นิวยอร์ก-ชีวิตชองเราหลังโควิดระบาดมาเกือบปี บรรยากาศเริ่มสะดวกขี้นหน่อย


นิวยอร์ก - ชีวิตของเราหลังโควิดระบาดมาเกือบปี
 บรรยากาศเริ่มสะดวกขี้นหน่อย


 





ชีวิตของเราและเพื่อนบ้าน ผ่านมาหนี่งปี ระยะนี้ชาวนิวยอร์กได้รับวัคซีนกันเกือบ
40% เด็กอายุ 16 ปีเริ่มมีสิทธิิที่จะฉีดวัคซีนด้วยและ บริษัทยากำลังทำวิจัยวัคซีน
สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีแล้ว อีกไม่นานก็จะมีวัคซีนให้ทุกคน
บรรยากาศขณะนี้เริ่มดีขี้น ค่อยหายใจสะดวก ไปไหนๆพอได้บ้าง

โรงเรียนเริ่มเปิดให้นักเรียนไป 2-3 วันต่ออาทิตย์ ร้านอาหารเปิด 2/3
ของร้าน

Gym ก็เปิด มี class ในจำนวนจำกัดห้องละ 15-20 คนแล้วแต่
สถาณที่ ต้องเว้นระยะห่างตามที่กำหนด สระว่ายน้ำก็เปิดให้ไปว่ายน้ำครั้งละ
สามคน คนละ 30 นาที่

ร้านขายของต่างๆก็เปิดหมด แต่ต้องทำตามระเบียบ ระยะห่างและต้องใส่แมส
เว้นระยะห่าง และที่ร้านขายของ มีน้ำยาเช็ดมือและเช็ดรถเข็นพร้อม

คลินิคหมอ นัดแล้วให้รอในรถ จะส่งข้อความมาให้ขี้นไปได้เมือถึงคิว

สถานเจาะเลือด มีที่ให้รอเว้นระยะห่างประมาณสองสามคม หรือไปรดในรถ
และจะส่งข้อความมาบอกว่าให้เข้าไปได้

ทุกอย่างไม่เหมือนเดิม แต่ก็อยู่ในสภาพที่ปรับตัวได้และสามารถดำเนินชีวิตได้
อย่างมีความสุขพอสมควร

*****

เมืองไทยบ้านเราเริ่มจะมีโรคระบาดเพิ่มขี้น
แต่ก็ไม่มากเท่านิวยอร์กแน่ๆ
ระยะนี้ทุกคนต้องระวังป้องกันตัวเองและครอบครัวกัน
อย่างเคร่งครัด จะได้ปลอดภัยจากโรคระบาด


ระยะที่นิวยอร์ก ระบาดมากๆ ขนาดรถตู้เย็นไปจอดหน้ารพ
รับศพแต่ละคืนมากมาย ไม่มีที่จะฝังศพ มากมายจริงๆ
พวกเรากลัวกันมาก และไม่ไปไหนเลย สั่งของจากซุบเป้อมาร์เกต
ของที่ซื้อมาก็วางไว้ที่ข้างนอก สักวันสองวัน หรือล้างให้สะอาด
กลัวกันมาก ขนาดขนมปังซื้อมาก็ใส่ถุงเมือตัดถุงเขาออก
ใส่ถุงของเราเอง ระยะนั้นของต่างๆก็ไม่พร้อม แมสก็หายาก
น้ำยาใช้ทำความสะอาดก็หายาก ร้านค้าต่างๆก็ไม่พร้อม
ไม่รู้จะทำอย่างไรกันและร้านก็ปิดเป็นส่วนมาก เครียดกันมาก

ภาพในความทรงจำระยะที่นิวยอร์กีโรคโควิดระบาดมากๆ
ชาวนิวยอร์กกลัวกันมากคนที่ทำงาน รายได้รายวัน ก็ขาดรายได้
ร้านค้าต่างๆ ก็ปิดหมด ถนนว่างไม่มีคนเดินเลย เหมือนเมืองล้าง
ที่นิวยอร์คซิตี้ เป็นสถาณท่องเที่ยวที่คนทั่วโลกมาเที่ยวกัน
มากมายทุกวัน กลายเป็นเมืองล้าง ไม่มีคนเลย

ข่าวคนติดโรคโควิทมากมาย คนไทยเสียชีวิตหลายคน ญาติก็ไปเยียมไม่ได้
เป็นระยะที่เครียดและกลัวกันมาก เป็นเวลาหลายเดือน ข่าวต่างๆ การดูแล
เรื่องโควิด มากมาย ทั้งยา ทั้งวิตามิน ทั้งสมุนไพร หากันมากินมากมาย
ตกใจกันมาก

