Group Blog All Blog
|
ตัวลายกันทั้งบ้าน และแล้วอีสุกอีใสก็มาเยือนบ้านเรา คิดว่าอายุปาเข้าไป.... จะไม่เป็นแล้วเชียว สุดท้ายก็ไม่รอดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาไปได้ เริ่มจากคุณย่าป่วยเป็นงูสวัด (เชื้อไวรัสตัวเดียวกันกับอีสุกอีใส) หลังจากนั้นคุณย่าก็ไปใต้ได้ประมาณเกือบ 2 สัปดาห์ (20 มี.ค. 52) แม่กับเอื้อก็มีตุ่มแบบเดียวกันที่ท้ายทอย ต่อมาอีก 1 วัน (21 มี.ค. 52) แม่เริ่มมีไข้ขึ้น ปวดตามตัว แต่ก็ยังซ่าไปเที่ยวเขาใหญ่กัน (22 มี.ค. 52) เริ่มมีตุ่มตามตัว และหน้า เห็นท่าไม่ดีคุณพ่อเอื้อรีบพาแม่ไปหาหมอแต่เช้า ไปถึงคุณหมอขอดูตุ่มตามตัวตอนนั้นที่หน้า และตัวมีตุ่มไม่เกิน 10 เม็ด ไม่รวมตุ่มที่หัวเพราะมองไม่เห็น -"- คุณหมอเลยให้กินยาต้านไวรัส แล้วอธิบายว่ายาจะช่วยให้ตุ่มไม่ขึ้นไปมากกว่านี้ แต่หลังจากหายจะมีภูมิต้านทานโรคนี้น้อย เพราะถูกยาต้านไวรัสไว้ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาา มีภูมิน้อยก็ไม่เป็นไร ขอแค่มีตุ่มให้น้อยที่สุดก็พอ หลังจากนั้นก็สบายใจกินยาเม็ดใหญ่กว่าเม็ดถั่วแดงทุก 4 ชม. วันละ 5 ครั้ง นาน 7 วัน คุณหมอให้หยุดงาน 1 สัปดาห์ ตกเย็นไข้ขึ้นอีก ตามตัวเริ่มมีผื่นแดง ๆ ส่วนเอื้อมีขึ้นที่หน้า 2-3 ตุ่ม ที่ตัว 4-5 ตุ่ม ไม่มีไข้ ร่าเริงทั้งวัน (23 มี.ค. 52) ตอนเช้าส่องกระจก ก็ต้องตกใจเพราะตุ่มเต็มหน้าเลย ไม่ต่ำกว่า 20 จุด -"- (เสียโฉมแน่ ๆ ตรู!!!) ที่ตัวไม่ต้องพูดถึง ประมาณด้วยสายตาน่าจะเกือบครึ่งพัน จ๊ากกกกก เยอะจริง ๆ ยังคงมีไข้ ปวดหัว ปวดตัว ปากเป็นแผล เบื่ออาหาร ไม่มีแรง และเริ่มคันคะเยอทั้งหัว หน้า และตัว ต้องเอาเจลเย็น ๆ ประคบกันทั้งวัน และกินยาพาราทุก 4 ชั่วโมง (24 มี.ค. 52) เริ่มทำใจกับหน้าที่ดูไม่ได้ขึ้นทุกวัน ที่ตัวไม่ต้องพูดถึงเริ่มเป็นตุ่มใส ๆ เม็ดโต ๆ เต็มตัว อาการคันมากตามจำนวนตุ่มที่เพิ่มขึ้น เอื้อเริ่มมีไข้ ตามตัวเริ่มมีผื่นแดงมากขึ้น ตกเย็นเอื้อต้องไปหาหมอ และที่ใคร ๆ ว่าเด็กจะขึ้นตุ่มน้อย นั่นคงจะไม่ใช่กับเอื้อซะแล้ว -"- ส่วนคุณพ่อเอื้อเริ่มมีตุ่มใส ๆ ที่มือ และแขนแต่น้อยมาก (25 มี.ค. 52) เอื้อมีตุ่มเต็มหน้า เต็มตัว แทบหาที่ว่างไม่ได้ และมีไข้ตลอดทั้งวัน ส่วนคุณพ่อเอื้อต้องไปหาหมอแต่เช้า เพราะเริ่มมีตุ่มเยอะขึ้น (26 มี.ค. 52) คุณพ่อเอื้อเริ่มมีตุ่มขึ้นที่หน้า ส่วนที่ตัวน้อยมาก เมื่อเทียบกับแม่และเอื้อแล้ว ไม่มีไข้ กินยาต้านไวรัสไปอีก 3 วัน แม่เริ่มไม่มีไข้แล้ว แต่คัน และแสบไปทั้งตัว ส่วนเอื้อยังคงมีไข้อยู่ (27 มี.