Group Blog
 
All Blogs
 

เรื่องของเด็ก ป.1



นานมากแล้ว หลายเรื่องราวทีเดียวที่อยากจะนำมาบอกเล่าใน blog แห่งนี้แต่ด้วยเวลาและโอกาสไม่ค่อยอำนวยให้มีสติพอที่จะรวบรวมสมาธิเพื่อกลั่นออกมาป็นตัวอักษร

วันนี้แม่มีโอกาสบวกกับสมาธิที่พอมีจึงอยากจะขอเล่าสู่กันฟังเรื่องราวน่ารักๆ เพื่อนๆของลูกสาวแสนซนคนนี้

ในค่ำคืนก่อนที่หนูจะหลับตาลงนอน หนูมักจะมีเรื่องราวของเพื่อนๆที่หนูสนใจ ให้ความสำคัญ และเรื่องราวที่อยู่ในใจของหนูมาเล่าให้แม่ฟังเสมอ และวันนี้ก็เช่นกัน หนูมีเรื่องราวมาเล่าให้แม่อมยิ้มอีกเหมือนกัน.....แต่ครั้งนี้แม่ขอใช้ชื่อสมมุติของเพื่อนๆ หนูคงจะดีกว่า...อิอิ....เผื่อพ่อแม่เค้ามาอ่านเจอ

หนูเริ่มเรื่องว่า.....

ฮานิส : แม่รู้ไม๊ว่าตอนนี้นะเฟย์เค้าดุน้อยลงแล้วนะ (เฟย์เป็นเด็กผู้หญิงในห้องที่ดูเหมือนจะดุจนขึ้นชื่อ ซึ่งก่อนหน้านี้หนูจะมีเรื่องของเฟย์มาเล่าให้แม่ฟังเสมอ)

แม่ : ทำไมละคะ ทำไมเค้าถึงดุน้อยลงแล้วล่ะคะ

ฮานิส : ก็วันนี้อ่ะ พอเค้าดุ ปิ่น ก็บอกว่า “เฟย์รู้มั้ยว่าทุกคนอ่ะเค้ากลัวเฟย์หมดแล้วนะ” เฟย์ก็ทำหน้าเศร้าแล้วก็บอกว่า “จริงๆแล้วเราไม่ชอบเลยนะที่ทุกคนกลัวเราอ่ะ” หวานก็พูดขึ้นว่า “เฟย์ก็อย่าดุนักซิเพื่อนๆจะได้ไม่กลัว”...........

แม่ : แล้วเฟย์ว่ายังไงต่อลูก....(รอ)

ฮานิส : เฟย์ก็บอกว่า “ก็ทุกคนอ่ะทำอะไรก็ไม่ถูกใจเราซักคนเลย” หวานก็บอกกลับไปว่า “ถ้าไม่ถูกใจทีหลังเฟย์ก็ทำเองซิจะได้ถูกใจ”......

แม่ : (แอบขำ) แล้วก็ถามต่อว่า .....แล้วยังงัยต่อลูก

ฮานิส : เฟย์ก็ไม่พูดอะไรต่อ แต่แม่รู้ไม๊ว่า เฟย์บอกว่าทุกคนอ่ะ มีอะไรที่ยังต้องแก้ไขปรับปรุงอีกนะ

แม่ : (เริ่มสนใจ) เหรอคะ อะไรล่ะคะ เพื่อนต้องปรับปรุงอะไร แล้วฮานิสมีอะไรที่ต้องปรับปรุงหรือป่าว

ฮานิส : มีแม่ (เริ่มทำน้ำเสียงเศร้าๆ) หนูมี 2 เรื่องที่ต้องปรับปรุง แต่มีเรื่องนึงที่หนูปรับปรุงไปแล้ว ยังเหลืออีกเรื่องนึงที่ยังไม่ได้ปรับปรุงแต่ต้องปรับปรุง

แม่ : ไหนมีเรื่องอะไรบ้าง เล่าให้แม่ฟังซิคะ

ฮานิส : เรื่องที่หนูปรับปรุงไปแล้ว ก็คือเรื่องโกหก แล้วก็อีกเรื่องนึงที่หนูยังต้องปรับปรุงคือเรื่อง ชอบงอน

แม่ : เหรอคะ แล้วคนอื่นๆ ล่ะ (ในใจแม่คิดว่า.....แหมต้องขอบใจเจ้าเฟย์)

ฮานิส : เฟย์บอกว่า หวานต้องปรับปรุงเรื่องพูดไม่ชัด พิณต้องปรับปรุงเรื่องทำอะไรต้องตั้งใจทำและทำให้เสร็จ ปิ่นต้องปรับปรุงเรื่อง เลิกอาย (ปิ่นขี้อาย)

