bloggang.com mainmenu search


...มีโจทย์อยู่สองข้อสำหรับ Paris, je t'aime หนึ่งคือ หนังสั้น สองคือ ปารีส(ฉันรักเธอ) จากนั้นผู้กำกับระดับแถวหน้าทั้งหลายก็ต้องรับผิดชอบตีความ ความเป็น ปารีส เฌอแตม ของตัวเองออกมา ซึ่งแต่ละคนนั้นก็จัดได้ว่าเป็นแถวหน้า ในงานกำกับหนังยาว การต้องเปลี่ยนมากำกับหนังสั้นกินเวลา 5-7นาที เป็นเหมือนการบ้านที่ยากและท้าทายความสามารถของพวกเขาอยางยิ่ง

ความหลากหลายและอิสระทางความคิดทำให้ผู้กำกับกลุ่มนี้สร้างงานในมุมมองตัวเองออกมาหลากรูปแบบหลากอารมณ์ ถ้าจับดูแยกแค่บางเรื่องจะพบว่า มันช่างบางเบาโหวงเหวง และ บางเรื่องก็เจ๋งน่าดู

เมื่อยำผสมกันออกมา จึงทำให้ เป็นรวมหนังสั้นที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง เพียงแต่ มันไม่ได้ดีเท่าที่คาดไว้เท่าไหร่นัก เพราะ การโชว์ของ ของผู้กำกับหลายคนก็ออกจะเป็นเหมือน งานพักผ่อน จนเกินไปนิด และ เมื่อตอนที่ชอบมาก ต้องมาถัวเฉลี่ยกับตอนที่ ไม่ปลื้ม ผลรวมก็เลยออกมายัง ไม่โดน เท่าที่ควร

ตอนจบของหนัง มีการพยายามเชื่อมโยง เรื่องราวในบางตอนเข้าด้วยกัน เสียดายที่ทำได้แค่บางตอน มันก็เลยอดรู้สึกไม่ได้ว่า ถ้าเช่นนั้น จบลงตรงที่เรื่องสุดท้ายโดยไม่ต้องพยายามเชื่อมโยง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

อย่างไรก็ดี หนังชุดนี้ก็มี หลายเรื่องที่ เป็น ตัวอย่างของหนังสั้นเวลาไม่ถึงสิบนาที ที่ทำออกมาได้คุ้มค่าต่อการรับชม


สำหรับผม ปารีส กลุ่มนี้ คือ ปารีสที่ผม รัก


Quartier Latin (ร้ายเข้าคู่) ฝีมือกำกับของ Frederic Auburtin คู่กับ Gerard Depardieu

คู่สามีภรรยาวัยดึกนัดเจอเพื่อเจรจาการหย่า แม้จะกัดกันเหน็บกันไปมา ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ เราสามารถสัมผัสได้ถึง ความเชื่อมโยง(connection)ของคนทั้งสองคน ที่น่าเศร้าก็ตรงเหมือนชีวิตคู่หลายๆชีวิต ที่แม้จะยังคงเหลือความรักแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจไปด้วยกันได้ เหลือลงท้ายที่ความขมขื่น

การจับคู่ของสองนักแสดงที่เคมีเข้ากันแบบแสบสันต์ ทำให้ ภาพคนหนึ่งบอก Bitch แล้วอีกคนส่ง จูบ ให้นั้นยังติดตา



Faubourg Saint-Denis (ความรักในโลกมายา) ของ Tom Tykwer เจ้าของผลงานสุดฮิป อย่าง Run Lola Run งานน่าทึ่งอย่าง Heaven และ งานน่าชื่นชมล่าสุดใน Perfume

ชายตาบอดพบรักนักแสดงสาวหน้าใหม่ ความรักดำเนินไปไวปานกดปุ่ม FF เราจะได้เห็นตั้งแต่แรกรักจนแยกจาก ก่อนจะตีตลบกลับมาอีกครั้ง นอกจากเทคนิกการเล่าเรื่องที่เจ๋งและล้ำ การเล่นกับ โลกมืด VS. โลกมายา ก็ทำให้ช่วงเวลาสั้นของหนังได้โชว์ความคิดสร้างสรรค์ของตัวบทภาพยนตร์



