หลังจากที่ซื้อรถจักรยานมาได้ปีกว่า ๆ เราก็ได้ฤกษ์ฝึกขี่กันซะที เริ่มจากคุณพ่อเอื้อถอดล้อเล็กสองล้อหลังออก งานก็เข้าเอื้อกันเลยทีเดียว เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี แต่บวกกับอากาศหนาว และฟ้าฝนไม่เป็นใจรถเลยจอดนิ่งอยู่ในห้องใต้ดินซะส่วนใหญ่ พอเข้าหน้าร้อนก่อนกลับไปเยี่ยมเมืองไทยเราก็เริ่มฝึกกันแบบจริงจังขึ้น เริ่มจากแม่สังเกตเห็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยที่นี่จะขี่รถจักรยานได้เร็วประมาณ 3-4 ขวบก็ขี่กันเป็นแล้ว ทำไงนะ?!?!?! และแล้วแม่ก็เห็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนนึงที่ตามแม่มาส่งพี่สาวไปโรงเรียน พี่สาวอยู่ reception class น้องก็น่าจะอายุประมาณ 3 ขวบ หนุ่มน้อยคนนี้มีรถไม้ หน้าตาเหมือนรถจักรยาน แต่ไม่มีที่ปั่น แล้วก็ใช้วิธีถีบพื้นให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แล้วก็ทรงตัวไปเรื่อย ๆ แม่ก็เลยเกิดไอเดียปิ๊งขึ้นมาทันที
พอเอื้อเลิกเรียนก็พาเอื้อมาฝึกขี่ ก่อนหน้านี้จะใช้วิธีจับเข็นแล้วให้เอื้อขี่ คนขี่ไม่เท่าไหร่ คนจับนี่ซิลมจะจับ เพราะต้องรับน้ำหนักทั้งรถ ทั้งคน แถมวิ่งตาม แล้วก็ไม่ได้ผล แต่หลังจากได้ทริคมาแล้วแม่ก็หัดให้เอื้อทรงตัว แล้วใช้ขาถีบพื้นไปเรื่อย ๆ ฝึกกันจริง ๆ จัง ๆ ไม่นานเลย วันที่ 30 กันยายน 2554 เอื้อก็ขี่รถจักรยานสองล้อได้แบบชิวล์ ๆ อันนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับพ่อ แม่ที่กำลังฝึกลูกขี่จักรยาน ลองเอาไปใช้ได้เลยรับรองเห็นผลทันตา
จากนั้นก็ซิ่งจนเดินไม่ได้ไปหลายวัน
วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เอื้อ กับคุณพ่อก็ขี่จักรยานไปมหาลัย เอื้อเล่าว่า เอื้อคันหัว ก็เลยปล่อยมือจากแฮนด์มาเก่า เป็นเหตุให้ล้มคมำ เท้าเป็นแผลลึก จนถึงขั้นเข้าเฝือกกันเลยทีเดียว เสียเวลานั่งรอเข้าเฝือกไปหลายชั่วโมง วันต่อมาหมอกระดูกอีกคนก็ตัดเฝือกออก แล้วบอกหน้าตาเฉยว่ากระดูกไม่ได้หัก ให้รักษาแผลอย่างเดียว อืม
ก็โชคดีที่กระดูกไม่หัก แต่ต้องเสียเวลานั่งรอเข้าเฝือกตั้งนาน แล้วเอื้อก็ต้องนอนเล่นอยู่บ้าน 4 วัน เพราะคันเป็นเหตุ -
จากนั้นเอื้อก็มีคำถามแบบจี้ด ๆ ว่า เอื้อขี่จักรยานได้แล้วทำไมไม่ลืมอ่ะ?!?!?!?!