แม่ฟังหนูเล่าแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เด็กป.1 ช่างพิจารณา ช่างสำรวจ ช่างสังเกต แล้วความน่ารักอีกอย่างหนึ่งที่เห็นคือ หนูกับเพื่อนๆ คงจะมีความผูกพันและรักกันมากทีเดียวถึงได้ตักเตือน บอกกัน โดยไม่โกรธกัน ไม่มีใครถือตัวว่าชั้นต้องถูกเสมอ ทุกคนยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น และคิดที่จะแก้ไขปรับปรุง อย่างน้อยก็ลูกแม่คนนึงล่ะ ที่เล่าให้แม่ฟังด้วยน้ำเสียง ยอมจำนน เพราะรู้ตัวว่าตัวเองเป็นอย่างนั้นจริงๆ

Blog นี้ขอจบเนื้อหาลงตรงนี้ เพียงแค่อยากบันทึกเรื่องราวน่ารักๆ ของหนูกับเพื่อนๆ ไว้ให้หนูอ่านตอนโต......


จากแม่




 

Create Date : 29 มกราคม 2552    
Last Update : 29 มกราคม 2552 10:56:37 น.
Counter : 1247 Pageviews.  

ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ....อะไรที่เจ้าเป็น_Choleric



ธาตุไฟ (Choleric) ดูเหมือนจะเป็นธาตุที่ดุเดือดที่สุดสำหรับแม่ทีเดียว.....5555 ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะแม่มีตัวอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลให้เห็น.....จะใครที่ไหน ก็เจ้าอานัส หลานชายสุดที่ร๊ากกกกคนนี้น่ะซิ

เด็กธาตุไฟจะมีลักษณะของความเป็นผู้นำ หากต้องการทำอะไรจะทำจนสำเร็จ อาสาทำงานทุกอย่างอย่างรวดเร็ว เป็นเด็กที่ชอบใช้พลัง และจะเป็นเด็กคนแรกที่ยกมือตอบในห้องเมื่อครูมีคำถาม เป็นเด็กที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง จริงจัง และไม่ใคร่จะยอมเชื่อถือใครง่ายๆ แต่ครูก็บอก trick พิเศษที่จะทำงานกับเด็กธาตุไฟว่า...."อารมณ์ขัน" ช่วยได้

ครู Kheya เล่าให้ฟังว่า ครูเคยมีเด็กผู้ชายในห้องคนหนึ่งที่เป็นเด็กธาตุไฟ ก่อนหน้าที่ครูจะเป็นครูประจำชั้นของเด็กคนนี้ เด็กคนนี้เคยมีครูประจำชั้นเป็นผู้ชาย แล้วพอย้ายมาเรียน grade 1 กับครู Kheya (ซึ่งเป็นครูผู้หญิง) เด็กชายคนนี้เกิดอาการที่ยังไม่พร้อมจะเคารพและเชื่อครูผู้หญิงอย่างครู Kheya แกจึงแสดงอาการต่อต้านต่างๆนาๆ ถึงขนาดที่ว่าไม่อยากมารร.ด้วยเหตุว่า มีครูเป็นผู้หญิง.....

จนกระทั่งวันหนึ่งเป็นวัน April fool day คือวันที่ 1 เมษายน ซึ่งวันนี้ทุกคนก็รู้กันดีว่าเป็นวันที่เราจะโกหกกันได้โดยไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน แล้ววันนั้นครูก็มารร.ตามปกติ แล้วครูก็บอกกับเด็กๆ ในห้องอย่างจริงจังว่า...แย่แล้วซิ ครูลืมเอากุญแจห้องเรียนมา พวกเราคงเข้าห้องเรียนไม่ได้ สงสัยต้องปีนเข้าทางหน้าต่างกันแล้วล่ะ แล้วก็จัดแจงให้เด็กๆทุกคน ปีนเข้าห้องทางหน้าต่าง รวมทั้งเจ้าเด็กธาตุไฟคนนั้นด้วย แล้วพอเด็กเข้าห้องจนหมด(ครูยังไม่ได้เข้า) ครูก็บอกกับเด็กว่า เดี๋ยวครูมานะครูลืมของไว้ที่รถ แล้วครูก็เดินอ้อมไปที่ประตู แล้วไขกุญแจประตูเข้ามาในห้อง พร้อมกับเฉลยกับเด็กๆว่า ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้เป็นวัน April fool day เท่านั้นล่ะ เด็กคนอื่นๆ ก็หัวเราะกันใหญ่ แล้วเจ้าเด็กธาตุไฟก็เข้ามาหาครูพร้อมกับพูดปนหัวเราะว่า ครูหลอกชั้น ทำได้ยังไง หลอกกันได้...... ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเด็กคนนี้ก็ยอมรับในตัวครูและไม่แสดงอาการต่อต้านอีกต่อไป.....

