bloggang.com mainmenu search


1.ผมไม่ใช่แฟน ตัวยง เคยดูฉบับซีรี่ย์ก็แค่ไม่เกินสิบตอน แต่เท่าที่ดูไปสิ่งที่ชอบที่สุดในซีรี่ย์ คือ มุมมองเปรียบเทียบ ความสัมพันธ์ระหว่างชาย-หญิง และ ให้แง่คิดการใช้ชีวิตคู่ได้ดี (เพียงแต่อารมณ์ซีรี่ย์มันออกจะ หญิงๆจ๊ะจ๋า เลย ไม่ค่อยโดนใจให้ติดตามต่อ)

2.ในฐานะ ไม่ใช่ คนติด sex(and the city) เวอร์ชั่นหนังใหญ่จึงไม่ใช่กลุ่ม หนังในฝันที่รอคอย คือ ไปดูก็ประมาณตามเทรนด์ เป็นหนังฟอร์มยักษ์ภาคบังคับที่ต้องดูซะหน่อย ภาคแรกที่ดูไปก็เรื่อยๆ รู้สึกว่าไม่แย่ไม่ดี มีข้อคิดอยู่บ้าง มีความชวนเบื่ออยู่หน่อย

แต่กับ ภาค 2 ดูจะตรงข้ามกับภาคแรก ตรงที่ สนุกมากขึ้น แต่ ความเข้มของสาระและความสัมพันธ์ลดลง

3.วัดกันในแง่ ความสนุก Sex 2 สอบผ่านสบายๆ สำหรับผมเองยังสนุกมากกว่าภาคแรกเสียด้วยซ้ำ หนังเดินหน้าได้คึกคักจัดจ้าน เฮฮา หรูหรากลามัวร์สมราคา

(สำหรับคนไม่ใช่แฟนประจำ ดูแฟชั่นหะรูหะราในเรื่อง ก็รู้สึกว่าแจ่มแล้ว แต่ กับแฟนๆซีรี่ย์คงต้องถามอีกทีว่า เริ่ดสมศักดิ์ศรีหรือไม่)

4. ในขณะเดียวกัน อย่างที่บอกข้างต้นว่า ข้อดีของ Sex and the city ไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น แต่ แง่คิดในด้านความสัมพันธ์ทั้งระหว่างเพื่อน และ ระหว่างคู่รัก ก็คือจุดเด่นที่มี

แต่ ในภาค 2 แง่คิดส่วนนี้ดูเบาบางเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่จุดตั้งต้น วางปมชีวิตของตัวละครแต่ละคนน่าสนใจ แต่พอไปถึง อาบูดาบี แทบจะตัดสาระทิ้ง แล้วเน้นเอาเฮฮา สป๊ากเกิ้ลกันอย่างเดียว

ปมที่วางไว้ของแต่ละคนตอนต้น (ก่อนจะถูก ฝุ่นทรายในอาบูดาบี กลบไปอย่างน่าเสียดาย)

แครี่ย์ กับ ปัญหาชีวิตคู่ที่กำลังผ่านช่วงฟู่ฟ่า ไปสู่ช่วงชีวิตสมรสที่กำลังจะชืดชา

มิแรนด้า กับ ปัญหาการใช้ชีวิตที่ต้องเลืกระหว่าง งาน กับ ครอบครัว

ชาร์ล็อตต์ กับ ปัญหา ความเป็นแม่ในชีวิตจริงที่เผชิญความทุกข์ ขัดแย้ง กับ ความเป็นแม่ในอุดมคติที่ตัวเองคาดหวังไว้

ซาแมนธ่า กับ เอ่อ ปัญหาวัยทอง

ฉากดราม่า relationship ที่ดีที่สุด คือ ฉากคนละกรึ๊บแล้วระบายถึงความเป็นแม่



5.ตะหงิดๆกับ มุมมองที่มีต่อสตรีในตะวันออกกลาง คือ sex and the city น่าจะเป็นหนังที่พูดถึง พลังหญิง , สิทธิสตรี , คุณค่าแท้จริงภายใน ฯลฯ แต่การที่ สี่สาวแฟชั่น ไปวิพากษ์ ความอึดอัดคับข้องใจ ของ สาวท้องถิ่น ในประเด็น เครื่องแต่งกายชุดดำที่ซ่อนเรียวขาหรือหน้าตา ก็นึกว่า สุดท้ายจะคลี่คลาย ประมาณ สาวท้องถิ่น ภูมิใจในความงามที่เป็นคุณค่าภายใน หรือ แค่โชว์ส่วนที่ปกปิดให้คนรักก็พอใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องโชว์คนอื่น

