...ความจริงเขียนถึงหนังเรื่องนี้เสร็จไปเป็นเดือนๆแล้ว แต่ตั้งใจว่า จะเอามาลง blog ตอนที่หนังออกเป็นแผ่นลิขสิทธิ์ แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีวี่แวว วันนี้ไปดู Next มา เจอนางเอกคนเดียวกัน (เจสสิก้า บีล) เลยคิดว่า เอามาลง blog เลยดีกว่า เดี๋ยวดองไว้นานจะเค็มเกินไปหรือไม่อาจจะรอเก้อ
เป็นธรรมเนียมปกติที่ทุกหนึ่งหรือสองปี เราจะพบเห็นความบังเอิญ(หรือเปล่า) ของฮอลลีวูดที่จะสร้างหนังออกมาชนกัน เช่น แอนิเมชั่นมดเหมือนกัน(Antz VS. A bugs life) , มีโครงการสร้างหนังอเล็กซานเดอร์มหาราชเหมือนกัน ฯลฯ
การชนกันของความเหมือนแบบนี้ บ้างก็พังทั้งคู่ บ้างก็พังไปไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง บ้างก็ยุบโปรเจ็คต์ไปตั้งแต่ยังไม่ทันสร้าง
ปี 2006 ถือเป็นข้อยกเว้น เพราะเราจะได้เห็น หนังเกี่ยวกับ นักมายากล ถูกสร้างขึ้นมาชนกัน และ ทั้งสองเรื่องนั้นเล่าเรื่องในแนวหนังที่แตกต่าง ธีมหลักของเรื่องก็แตกต่าง
ผลลัพธ์สุดท้ายทั้งสองเรื่องล้วนมีดีในตัวเกินมาตรฐานหนังทั่วๆไป จัดได้ว่าเป็นหนังที่มีคุณภาพสูงด้วยกันทั้งคู่
The Prestige เป็นเรื่องของ นักมายากลสองคนที่ตกหลุมพรางของอำนาจมืดในจิตใจ จนพยายามเอาชนะกันเพื่อหวังแก้แค้นและหวังเป็นนักมายากลผู้ยิ่งใหญ่ จนต้อง
สูญเสียความรักไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
The Illusionist กลับตรงกันข้าม เพราะเป็นเรื่องของ นักมายากลคนหนึ่งที่พยายามทำทุกทาง เพื่อ
รั้งความรักที่เคยสูญเสียไปกลับมาไว้กับตัว
...ที่กรุงเวียนนา เด็กหนุ่มคนหนึ่งหลงใหลในมายากล หลังจากพบชายแก่แสดงกลอันน่าทึ่งระหว่างทาง มายากล ชักนำให้เขาได้มากับ โซฟี เพื่อนสาวจากตระกูลสูงศักดิ์ พวกเขาพบเจอกัน ชอบพอกัน แล้วต้องพลัดพรากเพราะฐานะสังคมที่แตกต่าง
ในวันที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงพร้อมเจ้าหน้าที่ตามหาตัวทั้งคู่ที่หนีไปซ่อน เธอขอร้องให้เขาใช้มายากลทำให้
เราทั้งสองคน หายตัวไป
เขาทำไม่ได้ เพราะ
มายากล ไม่ใช่
เวทมนตร์แล้วทั้งคู่ก็ต้องแยกจากกัน
สิบห้าปีต่อมา
...เด็กหนุ่มกลายมาเป็นนักมายากลเลื่องชื่อ เจ้าของฉายา ไอเซนไฮม์ ซึ่งแสดงโชว์มายากลอันน่าทึ่งให้กับชาวเมืองต้องตื่นเต้นตะลึงงัน และ ในโชว์ของเขานี่เอง ที่ทำให้เขามีโอกาสได้พบ โซฟี อีกครั้ง
โซฟี ในตอนนี้มีศักดิ์เป็น ดัชเชส วอนเทเช่น เธอมาในฐานะคู่รักของเจ้าชายลีโอโพลด์
โซฟี วางแผนหลบหนีจากเจ้าชายเพื่อไปอยู่กับ ไอเซนไฮม์ แต่เธอถูกแทงตายอย่างโหดร้ายในคืนที่กำลังจะหนีไป
ไอเซนไฮม์ เศร้าโศกต่อการจากไปอย่างไม่หวนคืนของโซฟี
เจ้าชายลีโอโพลด์ กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ
...นายตำรวจอูล์ ก้าวเข้ามารับผิดชอบคลี่คลายคดีนี้อย่างเต็มตัว ใจหนึ่งเขาไม่อยากจับกุมไอเซนไฮม์เพราะเขาเองก็เชื่อและยอมรับในฝีมือในตัวไอเซนไฮม์ แต่หากเขาไม่สามารถจัดการอะไรได้ เขาก็อาจถูกปลดจากตำแหน่งโดยเจ้าชายลีโอโพลด์
(เจ้าชาย ลีโอโพลด์)
(ไอเซ็นไฮม์ และ โซฟี )