Tour Eiffel (มนต์รักละครใบ้) ของ Sylvain Chomet ที่เคยมีผลงานแอนิเมชั่นปั่นจักรยาน The Triplets of Belleville

เด็กผู้ชายคนหนึ่งจะมาเล่า ชีวิตรักของพ่อและแม่ก่อนที่จะมีเขาถือกำเนิดขึ้นมา พ่อและแม่ของเขาไม่เหมือนคนธรรมดาๆทั่วไป เพราะ ทั้งคู่เป็นนักแสดงละครใบ้หน้าขาว ซึ่ง การแสดงละครใบ้ที่อยู่ในหนังคือเสน่ห์ที่ทำให้ตอนนี้มีความน่ารักเป็นอย่างยิ่ง



Parc Monceau (บทสนทนาพาเพลิน) ของ Alfonso Cuaron ที่เพิ่งจะทำให้เราได้ทึ่งใน Children of men โดยเฉพาะฉากลองเทคที่ดูเหมือนเขาจะติดใจ

ในชุดนี้ มีหนังที่ผมจัดอยู่ในกลุ่ม “ไม่มีอะไรในกอไผ่” อยู่สองสามเรื่อง บังเอิญ ตอนนี้เป็นตอนที่ผมชอบ แม้เนื้อหาจะมีอยู่แค่ว่า พ่อกับลูกเดินคุยกันเกี่ยวกับการมีห่วงคล้องชีวิตให้ขาดอิสระ จากต้นถนนไปสุดทาง เพียงแค่คุยเท่านี้จริงๆ แต่ การถ่ายแบบลองเทคบวกกับจุดหักมุม(สำหรับผม) ก็ชวนให้ยิ้มได้เมื่อหนังจบลง เรื่องนี้ถ้าไม่กลับมาดูรายชื่อนักแสดง จะไม่ทันสังเกตเลยว่า สาวอึ๋มสุดเซ็กซี่Ludivine Sagnier จาก swimming pool คือ ตัวเอกของเรื่อง


Bastille (การเกิดใหม่ของความรัก) ของ Isabel Coixet จาก My Life Without Me

'เขา' กำลังจะบอกเลิกกับ 'เธอ' แต่ด้วยเหตุบางอย่างที่สอดแทรกเข้ามา การบอกเลิกจึงต้องเปลี่ยนไป แล้ว ความรักก็ผลิบานใหม่อีกครั้ง เป็นหนังสั้นตอนที่เล่าเรื่องโดยใช้ความเป็นหนังสั้นเมโลดราม่าได้เข้าที ผมชอบตอนนี้ในแง่ของการเป็น หนังรัก ที่ใช้เวลาสั้นๆ เล่าเรื่องราวและส่งต่ออารมณ์มายังคนดูภายในเวลาที่กำหนดได้อย่างลงตัว



Porte de Choisy(หรรษาในปารีส) โดย Christopher Doyle ตากล้องฝีมือเฉียบคู่ใจหว่องกาไว

มารับงานกำกับเองในตอนนี้ ไม่รู้จะเล่าเนื้อเรื่องอย่างไร กับ หนังโชว์สไตล์ขายความแหวกแนว ที่ดูจะเป็นตอนเดียวในชุดนี้ ที่ไม่ได้พูดถึงความรักความสัมพันธ์ ที่ชอบตอนนี้เพียงเพราะ มันบ้ามาก บ้ามากและ บ้ามาก



14th arrondissement (ปารีสและตัวฉัน) โดย อเล็กซานเดอร์ เพย์น จาก Sideways

เพย์น ยังคงนำเสนอชีวิตช่วงวัยกลางคนที่เปลี่ยวเหงาของตัวละครได้เป็นอย่างดี และ ที่น่าชื่นชมคือ มันสอดรับกับปารีสตามชื่อเรื่อง จนออกมาเป็นความรื่นรมย์ทั้งจากเรื่องราวของตัวละครและจากตัวเมือง สมกับชื่อเรื่องเป็นอย่างดี