ครู Kheya ยังเล่าต่อว่า เนื่องจากเด็กธาตุไฟ เป็นเด็กที่ใช้พลังค่อนข้างมาก ดังนั้นเขาจะหมดพลังเร็ว ในเด็กที่มีความเป็นธาตุไฟชัดเจนมากๆ เรามักจะเห็นเขาหมดพลังทันทีหลังจากที่ทำงานบางอย่าง(อย่างหักโหม)ซัก 1 ชม. เขาจะแทบหมดแรงและนอนอยู่ตรงนั้นเลยทีเดียว

การให้เด็กธาตุไฟทำงานไม่ใช่เรื่องยาก แต่งานที่จะให้เด็กธาตุไฟทำต้องมีความท้าทาย ไม่ใช่งานที่ง่ายจนเกินไป และที่สำคัญ เราต้องเปิดโอกาสให้เด็กธาตุไฟได้ใช้พลังของเขาอย่างเต็มที่ มิฉะนั้น เขาอาจจะออกอาการในการกระทำที่รุนแรงในเรื่องอื่นๆ (พลังเหลือเฟือ) เด็กธาตุไฟมักถูกมองว่าก้าวร้าวได้ง่าย เพราะสาเหตุที่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจและไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้ใช้พลังที่มีอย่างเต็มที่ ไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาใช้ความสามารถทำงานที่ท้าทายอย่างเต็มที่ นอกจากเรื่องนี้แล้วครู Paul ยังมีตัวอย่างงาน drawing สำหรับเด็กธาตุไฟให้เราลองทำกัน เนื่องจากเด็กธาตุไฟ เป็นเด็กที่มีความเป็นตัวเองสูง มั่นใจสูง ดังนั้นภาพที่เราให้เด็กธาตุไฟเขียน มักจะมีลักษณะเช่นนี้



ภาพลักษณะนี้แสดงถึงความรู้สึกและตัวตนของเด็ก ที่เข้มแข็ง มั่นคง และดุดัน ครูจะให้เด็กธาตุไฟค่อยๆ เชื่อมต่อจุดหักเหของเหลี่ยม เพื่อให้เกิดความประสานกลมกลืน สอดคล้อง สิ่งนี้จะทำงานกับภายในของเด็ก และช่วยลบแง่มุมที่เป็นความแข็งภายในตัวเด็กเพื่อให้เด็กเกิดความสมดุล ภาพที่ครูให้เด็กทำจะมีลักษณะเช่นนี้



การเข้าใจธรรมชาติของเด็กอย่างเป็นปัจเจก เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้เนื้อหาทางการศึกษาที่จะให้กับเด็ก ทั้งสองสิ่งนี้ต้องเดินไปอย่างประสานสอดคล้องคู่กัน หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว การศึกษาที่สัมฤทธิ์ผลคงไม่อาจเกิดขึ้นได้.....นั่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เราไม่สามารถใช้มาตรฐานหรือข้อสอบชุดเดียวกัน มาวัดความเป็นตัวตนของเด็กที่มีลักษณะแตกต่างกันได้.....

ขอขอบคุณคุณลุงสไตเนอร์ ที่ได้วางรากฐานการศึกษาแบบวอลดอร์ฟ ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังอย่างพวกเรา ขอขอบคุณโรงเรียนแสนสนุกไตรทักษะ ที่สืบสาน รูปแบบการศึกษาเช่นนี้ให้พ่อแม่อย่างแม่ได้มีโอกาสเลือกการศึกษาเช่นนี้ให้กับลูกอย่างเจ้า......




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2551    
Last Update : 15 ธันวาคม 2551 20:30:03 น.
Counter : 643 Pageviews.  

ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ....อะไรที่เจ้าเป็น_Sanguine



ไหนๆวันนี้แม่ก็ว่างแล้ว อยากจะขอจบเรื่องธาตุทั้ง 4 กันในวันนี้เลย ไม่พูดพล่ามทำเพลง มาต่อกันที่เด็กธาตุลมเลยดีกว่า