(นายตำรวจอูล์)...แล้ว ไอเซนไฮม์ ก็สร้างกระแสและความสับสนวุ่นวายไปทั่วเมืองเวียนนากับ กลชิ้นใหม่ล่าสุดที่เขาคิดค้นขึ้น
กลเรียกวิญญาณไอเซนไฮม์สร้างโชว์ที่อัศจรรย์มากขึ้น เขาเสกคนขึ้นมาต่อหน้าคนดู คนที่มีลักษณะเหมือนกับภาพโฮโลแกรมสามมิติที่จับต้องไม่ได้แต่สามารถสนทนาโต้ตอบกับผู้ชม
การแสดงชุดนี้สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเมืองเวียนนา ผู้คนเริ่มศรัทธาและมองว่าเป็นเรื่องของพลังวิญญาณ
ความวุ่นวายถึงขีดสุด เมื่อเขาเรียก โซฟี กลับมาในกลชิ้นนี้ และ เจ้าชายกลายเป็นผู้ต้องหาในสายตาของประชาชน
นายตำรวจอูล์ ต้องรับผิดชอบงานหนักมากขึ้นเมื่อต้องค้นหาว่า ทริค ของ ไอเซนไฮม์คืออะไร
เป็นภาพลวง(illusion)อย่างที่เขาว่า เป็นมายากล หรือ เป็นเวทมนต์ที่เขาทำได้จริง
...น่าเสียดายมากๆ ที่คนดูบ้านเราหมดโอกาสชมหนังเรื่องนี้เพราะไม่มีคนนำเข้า The Illusionist , เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้อย่างมีเสน่ห์ มีแรงดึงดูดจากการแสดงที่ดีของเอ็ดเวิร์ด นอตั้น ที่สร้างภาพนักมายากลชนิดที่คนดูอาจรู้สึกเหมือนกับประชาชนชาวเวียนนาว่า เขาอาจมีมนต์หรือพลังวิเศษมากไปกว่าทริคจริงๆ
รูฟัส ซีเวลล์ ในบทเจ้าชายก็ดูร้ายดี ส่วน พอล จิอาแม็ตติ ก็ทำให้บทของเขาน่าดูเสมอในหนังทุกๆเรื่อง เรื่องนี้ก็เช่นกัน สำหรับบทนักสืบที่สองจิตสองใจว่าจะอยู่ข้างฝ่ายไหน เพราะใจหนึ่งก็เชื่อและชื่นชมนักมายากล แต่ด้วยฐานะตำรวจของตนก็ต้องพยายามกระชากหน้ากากหรือหาจุดอ่อนพิสูจน์ความลวงโลกของไอเซนไฮม์ เพื่อที่จะอยู่รอดได้ในหน้าที่การงาน
ความโดดเด่นของหนังยังมาจากงานสร้างและการกำกับศิลป์ที่เนี้ยบ ภาพในหนังทำให้คนดูไม่มีข้อกังขาว่าช่วงเวลาในหนังนั้นเป็นกรุงเวียนนาในอดีตจริงๆหรือไม่ เพราะรายละเอียดตั้งแต่เครื่องแต่งกายไปถึงเครื่องประดับ อีกทั้งตรอกซอกซอย งานสร้างเหล่านั้นดูสมจริงเหมือนกับว่าหนังดูสารคดีย้อนอดีต ยิ่งได้ การถ่ายภาพและนำเสนอในสไตล์โบราณยิ่งทำให้หนังดูขลังมากขึ้นไปอีก
สิ่งเดียวที่เหมือนจะเป็นจุดอ่อนของหนังเรื่องนี้ ก็ดูจะแค่ตอนเฉลยความจริงที่ ง่ายและไม่ยากต่อการคาดเดา และนั่นคือความแตกต่างจาก
The prestige หนังนักมายากลที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนเหมือนเป็นมายากลที่แพรวพราวเต็มไปด้วยเกมส์ชิงไหวชิงพริบของสองฝากฝั่งตัวละคร
ส่วน The Illusionist ดำเนินเรื่องอย่างไม่ซับซ้อน ตั้งอยู่บนโครงเรื่องหลักๆสองส่วน โดยมีมายากลเป็นสะพานเชื่อม
นั่นคือ
1.ความรักของคู่พระนาง ที่มายากลเป็นตัวชักนำให้พวกเขาได้มาพบกันและจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เขาได้อยู่หรือต้องแยกจากกันไปตลอดกาล
กับ
2.การสืบสวนคดี ที่ มายากลจะถูกล้วงถูกค้นว่าภายใต้กลมีทริคอะไรซ่อนอยู่ และ กลเหล่านั้นทำให้เกิดเรื่องราวในหนังได้อย่างไร
...เมื่อเรื่องดำเนินไปถึงตอนท้ายเชื่อว่า คนดูส่วนใหญ่น่าจะพอเดาได้ และ รู้สึกว่า เนื้อหาของหนังไม่ได้มีอะไรมากมายนัก ไม่ได้จับอะไรลึกซึ้ง ไม่เหมือน
The prestige ที่สำรวจความสัมพันธ์ของตัวละครและสำรวจด้านมืดในจิตใจของสองตัวละครเอกไปถึงแก่น