แต่พอ คลี่คลายด้วย ความในใจและความในเสื้อผ้าชุดดำ ที่ลั๊ลลาเพราะแอบใส่ ปราด้า กุชชี่ ฯลฯ มันเลยดูประเด็น คุณค่าสตรีในเรื่องนี้ ตุ๊เหม่งๆ (หรือจะเป็นตั้งแต่ ซีรี่ย์แล้วก็ไม่รู้ได้ ที่ให้ คุณค่าสตรีไว้ที่แฟชั่นเต็มร้อย ไม่ได้เน้นเรื่อง คุณค่าภายใน)


6.มุกที่ร้ายเหลือที่สุดคือ กฎพี่เลี้ยง = Jude’s Law ฮาหงะ


7.สนุกกับ Sex and the city มากเป็นพิเศษ ก็เพราะ มี ซาแมนธา และ มั่นใจชายไทย(แท้)เกินครึ่งที่ชอบ Sex and the city เพราะติดอกติดใจไปกับความฮาก๋ากั่นของ ตัวละคร ซาแมนธ่า มากกว่า เสื้อผ้าหน้าผมของ แครี่


8.ชอบเพลง I'm Woman ในหนัง เนื้อเพลงความหมายดี และ คนแปลก็แปลออกมาได้ดีไม่แพ้กัน





9.ดูโรงดิจิต้อล ปรากฎว่า ตอนดูรู้สึกมันโดดๆสองฉาก คือ ตอนต้นที่เสียงครวญครางสลับกับเสียงร้องไห้เด็ก กับ ตอนท้ายที่เล่าบทสรุปแต่ละคน จึงไปลองสอบถามมา พบว่า บ้านเรา ตัวหนังถูกตัดไปสองฉาก และก็เป็นฉาก โจ๊ะพรึมๆของซาแมนธ่า

(ก็ไม่ได้ อยากดูหน่มน้มหรือลีลา ของซาแมนธ่า มากนักหรอก แต่ สงสัยเหลือเกินว่า อุตส่าห์มีเรตติ้ง แล้วจะตัดทำไม ไม่เข้าใจจริงๆ)


10.รู้สึกว่า การดู sex and the city คล้ายๆกับดู เจมส์ บอนด์ คือ หนังพาคนดูไปสู่โลกในฝัน อันเป็นชีวิตเลิศหรูฟู่ฟ่าและ มีความเป็นอุดมคติ เป็นแฟนตาซี ที่พาเราหนีโลกความเป็นจริงที่เคร่งเครียด พร้อมๆกับ ฝังค่านิยมบางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว

(สำหรับหนุ่มๆ เจมส์บอนด์ แต่งหล่อ ผจญภัย ใช้ของดี มีหญิงติด , สำหรับสาวๆ sex and the city แต่งสวย แฟชั่นแถวหน้า ข้าวของมีราคา สามารถคิดตัดสินใจอย่างไม่ต้องพึ่งชาย)






ขอฝาก หนังสือเล่ม 5 ของ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" จ้า
(วางอยู่ตามร้านหนังสือทั่วไทยแล้ว)










อ่านจบแล้ว ชวนมาคุยกันที่นี่ครับ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=aorta&group=18

และ

ความเห็นของ เพื่อนผู้อ่านที่อ่านจบแล้ว และสละเวลาเขียนถึง

//blogs.lumamagic.com/?p=1957



หนังสือ 4 เล่มก่อนหน้าที่ว่าด้วย 'ภาพยนตร์ - จิตวิทยา - พัฒนาตัวเอง(self - development)' ของ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"








สำหรับเพื่อนๆที่เล่น FaceBook หรือ Twitter ณ.บัดนาว "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ขยายสาขาเรียบร้อยแล้วจ้า



Create Date :08 มิถุนายน 2553 Last Update :8 มิถุนายน 2553 0:16:54 น. Counter : Pageviews. Comments :7