เด็กธาตุลมนับได้ว่าเป็นธาตุที่มีพลังชีวิต (Etheric body) อย่างเหลือเฟือ เล่นดี หลับง่าย มีชีวิตชีวา เคลื่อนไหวตลอดเวลา สนุกสนาน มนุษยสัมพันธ์ดี ชอบพบปะ ชอบพูดคุย และมีมารยาทดี แต่ด้วยความที่เขามีลักษณะเช่นนี้เขาจึงสนใจในทุกๆ สิ่งรอบตัว สนใจทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา แต่จุดสำคัญของเด็กธาตุลมคือเขาขาดการสนใจภายในตัวเอง และเขาไม่ค่อยจะสามารถรวบรวมสมาธิอยู่กับตัวเองได้ และด้วยความที่เขาใช้พลังเยอะเด็กธาตุลมจึงมักหมดพลังและต้องการการพัก

ในเรื่องความสนใจต่อสิ่งรอบตัวอย่างมากนี้ ครูเปรียบเทียบให้ฟังว่า ในขณะที่ครูกำลังอธิบายอยู่ในห้องเรียน เด็กธาตุลมอาจจะไปสนใจผีเสื้อที่กำลังบินผ่านหน้าต่างห้อง สนใจต้นไม้ใบไม้ นอกห้องเรียน ครูจึงมักต้องให้เด็กธาตุลมนี้ นั่งอยู่ห่างจากหน้าต่างห้องเพื่อช่วยให้เด็กได้มีสมาธิภายในห้องมากขึ้น ดังนั้นงานที่สำคัญของครูคือ การพยายามให้เด็กได้รวบรวมสมาธิกับสิ่งที่กำลังเรียนรู้ ถ้ากลับมายกตัวอย่างที่เรื่องถุงถั่ว (ที่เคยยกตัวอย่างเอาไว้ในเรื่องเด็กธาตุดิน) การที่จะให้เด็กธาตุลมทำบางสิ่งบางอย่าง เช่น เอาถุงถั่ววางบนเท้าที่ยกเหนือพื้น แล้วสะบัดปลายเท้าขึ้น แล้วเอามือขวารับถุงถั่วที่ลอยขึ้น การที่จะให้เด็กธาตุลมทำเช่นนี้ คงไม่ใช่เรื่องยาก(เพราะแกคงจะทำได้ด้วยเวลาไม่นาน) แต่สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงคือการรวบรวมความสนใจ สติและสมาธิของเด็กธาตุลมคนนี้ให้อยู่ที่สิ่งที่กำลังจะทำ ให้อยู่ที่ถุงถั่ว ดังนี้แบบฝึกหัดนี้จึงไม่ควรจบลงด้วยเวลาอันสั้น สิ่งที่ควรต้องทำคือ เราจะยังไม่ให้เด็กเห็นว่าเรากำลังจะทำอย่างไรกับถุงถั่ว แต่เราจะชวนให้เขาเล่นกับถุงถั่ว เป็นต้นว่า ลองทำแบบนี้ซิ....โยนถุงถั่วด้วยมือซ้ายแล้วรับด้วยมือขวา ต่อด้วย ลองแบบนี้ซิ ยืดแขนจนสุดซ้ายและขวา แล้วโยนถุงถั่วจากมือซ้ายไปขวา ต่อด้วย เอาถุงถั่ววางบนศรีษะ แล้วก้มศรีษะเล็กน้อย ปล่อยให้ถุงถั่วตกลงมาแล้วใช้เท้ารับ........ลักษณะเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนค่อยๆ ดึงเด็กเข้าสู่สิ่งที่เรากำลังจะให้เขาทำ รวบรวมสมาธิและสติเขาให้พร้อมด้วยการคำนึงถึงธรรมชาติของเด็กคือ ความสนใจใหม่ๆ ก่อนที่จะให้เด็กได้ทำสิ่งที่เป็นบทเรียน ด้วยวิธีการลักษณะนี้เขาจะสนใจมากขึ้นกับบทเรียนที่จะได้เรียน

ยังมีตัวอย่างงาน drawing ที่น่าสนใจ ครู Paul ได้ยกตัวอย่างงานสำหรับเด็กธาตุลมไว้อย่างนี้ค่ะ....

โดยปกติภาพที่เด็กธาตุลมจะเขียนจะมีลักษณะเช่นนี้ คือเป็นภาพที่ไม่หยุดนิ่ง สนุกสนาน ไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดสิ้นสุด ไม่มีจังหวะดังภาพนี้



ภาพนี้แสดงให้เห็นลักษณะของเด็กธาตุลมคือ ไม่หยุดนิ่ง เคลื่อนไหวต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่เราต้องช่วยเด็กคือทำให้เขามุ่งจุดสนใจมาที่สิ่งที่เขากำลังทำ คือเราจะให้เด็กเขียนในภาพเดิมของเขา แล้วนับเป็นจังหวะเพื่อหาจุดที่จะหยุด เป็นระยะๆ อย่างนี้ค่ะ (ตามตัวอย่างภาพคือนับ 1-4 แล้วหยุดเป็น 1 จังหวะ