เวลาผ่านมาเกือบปีระยะนี้เราค่อยสบายใจขี้นหน่อยแต่ก็ยังไม่ใช่จะสบายใจกัน
100% ถึงแม้คนส่วนมากฉีดวัคซีนกันแล้ว แต่เวลาไปไหนก็ยังต้องใส่แมส แม้ขณะนี้
เราไปเจอกัน ก็ไม่ได้เข้าบ้าน คุยกันนอกบ้าน ไม่ไปไหนที่ไม่จำเป็น ชีวิตประจำวัน
ดีขี้นพอสมควร


เมืองไทยระยะนี้ ต้องใช้เวลาหน่อยเรื่องต่างๆจะดีขี้น
ทุกคนต้องร่วมมือกัน เราก็จะผ่านมันไปได้ค่ะ
ที่สำคัญทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเอง
คือใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ แยกช้อนทานอาหาร
ไม่ไปที่ชุมชน ไม่ไปที่ไหนที่ไม่จำเป็น


*****

นำภาพ ระยะที่นิวยอร์คระบาดมากๆมาให้ชมกัน
หวังว่าคนไทยจะร่วมมือกันระวังป้องกัน
ไม่ให้มาถึงจุดนี้นะคะ






1















เรือโรงพยาบาลสนาม
รพ.สนาม








ที่ฝังศพ ต้องซ้อนๆกัน












******














*******

 

#สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิดระลอกที่ ๓ ในประเทศไทย
กำลังเลวร้ายมาก หลายฝ่ายต่างต้องการกำลังใจ
พระเมธีวชิโรดม หรือ ท่านว.วชิรเมธี
จึงเขียนบทความเพื่อให้กำลังใจ
แก่บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข
และแก่คนไทยทั้งประเทศ ดังต่อไปนี้
(กรุณาช่วยส่งต่อกันและกันเพื่อสร้างพลังบวกให้แก่คนไทย
ให้เยอะที่สุดและกว้างขวางที่สุด)

“วิชา เห็นอกเห็นใจคนอื่น”
.
โดยพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี)


 

.
การเผชิญกับภัยคุกคามอย่างโควิด-19
นับว่า เป็นเรื่องแย่มากพออยู่แล้วสำหรับสังคมไทย
แต่เรายังมีเรื่องแย่มากกว่านั้นซ้ำเติมเข้ามาอีก
นั่นคือ 
การที่เราเอาแต่ด่าทอ  
และด่วนตัดสินกันและกันหนักข้อมากขึ้นทุกวัน
เสียงด่าทอนั้น
เกิดขึ้นจากความไม่พอใจรัฐบาลบ้าง
ไม่พอใจตำรวจที่หละหลวมในการรักษากฏหมายบ้าง
ไม่พอใจคนที่ไม่รักษามาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้นบ้าง
ไม่พอใจดาราหรือศิลปินบางคน
ที่ติดเชื้อโควิดแล้วไม่ดูแลตัวเองให้เป็นตัวอย่างแก่คนอื่นบ้าง
ไม่พอใจเหล่าอภิสิทธิ์ชนที่ทำตัวเหนือมนุษย์ทั่วไปจนกลายเป็นที่มาของระลอกที่ ๓ บ้าง
ไม่พอใจวัคซีนที่ไม่แน่ใจว่า ปลอดภัยจริงๆ หรือเปล่าบ้าง
.
และที่แย่ที่สุดก็คือ ไม่พอใจประเทศไทยไปเสียทุกเรื่อง
ที่อะไรๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจไปเสียทั้งหมด
แม้แต่เตียงสนามก็สู้สิงคโปร์ อังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกา ไม่ได้
โดยหลงลืมความจริงไปว่า 
เราเป็นเพียงประเทศที่กำลังพัฒนา
เมื่อเทียบกับประเทศที่กล่าวมาเหล่านั้น
.
ถ้าเราจะหาเรื่องด่าทอกัน ตัดสินกัน
ต่อให้มีพันปาก ด่ากันพันวัน  ก็คงไม่จบไม่สิ้น
.
ในสังคมที่เต็มไปด้วยเสียงด่าทออย่างนี้
ยังจะมีใครกี่คนที่มีความสุขกันล่ะ
ผู้นำรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ
เจ้าหน้าที่ของรัฐ
แพทย์ พยาบาล จิตอาสา สักกี่คนกัน
ที่จะมีกำลังใจปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละ
.
ผู้คนทุกวันนี้ทำตัวเหมือนเม่นเข้าไปทุกที
เจอกันทีต้องสลัดขนพิษใส่หน้ากันจนปวดแสบปวดร้อนไปหมด
น้อยคนนักที่จะทำตัวเป็นแม่ไก่
ที่เจอกันเมื่อไหร่ก็โอบปีกปกป้องลูกด้วยความรัก
.
วิกฤติโควิดก็หนักหนาแล้ว
แต่วิกฤติความโกรธและเกลียดชังที่เริ่มก่อขึ้นมาในใจคน
ซึ่งหากเราไม่ระวังและไม่สำเหนียก
ก็จะเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายหนักลงไปอีก

