เบคกิ้งโซดา (Baking Soda) ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา 63 ข้อ !

เบคกิ้งโซดา (Baking Soda)
ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา 63 ข้อ !
By MedThai
 



1 โซเดียมไบคาร์บอเนต
2 เบกกิ้งโซดา
3 ผงฟู
4 ผงฟูกับเบกกิ้งโซดาต่างกันยังไง
5 ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา
6 เบกกิ้งโซดา ซื้อที่ไหน?


โซเดียมไบคาร์บอเนต
โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) มีลักษณะเป็น
ผลึกสีขาวที่ละลายน้ำได้ดี มีความเป็นด่าง เมื่อทำปฏิกิริยากับ
ส่วนผสมที่เป็นกรดในส่วนผสมของเหลวก็จะทำให้เกิด
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จนทำให้เกิดฟองก๊าซ

หลายคนที่สับสนว่าโซเดียมไบคาร์บอเนตกับโซเดียมคาร์บอเนต
มันเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร มาลองทำความเข้าใจกันครับ

โซเดียมคาร์บอเนต (Sodium carbonate) มีสูตร
โครงสร้างทางเคมี คือ Na2CO3 และมีชื่อเรียกอื่นว่า
โซดาซักผ้า (Washing Soda),
โซดาแอช (Soda Ash), โซดาคาร์บอเนต เป็นต้น
โซเดียมคาร์บอเนต



โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) มีสูตรโครงสร้างทางเคมี
คือ NaHCO3 และมีชื่อเรียกอื่นว่า เบกกิ้งโซดา (Baking Soda),
โซเดียมไฮโดรเจนไบคาร์บอเนต (Sodium hydrogen carbonate),
โซเดียมแอซิดคาร์บอเนต, ไบคาร์บอเนตออฟโซดา เป็นต้น
โซเดียมไบคาร์บอเนต



ข้อแตกต่าง : โซเดียมคาร์บอเนตและโซเดียมไบคาร์บอเนตจะมี
ความเป็นด่างสูง แต่โซเดียมไบคาร์บอเนตจะมีความเป็น
กรดมากกว่าโซเดียมคาร์บอเนต

เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) มีชื่อทางเคมีคือ "โซเดียมไบคาร์บอเนต"
(Sodium bicarbonate) สารนี้จะสลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อน
มีค่าเป็นด่าง และมีข้อเสียคือจะมีสารตกค้าง ถ้าใช้มากเกินไป
จะทำให้เกิดรสเฝื่อนได้ แต่สามารถแก้ไขได้โดยเติมกรดลงไป
ในสูตรขนมอาหารลงไปเพื่อทำให้สารตกค้างหมดไปได้
ตัวอย่างเช่น การเติมนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต เป็นต้น

เบกกิ้งโซดารูปแบบนี้เราจะนิยมนำมาใช้กับขนมที่มีโกโก้
หรือกาแฟเป็นส่วนผสม เพราะทั้งโกโก้และกาแฟต่างก็มีค่าเป็นด่าง
และเบกกิ้งโซดาก็มีค่าเป็นด่าง จึงทำให้เข้ากันได้ดี





ผงฟู
ผงฟู หรือ เบกกิ้งพาวเดอร์ (Baking Powder) คือ สารเคมีแห้งที่ช่วย
ทำให้ขนมขึ้นฟู โดยมีส่วนประกอบ คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) เป็นส่วนประกอบสำคัญ + สารที่มีฤทธิ์เป็นกรด
(เช่น ครีมทาร์ทาร์ (Cream of tartar) ซึ่งเป็นผลึกผงสีขาว
ที่ทำมาจากรดในผลองุ่น), ไดโซเดียมไพโรฟอสเฟต (Disodium pyrophosphate) หรือสารเจือปนในอาหารที่ให้ความเป็นกรด)
+ แป้งข้าวโพด (Corn starch) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้สารทั้งสอง
สัมผัสกันโดยตรง

ทั้งนี้เป็นเพราะโซเดียมไบคาร์บอเนตนั้นมีความเป็นด่างสูง
จึงต้องผสมกับสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดเพื่อช่วยคงความเป็นกลาง
ไว้ไม่ให้มันทำปฏิกิริยากัน เมื่อใส่ผงฟูในน้ำก็จะทำให้เกิดฟองก๊าซ
(เพราะมีกรดที่พร้อมทำปฏิกิริยาอยู่แล้ว)

โดยผงฟูจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ

ผงฟูที่ให้ปฏิกิริยารวดเร็ว หรือผงฟูกำลังหนึ่ง (Single-acting)
เมื่อโดนน้ำแล้วจะเกิดปฏิกิริยาทันที (ผลิตฟองก๊าซอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างที่ผลิตภัณฑ์รอการเข้าอบ) ดังนั้น การใช้ผงฟูชนิดนี้จึง
ต้องผสมส่วนผสมอย่างรวดเร็วและนำเข้าอบทันทีที่ผสมเสร็จ
ไม่เช่นนั้นจะเกิดการสูญเสียฟองก๊าซที่จะเกิดขึ้นและผลิตภัณฑ์ที่
ออกมาจะขึ้นฟูไม่ดี