ด้วยวิธีนี้จะทำให้เด็กสนใจและมีสมาธิมากขึ้นกับงานที่เขาทำ

สำหรับลูกแม่แล้ว หลายครั้งที่หนูก็แสดงความเป็นเด็กธาตุลมให้แม่เห็น จนแม่เกือบจะเคยคิดไปว่า หนูเป็นเด็กธาตุลม แต่ในท้ายที่สุด ครู Paul และครู Kheya (ขอออภัยหากเขียนชื่อผิด) ก็ได้บอกกับพวกเราว่า......ในการพิจารณา temperaments (ธาตุ) ของเด็ก อย่าลืมว่ายังมีธาตุประจำวัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก หมายความว่า ในแต่ละช่วงอายุของคนทุกคน มนุษย์จะมีลักษณะบางอย่างที่เป็นลัษณะของธาตุบางธาตุ เช่น วัยเด็กลักษณะของเด็กจะเป็นธาตุลมคือสนุกสนาน ร่าเริง สนใจทุกสิ่งรอตัว พอย่างเข้าสู่วัยรุ่นลักษณะของวัยรุ่นทุกคนจะมีความเป็นธาตุไฟ คือเกรี้ยวกราด มีความเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจ และอารมณ์ร้อน เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะมีลักษณะธาตุดิน คือครุ่นคิด กังวล และเมื่อเข้าสู่วัยชราจะมีลักษณะของธาตุน้ำ คือนิ่งเฉย เฉื่อยชา หนักแน่น และสุขุม มั่นคง ดังนั้นการที่เราเห็นเด็กเล็กๆ วิ่งวนไปมา ไม่มีสมาธิสนใจอะไรนานๆ นั่นอาจเป็นเพียงลักษณะของธาตุตามวัย มิได้หมายความว่าลักษณะของธาตุประจำตัวจะเป็นธาตุลม และครูก็ยังบอกพวกเราอีกว่า ในเด็กเล็กจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าเด็กแต่ละคนมีธาตุอะไร เร็วที่สุดที่เราจะพิจารณาได้คือเมื่อเด็กอายุไม่ต่ำกว่า 7 ปี......




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2551    
Last Update : 6 ธันวาคม 2551 12:21:34 น.
Counter : 501 Pageviews.  

ดิน...น้ำ...ลม...ไฟ....อะไรที่เจ้าเป็น_Phlegmetic



วันนี้อากาศค่อนข้างขมุกขมัวทั้งที่หนาวมาหลายวัน...แล้ววันนี้แม่ก็ว่างจัด...และก่อนที่แม่จะลืมเนื้อหาสำคัญๆของธาตุอื่นๆ แม่ก็เลยตั้งใจมาเล่าต่อให้จบ เรื่อง temperaments ที่ติดค้างเอาไว้ คราวก่อนแม่ได้แอบเม้าท์ลูกไปแล้วเรื่องความเป็นเด็กธาตุดินที่ภาษาปะกิตเค้าเรียกว่า Melancholic วันนี้ถึงคิวของเด็กธาตุน้ำ(Phlegmetic)......

ในความเป็นจริงแล้วเด็กแต่ละธาตุจะมีลักษณะบ่งบอกทางกายภาพกันเลยทีเดียว แต่ด้วยว่าชีวิตเราทุกวันนี้มีปัจจัยมากมายทั้งอาหารการกิน อากาศ มลภาวะ สภาพการเลี้ยงดู ซึ่งมีผลต่อสรีระของร่างกายทำให้เราไม่อาจมองเพียงรูปร่างและฟันธงได้ว่าใครเป็นธาตุอะไร แม่จึงของข้ามเรื่องลักษณะทางกายภาพของเด็กแต่ละธาตุไปก่อน (จริงๆ แม่ก็ลืมด้วยล่ะ) ถ้าตามที่คุณลุงสไตเนอร์พูดเอาไว้ เขาได้บอกว่าเลยทีเดียวว่าเด็กแต่ละธาตุจะมีลัษณอะอย่างไร เพียงแต่ครั้งที่แม่เข้าฟังการบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เห็นทุกครั้งไปว่ามีโอกาสสูงทีเดียวที่ลักษณะเช่นนี้จะไม่ปรากฏชัดเจนในแต่ละบุคคล...... ว่ากันแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า......