ถ้าในสังคมมีแต่คนก่นด่าความมืด
แต่ไม่มีคนจุดตะเกียงให้แสงสว่างกันเลย
เราจะหาความสุขกันได้จากที่ไหน
เราจะมีกำลังใจไขว่คว้าหาทางออกร่วมกันได้อย่างไร
.
เติมพลังบวกเข้าไปในใจคน
ดีกว่าหยดยาพิษใส่แก้วน้ำให้คนอื่นกันดีไหม ?
.
ผู้เขียนเข้าใจดีว่า
ในสังคมไทยที่เต็มไปด้วยผู้คนร้อยพ่อพันแม่
และมีความซับซ้อนเสียยิ่งกว่ากรุงสุโขทัยเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว
มักจะเต็มไปด้วยเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่
ของคนที่อยากให้ความต้องการของตนได้รับการตอบสนอง 
อย่างทันท่วงที
แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า
คนที่ปฏิบัติงานทั้งหลาย 
เพื่อให้ความต้องการของเราถูกมองเห็น
และได้รับการตอบสนองนั้น
เขาก็เป็นคนเหมือนกันกับเรานั่นเอง
เขาก็มีครอบครัว มีพ่อมีแม่ มีลูกมีหลาน
เขาก็อยากมีคุณภาพชีวิตเช่นเดียวกันกับเรา
และแน่นอน เขาก็อ่อนไหว เสียอกเสียใจเป็นพอๆ กับเราด้วย
.
หากเราไม่เห็นอกเห็นใจกัน
ไม่พยายามเข้าอกเข้าใจกัน
ไม่ส่งเสริมกำลังใจให้แก่กันและกัน
สถานการณ์เลวร้ายทั้งหลายจะดีขึ้นง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
ด่าทอกันมามากพอแล้ว
เราลองมาส่งพลังบวกให้กันบ้างดีไหม ?
.
วันก่อนผู้เขียนได้อ่านพบบทความธรรมดาๆ เรื่องหนึ่ง
ที่เขียนโดยใครก็ไม่รู้ที่ส่งต่อๆ กันมาทางไลน์
แต่เนื้อหานั้นไม่ธรรมดาเลย
เพราะสารที่บทความนี้ต้องการจะสื่อ
คือสิ่งที่สังคมไทยและสังคมโลก
กำลังขาดแคลนอยู่ในตอนนี้
และเราก็ต้องการมัน
พอๆ กับวัคซีนป้องกันโควิดเลยทีเดียว
.
ลองมาอ่านกันดู
.
"แม่ของผมเป็นคนทำอาหารที่บ้านเป็นประจำทุกวัน
คืนหนึ่ง หลังจากที่แม่ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน 
แม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้า 
และทำอาหารเย็นให้เราตามปกติ 
ที่โต๊ะอาหาร 
แม่วางจาน ที่มีปลาทูไหม้เกรียมบนโต๊ะต่อหน้าพ่อและทุกๆคน 
ผมรอว่า แต่ละคนจะว่าอย่างไร
แต่... พ่อไม่พูดอะไร 
และตั้งหน้าตั้งตากินปลาทูไหม้ตัวนั้น  
และหันมาถามผมว่า ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง
.
คืนนั้น หลังอาหารเย็น 
ผมจำได้ว่า ได้ยินแม่ขอโทษพ่อ ที่ทอดปลาทูไหม้ 
และผมไม่เคยลืมที่พ่อพูดกับแม่เลย 
"โอย... ผมชอบ ปลาทูทอด เกรียมๆ อร่อยมาก นะแม่"
.
คืนต่อมา ผมเก็บคำถามไว้ในใจก่อนนอน 
และถามพ่อว่า "พ่อชอบปลาทูทอด เกรียมๆ จริงๆ เหรอ"
พ่อลูบหัวผม และตอบว่า
"แม่ของลูก ทำงานหนัก มาทั้งวัน...
ปลาทูไหม้ 1 ตัว ไม่เคยทำร้ายใคร
แต่คำพูด ที่ต่อว่า กันนั้นต่างหาก ที่จะทำร้ายกัน"
.
"ชีวิตคนเรา
เต็มไปด้วย ความไม่สมบูรณ์แบบ 
และแต่ละคน ก็ ไม่ได้เกิดมา สมบูรณ์แบบ ตัวเราเอง
ก็ไม่ได้มีอะไร ดีกว่าใครๆ"
.
แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้มาในช่วงชีวิต ก็คือ...
การเรียนรู้ ที่จะยอมรับ
ความผิดพลาดของคนอื่น และ ของตัวเอง
.
การเลือกที่จะยินดีกับความคิดต่างกันของแต่ละบุคคล
เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาชีวิตครอบครัว ที่มีความสุข และยืนยาว
.
“ชีวิตเรานั้น 
สั้นเกินกว่าที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับ
ความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารักและรักเรา 
ให้ดูแล และทะนุถนอม คนที่รักเรา 
และพยายามเข้าใจ และให้อภัย จะดีกว่า"
.
“ถ้าเรารู้ เราจะ ทำไหม”
.
• เราจะบีบแตร 
ใส่คนที่ ยืนยึกยัก ริมถนน ตรงแยกที่ผ่านมาไม๊– ถ้าเรารู้ว่า เค้าใส่ขาเทียม
.
• เราจะเบียดชน คนข้างหน้า ที่เดินช้ามากไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า เค้าเพิ่งตกงาน

