bloggang.com mainmenu search

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" จะไปเจอเพื่อนผู้อ่านในงานสัปดาห์หนังสือฯ วันอาทิตย์ที่6 เมษายนตอนเที่ยงถึงบ่ายสอง ที่บูธซีเอ็ด ในงาน มี หนังสือรัก กลับมาขายอีกครั้ง จึงขอรับอาสาสมัครหน้าม้ามารับลายเซ็นได้ในงานนะครับ



หนังเรื่อง Once กับ Dan in real life มีจุดร่วมกันสองอย่าง

1.เป็นหนังสองเรื่องในช่วงนี้ที่ผมชอบเอามาก

2.เนื้อหาของหนังพูดถึง คนที่ใช่ แต่เป็น คนที่ใช่ ในวันที่ผิด เหมือนๆกัน





Once : เป็นหนังสัญชาติไอร์แลนด์ ที่มาพร้อมเครดิตเจ้าของรางวัลออสการ์ในสาขาเพลงประกอบ และ เสียงชื่นชมถึงอารมณ์สมจริงแบบไม่ปรุงแต่งของหนังเรื่องนี้

ด้วยฝีมือผู้กำกับที่ใช้กล้องวิดิโอเดินตระเวนถ่ายเองแบบหนังอินดี้ทุนต่ำใช้เงินแค่แสนกว่าเหรียญและถ่ายทำไม่ถึงหนึ่งเดือน แถมทำหนังจบพระเอกยังตกหลุมรักนางเอกจริงๆจนลงเอยด้วยการครองคู่นอกจอต่ออีกต่างหาก ซึ่งทั้งคู่นั้นแสดงหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกและเรื่องสุดท้าย โดยพื้นเพเดิมทั้งคู่คือนักดนตรี

...เมื่อดูจบ ผมคิดทันทีว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังรักที่เข้าถึงสำหรับคนดูส่วนใหญ่ เป็น อารมณ์เดียวกับตอนดู Lost in translation คือ เป็นหนังที่ไม่ได้มีเนื้อหาเรื่องราวมากมาย แต่เน้นถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งหากใครจูนกับหนังได้ติดก็มีสิทธิ์ตกหลุมรัก แต่ หากเริ่มต้นก็ต่อกันไม่ได้ ดูจนจบก็จะกลายเป็น หนังงั้นๆอีกเรื่องหนึ่งซึ่งตามสงสัยว่าทำไมคนอื่นถึงชอบกัน

ผมเองไม่ได้ชอบเพลงในหนังเท่าที่หวังไว้ทั้งที่ผมก็ชอบเพลงสไตล์ Damian rice และ แทร็คที่ผมชอบในหนังก็ไม่ใช่ Falling slowly ที่โด่งดัง

ผมเองไม่ได้น้ำตาไหลพรากๆเพราะความอินอย่างที่คิดล่วงหน้า

ผมไม่ได้รู้สึกว่าหนังมันซึ้งสุดๆมากมายอะไร

แต่ Once ให้ความรู้สึกถึงความพอดี สุขพอดี เศร้าพอดี ยิ้มได้กำลังดี น้ำตาซึมกำลังดี พระเอกนางเอกเล่นเข้าคู่กันได้ดี เพลงประกอบเข้ากับเนื้อหาและจังหวะของหนังได้อย่างพอดี

...หนังทำให้ผมยิ้มเวลาเห็นความน่ารักของนางเอกตั้งแต่แรกที่เข็นเครื่องดูดฝุ่น

หนังทำให้ผมสัมผัสความเจ็บปวดของตัวละครเมื่อพบความผิดหวังและการถูกปฏิเสธ

หนังทำให้ผมเศร้าลึกๆเมื่อได้รู้ว่าความหมายที่นางเอกพูดภาษาเช็คนั้นแปลว่าอะไร และ แท้จริงในใจของทั้งคู่เป็นเช่นไร

หนังทำให้ผมเชื่อในความรัก ว่า Once ที่เคยพบคนที่ใช่ ไม่ว่าจะลงเอยเช่นไร ก็คุ้มค่าที่จะได้รัก


