โรคงูสวัด ... บล็อกที่ 34
โรคงูสวัด
นำข้อมูลมาจาก health.kapook.com
โรคงูสวัด เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสชื่อ Varicella zoster virus หรือเรียกย่อ ๆ ว่า VZV เชื้อชนิดนี้ทำให้เกิดโรคในคนได้ 2 โรค คือ โรคอีสุกอีใส และโรคงูสวัด
เชื้อไวรัส VZV เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เป็นโรคอีสุกอีใสก่อน มักจะเกิดขึ้นในเด็ก และจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสจะไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย รอเวลาที่เหมาะสมกับการเพิ่มจำนวนของไวรัส หรือเวลาที่ร่างกายอ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันลดลง อดนอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส จะพบมากในผู้สูงอายุ เพราะผู้สูงอายุมีภูมิต้านทานต่ำหรือร่างกายอ่อนแอลง
ดังนั้นการป้องกันโรคงูสวัด ก็คือการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และมีภูมิต้านทานโรคที่ดี เชื้อไวรัสก็จะไม่ออกมาเพิ่มจำนวน และแสดงอาการของโรคอีกได้
อาการของโรคงูสวัด แบ่งได้เป็น 3 ระยะ
ระยะที่ 1 ผู้ป่วยจะมีอาการปวดแสบร้อนลึกๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้ ทั้งนี้เพราะช่วงนี้ภูมิต้านทานของร่างกายลดต่ำลง ทำให้เชื้อไวรัสเริ่มเพิ่มจำนวน เกิดการติดเชื้อที่ระบบประสาท จึงมีอาการปวดแสบร้อนลึกๆ ในระดับเส้นประสาท
ระยะที่ 2 หลังจากที่ปวดแสบร้อนได้ประมาณ 2-3 วัน จะเข้าสู่ระยะที่ 2 เริ่มมีผื่นแดง ต่อมากลายเป็นตุ่มน้ำใสเต่งๆ เรียงกันเป็นกลุ่ม ๆ เป็นแนวยาวๆ ตามเส้นประสาทของร่างกายเป็นหย่อม ๆ เช่น ตามความยาวของแขน หรือตามความยาวของขา หรือรอบเอว รอบหลัง หรือศีรษะ เป็นต้น ตุ่มน้ำใสเต่ง ๆ ของงูสวัดนี้จะแตกออกเป็นแผลต่อมาก็จะตกสะเก็ด และหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์
ระยะที่ 3 เมื่อตุ่มแตก และแผลหายดีแล้ว ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะยังมีอาการปวดแสบร้อนลึก ๆ ตามรอยแนวของโรคที่เกิดขึ้น ในบางคนอาจเกิดได้อีกเป็นเดือน หรือหลาย ๆ เดือน โดยเฉพาะผู้สูงอายุบางคนอาจมีอาการปวดแสบร้อนลึก ๆ หลังจากที่แผลหายดีแล้วเป็นปี ๆ
เนื่องจากรอยโรคของงูสวัด เรียงเป็นกลุ่ม ๆ เป็นแนวยาวตามเส้นประสาทซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ยังไม่เคยพบผู้ที่เป็นงูสวัดทั้ง 2 ด้านของร่างกายเลยหรือพันรอบเอว ยกเว้นในผู้ป่วยที่มีอาการอ่อนเพลียมากๆ หรือผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งเมื่อเป็นโรคงูสวัดแล้วจะลุกลามมากกว่าปกติ ผู้ป่วยทั่วไป ภูมิคุ้มกันของร่างกายเมื่อพบว่าไวรัสมารุกราน ก็จะเริ่มกระบวนการทำงานและจัดการกับเชื้อไวรัส ผู้ที่เป็นโรคงูสวัดจะหายได้เองเป็นปกติ แต่ต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ และไม่เคยพบว่าคนปกติ ตายจากโรคงูสวัดเลย