ผงฟูที่ใช้ปฏิกิริยาช้า หรือผงฟูกำลังสอง (Double-acting)
จะประกอบไปด้วยสองส่วน คือ ส่วนที่เกิดปฏิกิริยาช้าและเร็ว
(เกิดฟองก๊าซทั้งตอนผสมกับน้ำหรือของแหลว และตอนที่ได้
รับความร้อนจากเตาอบ) โดยมากผู้ประกอบการจะนิยมใช้ตัวนี้
เพราะไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเหมือนแบบผงฟูที่ให้ปฏิกิริยารวดเร็ว

ผงฟูนั้นเรามักจะนำมาใช้ในการทำขนมเป็นส่วนใหญ่ เพราะผงฟู
จะช่วยทำให้ขนมขึ้นฟูได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณพอควร ขนมจำพวก
วาฟเฟิล มัฟฟิน และแพนเค้ก โดยทั่วไปแล้วผงฟูประมาณ 1-1 ¼ ช้อนชา
สามารถทำให้ขนมขึ้นฟู โดยใช้แป้ง 1 ถ้วยตวง ของเหลว 1 ถ้วยตวง
และไข่ไก่ 1 ฟอง แต่อย่างไรก็ตามการเติมผงฟูมากจนเกินไปจะทำ
ให้ดูฟุ่มเฟือยและทำให้ขนมเสียรสชาติได้



ผงฟูกับเบกกิ้งโซดาต่างกันยังไง
เบกกิ้งโซดา คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate)
ผงฟู คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) + สารที่มีฤทธิ์
เป็นกรด (เช่น Cream of tartar, Disodium pyrophosphate) + แป้ง
ข้าวโพด (Corn starch)
สรุป ทั้งเบกกิ้งโซดา (Baking Soda) และผงฟู (Baking Powder) ต่างก็
เป็นสารที่ช่วยทำให้ขนมขึ้นฟูได้ แต่โดยมากแล้วจะนำมาใช้ในโอกาศ
ที่แตกต่างกัน โดยผงฟูนั้นสามารถนำมาใช้แทนเบกกิ้งโซดาได้ในบางกรณี*
แต่เบกกิ้งโซดาเพียงเดี่ยว ๆ จะไม่สามารถนำมาใช้แทนผงฟูได้เลย
เพราะต้องเพิ่มสารที่มีฤทธิ์เป็นกรดและแป้งข้าวโพดเข้าไปด้วย

หมายเหตุ : ผงฟูจะมีปริมาณที่จะเกิดปฏิกิริยาน้อยกว่าเบกกิ้งโซดา 4 เท่า
พูดง่าย ๆ ก็คือ เบกกิ้งโซดาเพียว ๆ จะมีความเข้มข้นมากกว่าผงฟู
ประมาณ 4 เท่าครับ ถ้าจะใช้ผงฟูแทนเบกกิ้งโซดาก็กะใช้ในขนาด
ที่เหมาะสมด้วยครับ

ประโยชน์ของเบกกิ้งโซดา
1.หากมีอาการเจ็บคอ ให้ผสมเบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาลงในน้ำเปล่า
แล้วนำมาใช้กลั้วคอทุก ๆ 4 ชั่วโมง ก็จะช่วยลดอาการเจ็บคอ
ที่เกิดจากกรดได้

2.ใช้รักษาแผลในช่องปาก ให้ใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งช้อนชาผสมลง
ในน้ำเปล่า แล้วนำมาใช้กลั้วคอทุก ๆ 4 ชั่วโมง

3.ช่วยทำให้เรอ ด้วยการใช้ผงฟูนำมาผสมกับน้ำดื่ม จะช่วยทำ
ให้เรอและแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อได้

4.โซเดียมไบคาร์บอเนตสามารถนำมารับประทานเพื่อช่วย
ในการลดกรดในกระเพาะอาหารได้

5.โซเดียมไบคาร์บอเนตในรูปแบบของยาเม็ด (Sodium
bicarbonate tablet) หรือ โซดามินท์ (Sodamint) จะมีสรรพคุณ
เป็นยาลดกรด ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ภาวะอาหารไม่ย่อย
รักษาภาวะกรดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย (Metabolic acidosis) ช่วยปรับปัสสาวะให้มีสภาวะเป็นด่าง (Urinary alkalinization)
ใช้ควบคุมสภาวะความเป็นกรดในเลือดของผู้ป่วยโรคไต เป็นต้น
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ โซเดียมไบคาร์บอเนต / โซดามิ้นท์ (Sodamint) สรรพคุณ วิธีใช้ ผลข้างเคียง ฯลฯ)


6.ช่วยบรรเทาอาการของลมพิษ ด้วยการใช้ผงเบกกิ้งโซดานำ
มาผสมกับน้ำ 2-3 หยด (พอให้ได้เป็นแป้งเปียก) แล้วนำมา
ใช้ทาบริเวณที่เป็นผื่นเพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองและแก้อาการคัน

7.หากถูกแมลงกัดต่อย ก็ให้ใช้เบกกิ้งโวดาผสมกับน้ำ แล้วนำมาทา
บริเวณที่เป็น ก็จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดได้

8.ใช้บรรเทาอาการผิวไหม้แดด ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมลง
ในน้ำอุ่นสำหรับอาบ แล้วนำมาอาบก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบ
ปวดร้อนที่เกิดจากผิวไหม้แดดได้