ลักษณะ(นิสัย) ของเด็กธาตุน้ำจะเป็นเด็กที่มีความเชื่อมโยงกับร่างกายของตัวเอง (Physical body) อย่างมาก มีความสุขกับร่างกายของตัวเอง ครูยกตัวอย่างให้ฟังอย่างน่ารักว่า ใน่ขณะที่เด็กธาตุน้ำกำลังเรียนหนังสือเขาก็อาจจะนั่งจินตนาการถึงอาหารอันแสนอร่อยที่รอเขาอยู่หลังพักเที่ยง เขาจะเป็นเด็กที่ชอบกิน และแน่นอนเด็กวัยนี้มักจะมีลักษณะเจ้าเนื้อถึงอ้วน 555 ฟังถึงตรงนี้หลายคนอาจสะดุ้งว่าเอ๊ะ...เหมือนเราจังเลย แต่ฟังต่ออีกหน่อยนะคะ เด็กธาตุน้ำจะพลังชีวิตน้อย เขาจะดูเหมือนเด็กที่ไม่กระชุ่มกระชวย เฉยเมย เชื่องช้า ยากที่เราจะปลุกเด็กธาตุน้ำให้ลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่าง ครูเปรียบเทียบให้ฟังว่า ขณะที่ครูถามคำถามอยู่หน้าห้อง เด็กธาตุน้ำจะไม่มีวันยกมือขึ้นตอบ แต่แม้ว่าเด็กธาตุน้ำจะมีลักษณะเชื่องช้า แต่เขาก็หนักแน่น ชอบสั่ง (เพราะไม่ชอบลงมือทำเอง) เด็กธาตุน้ำจะไม่สนใจอะไรง่ายๆ แต่หากสนใจแล้วก็จะทำมันจนสำเร็จได้ เด็กธาตุน้ำจะเป็นผู้มีความอดทน อารมณ์มั่นคงและเยือกเย็น อย่างที่บอกไปแล้วว่าเด็กธาตุน้ำไม่ค่อยจะสนใจอะไรง่ายๆ ดังนั้นการจะให้เด็กลงมือทำงานอะไรก็ตาม ก็ต้องมีวิธีการที่เหมาะสม ครู Paul ได้แสดงให้เราดูว่างาน drawing สำหรับเด็กธาตุน้ำจะแตกต่างจากเด็กธาตุอื่นๆ อย่างไร แม่ก็เลยจะขอยกเอามาเป็นตัวอย่างไว้ให้พอเห็นภาพกันตรงนี้

โดยปกติเด็กธาตุอื่นๆ ครูอาจจะให้ทำงาน drawing ตามแบบที่ครูกำหนดให้ดูได้อย่างไม่ยาก แต่สำหรับเด็กธาตุน้ำ สิ่งที่ครูต้องทำคือปลุกให้เขาตื่นเสียก่อน ขั้นตอนของการทำงาน drawing จึงแตกต่างออกไป เราลองมาดูภาพที่ครูยกตัวอย่างไปพร้อมๆกัน นี่คือภาพที่สำเร็จแล้ว



นี่คือภาพสำเร็จที่จะให้เด็กธาตุน้ำทำ แน่นอน เราจะไม่ให้เด็กได้เห็นก่อนว่าภาพที่ว่านี้จะสิ้นสุด หรือสำเร็จออกมาเป็นอย่างไร(เพราะเขาคงไม่สนใจที่จะทำมัน) แต่เราจะเริ่มด้วยการปลุกให้เขาตื่น ภาพแรกที่เราจะให้เขาทำคือภาพวงกลมแบบนี้ ให้เขาวงกลมซ้ำๆ วนไปเรื่อยๆ แบบนี้



หลังจากนั้นให้เพิ่มส่วนเว้าแบบในภาพนี้



หลังจากคล่องมือดีแล้ว จึงเริ่มส่วนที่ยากขึ้นอีกสักนิด แบบในภาพนี้



แล้วก็ยากขึ้นจนเป็นภาพสำเร็จแบบนี้



นี่เป็นวิธีการที่ครูใช้สำหรับเด็กธาตุน้ำเพื่อให้เด็กทำงานซึ่งในงานนั้นเป็นการให้งานที่เข้าใจธรรมชาติของเด็ก โดยปลุกเด็กให้พร้อมสำหรับการเริ่มทำงาน การศึกษาวอลดอร์ฟ เน้นเสมอว่าครูต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก ครูจะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงธรรมชาติหรือสิ่งที่เด็กเป็น แต่ครูจะให้การศึกษาอย่างเป็นธรรมชาติและเสริมในสิ่งที่เด็กขาดไป เพราะในทุกๆธาตุ มีลักษณะที่ดีและลักษณะที่ไม่ดีอยู่พร้อมในตัว เด็กแต่ละคนมิได้มีเพียงธาตุใดธาตุหนึ่ง บางคนอาจผสมผสานหลายธาตุอยู่ในตัวเอง ดังนั้นครูจึงแนะนำกับผู้ปกครองว่า ถ้าจะให้ง่ายสำหรับพ่อแม่ เราอาจไม่จำเป็นต้องค้นหาว่าลูกเป็นเด็กธาตุใด แต่สิ่งที่เราควรรู้คือ เด็กขาดลักษณะของธาตุใด แล้วช่วยหาวิธีเติมสิ่งที่ขาดให้แก่เขา เพื่อเป้าหมายที่เราจะทำให้เขาเกิดความสมดุลได้ในตัวเอง คนที่มีทุกธาตุอยู่ในตัวอย่างสมดุลจะสามารถสร้างสมดุลในการดำเนินชีวิตได้.....