ยารักษาโรคงูสวัด
ปัจจุบันมียาต้านไวรัสชื่อ อะซัยโคลเวียร์ (acyclovir) ซึ่งมีการใช้ยานี้มากว่า 20 ปีแล้ว เป็นยาที่ได้ผลดี เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ โดยมีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส VZV จึงได้ผลดีทั้งผู้ป่วยโรคงูสวัดและโรคอีสุกอีใส (รวมถึงโรคเริมด้วย) มีทั้งรูปแบบยาเม็ด ยาแคปซูล ยาทา และยาฉีด
แต่ยานี้แปลกกว่ายาอื่นในแง่วิธีใช้ เพราะจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อย แถมมีระยะเวลาออกฤทธิ์ในร่างกายสั้น จึงมีวิธีใช้ที่มีความถี่มากกว่ายาทั่วไป ในผู้ใหญ่ที่เป็นโรคงูสวัดและโรคอีสุกอีใส ควรได้รับยาเม็ดในขนาด 800 มิลลิกรัม กินวันละ 5 ครั้งทุก 4 ชั่วโมง (ยกเว้นเวลากลางคืน) และควรใช้ติดต่อกันนาน 7-10 วัน
นอกจากยาชนิดกินแล้ว ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจจะให้ยาแก่ผู้ป่วยในรูปแบบของยาฉีด เข้าหลอดเลือดดำโดยตรง ขนาดครั้งละ 500 มิลลิกรัมวันละ 5 ครั้ง และควรใช้ติดต่อกันนาน 7-10 วันเช่นกัน
ส่วนยาอะซัยโคลเวียร์ชนิดครีมทาภายนอกนั้น ไว้ใช้สำหรับโรคเริม มักใช้ไม่ได้ผลกับโรคงูสวัดและโรคอีสุกอีใส
นอกจากยาอะซัยโคลเวียร์แล้ว ยังมียาอีก 2 ชนิด คือ วาลาซิโคลเวียร์ (valaciclover) และแฟมซิโคลเวียร์ (famciclovir) ซึ่งมีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนกับยาอะซัยโคลเวียร์ แต่มีข้อดีกว่าคือ กินวันละ 3 ครั้งเท่านั้น (ยาอะซัยโคลเวียร์ ต้องกินวันละ 5 ครั้ง)
เพื่อให้ได้ผลดีในการรักษา ควรใช้ยาอะซัยโคลเวียร์ให้เร็วที่สุด เนื่องจากยานี้มีฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส ยาจึงมีประโยชน์ในช่วงที่ไวรัสกำลังเพิ่มจำนวน ตั้งแต่เริ่มมีอาการปวดแสบปวดร้อนในระยะแรก (ยังไม่ขึ้นตุ่มน้ำใส) จนถึงระยะที่ 2 ก่อนที่ตุ่มน้ำใสจะแตกออก โดยทั่วไปควรใช้หลังจากพบตุ่มน้ำใสแล้วไม่เกิน 2-3 วัน จึงจะได้ผลดีที่สุด เมื่อแผลเริ่มตกสะเก็ดแล้ว จะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยานี้ เพราะจะไม่เกิดประโยชน์ในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสแล้ว
การดูแลแผลโรคงูสวัด
เมื่อตุ่มน้ำใสแตกเป็นแผลเปิด ควรจะดูแลทำความสะอาดแผลเช่นเดียวกับแผลทั่วไป ให้แผลสะอาดปราศจากเชื้อแบคทีเรีย ในรายที่มีแผลเป็น อาจเลือกใช้ยาปฏิชีวนะคล็อกซาซิลลิน (cloxacillin) เพื่อช่วยลดการติดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ไม่ควรไปแกะเกาที่แผล เพราะอาจทำให้ลุกลามและหายยากขึ้นด้วย.
หากท่านใดประสงค์จะโหวตให้บล็อกนี้ ขอความกรุณาโหวตในสาขาสุขภาพ ขอบคุณค่ะ
จาก พรไม้หอม
Create Date : 16 กรกฎาคม 2555 |
|
27 comments |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2555 13:23:30 น. |
Counter : 5640 Pageviews. |
|
|
|
Vote 4 U about Helthy Blog.