...จุดเด่นของ Once ที่ชนะใจคนดูจึงไม่ใช่บทภาพยนตร์ที่มีคำคมหรือความลึกซึ้ง ไม่ใช่เทคนิกการเล่าเรื่องหรือการนำเสนอที่หวือหวา และ Once อาจไม่ใช่หนังที่ดีเลิศเลอ แต่เป็น หนังที่ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ และ การผสมผสานของทุกองค์ประกอบเหมือนสูตรเคมีที่ผสมออกมาเป็น ความรัก ได้อย่างลงตัว

จนไม่น่าแปลกใจเมื่อได้ยินว่า ผลสุดท้ายคู่พระนางรักกันต่อจริงๆ เพราะ ความรักที่ส่งต่อออกมาจากในหนังก็เหมือน ชีวิตจริงที่ไม่ใช่การแสดง เสียขนาดนั้น





Dan in real life : ...แม้จะมาแบบไม่ดัง ไม่ได้ทำเงินถล่มทลายในตารางหนังทำเงิน และ ไม่ได้เข้าชิงออสการ์เหมือนเพื่อนๆรอบข้างในโรงตอนนี้

แต่ Dan in Real Life เป็นตัวเลือกที่จะไม่ทำให้ผิดหวัง และ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในรอบเดือน หากคุณกำลังมองหา หนังน่ารักๆ / หนังที่เน้นความรักแบบผู้ใหญ่ที่ไม่กุ๊กกิ๊กเกินเหตุ /หนังที่มีภาพครอบครัวที่น่าประทับใจ /หนังที่มีบทฉลาดๆ และ บรรยากาศเป็นกันเอง ซึ่ง ไม่น่าแปลกใจหากหนังแบบนี้เป็นฝีมือคนเขียนบทเรื่อง About a Boy มาก่อน

ขอเชียร์กับเล่าสั้นๆว่า

...เรื่องราวของ แดน - พ่อม่ายลูกสาม นักเขียนคอลัมน์เชิง How-to แต่ชีวิตตัวเองกลับทู่ๆทื่อๆไปวันๆ ความสัมพันธ์กับลูกๆก็เข้าขั้นน่าเป็นห่วง

วันหนึ่งเขาได้พบหญิงสาวที่คิดว่าเป็น ‘คนที่ใช่’ แต่กลับกลายมารู้ภายหลังว่าเธอคือ ‘คนที่ใช่ ในวันที่ผิด’ เพราะ หญิงสาวคนนี้คือแฟนคนใหม่ที่น้องชายเชิญมาพบปะครอบครัว

แน่นอน แดน ต้องคิดหนัก ว่าจะปล่อยให้โอกาสเดียวที่จะเป็นรักแท้หลุดลอย เขาจะต่อสู้เพื่อความรัก หรือ จะเสียสละเพื่อน้องชาย


... เป็นหนังที่พล็อตอาจจะเชยไปหน่อยแล้วถ้าใครเคยตกหลุมรักหนังเรื่อง The Family Stone ซึ่งมีพล็อตคล้ายคลึงกันมาก่อน แต่ Dan in Real Life ก็ไม่ทำให้ต้องผิดหวัง เพราะหนัง ทำออกมาได้ ฉลาด น่ารัก ขำขำ แถมหาทางออกตอนท้ายได้แบบนุ่มนวลกว่า The Family Stone หลายเท่า

สตีฟ คาเรล เริ่มหาบทที่เหมาะกับตัวเองได้ลงตัวเหมือนตอนที่เขาเล่น Little Miss sunshine คือเน้นดราม่าแกมฮาบ้าง แต่ไม่บ้าบอแบบจิม แครี่ย์ เหมือนหนังยุคแรกๆที่เขาเล่น เมื่อมาประกบกับ จูเลียต บินอช ในเรื่องนี้ก็ดูน่ารักเข้ากันได้ดี ถึงทั้งคู่จะไม่ได้มีเคมีที่ลงตัวกันเหมือนคู่รักใน Once แต่การแสดงของทั้งสองคนก็ทำให้เราเชื่อได้ถึง ‘สัมผัสของคนที่ใช่ในกันและกัน’ มากกว่า ปิ๊งปั๊งแว๊บๆแบบหนุ่มสาว