ค. 52) สามคน พ่อ แม่ และลูก ตัวลายพร้อย -"- (29 มี.ค. 52) ตุ่มที่ตัวแม่เริ่มเป็นหนองอักเสบ เลยต้องไปหาหมออีกรอบ คุณหมอพอเห็นหน้าแม่ก็ตกใจ แล้วถามว่า"ทานยาครบตามเวลารึเปล่า?" แม่ตอบทันที "วันละ 5 ครั้ง ทุก 4 ชั่วโมงค่ะ" แล้วคุณหมอก็อธิบายต่อว่า "ยาช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่นี่ก็ถือว่าน้อยแล้วนะ เพราะที่หน้า กับหัว เราจะบล็อกไม่ทัน" แม่ยิ้มให้คุณหมอแทนคำขอบคุณที่ปลอบใจ แล้วคุณหมอก็บอกว่าจะส่ง case ให้หมอผิวหนังเลยนะ เพราะรอยแผลของเด็กจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือนก็หายหมด แต่ของผู้ใหญ่อาจจะมากกว่า 6 เดือน อืม... เสียโฉม(อันน้อยนิด)แน่ ๆ เลยตรู -"- งานนี้แม่เลยได้หยุดงานยาว 2 สัปดาห์ ถือว่ายังโชคดีในความโชคร้ายล่ะ เพราะเอื้อก็อยากให้แม่อยู่กับเอื้อนาน ๆ ก็เลยได้อยู่ด้วยกันนานจริง ๆ แต่จะให้ดีกว่านี้อยู่ด้วยกันแบบไม่ป่วยจะดีกว่านะ -'- ตอนนี้ตุ่มตามตัวแม่ และเอื้อเริ่มตกสะเก็ดแล้ว ส่วนของคุณพ่อเอื้อเป็นน้อยมาก มีแต่ที่หน้าที่แลเยอะหน่อย ส่วนเอื้อมีแผลที่เกิดจากการเกาด้วย ไม่รู้ว่าจะเป็นแผลเป็นรึเปล่า -"- ส่วนของแม่เกาไม่เกาก็เป็นแผลเป็นอยู่แล้วล่ะ เพราะด้วยวัย T_T ที่เขาว่ากันว่าอีสุกอีใสต้องเป็นกันทุกคน ก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามันติดกันได้ง่าย แค่ลมหายใจก็ติดได้แล้ว ใครที่ยังไม่เคยเป็นรีบหาวัคซีนมาฉีดโดยด่วน นี่ถ้ารู้ว่ามีของผู้ใหญ่ด้วยคงไปฉีดซะนานแล้ว ไม่ต้องมาคันคะเยอทั้งตัว แถมเสียโฉมอีกตะหาก..... T_T พัฒนาการของเอื้อในช่วงนี้ก็เป็นไปตามวัย ช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่ด้วยความเห่อลูกเลยขอบันทึกไว้
มีภาพจิตรกรน้อยเป็นอีสุกอีใส ที่กำลังวาดภาพอย่างตั้งอกตั้งใจมาฝากด้วย ส่วนภาพที่วาดเป็นภาพอะไรนั้นก็มีแต่เอื้อเท่านั้นที่รู้ -"- ช่วงนี้อีสุกอีกใสกำลังระบาด ที่ office ก็เป็นกันหลายคน แต่เป็นตั้งแต่เด็กก็ดีแล้วแหล่ะ จะได้ไม่เป็นอีก(มั่ง)
โดย: เพื่อนพ่อเพื่อนแม่ IP: 58.64.96.155 วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:0:53:08 น.
|
viji
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] คุณแม่ ลูกหนึ่ง... เมื่อมีลูก จึงรู้ว่าแม่รักลูกมากแค่ไหน... และจึงรู้ว่ารักแม่ แค่ไหนด้วย.... Friends Blog
|
เป็นสุกใสช่วงโตแล้วก็ลำบากกว่าตอนเด็กหน่อยครับ มันเห่อขึ้นเยอะกว่า นานกว่า
เป็นกำลังใจให้หายเร็วๆนะครับ
ส่วนตัวผมก็กำลังฟิตร่างกายกลับมาเพื่อการกินเหมือนกัน