สำหรับคุณแล้ว คุณรักปารีส ตอนใดใน Paris, je t'aime




หมายเหตุ : และ ความเห็นต่อไปนี้ คือ ปารีสส่วนที่เหลือ

ปารีส ผม ชอบ เธอ


Quais de Seine (รักแรกรุ่น) จากผู้กำกับที่มีผลงานดาวรุ่งเรื่อง Bend It Like Beckham ที่ให้เด็กสาวคนหนึ่งอยากเป็นนักฟุตบอล มาสู่เรื่องของ เด็กหนุ่มวัยแตกพานนั่งแซวสาวอยู่ริมแม่น้ำ หนึ่งในนั้นก็ได้พบสบตากับ สาวมุสลิม ความปิ๊งทำให้เขาถอนตัวออกมาจากกลุ่มเด็กแนวแซวสาวปากเสีย มาติดตามเธอเพื่อหวังทำความรู้จัก

หนังน่ารักๆสบายๆ เสียดายที่มีอะไรน้อยไปนิด แต่อารมณ์ใสๆของวัยใสทำได้ดี




Tuileries (ซวยเพราะสบตา) โดย สองพี่น้องโคเอนที่รู้จักในหนังตลกร้ายหลายต่อหลายเรื่อง

นักท่องเที่ยวอเมริกันกำลังนั่งพักในสถานีรถใต้ดิน ดูเขาจะมีความสุขกับการมาเมืองใหม่ๆเช่นปารีส แต่แล้วเขากลับทำผิดคำแนะนำที่คู่มือนักท่องเที่ยวบอกไว้ อย่าสบตาคนฝรั่งเศส ผลลัพธ์จึงตามมาด้วย ความซวยแสนเซ็ง
ซึ่งก็ขำดี แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น เครดิตหลักๆน่าจะยกให้กับ การแสดงซื่อกวนโอ๊ย ของ สตีฟ บุซเซมี่



Quartier des Enfants Rouges (รักเธอหลังซื้อยา) จากผู้กำกับที่ล่าสุดกำกับจางม่านอวี้ใน Clean

นักแสดงสาวชาวอเมริกัน สั่งยา(เสพติด)จากคนท้องถิ่น เพียงชั่ววินาทีที่เขาอยู่ใกล้และสื่อสารความปรารถนาอย่างสัมผัสเธอ เขาจากไปมอบเบอร์ให้ เธอสั่งยาใหม่หวังเจอเขา แต่ เขาไม่กลับมา ให้อารมณ์เศร้าๆเหงาๆเล็กๆ ทำให้รู้สึกถึงความจี๊ดแรกพบได้ดีกว่า ตอนแรกของหนังชุดนี้



Pere-Lachaise (รักระหว่างหลุม)ของWes Craven เจ้าพ่อหนังหยองๆอย่าง Scream

นักท่องเที่ยวคู่รักหนุ่มสาวสองคนท่องเที่ยวปารีส แล้วความไม่เข้ากัน วิญญาณดวงหนึ่งช่วยให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจ หนังเล่าปัญหาความสัมพันธ์ที่พบกันได้บ่อยๆแบบเบาๆ


Place des fetes (รักเลี่ยนๆ) ของ Oliver Schmitz

พนักงานลานจอดรถ ปิ๊ง สาวผิวดำคนขับรถ แล้ว ชั่วข้ามวันข้ามคืน ชะตากรรมนำเขาและเธอมาพบกันอีกครั้ง ได้พูดคุยและซื้อกาแฟมาดื่มด้วยกัน เพียงแต่ว่า ...