เมื่อทั้งคู่มาผสมโรงไปกับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ ก็ยิ่งทำให้หนังครื้นเครงอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในหนังดูเป็นกันเองและให้อารมณ์ออกมาสบายๆ

หนังเรื่องนี้จึงเหมาะยิ่งนักสำหรับ คนที่เชื่อในเรื่องของคู่แท้ คนที่ใช่ และ ชอบเรื่องราวความรักแบบผู้ใหญ่ที่ไม่กุ๊กกิ๊กคิกขุเกินเหตุ น่าเสียดายที่เข้าแค่โรงพารากอน แต่ผมก็เชียร์สุดใจให้ไปดูกัน ส่วนตัวแล้วชอบหนังเรื่องนี้มากๆ จึงอยากแนะนำให้ไปดู



แจ้งข่าวครับ : "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ได้รับคำชวนจาก www.yarisme.com มาเป็นพันธมิตรร่วมกัน แต่ ผมเองคนเดียวคงไม่สามารถจะมีเวลาให้มากพอ ผมจึงเกิดไอเดียชวนเพื่อนร่วม blog อีกห้าท่านที่เป็นคนรักหนังและสนุกกับการเขียนเหมือนๆกัน อันได้แก่ คุณบลูยอชต์ + Nanoguy + renton_renton + OncE UPoN'-'a MaN + เทพบุตรตบะแตก มาเปิด blog ร่วมกันที่ใช้ชื่อว่า

//vreview.yarisme.com


Vreview = We review = การรวมบทความรีวิวเกี่ยวกับหนังของแต่ละคน อาทิเช่น อัพเดตรีวิวสั้นๆถึงหนังโรงที่ได้ดูพร้อมคะแนนเพื่อช่วยตัดสินใจ พร้อม link ไปอ่านฉบับเต็มของแต่ละคน หรือ รีวิวเต็มๆตามสไตล์ใครสไตล์มัน

ซึ่งนั่นจะทำให้เพื่อนผู้อ่าน มีตัวช่วยในการเลือกดูหนังมากขึ้น เพราะด้วยตัวเองแล้วไม่มีเวลาสามารถพอที่จะเขียนถึงหนังได้ครบทุกเรื่อง

ด้วยความหลากหลายของแต่ละคน คาดว่า ถ้าเว็บไม่บอกลาเราไปเสียก่อน น่าจะเป็น blog ที่รวบรวมรีวิวหนังไว้ได้มากพอสมควร จึงเชิญชวนแวะมาเยี่ยมเยือนพร้อมติดตามเรื่องรางวัลได้ที่ blog นั้นคู่กันไปครับ



แจ้งข่าวจ้า : องศาที่ 361 คลอดอย่างเป็นทางการแล้ววววว




อ่านเบื้องหลัง ที่มาที่ไป ไขเบื้องหลังของหนังสือ คลิกได้ที่นี่เลยครับ

เบื้องหลัง 'องศาที่ 361' - พ็อกเก็ตบุ้คเล่มที่ 2 ของ “ผมอยู่ข้างหลังคุณ”

อ่านจบเมื่อใด ขอเชิญชวนมาพูดคุยแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือ คลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ

อ่านแล้วมาคุยกัน ... "องศาที่ 361


ขอฝาก"หนังสือรัก" พ็อกเก็ตบุ้คที่ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่เป็นการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



เพื่อนๆที่หาซื้อตามร้านไม่ได้ "หนังสือรัก"เข้าไปสั่งได้จากเว็บของสนพ.เลยจ้าที่ //www.bynatureonline.com/store/bookstore.php ส่วน องศาที่ 361 สั่งได้จากเว็บของซีเอ็ดครับผม





ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิกhtmlentities(' >')> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date :12 มีนาคม 2551 Last Update :12 มีนาคม 2551 2:50:06 น. Counter : Pageviews. Comments :14