9.หากเป็นฮ่องกงฟุต (อาการคันตามง่ามเท้าเพราะติดเชื้อรา) ให้ใช้
เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับน้ำให้พอเหนียว แล้วนำมาทาที่เท้า
หลังจากนั้นให้ล้างเท้าและเช็ดให้แห้ง แล้วปิดท้ายด้วยการนำ
แป้งข้าวโพดมาทาบริเวณที่คันอีกครั้งหนึ่ง จะช่วยลดอาการคันและ
อาการแสบร้อนตามง่ามนิ้วเท้าได้

10. ช่วยทำให้ผิวเนียนใส ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำข้าวโอ๊ต
นมสด และน้ำผึ้งนำมาขัดเบา ๆ เพื่อผิวที่สะอาดใสขึ้น (จะขัดส่วนไหน
ส่วนนั้นต้องเปียกน้ำก่อน ส่วนไหนบอบบางก็ให้ขัดเบา ๆ และ
ให้ทำเป็นประจำนะครับ แต่ไม่ต้องถึงขนาดต้องทำทุกวันนะครับ))

11. ใช้ทำสครับขัดหน้าได้ดี สูตรแรกให้ใช้เบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ,
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, ข้าวโอ๊ต 1 ช้อนโต๊ะ, และน้ำสด 2 ช้อนโต๊ะ
นำมาผสมรวมกันใช้ขัดผิวหน้าเบา ๆ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าเย็น ๆ
จะช่วยทำให้หน้าใสได้ ส่วนสูตรที่ 2 ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 3 ส่วน
ผสมกับน้ำเปล่า 1 ส่วน โดยผสมกันให้ได้เปียก ๆ แล้วนำมา
ขัดผิวหน้าเบา ๆ จนสะอาด

12. ใช้ทำสครับขัดผิว ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย, เกลือ 1/2 ถ้วย,
น้ำมันทาผิว 2 ช้อนโต๊ะ, และมะนาว 1 ลูก แล้วนำมาผสมกัน
ใช้ขัดผิวในระหว่างอาบน้ำ
ใช้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ให้สดใสมากยิ่งขึ้น

13.ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 3 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน นำมาผสมกัน
ใช้เช็ดถูบริเวณที่ต้องการ แล้วค่อยล้างออก

14. มีบางท่านใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อกำจัดสิวเสี้ยน โดยใช้เบกกิ้ง
โซดาผสมกับน้ำแล้วเอามาขัดเบา ๆ ที่จมูกไปเรื่อย ๆ แล้วล้างออก
ด้วยน้ำสะอาด จะช่วยทำให้สิวเสี้ยนจางลงได้

15. ใช้ทำน้ำยาระงับกลิ่นปาก สูตรแรกให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ
ผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วย แล้วนำมาใช้บ้วนปากจะช่วยดับกลิ่นปากได้
ส่วนสูตรที่สองให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำ 1 แก้ว
จะช่วยดับกลิ่นกระเทียมได้ แต่ถ้าใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะผสม
กับน้ำ 1 แก้ว และผสมกับเกลือ 1 ช้อนโต๊ะก็ใช้เป็นน้ำยาบ้วน
ปากได้เช่นกัน

16.ช่วยทำให้ฟันขาว ขจัดคราบชาหรือกาแฟ ลดหินปูนbaking soda
ให้ใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชาผสมกับน้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา แล้ว
ใช้แปรงสีฟันจุ่มลงไป นำมาใช้ขัดฟันเบา ๆ แล้วบ้วนน้ำเปล่า
จนสะอาด จะช่วยกำจัดคราบชาหรือกาแฟได้ครับ แต่ห้ามทำ
เวลาป่วยนะครับ เนื่องจากมะนาวมีความเป็นกรดสูงอาจไป
ทำลายเคลือบฟันได้

17.ใช้ทำสปาเท้า ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย, เกลือทะเล
2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันหอมระเหยกลิ่นมินต์, และน้ำอุ่นใส่ในกะละมัง
สำหรับแช่เท้า เมื่อแช่เท้าแล้วจะทำให้รู้สึกสบายเท้า ช่วยฆ่าเชื้อโรค
ดับกลิ่นเท้า และความร้อนจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้าได้อีกด้วย

18.ช่วยทำให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้น ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาประมาณ
หนึ่งหยิบมือผสมลงในชามน้ำอุ่น แล้วแช่มือไว้ในนั้นประมาณ
สองสามนาที ก่อนจะล้างน้ำให้สะอาด จะช่วยให้หนังหุ้มเล็บนุ่มขึ้นได้

19.ใช้ทำความสะอาดเส้นผม ด้วยการผสมเบกกิ้งโซดาหนึ่ง
ช้อนชาเข้ากับแชมพูสระผมตามที่คุณใช้ปกติ เพื่อช่วยขจัดสาร
ตกค้างจากผลิตภัณฑ์แต่งผม (วิธีนี้จะได้ผลดีเป็นพิเศษกับผมเส้นเล็ก)

20.ลองเปลี่ยนจากแชมพูมาใช้เบกกิ้งโซดาแทนดูสักครั้ง รับรอง
เลยว่าจะช่วยทำให้รังแคของคุณน้อลงอย่างทันตาเห็น

21.ใช้หมักเนื้อหมูให้นุ่ม ให้ใส่เบกกิ้งโซดาเพียงเล็กน้อย
(ใส่มากเกินไปจะมีกลิ่นของสารเคมี) แล้วหมักหมูก็จะทำให้เนื้อนุ่มได้

