าใจผิดๆคิดว่า ความตื่นเต้นสยองขวัญจะเกิดจากเนื้อหนังมังสาสดๆถูกทึ้งถูกชำแหละ ภาคหลังๆของหนังจึงลดความคิดสร้างสรรค์ แล้วเอาทุนสร้างไปซื้อเลือดซื้อสมองซื้อไส้มาใส่ให้มากขึ้น



ผู้กำกับหนังลึกลับเขย่าขวัญ น่าจะกลับมาดูหนังเก่าๆที่ทำให้คนดูฝันร้ายโดยไม่ต้องเทแกลลอนเลือด หรือ ไม่ต้องดูอื่นไกล cloverfireld ก็เป็นตัวอย่างอันดีที่จะแสดงให้เห็นว่า การให้จินตนาการคนดูทำงาน จะได้ผลดีกว่า การสร้างอะไรให้เห็นกับแบบจะๆชัดเจน



ดังนั้น สิ่งที่จะชนะใจคนดูไม่ใช่ เอาตับมาบี้ตรงหน้าคนดู แต่การเล่นกับจินตนาการ ให้คนดูคิดให้คนดูกลัวเอง จะดีกว่า หลายอุปกรณ์ใน Saw IV จึงไม่ค่อยถูกใจผมเท่าไหร่ยกเว้น ไอ้เจ้าอุปกรณ์ คนหนึ่งใบ้ คนหนึ่งบอด ที่ ดูแล้วจ๊ะอึ๋ยเสียวเจ็บแทน



2.เนื้อหาที่มากไปกว่า การไล่ฆ่าของผู้ร้ายโรคจิต

2.1 ปรัชญาชีวิต

ถ้า จิ๊กซอว์ ไม่วิปริตผิดมนุษย์มนา ไม่เลือกใช้กับดักประหลาดๆ คาดว่า แกอาจได้ทำงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยดังๆ ในรายวิชาประเภทปรัชญาชีวิต หรือ วิชาย่อย moral dilemma

อ.ซอว์ มอบบทเรียนให้ลูกศิษย์เสมอ ภาคก่อนๆ อ.สอนถึงบทเรียนของการใช้ชีวิตให้รู้ถึงคุณค่า เพราะบางคนเกิดมา ใช้ชีวิตทิ้งๆขว้างๆ หรือ บางคนกำลังเดินหลงทางด้วยการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อจับคนร้าย เกิดคำถามในใจว่า เป็นสิ่งควรทำหรือไม่ หรือ บทเรียนของคนที่มีชีวิตยึดติดกับความแค้น
อ.เลยจับ นักเรียน ที่อาจารย์เห็นว่ามีแวว มานั่งทำแบบทดสอบ

ในแต่ละภาค ไม่ว่า บทเรียนจะเน้นประเด็นไหน แต่ สิ่งที่ อ.ซอว์เน้นย้ำมาตลอดคือ การปฏิบัติตามกฎกติกา

ซึ่งกฎข้อนี้สำคัญมากๆและดูเหมือนว่า นายตำรวจผู้รับผิดชอบคดีในแต่ละภาคที่คุยเหลือเกินว่า ศึกษา จิ๊กซอว์ มาอย่างดิบดี ก็ไม่เคยสอบผ่าน สุดท้าย ก็ตายเพราะ การไม่ยอมเล่นตามกฎกติกา

เป็น กฎข้อสำคัญ ที่ทำให้ จิ๊กซอว์ ดูเป็นตัวร้ายที่เท่ขึ้นมาในทันที ในเวลาที่เหยื่อทำตามและรอดชีวิต เขาก็ปล่อยเหยื่อให้มีชีวิตต่อไป

...บทเรียนในภาคนี้คือ ความหมกมุ่น(obsession)

นายตำรวจริกก์ ไม่อาจสลัดความคิดที่จะตามล่าจิ๊กซอว์ จนทำให้ภรรยาเสียใจ อ.จึงสอนว่า เราไม่สามารถช่วยคนทุกคนได้ทั้งหมด ในหลายๆครั้ง มนุษย์ก็ต้องเรียนรู้ที่ปล่อยวาง รู้จักที่จะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเป็นสุข รู้จัก หาทางช่วยตัวเองไม่ใช่รอการพึ่งพาใคร