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2551    
Last Update : 6 ธันวาคม 2551 12:21:58 น.
Counter : 778 Pageviews.  

"การให้" พลังที่ไม่เคยหมด



Blog ต่อไปที่จะเขียน ตั้งใจจะให้เป็นเรื่อง Temperaments ที่ค้างไว้อีก 3 ธาตุ แต่เนื่องจากเพิ่งผ่านการทำงานชิ้นสำคัญที่รร.ของลูก แม่จึงอย่างบันทึกบางเรื่องราวไว้ตรงนี้ ก่อนที่เวลาจะล่วงเลย จึงขอแทรกเรื่อง "การให้" พลังที่ไม่เคยหมด ไว้ตรงนี้ก่อน

การ “ให้” ในสังคมทุกวันนี้กลายเป็นเรื่องพิเศษ เรื่องแปลกไปเสียแล้ว ทั้งๆที่มันมีอยู่เกลื่อนกลาดในประเทศไทย เมื่อครั้งคุณตาคุณยายยังสาว แต่วันนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับหรือรู้สึกถึงการ “ให้” ของใครบางคน มันกลับทำให้เรารู้สึกดีและปลาบปลื้มได้อย่างน่าประหลาด...................วันนี้แม่ก็เป็นอีกคนหนึ่งในฐานะผู้รับ ที่กำลังรู้สึกดีและปลาบปลื้มกับการ “ให้” ของใครบางคน

ที่โรงเรียนของหนู แม่ได้พบกับผู้ให้จำนวนมาก และที่ใกล้ตัวมากที่สุด ก็คงจะเป็น ครู เพื่อนผู้ปกครองด้วยกัน และผู้ปกครองรุ่นพี่.....มันเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ วันที่แม่พาหนูเข้าไปสมัครเรียนที่รร.แสนสนุกไตรทักษะแห่งนี้ แม่ไม่ได้รู้จักใครเป็นพิเศษ ทุกคนเป็นคนแปลกหน้าสำหรับแม่....แม่เองก็แปลกหน้าสำหรับที่นี่ จากนั้นมิตรภาพที่ค่อยๆเดินเข้ามาหา วันแล้ว วันเล่า ครั้งแล้ว ครั้งเล่า มันเริ่มทำให้แม่กลายเป็นคนคุ้นเคยของที่นี่ และด้วยเวลาเพียงไม่นาน แม่ก็กลายเป็นผู้รับ จากการให้ของใครบางคนหลายๆคน เริ่มต้นจากการอุทิศตัวของผู้ปกครองกลุ่มหนึ่ง (ที่บัดนี้แม่รู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี) ในการช่วยเหลือ แนะนำ ให้ความรู้ ให้คำปรึกษา รวมไปถึงให้การศึกษาแก่แม่ ด้วยความเต็มใจ อุทิศตัวและเวลา(อันแสนมีค่า)เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้เกิดสิ่งดีๆในชุมชน ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่แม่ร้องขอ ความช่วยเหลือ และการสนับสนุน จะมีให้อย่างไม่ขาดสาย การ “ให้” ของครู ที่ลูกของแม่ได้รับตั้งแต่ก้าวแรกในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ก็เช่นกัน ลูกได้รับสิ่งดีๆ ต้นแบบที่ดีมากมายจากครู เมื่อลูกได้รับแม่ก็ได้รับผลของมันอย่างไม่ต้องสงสัย ครูที่นี่ ทำให้แม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า “แม่พิมพ์”

แม่กลายเป็นผู้รับ รับ รับ และรับ จนแม่รู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ผู้ให้ไม่เคยหมด พลังของการให้มันส่งผ่านมาถึงหัวใจของแม่ แม่รู้สึกอิ่ม และหัวใจของแม่มันร้องบอกตัวเองว่าถึงเวลาที่เราควรส่งผ่านสิ่งเหล่านี้ไปให้ผู้อื่นบ้าง