22.ถ้าอยากได้ไข่เจียวฟูหอมอร่อยน่ารับประทาน ก็ให้ใส่เบกกิ้งโซดา
ลงไปครึ่งช้อนต่อไข่ 3 ฟอง ก็จะได้ไข่เจียวที่ฟูน่ารับประทาน

23. การทำขนมปังให้ฟูน่ารับประทาน จะนิยมใช้ผงฟูหรือโซเดียม
ไบคาร์บอเนตมาใช้ในการทำขนมปังแทนการใช้ยีสต์ เพราะเมื่อผงฟูผสม
กับน้ำก็จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เช่นเดียวกับการใช้ยีสต์
แต่ผลเสียของผงฟูก็คือ หากใส่มากเกินไปก็จะทำให้มีรสเฝื่อนขม
และการฟูของขนมปังก็จะหยาบกว่าการใช้ยีสต์ แต่มีข่อดีก็คือ
ใช้ได้ง่ายกว่าและเก็บรักษาไว้ได้นานกว่า

24.เค้กกล้วยหอมถ้าจะทำให้ฟูนุ่มน่ารับประทาน ก็ต้อง
ใช้เบกกิ้งโซดาเป็นส่วนผสม

25.ใช้ดับไฟในกระทะ ในกรณีที่มีน้ำมันกระเด็นติดไฟ
ในขณะทำอาหาร หรือว่าไฟติดกระทะ หากเราใช้น้ำเทลง
ไปบนน้ำมันที่ร้อน ๆ จะทำให้ไฟลุกมากยิ่งขึ้น (เนื่องจากน้ำมันกระจาย)
แต่ถ้าเราใช้เบกกิ้งโซดาเทลงไปตรง ๆ เบกกิ้งโซดาเมื่อถูกความร้อน
ก็จะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา จึงช่วยทำให้ไฟลดน้อยลงได้

26.ใช้ทำความสะอาดผักและผลไม้ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อน
โต๊ะผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย (รอให้ส่วนผสมเย็น) แล้วนำมา
ใช้ล้างผักผลไม้ โดยนำมาแช่ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำเปล่า
อีกครั้งหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้ผักผลไม้ดูสะอาด
น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น

27. ใช้ทำเป็นน้ำยาล้างสารพิษจากผักผลไม้ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา
1/2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำ 10 ลิตร แล้วนำผักผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ
15 นาที เสร็จแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีก 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษตกค้างจากผักได้ถึง 90% (หากล้างไม่สะอาด การได้รับเบกกิ้งโซดา
ในปริมาณมากจนเกินไปก็อาจทะให้ท้องเสียได้)

28.ใช้ทำเป็นน้ำยาขจัดคราบในกาน้ำชาที่เป็นโลหะ ด้วยการเติมน้ำลง
ในกาน้ำชา แล้วเติมเบกกิ้งโซดาตามลงไป 2 ช้อนโต๊ะ และให้บีบน้ำ
มะนาวลงไปอีกครึ่งลูก แล้วนำไปต้มประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วนำมา
ขัดและล้างให้สะอาดอีกครั้งหนึ่ง

29.ใช้ล้างจานก็ได้ เพราะผงฟูสามารถขจัดกลิ่นและคราบมันได้ดี
ด้วยการใช้ผงฟูเทแล้วใช้ฟองน้ำขัดล้าง หรือจะผสมผงฟูกับน้ำแล้ว
เอาฟองน้ำจุ่มล้างจานก็ได้

30.ใช้ทำน้ำยาทำความสะอาดเตาไมโครเวฟ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา
4 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำอุ่นอีก 1 ลิตร แล้วนำมาผ้ามาชุบแล้วเช็ด
ทำความสะอาดภายในเตาไมโครเวฟ คราบสกปรกก็จะเช็ดออก
ได้อย่างง่ายดาย

31.ช่วยขจัดคราบไขมันที่ติดรอบท่อของอ่างล้างจาน (หากปล่อย
ไว้นานจะทำให้ท่ออุดตันได้) ก็ให้ใช้เกลือแกงใส่ลงไปในท่อประมาณ
2-3 ช้อน จากนั้นให้นำเบกกิ้งโซดาไปต้มกับน้ำให้เดือดแล้วเทลงไป
ในท่อ ไขมันที่อุดตันอยู่ก็จะหลุดออกมาหมด

32.ใช้ทำความสะอาดเขียง ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำแล้วนำมาใช้ทำความสะอาดเขียง วิธีนี้จะช่วยขัดกลิ่นคาวบนเขียงได้

33.ใช้ขจัดรอยไหม้ตามกระทะหรือหม้อ ด้วยการเอาเครื่องครัวเหล่านั้น
นั้นมาแช่ด้วยน้ำอุ่นที่ผสมเบกกิ้งโซดาประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออก
วิธีนี้จะช่วยทำให้รอยไหม้จางลงได้


34.ใช้แก้ปัญหาท่ออุดตันด้วยคราบไขมันในอ่างล้างจาน ด้วยการ
ใช้เกลือนำมาโรยรอบ ๆ ขอบท่อ จากนั้นให้นำน้ำยาเบกกิ้งโซดา
10 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำร้อน 1 ขวดลิตร แล้วค่อย ๆ ลงไป เกลือและ
น้ำยาจะช่วยทำให้คราบไขมันหลุดออกได้โดยง่าย และให้ทำซ้ำ
อีกประมาณ 2-3 รอบ แล้วตามด้วยน้ำเปล่าอีกครึ่งหนึ่ง