กับดักทั้งหลายตามรายทาง ที่จิ๊กซอว์ทิ้งไว้ เป็นเหมือนคำใบ้ และ คำท้า ว่านายตำรวจริกก์ จะเดินตามรอยเพื่อไปช่วยเพื่อนตำรวจที่ถูกจับ หรือ จะกลับบ้านตามคำสั่งของอ.จิ๊กซอว์

ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเขาเลือกทำตามกฎกติกา ทุกๆคนรวมทั้งตัวเขาจะรอดตาย



2.2 อดีตของ อ.ซอว์

ทำไมอ.ถึงเน้นเหลือเกินกับประเด็น การใช้ชีวิตให้รู้คุณค่า กับ แต่ละคนมีหน้าที่ต้องหาทางช่วยตัวเอง หนังมาเฉลยในภาคนี้นี่เอง

สมัยอ.จิ๊กซอว์ ยังเป็นแค่วิศวกรออกแบบ แกยังไม่ป่วยเป็นเนื้อร้ายในสมอง แกกำลังจะมีลูก ภรรยาท้องแก่ของเขาตัดสินใจเปิดคลินิกบำบัดยาเสพติด ผู้ป่วยติดยาเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ใครๆต่อใครมักจะรังเกียจและเหนื่อยหน่าย แต่ ภรรยาเชื่อว่า คนกลุ่มนี้สามารถที่จะช่วยได้

แต่ กลับกลายเป็นว่า ภรรยาถูกคนติดยาทำร้ายจนแท้ง ชีวิตครอบครัวที่วาดฝันไว้ถูกทำลาย ตุ๊กตาไม้ที่เตรียมไว้ให้ลูกก็เป็นหมัน

ตุ๊กตาไม้ของอ.ซอว์ เคยเป็นตัวแทนของ ความหวังและอนาคต สุดท้ายกลายมาเป็นของสมนาคุณโรคจิตที่ อ.เอามาแก้แค้นเหยื่อ โดยเหยื่อรายแรกคือคนติดยาที่ทำให้เมียแท้ง ซึ่ง อ.ต้องการย้ำว่า ไม่ว่าใคร จะป่วยเป็นอะไร จะติดยา หรือ มีปัญหาชีวิต เราแต่ละคนต้องช่วยตัวเองเท่านั้น อย่าไปหวังพึ่งพาใคร

นี่คือที่มาที่ไป ของ เหตุผลของอ.จิ๊กซอว์ ที่หนังได้อธิบาย


3.การเล่าเรื่องที่มีกลยุทธล่อหลอก

... นอกจาก Saw มีเซอร์ไพรส์ให้ประหลาดใจในภาคแรก สิ่งที่ภาคต่อๆทำออกมาได้ดี คือ กลวิธีการเล่าเรื่อง ที่คอยล่อหลอกคนดูให้ตกหลุมพราง

สิ่งที่ล่อผมให้อยากดูมากๆในภาคนี้ ไม่ใช่ว่า ใครจะเป็นตัวร้าย แต่ ผมอยากรู้มากๆว่า ในเมื่อ Saw ตายไปแล้วในภาค 3 เขาจะสามารถมีบทบาททดสอบชาวบ้าน ในภาค 4 อีกได้อย่างไร



หนังเหมือนจะท้าทายสมองคนดูสุด ตั้งแต่เปิดเรื่องที่ เอาศพจิ๊กซอว์ มาเลาะหนังหัว เลื่อยผ่ากะโหลก แง่กะโหลกออก ควักสมอง ผ่ากลางตัว เพื่อยืนยันกับคนดูว่า ซอว์ ตายแล้วจ้า ไม่มีการหลอกหรือกแกล้งตาย

แล้วคนชันสูตรศพอ.ซอว์ก็ เจอ เทป ที่ลุงแกอุตส่าห์กินเข้าไป เมื่อเปิดออกมา เสียงคุ้นเคยของเขาก็พูดประโยคเหมือนเคยๆที่ว่า เกมส์ได้เริ่มต้นแล้ว โดยนายตำรวจที่ฟังยืนอึ้งราวกับคิดว่า ตรูซวยแล้ว

หลังจากนั้น ผมก็นั่งรีดเซลล์สมองตลอดเวลาว่า หนังจะหลอกคนดูอย่างไร ทำไมตายไปแล้วถึงวางแผนได้อย่างรอบคอบหมดจรดเหมือนตาเห็น บทหนังจะมีช่องโหว่ให้ด่าตอนท้ายหรือไม่