• เราจะขำ คนที่ แต่งตัวเชยไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า เค้ามีชุดเก่ง แค่ชุดเดียว

• เราจะรำคาญ สาวโรงงาน ที่มาเดิน พารากอนไม๊ – ถ้าเรารู้ว่า นั่นคือ
การฉลองวันเกิดของเธอ

• เราจะหมั่นไส้ ลุงที่หัวเราะ
เสียงดังลั่น คนนั้นไม๊ – ถ้ารู้ว่า แกเป็นมะเร็ง ขั้นสุดท้าย

• เรารู้แจ่มชัดเสมอ…
ว่าชีวิตเรา กำลังเจออะไร
แต่เรา ไม่มีวันรู้ว่า
"คนที่เราเจอ – กำลังเจอ กับอะไร"
.
โลก กว้างกว่าเงาของเรา และโลก ก็ไม่ได้หมุนรอบตัวเรา
.
มองข้าม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง 
ให้โอกาส และให้อภัย มีความเข้าใจ ซึ่งกันและกัน 
จะได้รัก และอยู่ด้วยกัน อย่างยั่งยืนยาวนาน”
.
จากเรื่องราวที่กล่าวมาข้างต้นนั้น
ผู้เขียนสรุปออกมาเป็น “กฎทองของชีวิต”
ซึ่งเมื่อใครนำไปปฏิบัติแล้ว
จะทำให้เป็นคนที่กลายเป็น “แหล่งพลังงงานทางบวก”
สำหรับคนที่อยู่ข้างหน้าเสมอ
นั่นก็คือ
.
๑.หัดมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เสียบ้าง
อย่าจริงจังกับทุกเรื่อง 
จนความสัมพันธ์กับคนรอบข้างตึงเครียดไปหมด

๒.ไม่มีใครที่ทำอะไรได้สมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด
จงให้อภัยในความผิดพลาดของคนอื่น
เหมือนกับที่เราชอบให้อภัยแก่ตัวเอง
.
๓.สิ่งใดที่เราไม่ชอบ ก็จงอย่ามอบสิ่งนั้นแก่คนอื่น
สิ่งใดที่เราชอบ ก็จงมอบสิ่งนั้นแก่คนอื่น
.
๔.อย่ารำคาญความปรารถนาดีเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่น
ที่พยายามแสดงออกต่อเราด้วยความจริงใจ
.
๕.เรารักสุขเกลียดทุกข์และกลัวความตาย ฉันใด
คนอื่น ก็รักสุข เกลียดทุกข์ และกลัวความตาย ฉันนั้น
เอาใจเขามาใส่ใจเรา (อตฺตานํ อุปมํ กเร)
อย่างนี้แล้ว
จึงไม่ควรฆ่าใคร 
ไม่ควรสั่งใครให้ไปฆ่า
.
(ว.วชิรเมธี)
๒๖ เมษายน ๒๕๖๔


ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจากอินเตอร์เนต

 


 
Health blog


 
newyorknurse 

 


Create Date : 26 เมษายน 2564
Last Update : 29 เมษายน 2564 5:47:33 น. 9 comments
Counter : 1181 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณกะว่าก๋า, คุณkae+aoe, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSweet_pills, คุณหงต้าหยา, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณออโอ


 
สวัสดีครับคุณน้อย

ขอบคุณที่นำข้อคิดจากท่าน ว. วชิรเมธี ที่นำมาเผยแพร่ให้อ่านกันครับ
ชอบมากๆ เลย เรื่องปลาทูทอดเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ดีมาก
และกฎทองของชีวิต อ่านแล้วช่วยเตือนสติได้ว่า
เราควรทบทวนตัวเอง ก่อนจะไปทบทวนใครๆ







โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 29 เมษายน 2564 เวลา:1:45:02 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่น้อย

ชอบที่คุณหมอสรุปไว้ทั้ง 5 ข้อครับ
สุดท้ายเราก็ต้องอยู่กับโควิดไปให้ได้
เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว
และยังไม่ยอมจากไปง่ายๆ
เหมือนโรคอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นบนโลกนี้
แต่ถ้าเรามีความรู้ มีความเข้าใจ
ป้องกันตนเองให้ดี
เราก็สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้จริงๆครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 เมษายน 2564 เวลา:6:56:40 น.  

 
เซียนกระบี่ลุ่มแม่น้ำวัง 
สวัสดีครับ

สอบถามหน่อยครับ - เท่าที่ทราบมา วัคซีน ไม่สามารถป้องกันการป่วยได้ 100%
ที่สงสัยคือ วัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ใช่ไหมครับ? เมื่อมีการติดเชื้อได้ ก็แพร่เชื้อ(เป็นพาหะ) ได้ รึเปล่า
ซึ่งผมไม่ทราบและเชื่อว่าคนจำนวนมากก็ไม่ทราบ
และถ้าเป็นอย่างนั้น ปัญหาก็คือ ในอนาคต อาจมีคนจำนวนมากที่ฉีดวัคซีนแล้ว เพ่นพ่านแพร่เชื้อไปทั่ว ... คนที่ซวยคือ คนที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้

มีความสุข รักษาสุขภาพนะครับ


โดย: เซียน_กีตาร์ วันที่: 29 เมษายน 2564 เวลา:7:50:31 น.  

 
สู้ๆ นะคะ รักษาสุขภาพด้วย


โดย: kae+aoe วันที่: 29 เมษายน 2564 เวลา:8:34:43 น.  

 
รักษาสุขภาพด้วยนะครับ


ขอขอบคุณกำลังใจให้บล็อก - ครัวกำปั่น เขาใหญ่ ด้วยนะครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 29 เมษายน 2564 เวลา:20:11:07 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเซียน

"
สอบถามหน่อยครับ - เท่าที่ทราบมา วัคซีน ไม่สามารถป้องกันการป่วยได้ 100%
ที่สงสัยคือ วัคซีนไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ใช่ไหมครับ? เมื่อมีการติดเชื้อได้ ก็แพร่เชื้อ(เป็นพาหะ) ได้ รึเปล่า
ซึ่งผมไม่ทราบและเชื่อว่าคนจำนวนมากก็ไม่ทราบ
และถ้าเป็นอย่างนั้น ปัญหาก็คือ ในอนาคต อาจมีคนจำนวนมากที่ฉีดวัคซีนแล้ว เพ่นพ่านแพร่เชื้อไปทั่ว ... คนที่ซวยคือ คนที่ไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนได้"

*****

ระยะนี้ก็มีข่าวต่างๆนาๆ ตามที่อ่านแล้วรู้มาก็ไม่การันตีเหมือนกันว่า
วัคซีนที่ฉีดแล้ว ก็ยังต้องสวมแมส เขาบอกว่าเวลาติดก็ติดแล้วมีอาการน้อย รักษาง่ายกว่าไม่ฉีดวัคซีน และคนที่ฉีดวัคซีนอาจจะมีเชื้อแต่ก็แพร่ไม่รนแรง ข่าวพวกนี้ยังต้องดูๆกันต่อไป ขนาดวัคซีนที่ฉีดไปสองครั้ง บริษัทยายังบอกว่าหลัง 6 เดือนอาจจะต้องฉีด booster dose อีก คนที่ฉีดแล้วฟังแล้วก็เหนื่อยเลย แต่จริงๆ วัคซีนก็มีอายุป้องกันแค่ปี ปีต่อไปก็ต้องฉีดอีก อาจจะเป็นเหมือนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ๋