วันนี้เพียงการเริ่มต้นที่แม่จะทำงานบางอย่างเพื่อส่งผ่านสิ่งที่แม่เคยได้รับสู่คนอื่นๆ พลังจากผู้ให้ พลังที่คอยสนับสนุน พลังที่คอยช่วยเหลือ ดูเหมือนมันจะยิ่งเพิ่มทวีคูณ การทำงานที่ดูเหมือนจะยากยิ่ง กลับผ่านไปได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย มีความช่วยเหลือมากมายโอบอุ้มเราอยู่ ความผิดพลาดและความบกพร่องในงานกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เสมือนหนึ่งว่าถ้าไม่มีเอาเสียเลย เราคงไม่มีช่องว่างไว้สำหรับการพัฒนาและปรับปรุงในโอกาสต่อๆไป

การ "ให้" หรือความร่วมแรงร่วมใจกันทำงานที่แม่เขียนถึงในวันนี้มันเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับการเรียนรู้ของลูก ที่โรงเรียนแห่งนี้ เราจะได้ยินอยู่เสมอๆว่า เมื่อเด็กๆได้เห็นการร่วมมือกันของพ่อแม่ในการทำงานเพื่อชุมชน จะเป็นเสมือนพลังที่สร้างความมั่นคงภายในให้แก่เด็ก ลูกจะเติบโตอย่างมั่นคงและมั่นใจในการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ผ่านความสามัคคีและความร่วมมือกันของชุมชน

แม่เชื่อว่า สังคมนี้ยังมีผู้(อยาก)ให้อยู่อีกมาก หากแต่อาจยังมองไม่เห็นโอกาสแห่งการให้ บางท่านอาจยังติดอยู่ในกรอบของวัตถุที่ว่า “ให้ไปแล้วเราจะได้อะไร” เมื่อใดที่ผู้ใดหลุดออกมาจากคำถามนั้นได้ สิ่งที่ได้รับจากการให้ มันมีค่ามากเกินกว่าคำว่า “ได้อะไร”

จากตรงนี้ไปขอให้เป็นพื้นที่สำหรับคำขอบคุณ
ขอขอบคุณ :

คุณป้าอุษา ครูเษม ครูหวีด ครูบวบ ครูมัย ครูอนุบาลทุกท่าน และครูท่านอื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวชื่อไว้ ณ ตรงนี้ สำหรับความช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานของผู้ปกครอง ขอบคุณสำหรับความรู้และคำแนะนำดีๆ

ขอบคุณ พี่เอี๊ยม แม่หนิง พี่ประคอง พี่วรรณ และพี่นวล ที่เป็นผู้สนับนุนทุกกิจกรรมของรร.และของพ่อแม่

ขอบคุณ เด็กๆ ที่รร.ทุกคนที่ต้องถือว่าเป็นกรณีศึกษา ทำให้แม่คนนี้รู้ว่า การศึกษาที่แตกต่าง สร้างคนที่แตกต่าง

ขอบคุณ คุณตา พี่เป๊าะ พ่อกิจ พ่อต้น ที่เป็นเสมือนครูที่ไม่เคยเหนื่อยหน่ายที่จะตอบคำถามแม่ขี้สงสัยคนนี้ และเป็นผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังของทุกๆเรื่องราว

ขอบคุณ แม่อ้อ แม่นิ่ม แม่เจ๋ แม่ลี่ แม่แดง พ่อทัก แม่เปีย ที่เป็นเพื่อนกินข้าวและชวนกินกาแฟทุกเช้า ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่น่ารัก

ขอบคุณ พี่น้อย แม่เอ๋ พ่ออ้วน แม่แอน พ่อเล็ก แม่เล็ก สำหรับความช่วยเหลือให้งานบรรลุวัตถุประสงค์

ขอบคุณเพื่อนๆกลุ่ม “พ่อแม่อยากรู้” ทุกท่าน ที่นำความรู้ดีๆจาก study group กลุ่มย่อยมาช่วยกันย่อยและแบ่งปัน

ขอบคุณแม่หวาน สำหรับแกงเขียวหวานอันแสนอร่อย ขอบคุณพี่ปูสำหรับความช่วยเหลือ (หนังสือสวยมากค่ะ)และ ขอบคุณเพื่อนผู้ปกครองท่านอื่นๆ ที่ผ่านมาช่วยกันทำงาน และผ่านมาแวะเวียนให้กำลังใจกันอย่างสม่ำเสมอ




 

Create Date : 30 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2551 19:19:45 น.
Counter : 508 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

แม่ของลูกสาว
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add แม่ของลูกสาว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.