กระนั้นก็ดี ถึง The Illusionist จะดูตื้นเขินเบาบางกว่า แต่ ความสนุกชวนติดตามของหนังกลับไม่ต่างกันเลย The Illusionist เป็นเหมือนอีกหนึ่งกลที่ไม่ยิ่งใหญ่ไม่ซับซ้อน แต่ ก็เป็นมายากลที่ไม่อยากลุกไปเข้าห้องน้ำเพราะกลัวจะต้องพลาดอะไรไป
สรุป ... เป็นหนังดีอีกเรื่องหนึ่งที่หมดโอกาสได้ฉายในโรงบ้านเรา ถ้าเห็นแผ่นเมื่อไร คว้าไว้ ไม่ผิดหวัง
ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่คือการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม
(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป หาไม่เจอถามจากพนักงานขายได้เลยจ้า)ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ -->
หน้าแรก รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา
คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน
คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
สนุกกว่าที่คิด เพราะตอนจะดู มันก็จะนึกภาพเรื่อง The prestige ไว้ล่วงหน้า หุหุ
การแสดงของ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน เยี่ยมยอดมาก
โดย: renton_renton 11 พฤษภาคม 2550 1:31:29 น.
โดย: MoneyPenny 11 พฤษภาคม 2550 6:42:06 น.
โดย: บิกวอร์ (bigwores ) 11 พฤษภาคม 2550 15:31:12 น.
ดูเรื่องนี้แล้วเหนื่อยน้อยกว่า The prestige เยอะเลย
แต่ถ้าเทียบกันแล้ว สามหนุ่มยอดนักมายากล ขอยกตำแหน่งขวํญใจให้กับ ไอเซ็นไฮม์ โดยเฉพาะซีนที่เรียก โซฟีครั้งสุดท้าย
โดย: ejw IP: 58.88.67.83 11 พฤษภาคม 2550 16:29:07 น.
โดย: บลูยอชท์ 11 พฤษภาคม 2550 17:05:02 น.
โดย: n' mook IP: 210.203.179.101 11 พฤษภาคม 2550 19:58:10 น.
ส่วนตอนจบก็พอเดาได้ แต่ไม่ถึงเดาง่ายเกินไป
สรุปใครชอบ the prestige ลองหามาดู จะได้เหนมายากลที่แตกต่างกัน
โดย: [PEAK]`Larc IP: 124.121.116.135 11 พฤษภาคม 2550 23:54:52 น.
โดย: peon IP: 158.108.4.87 15 พฤษภาคม 2550 14:15:37 น.
โดย: PP IP: 158.108.244.84 10 มิถุนายน 2550 13:57:01 น.
โดย: เข็มขัดสั้น 4 สิงหาคม 2550 0:32:29 น.
โดย: แชมป์ IP: 58.8.143.83 18 กุมภาพันธ์ 2551 21:49:49 น.
... ช่วงเฉลยของเรื่อง อาจดูเป็นนิยายไปหน่อย กับอาจคาดเดาได้ สำหรับคนดูหนังแนวนี้มาเยอะๆ แต่สำหรับผมก็ต้องตามลุ้นอยู่ดีอ่ะครับ ว่าพระเอกจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเสียเปรียบนั้นได้อย่างไรอ่า ... ก็จัดว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ผมชอบมากๆ ทีเดียวอ่ะครับ
โดย: บลูยอชท์ 20 กุมภาพันธ์ 2551 11:11:16 น.
โดย: someone IP: 124.120.176.13 8 มีนาคม 2551 23:27:12 น.
เลยได้ดู เป็นเรื่องราว ที่ เรียกว่า หักหลัง คนดูตอนท้ายเรื่องมาก
ไม่คิดว่า พระเอก จะร้ายขนาดนี้ 555+
แต่หญิงก็ร้ายเหมือนกัน เพื่อ ความรัก
แต่ เจ้าชายเนี่ย สมควรโดนเกลียดอยู่เเหล่ะ
โดย: ปลายฟ้า IP: 161.246.246.2, 161.246.1.35 22 กรกฎาคม 2552 21:08:40 น.
โดย: ขงเบ้ง IP: 27.130.235.203 18 กุมภาพันธ์ 2556 17:29:49 น.