ใหม่ๆ ที่นิวยอร์กก็จองคิวกันลำบากมาก ยิ่งคนอยากฉีดวัคซีนก็กระวนกระวายกัน แต่ผ่านมาสักสี่ห้าเดือน ระยะนี้มีที่ฉีดวัคซีนง่ายมาก
บางแห่งไม่ต้องจอง เดินไปก็ได้ฉีดวัคซีนเลย

ประเทศไทย อีกไม่นานก็จะได้คิวฉีดยาง่ายขี้นเหมือนกันค่ะ
เราไม่รีบ ทำตัวถูกต้องก็ไม่ต้องไปแข่งกับคนอื่นค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 30 เมษายน 2564 เวลา:0:36:38 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่น้อย

น่ายินดีที่ชาวนิวยอร์กได้รับวัคซีนกันเกือบ 40%
และสถานการณ์ค่อยดีขึ้นแล้วนะคะ

ตามข่าวการแพร่ระบาดที่มากขึ้น
อยู่ไทยก็ต้องระมัดระวังป้องกันตัวเองให้เต็มที่เหมือนกันค่ะ

พี่น้อยรักษาสุขภาพนะคะ
ขอบคุณพี่น้อยสำหรับกำลังใจค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 30 เมษายน 2564 เวลา:1:04:40 น.  

 
ระบบการจัดการวัคซีนดีนะคะ
อย่างน้อยก็สร้างความอุ่นใจได้

คนไทยส่วนใหญ่ยังรอแีดวัคซีน
ด้วยความหวังต่อไปค่ะ


โดย: หงต้าหยา วันที่: 30 เมษายน 2564 เวลา:7:05:16 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่น้อย

เชียงใหม่เป็นพื้นที่ประกาศสีแดงแล้วครับ
รอบนี้ติดรุนแรงที่สุด 5 จังหวัดแรกของประเทศเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 เมษายน 2564 เวลา:7:10:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ... United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]






เริ่มเขียนBlog
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553

ยินดีต้อนรับค่ะ

จขบ.บันทึกประสบการณ์ต่างๆ
ระยะเวลาทำงานและระยะเกษียณ
เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

จขบ.พยายามใช้ชีวิตเกษียณให้มีคุณค่า
รักษาสุขภาพใจและกาย ท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ
ทำสวนดอกไม้ ออกกำลังกาย
สมัครเป็นสมาชิก 24 Hrs Fitness
เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ
จะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่รักและห่วงใย

จขบ.เพิ่มบล็อกสุขภาพ
เพื่อจะได้นำสาระที่มีประโยชน์
เกี่ยวกับสุขภาพทั่วๆไป

จขบ.หวังว่าข้อมูลต่างๆช่วยให้
ทุกท่านที่มาอ่าน รักษาสุขภาพ
ไปตรวจเพื่อเป็นการป้องกัน
และได้รับการรักษาเนิ่นๆ เพื่อ
ชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

"A time to enjoy,
a time to spend time with your family
and a time to be with your friends
all comes with retirement"


*****


"Live The Moment"

อยู่กับปัจจุบันขณะ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขี้น
ในอดีตและกลัวหรือกังวล
สิ่งทีเกิดขี้นในอนาคต "วันนี้" และ "ขณะนี้"
คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ !!
ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาทีมีคุณค่า
น่าจดจำเพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมา
และผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และ
หาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ


*********


ขอบคุณ Bloggang ทำให้เราได้เขียนบล็อกต่างๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวด
ทุกๆคะแนน นะคะ

BG Popular Award # 19


BG Popular Award # 18


BG Popular Award # 17


BG Popular Award # 16


BG Popular Award # 15


BG Popular Award # 14


BG Popular Award # 13


BG Popular Award # 12


BG Popular Award # 11


BG Popular Award # 10


BG Popular Award # 9


BG Popular Award # 8

**********



ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2561
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ


ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2560
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ
Flag Counter
New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2564
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
26 เมษายน 2564
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newyorknurse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.