35.ใช้ทำเป็นครีมลบรอยขูดขีดบนเครื่องครัว ด้วยการละลาย
เบกกิ้งโซดา 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ลิตร แล้วทำความสะอาด
เครื่องครัวที่ทำมาจากสแตนเลส โครเมียม พลาสติก ฟอร์ไมก้า
(ยกเว้นอะลูมิเนียม) จะทำให้ริ้วรอยเลือนหายไป

36.ใช้เช็ดทำความสะอาดเตารีด ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำผสมกับ
เบกกิ้งโซดาแล้วบิดให้พอหมาด หลังจากนั้นนำไปเช็ดใต้เตารีด
หรือเครื่องครัวที่ทำมาจากสแตนเลส หรือโครเมียม จะช่วยทำ
ความสะอาดได้หมดจดและไม่เกิดไม่เกิดรอยขูดขีด

37.ใช้ทำความสะอาดเครื่องปิ้งขนมปัง ด้วยการใช้ผงเบกกิ้งโซดา
โรยบนผ้าเปียก แล้วเอามาเช็ดตรงตะแกรง ก็จะช่วยทำให้เครื่องปิ้ง
ขนมปังของคุณกลีบมาสะอาดได้เหมือนเดิม

38.ผงฟูมีอนุภาคเล็กเป็นรูปทรงผลึกที่อ่อนนุ่ม จึงนำมาใช้ใน
การขัดถูได้ดี อีกทั้งยังช่วยดูดกลิ่นเหม็น ความชื้น ฆ่าเชื้อโรค
ปรับค่าความเป็นกรดด่าง และไม่กัดกร่อนผิวภาชนะ จึงสามารถนำมา
ใช้ทำบ้านเรือนได้อย่างดี เช่น ใช้ทำ

39.ความสะอาดหน้าต่างก็ให้ขจัดคราบสกปรกบนขอบและบาน
หน้าต่างด้วยฟองน้ำเปียก ๆ ก่อนแล้วโรยด้วยผงฟูเล็กน้อย แล้วล้าง
ด้วยฟองน้ำและเช็ดให้แห้ง ถ้าใช้ล้างหน้าต่างบานเกล็ดก็ให้ใช้น้ำอุ่น
ที่ผสมกับผงฟู 3/4 ถ้วยตวง ราดน้ำให้เปียกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
แล้วใช้แปรงขัดออก ถ้าใช้ล้างหน้าต่างอลูมิเนียม ก็ให้ใช้แปรงเปียก ๆ
จิ้มลงในผงฟูแล้วเอามาขัดออก และใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่ม ๆ ล้างให้สะอาด
หรือถ้าใช้ทำความสะอาดงานไม้ ฝาหนัง หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ก็ได้เช่นกัน
(ใช้ผงฟูผสมกับน้ำส้มสายชูและน้ำอุ่น) ถ้ามีรอยด่างเป็นวงหรือรอยจุกบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ หากเกิดความร้อนบางครั้งก็อาจขัดออกได้ด้วยการผสม
กับยาสีฟันและผงฟูอย่างละเท่ากัน แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดออกอย่างเบา ๆ
และยังใช้ในผลิตภัณฑ์ขัดเงาได้อีกด้วยหากจำเป็น นอกจากนี้ยังใช้ขจัด
คราบหยดน้ำบนพื้นไม้ได้อีกด้วย ด้วยการใช้ผงฟูกับผ้าขี้ริ้วหมาด ๆ
แล้วเช็ดออก แต่จงจำไว้ว่าเครื่องเรือนที่ทำจากไม้ไม่ควรทำให้เปียก

40.ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีคราบสกปรก (สำหรับพื้นผิวแข็ง ๆ เช่น
พื้นครัว พื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ) ให้ละลายเบกกิ้งโซดา 4
ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 4 ถ้วย แล้วนำมาเช็ดทำความสะอาด
แล้วค่อยล้างออกอีกครั้งหนึ่ง

41. ในกรณีที่มีคราบสกปรกที่ทำความสะอาดได้ยาก ก็ให้ผสมเบกกิ้งโซดา
กับน้ำอุ่นในปริมาณที่เท่ากันจนข้นเป็นแป้ง แล้วนำมาพอกทิ้งไว้บริเวณที่คราบสกปรกประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อยเช็ดออก หรือจะใช้ฟองน้ำเปียก ๆ
เช็ดผงฟูเพื่อใช้เช็ดคราบสีเทียนที่ติดบนผนัง ดินสอ ปากกามาร์คเกอร์
รวมทั้งคราบน้ำมันได้ด้วย โดยให้เช็ดถูเบา ๆ แต่ถ้าเป็นคราบน้ำหมัก
ที่ติดบนเสื่อน้ำมัน ก็ให้ใช้ผงฟูข้น ๆ ป้ายบริเวณรอยหมึกทิ้งไว้จนแห้ง
สักครู่ก่อนจะเช็ดออก แล้วใช้ผงฟูใหม่ ๆ ขัดออกอีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าใช้
เพื่อเช็ดถูคราบสกปรกที่เกิดจากรอยลากไปมาบนพื้นเสื่อน้ำมัน
ก็ให้ใช้ผงฟูผสมกับน้ำเปียก ๆ ข้น ๆ แล้วนำมาเช็ดถูบริเวณที่เป็นรอย

