เด็กธรรมดา
ที่ไม่ธรรมดา
ที่จ่าหัวแบบนี้ก็เพราะช่วงที่ผ่านมาเราเจอมรสุมเรื่องการเรียนของเอื้อ อย่างที่รู้กันว่าบ้านเราไม่ได้เน้นวิชาการนัก ส่วนใหญ่จะเป็นวิชาเกินซะมากกว่า อย่างเที่ยวอะไรทำนองนี้ แต่สุดท้ายพ่อกับแม่ก็ไม่สามารถจะปล่อยเอื้อไปตามยถากรรมได้ เราก็เริ่มต้นอ่าน เขียน ท่อง กันแบบไม่ได้หนักหนาอะไร แต่ก็ขอแค่ให้เอื้อทำได้ตามที่ควรจะเป็น เช่นเด็กวัยนี้โรงเรียนมีการวัดเด็กว่าควรจะทำอะไรได้ เอื้อก็ควรจะทำได้ คือไม่ต้องเด่น แต่ก็อย่าด้อยอะไรทำนองนี้
และแล้วแม่ก็มีปัญหาในการสอนเอื้อมากมาย เช่นสอนแล้วก็ไม่จำ ทำก็ไม่ได้ ฝึกแล้วฝึกอีก เขียนแล้วเขียนอีก อ่านแล้วอ่านอีก ก็ยังจำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง - ทำเอาทั้งคนเรียน คนสอนระอากันไปตาม ๆ กัน
จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลเด็กวัยนี้เขาเรียนเป็นไงกัน อ่านไปอ่านมามีแต่พวกเด็กฉลาดล้ำกันทั้งนั้นประมาณว่า 3 ขวบดูนาฬิกาเป็น 4 ขวบบวกลบเลขสองหลักเร็วยังกับเครื่องคิดเลข ยิ่งอ่านยิ่งเครียด เลิกดีกว่า
ตอนนี้เอื้อขึ้น Year 2 เทียบกับบ้านเราก็ ป.2 แล้ว การบ้านก็มากขึ้น หนังสืออ่านก็ยากขึ้น ยาวขึ้น แม้ว่าแม่จะไม่ยอมให้เอื้อส่งการบ้านช้าเป็นอันขาด ทำได้ดีไม่ดี ก็ต้องมีส่ง คำศัพท์ที่ต้องเขียนทุกอาทิตย์ ๆ ละ 6 คำ ถ้าเอื้อไม่ท่อง แม่ก็เป็นคนท่องให้ฟัง ส่วนเอื้อจะเขียนได้ จำได้ไหมนั้นก็อีกเรื่อง แต่ที่แน่ ๆ แม่ทำหน้าที่ของแม่แล้วคือสอนเอื้อ ฝึกเอื้อ อาจจะดูเป็นครูที่ไม่ดีนัก เพราะปล่อยปละละเลย แต่ในความเป็นจริงก็ทำได้เท่านี้ละ อย่างที่บอกว่าไม่ต้องเป็นที่หนึ่ง แค่อย่าต่ำกว่ามาตราฐานก็พอ แม่เองก็เป็นเด็กมาตรฐานไม่ได้เก่งเลิศเลอ ส่วนคุณพ่อเอื้ออ้างว่าตอนเด็ก ๆ เขาเป็นเด็กหัวไว เมื่อไม่มีข้อมูลก็ต้องเชื่อตามนั้น
ส่วนเอื้อก็เป็นเด็กธรรมดานี่ล่ะ ไม่ได้อัจฉริยะ แต่หลังจากที่ปั้นแต่งกันอยู่พักหนึ่ง เอื้อก็มีเรื่องให้ได้แปลกใจอยู่ทุกวัน
เริ่มจากแม่ให้ฝึกเขียนคำศัพท์ แทนที่เอื้อจะเขียนคำศัพท์นั้นซ้ำ ๆ กันหลาย ๆ ครั้งตามที่แม่ขีดเส้นให้เขียน เอื้อก็เอาคำนั้นมาแต่งเป็นประโยค
ทำเอาแม่อึ้งเลย
นี่ลูกเราเหรอเนี้ย!!?!???!
หรือไม่ก็จากที่อ่านหนังสือติด ๆ ขัด ๆ คำเดิม ๆ บางวันอ่านจบสองเล่มแบบแทบไม่มีติดขัดเลย
นี่ไม่ได้ฝันใช่เปล่า!?!???!??!
หรือไม่ก็พูดประโยคซับซ้อนแนวว่ารู้ทันแม่นะ
. อันนี้จำไม่ได้ซะแล้ว แต่พอฟังแล้วอึ้งกันเลยทีเดียว