จนกระทั่ง เมื่อหนังเฉลย

ผมก็สะใจเหลือเกินที่พบว่า โดนแล้วอีกแว้วววว ตรู

... ถึงภาคนี้ จะมี ตัวเลือกใหม่ๆที่น่าสงสัยเป็นพิเศษอย่าง อดีตภรรยาจิ๊กซอว์ ที่หลักฐานชี้ทางไปเหลือเกินว่า แกอาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่สุดท้ายก็น่าผิดหวัง ในแง่การหักมุมเพราะเดาได้ไม่ยากนักและ น่าผิดหวังในภาวะหมดไอเดียสร้างสรรค์สำหรับการฆ่า แถม หลายๆอย่าง ก็เหมือนกับการเอาของเก่าของตัวเองมารีไซเคิล เช่น การเล่าเรื่องคู่ขนาน หรือ ตัวร้ายอยู่ตรงหน้า ฯลฯ

แต่สิ่งที่หนังทำออกมาได้ดีก็ตรง การหลอกลำดับเรื่องราวที่ทำได้เนียนดีแท้ และ เฉลยออกมาแล้ว ไม่มั่ว ไม่ดูถูกสมองคนดู เสียตรงที่ วิธีเล่าแบบนี้มี Bourne ultimatum เพิ่งทำออกมาใกล้ๆกัน จึงลดทอนความน่าทึ่งลงไปพอควร


สิ่งที่ชอบ

1.การหลอกจากการเล่าเรื่อง

2.ที่มาที่ไปของซอว์

3.ฉลาดเข้าใจหาทางออกในการสร้างภาค 4 ที่ไม่น่าจะทำออกมาได้น่าเชื่อถือ พิจารณาจากตอนจบที่ตายเหี้ยนในภาค 3


สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ความคิดสร้างสรรค์มาถึงทางตัน เช่น เครื่องมือทรมานเหยื่อทั้งหลาย

2.เริ่มใช้ของเก่าซ้ำๆหากิน จนบางอย่างน่าผิดหวัง เช่น ฉากเฉลยฆาตกร

3.จงใจโชว์เลือดโชว์เนื้อโชว์ทรมานเกินเหตุ เกินความจำเป็น


สรุป ... ผมชอบ Saw 4 สูสีกับ Saw -3 แต่ก็htmlentities(' >') 2 ซึ่งที่สุดแล้วที่ชอบที่สุดก็ยังคงเป็น Saw 1 ตอนนี้ก็เฝ้ารอ Saw 5,6 ว่า จะมาหลอกกันได้สำเร็จอีกหรือเปล่า

และถ้าเทียบกับหนังเลือดสาดภาคต่อของปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Hostel 2 หรือ The hills have eyes 2 ยิ่งทำให้ Saw4 กลายเป็นหนังออสการ์ขึ้นมาได้ในทันที


ป.ล. ... นึกหงุดหงิดตัวเองจนอยากจะจับตัวเองไปนั่งกับดักจิ๊กซอว์ เพราะ ตั้งใจไว้ว่า หนังจะดีจะแย่ก็จะขอนั่งแช่ฟังเพลงใหม่ของx-japan ตอนหนังจบ กลับกลายเป็นว่า พอหนังจบก็คิดทบทวนหนังเพลินๆรู้ตัวอีกทีก็เดินลงมาที่ร้านหนังสือเรียบร้อยแล้ว



Link บทความที่อ้างอิงถึง

36 ข้อของ Cloverfield กับผมฯ ( โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายยยยย แอวะ)

Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์

Saw II , สยองอย่างมีประเด็น

Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต






แจ้งข่าวจ้า : องศาที่ 361 คลอดอย่างเป็นทางการแล้ววววว




อ่านเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ไขเบื้องหลังของหนังสือ คลิกได้ที่นี่เลยครับ

เบื้องหลัง 'องศาที่ 361' - พ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่ 2 ของ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”

อ่านจบเมื่อใด ขอเชิญชวนมาพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือ คลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ

อ่านแล้วมาคุยกัน ... "องศาที่ 361


ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม





ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิกhtmlentities(' >')> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date :24 มกราคม 2551 Last Update :24 มกราคม 2551 11:11:31 น. Counter : Pageviews. Comments :22