42.ใช้ทำความสะอาดคราบที่เกิดจากกรด (กรดจากแบตเตอรี่
ปัสสาวะ หรือคาบอาเจียน) อย่างแรกให้ทำความสะอาดด้วยการ
ใช้น้ำเย็นซะออกแรง ๆ โดยทันทีถ้าเป็นไปได้ จากนั้นจึงทำให้เกิด
สภาพความเป็นกลางโดยใช้ผงฟู

43.หากใช้ผงฟูสัก 1 ถ้วยตวง เทลงในโถส้วมหรือท่อน้ำทิ้งเป็น
ประจำสัปดาห์ละครั้ง ก็จะช่วยคงสภาพความเป็นกรดและด่างได้
เพราะสภาพความเป็นกรดด่างที่เหมาะสมจะช่วยทำให้แบคทีเรีย
แตกตัวและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยป้องกัน
การตกค้างและการอุดตันได้

44.ใช้ทำความสะอาดผนังที่มีคราบเขม่าควันดำ (ใช้เศษผ้าชื้น ๆ
และผงฟูละลายเข้มข้น นำมาเช็ดถู) หรือใช้ทำความสะอาด
เครื่องประดับลวดลายลูกไม้ประเภทต่าง ๆ

45.ใช้ทำความสะอาดแป้นพิมพ์ดีด ด้วยการใช้แปรงสีฟันขนอ่อน ๆ
ขัดโดยใช้ผงฟู 4 ช้อนโต๊ะที่ละลายกับน้ำ 1 ถ้วยตวง จากนั้นให้
ใช้กระดาษชำระเช็ดออก


46.การใช้ผงฟูอย่างสม่ำเสมอยังช่วยป้องกันไม่ให้แทงค์คอนกรีต
หรือแทงค์ที่ทำจากโลหะผุกร่อนได้ง่ายอีกด้วย โดยเฉพาะในบริเวณ
ของฝาแทงค์ที่ต้องสัมผัสกับไอระเหยที่ผุกร่อนได้ง่าย

47.เราสามารถใช้ผงฟูผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยให้เปียกข้น แล้วนำมา
ใช้อุดรูตามผนังที่มีรอยปูนแตกร้าว เพื่อซ่อมแซมเป็นการชั่วคราวได้
เพราะถ้ามันแห้งแล้วจะดูกลมกลืนเข้าไปกับฝาผนังปูนพลาสเตอร์ขาว

48.ใช้ทำน้ำยาดับกลิ่นพรม ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วย นำมา
ผสมกับแป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วย แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่น
ที่ชอบลงไปประมาณ 15 หยด จากนั้นนำมาใส่ขวดสเปรย์ใช้
ก่อนนำมาใช้ฉีดบนพื้นพรมก่อนนอนทิ้งไว้จนเช้า จะช่วยทำ
ให้กลิ่นพรมสะอาดสดชื่นขึ้น หรืออีกวิธีให้โรยเบกกิ้งโซดาให้ทั่ว
แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยดูดออกด้วยเครื่องดูดฝุ่น

49.ใช้ทำความสะอาดพรม ด้วยการใช้ผงฟูผสมกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน
หรือจะนำมาซักในถุงน้ำก็ได้ แต่ถ้าจะทำความสะอาดเฉพาะบริเวณ
ที่มีคราบสกปรกโดยการแปรงด้วยมือ ก็ให้โรยผงฟูเล็กน้อยลงบนคราบ
ทิ้งไว้สักครู่ก่อนจะเช็ดออกด้วยฟองน้ำหรือผ้าโดยเฉพาะ

50.หากพรมเปื้อนคราบน้ำมัน ให้เทน้ำที่ผสมกับเบกกิ้งโซดาลง
ไปตรงบริเวณที่เป็นคราบ แล้วปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง
คราบก็จะจางลง หลังจากนั้นให้ใช้น้ำผสมกับเบกกิ้งโซดาเช็ดทำ
ความสะอาดซ้ำอีกครึ่งหนึ่ง หรือถ้าใช้ขจัดคราบไวน์หรือคราบสกปรก
มันบนพรม ก็ให้ใช้ผงฟูโรยบาง ๆ ทันทีที่มีรอยเปื้อน ทำซ้ำหรือค่อย ๆ
เติมผงฟูใหม่อีกครั้งถ้าจำเป็น แล้วทิ้งไว้สักพักจนกว่าผงฟูจะดูดซับ
คราบสกปรก แล้วค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออกให้หมด

51.ใช้ทำเป็นน้ำยาทำความสะอาดเครื่องสุขภัณฑ์ ด้วยการเท
เบกกิ้งโซดา 1/2 กล่อง ลงในถังน้ำหลังชักโครกทิ้งไว้ 1 คืน แล้วจึง
ค่อยกดชักโครก จะช่วยทำให้ถังและชักโครกสะอาดและปราศจากกลิ่นได้

52.หากรองเท้ามีกลิ่นเหม็นที่เกิดจากการหมักหมมมานาน ให้นำ
เบกกิ้งโซดามาโรยในรองเท้า แล้วนำรองเท้าคู่นั้นมาใส่ในถุง
พลาสติดรัดให้แน่น แล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งของตู้เย็นประมาณ
1-2 คืน (-_-") แล้วค่อยนำรองเท้าออกมาทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง
หลังจากนั้นนำรองเท้าไปสลัดผงเบกกิ้งโซดาออกให้หมดแล้วนำมา
สวมใส่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่นำมาสวมใส่ทันทีก็ให้ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
ก่อนจนกว่าจะนำมาสวมใส่ หรือจะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ขยำ
เป็นก้อน ๆ มาใส่ไว้ในรองเท้าอีกก็ได้ (หมึกของกระดาษหนังสือ
พิมพ์จะช่วยดูดกลิ่นและยังทำให้รองเท้าอยู่ทรงอีกด้วย)