ถ้าตอนหญิงชุดแดงว่าบิวท์แล้ว ตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกถึงความบิวท์แบบสุดๆจนเลี่ยนไปนิดและเดาได้ง่ายไปหน่อย ก็เลยอินน้อยลงตาม


Place des victoires(ความเศร้าที่กัดกิน) โดยผู้กำกับจากแดนปลาดิบ Nobuhiro Suwa

เล่าเรื่องภาวะเศร้าโศกจากการสูญเสีย(grief)ที่เจ้าตัวยังไม่สามารถทำใจ การเดินทางของตัวละครภายในช่วงเวลาไม่กี่นาทีของจูเลียต บิโนช ทำให้ตอนนี้เป็นตอนที่ดึงอารมณ์คนดูลงต่ำก่อนจะผ่อนคลายในตอนจบ เป็นอีกตอนที่ดีเสียตรงที่มันสั้นเกินไปหน่อยสำหรับการอินตาม


oin du 16eme (ค่าน้ำนม) ฝีมือการกำกับของ Walter Salles และ Daniela Thomas

ความเป็นแม่ถูกนำเสนออย่างเรียบง่ายและอบอุ่น แทบจะไม่มีพล็อตอะไรมาก แต่ อารมณ์ของหนังที่ตั้งใจจะบอกเล่าความเป็นแม่ ทำได้ถึงใจคนดูเต็มๆ



Le Marais(โทรหากันหน่อย) โดย Gus van Sant

อีกหนึ่งในกลุ่ม “ไม่มีอะไรในกอไผ่” มีดีตรงจังหวะของหนังที่เล่นกับภาวะ lost in translation ให้คนดูได้อมยิ้ม เพียงแต่ ดูจบได้แต่คิดว่า เนื้อหามีเท่านี้จริงๆเหรอ


และ 3 เรื่องสุดท้ายนี้ คือ


ปารีส - ผมฯไม่ปลื้ม


Montmartre(ความว่างเปล่าในปารีส) จากผู้กำกับชาวฝรั่งเศสมีผลงานหนังฝรั่งเศสหลายเรื่องที่ผมไม่เคยดู

อีกเรื่องที่ผมจัดไว้ในกลุ่ม “ไม่มีอะไรในกอไผ่”นี่เป็นตอนที่ไม่ชอบมากที่สุด เพราะ เนื้อหารึก็ไม่ได้ อารมณ์รึก็ไม่ถึง และบังเอิญโผล่มาเป็นตอนแรก ชวนให้หวั่นๆตอนถัดๆไปอยู่เหมือนกัน



Quartier de la Madeleine (ผีดิบกลางปารีส) จากผู้กำกับหนังชวนคิดที่จับคนใส่กล่องสี่เหลี่ยม เรื่อง Cube

สีสันเจ็บๆ เด่นด้วยสไตล์และงานภาพ แต่ ดูจบ กลับไม่รู้สึกว่าถึงอะไรที่น่าจดจำ ไม่ประทับใจ


Pigalle (เซ็กส์เสื่อมในปารีส) โดย Richard LaGravenese

หนุ่มใหญ่หมดสมรรถภาพทางเพศ ตามหา ความรู้สึกที่หดหาย เป็นตอนที่ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แถมโปสเตอร์ตอนท้ายก็ดันไม่ขึ้นซับไตเติ้ลให้ เลยไม่รู้เลยว่าสองคนนั้นเป็นอะไรกันอีกหรือเปล่า




ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(นอกจากตามร้านทั่วไป สนพ.ฝากแจ้งว่า มีลด15% ถึงสิ้นเดือนกค.ที่ ดอกหญ้าสาขา อนุสาวรีย์, เมเจอร์สุขุมวิท, พันธ์ทิพย์ กทม., เมเจอร์เชียงใหม่, แฟชันไอแลนด์, เมเจอร์รังสิต, เมเจอร์ปิ่นเกล้า, เมเจอร์รัชโยธิน)

เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิกhtmlentities(' >')> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date :24 กรกฎาคม 2550 Last Update :24 กรกฎาคม 2550 16:56:48 น. Counter : Pageviews. Comments :23