53. ช่วยแก้ปัญหากลิ่นในรถ และกลิ่นบุหรี่ในรถ ด้วยการใช้เบกกิ้ง
โซดานำมาโรยลงไปที่ก้นที่ใช้เขี่ยบุหรี่ในรถ เบกกิ้งโซดาจะช่วย
ดับกลิ่นได้ แต่ก็ต้องนำมันออกมาทำความสะอาดด้วยการเทขี้เถ้าทิ้ง
แล้วให้โรยผงเบกกิ้งโซดาไว้ที่ถาดเสมอ ๆ


54.ใช้ดับกลิ่นท่อและแก้ปัญหาท่อตัน ด้วยการเทเบกกิ้งโซดาลงไป
ในท่อประมาณ 1 ถ้วยก่อนแล้วให้ใส่เกลือแกงประมาณ 1/4 ถ้วยลงไป
แล้วตามด้วยน้ำร้อน จะทำให้ท่อไม่ตันและปราศจากกลิ่น

55.ใช้ดับกลิ่นอับในตู้เย็น ตู้กับข้าว ตู้รองเท้า ห้องทาสีใหม่
หรือใช้ในโรงงาน เพื่อขจัดกลิ่นสี กลิ่นสารระหาย กลิ่นน้ำยาต่าง ๆ
ฯลฯ ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดานำมาเปิดฝากล่องด้านบนออกให้หมด
หรือเทใส่ถ้วย แล้วนำมาทิ้งไว้ด้านในสุดของตู้เย็น (เปลี่ยนทุก ๆ 3 เดือน)
เบกกิ้งโซดาจะช่วยดูดกลิ่นอับในตู้เย็นได้ แต่ถ้าเป็นตู้กับข้าว ตู้รองเท้า
ห้องทาสีใหม่ ฯลฯ ก็ให้เทใส่จานหรือถาดหรือนำไปโปรยในบริเวณ
ที่มีกลิ่นเหม็นอับ (ปิดห้อง ปิดตู้ให้สนิทด้วยละครับ) แล้วปล่อยทิ้งไว้
ให้มันดูดกลิ่นประมาณ 1-2 วัน

56. ใช้กำจัดกลิ่นเหม็นอับตกค้างบนไม้ถูพื้นหรือไม้กวาด ด้วยการนำ
ไม้ถูพื้นมาแช่ในน้ำ 1 ถัง ที่ละลายกับผงฟู 4 ช้อนชา แต่ให้แช่หลังจาก
ที่ทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกไปแล้ว หลังแช่เสร็จให้นำมาตากให้แห้ง

57.ใช้ดับกลิ่นแมว ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาเทลงไปใน Litter box
หรือห้องน้ำของแมว ก่อนที่จะใส่ Litter หลังจากนั้นทุกครั้งที่จะทำ
ความสะอาด Litter box พอตักอึแมวไปแล้วก็ให้เอาเบกกิ้งโซดา
โรยนิด ๆ ที่บ้านเพื่อเป็นการกลบกลิ่น

58.ใช้ดับกลิ่นอับของเสื้อผ้า ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดาครึ่งถ้วยหรือ
ประมาณ 8 ช้อนโต๊ะ นำมาผสมกับผงซักฟอกชนิดน้ำในปริมาณที่จะใช้
แทนที่เราจะใช้สารฟอกขาวชนิดคลอไรด์ 1 ถ้วยเต็ม ๆ แต่เราสามารถ
ใช้เบกกิ้งโซดาเพียงครึ่งถ้วยเพื่อใช้แทนได้ แต่ถึงเบกกิ้งโซดาจะ
ใช้ซักเสื้อได้ แต่มันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพเท่ากับผงซักฟอก เบกกิ้ง
โซดาจึงเป็นเพียงส่วนเสรมที่นำมาใช้ทำให้ผ้าสะอาดมากขึ้นเท่านั้น

59.นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ภาชนะหรือกระเป๋า
เดินทางของคุณมีกลิ่นเหม็นอับชื้นจากเชื้อรา ด้วยการโรยผงฟูลงบน
ภาชนะข้าวของเครื่องใช้ก่อนที่จะเก็บเข้าที่เข้าทางอย่างมิดชิด หรือจะ
ใช้โรยลงในโถส้วม อ่างล้างจาน อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ หรือโรยบน
ฝักบัวทิ้งไว้หากเราจะหยุดใช้ชั่วคราวในกรณีที่ไปพักร้อน หรือจะ
ใช้ขจัดกลิ่นเหม็นอับของผ้าห่ม ผ้านวม หลังจากที่เก็บไว้นาน ๆ ก็
ให้โรยผงฟูลงบนผ้านั้นแล้วม้วนเก็บทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง
แล้วค่อยสะบัดออก หรือจะนำมาใช้ขจัดกลิ่นตกค้างบนผ้าปูโต๊ะ
ด้วยการนำมาผ้าปูโต๊ะมาแช่ในน้ำนะลายผงฟูก็ได้

60.ใช้ทำเป็นน้ำยาซักผ้าขาว สูตรแรกให้ใส่ผงเบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยลง
ในเครื่องซักผ้าพร้อมกับน้ำยาซักผ้า วิธีนี้จะช่วยทำให้ผ้าขาวและ
สีสดขึ้นได้ ส่วนสูตรที่สองให้ใช้ตอนซักผ้า โดยให้ใส่เบกกิ้งโซดา 1/2
ถ้วยลงไปในน้ำสุดท้ายที่กำลังจะล้างฟองออก ก็จะช่วยทำให้ผ้ามีกลิ่น
สะอาดยิ่งขึ้น

61.ใช้ล้างแปรงและหวี ด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา นำมา
ผสมกับน้ำอุ่นในชามอ่างเล็ก ๆ แล้วนำแปรงหรือหวีมาแช่ทิ้งไว้
แล้วนำมาล้างอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยทำให้คราบต่าง ๆ ที่ติดอยู่
ตามซอกหลุดออกมาได้โดยง่าย

62.ใช้ทำความสะอาดที่ดัดฟัน (Retainers) ด้วยการใช้เบกกิ้ง
โซดา 2 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยแล้วนำที่ดัดฟันมาแช่ทิ้งไว้สักพัก
แล้วค่อยเอาแปรงขัดคราบออกอีกครั้งหนึ่ง

63.ใช้ปรับสภาพของสระว่ายน้ำหรือตู้ปลาให้มีความเป็นกลาง เนื่องจาก
การเติมคลอรีนมากเกินไปและทำให้สระว่ายน้ำมีความเป็นกรดมากเกินไป

หมายเหตุ : เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) กับผงฟู (Baking Powder)
แม้ว่าจะมีคุณสมบัติบางอย่างที่คล้ายกัน แต่บางครั้งมันก็เอามาใช้แทน
กันไม่ได้นะครับ อันนี้ก็ต้องดูให้ดี ๆ ก่อนครับ

เบกกิ้งโซดา ซื้อที่ไหน?
ตอบ หาซื้อได้ตาม Supermarket ทั่วไปครับ (เดอะมอลล์, ฟู๊ดแลนด์,
แม็คโคร, บิ๊กซี, โลตัส, ท๊อปส์, ร้านขายอุปกรณ์เบเกอรี่) ที่แผนกเบเกอรี่
บริเวณชั้นที่ขายพวกแป้งทำขนม สีผสมอาหาร ถ้าเป็นยี่ห้อ McGarrett
ขนาด 300 กรัม ก็ราคาประมาณ 11-16 บาทครับ แต่ล่าสุดที่ผมไปซื้อ
มาที่ฟู๊ดแลนด์ ยี่ห้อแม็กกาแรต ขนาด 300 กรัม ราคาอยู่ที่ 14.50 บาทครับ (30/08/57) แต่ระวังจะซื้อมาผิดนะครับ ให้เลือกเอาที่เขียนว่า
Baking Soda ไม่ใช่ Baking Powder

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบ : pantip.com (by แม่หนูคริสตี้)
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)
 
สาขา Health blog
 
newyorknurse



Create Date : 07 ตุลาคม 2562
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2562 6:18:23 น. 0 comments
Counter : 4495 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณkae+aoe, คุณJinnyTent, คุณSai Eeuu, คุณหอมกร, คุณเริงฤดีนะ, คุณกาปอมซ่า


newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ... United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]






เริ่มเขียนBlog
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553

ยินดีต้อนรับค่ะ

จขบ.บันทึกประสบการณ์ต่างๆ
ระยะเวลาทำงานและระยะเกษียณ
เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

จขบ.พยายามใช้ชีวิตเกษียณให้มีคุณค่า
รักษาสุขภาพใจและกาย ท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ
ทำสวนดอกไม้ ออกกำลังกาย
สมัครเป็นสมาชิก 24 Hrs Fitness
เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ
จะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่รักและห่วงใย

จขบ.เพิ่มบล็อกสุขภาพ
เพื่อจะได้นำสาระที่มีประโยชน์
เกี่ยวกับสุขภาพทั่วๆไป

จขบ.หวังว่าข้อมูลต่างๆช่วยให้
ทุกท่านที่มาอ่าน รักษาสุขภาพ
ไปตรวจเพื่อเป็นการป้องกัน
และได้รับการรักษาเนิ่นๆ เพื่อ
ชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

"A time to enjoy,
a time to spend time with your family
and a time to be with your friends
all comes with retirement"


*****


"Live The Moment"

อยู่กับปัจจุบันขณะ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขี้น
ในอดีตและกลัวหรือกังวล
สิ่งทีเกิดขี้นในอนาคต "วันนี้" และ "ขณะนี้"
คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ !!
ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาทีมีคุณค่า
น่าจดจำเพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมา
และผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และ
หาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ


*********


ขอบคุณ Bloggang ทำให้เราได้เขียนบล็อกต่างๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวด
ทุกๆคะแนน นะคะ

BG Popular Award # 19


BG Popular Award # 18


BG Popular Award # 17


BG Popular Award # 16


BG Popular Award # 15


BG Popular Award # 14


BG Popular Award # 13


BG Popular Award # 12


BG Popular Award # 11


BG Popular Award # 10


BG Popular Award # 9


BG Popular Award # 8

**********



ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2561
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ


ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2560
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ
Flag Counter
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2562
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 ตุลาคม 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newyorknurse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.