..มนุษย์ เผ่าพันธุ์กรุงเทพ เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด ...
ไปเจอข้อเขียนเขาว่าเป็น ของลูกสาวคนดังคนนึง เธอว่า... "มนุษย์ เผ่าพันธุ์กรุงเทพ เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด ในมนุษย์ 6 จำพวกของประเทศสาระขันฑ์ ... ปลูกข้าวไม่ได้ หาปลาไม่เป็น ที่เก่งที่สุด คือ ดูถูกมนุษย์เผ่าพันธ์อื่นว่าเค้าโง่ เค้าควาย... แต่หาสำนึกไม่ว่า...มนุษย์เหล่านี้ปลูกข้าว หาปลาให้ทุกท่านกิน ถ้าไม่มีมนุษย์เหล่านี้ พวกท่านจะกิน gucci หรือ bmw ได้ไหม??? " .... ใช่ เธอพูด ...เรื่องจริง แต่แบบไม่ครบถ้วนนัก
ก็หากผมเป็นชาวนา ผมก็คงต้องกินกับข้าว จึงต้องเอาข้าวไปแลกเปลี่ยนปลามาจากชาวประะมง ไปแลกผลไม้จากชาวสวน มันจึงก่อเกิดเป็นสังคม มีการสร้างระบบ "เงินตรา" ไว้จัดเก็บผลงาน และด้วยเหตุนั้น ต่างคนจึงมีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคมที่แตกต่างกัน ผมไม่ได้เถียงเธอว่า คนในสังคมเราหลายคนชอบดูถูกคนอื่น คนพวกนั้นชอบมองว่า ใครจนกว่าเขาก็ว่าเขาต่ำ ใครเรียนน้อยกว่าก็ว่าเขาโง่ ใครดำๆถึกๆหน่อยก็ว่าเขาน่าจะเป็นคนร้าย หลายคน ตัดสินคนแต่รูปลักษณ์ภายนอก แต่เครื่องใช้ แต่กระดาษการันตี แต่คำพูด ... แล้วก็มาบอกว่า ทำไมไม่มีคนดีๆบ้างในสังคม ทำไมมีชนชั้น ทำไมชั้นๆๆ ฯลฯ
แต่ความจริิงข้อหนึ่งของคำว่า คนกรุงเทพ คือ วันสงกรานต์ทีไร กทม แทบจะร้าง เพราะคน ตจว ที่มาทำมาหากินในแผ่นดินนี้ กลับบ้าน คน กทม จริงๆ มีจำนวนเท่าไหร่กันเชียว กทม สมัยก่อนนั่นนะ บ้านไหนกลับไปตจว.ก็จะติดของมาฝากกัน พอบ้านเราได้ของฝาก ก็ทำขนมทำแกงกลับไปแจกจ่ายกัน นั่นแหละ ทำไมเราถึงชื่อว่า คนกรุงเทพเมืองฟ้าเมืองอมร ดังนั้นหากจะว่า คนกทม ดูถูกคนอื่น ... ก็ต้องถามว่า ใช่จริงหรือ คน กทม จริงหรือ? ไม่ใช่พวกตนดูถูกตนเองหรอกหรือ เพราะผมคนหนึ่งละที่ ทวดผมก็อยู่ กทม ..แม่..ผม..น้อง.. อยู่ในกำแพงด้วยมันพอจะเรียกผมว่า คนกรุงเทพ คนนึงได้รึเปล่าละ แต่หากใครมาพูดกับผมถึง ชาวนา ... ผมอิจฉาเขามีท้องทุ่งและเวลาสบายๆ ชาวประมง..ผมก็อิจฉาเขามีเสรีและผืนน้ำใสๆ ผมคนกรุง แหกขี้ตาไปติดบนถนน ทำงานกลับมาก็ นอนป๊อยหลอย ชีวิตมีแต่ปากท้องเร่งรีบ ในท้องทุ่งริมทะเลมันมี สลัมรึเปล่าละ? จะเตะบอลต้องเช่าสนามฟุตซอลชั่วโมงละเป็นพันรึปล่าละ? ผมจึงจะไปดูถูกคนที่อาชีพ ที่จังหวัดอื่น ได้อย่างไร เพราะผมยังนิยมกระเป๋าจาคอบมากกว่า gucci ยังอยากขี่จักยานปรีดารึเฟสสัน มากกว่า BMW เพียงแต่ ถนนในกทมวันนี้ มีกี่ที่ๆจะขี่จักยานได้โดยปลอดภัย
นั่นหละต่อให้เป็นลูกมหาเศรธฐี แต่ยังเลือกจะคิดจะมองแต่"ผล" ไม่ไล่ไปจนต้นเหตุที่แท้จริง มองแต่ผลแล้วคิดเห็นตามใจตนว่า ทำไมเขาแบบนั้น ทำไมเขาแบบนี้ แล้วตัดสินจากแค่มุมมองของตน ไม่เคยคิดว่า ทำไมเราไม่แบบนั้น เราไม่แบบนี้ พอโดนโต้ตอบอะไรก็ออกมาร้องแรกแหกกระเชอเช่น โดนผัวตบก็ว่า ผัวทำร้าย ..ไม่ดูว่าตัวเองทำอะไรให้เขากดดัน โดนรถชนก็ว่าเมาแล้วขับ ...ไม่ดูว่า ข้ามใต้สะพานลอยมืดๆ โดนจำกัดขอบเขตก็ว่าไม่ประชาธิปไตย ไม่ดูว่าตัวเองไปละเมิดคนอื่นอยู่ โดนทหารจัดการก็ว่า ทหารฆ่าประชาชน ไม่ดูสิ่งที่ตัวเองก่อกวน บอกยุติความรุนแรง แต่ไม่หยุดก่อปัญหา เป็นต้น
ผมก็เรียกรวมๆว่า ... พวกเก็บกินแต่ผล เป็นคนไม่มีเหตุ เพราะถ้าถามหาเหตุผล เขาก็จะให้แต่คำพูดที่วกวน เข้าแต่ข้างตน มะกอกสามตระกร้า ...ก็พวกคนเห็นแค่ตัว ผมยอมรับจริง ว่าสังคมเรามีชนชั้น แต่ชนชั้นในความคิดผมไม่ได้อยู่ที่ อาชีพ บ้านเกิด ฯลฯ แต่อยู่ที่จิตใจ เพราะผมคงไม่เอากระเป๋ามาต้มกิน ขณะที่เธอไปช๊อบกุดชี่ที่ญองเอสลิเซ่ ผมคงไม่นั่งแทะบีเอ็ม ขณะที่เธอขี่ปอร์ช การมีองค์ประกอบดีๆเช่น... ครอบครัวที่อยู่ครบ การเิงินที่มากมาย การศึกษาที่ดี หน้าตาที่ดู(เกือบ)ดี การพูดจาที่ดูน่าฟัง แต่เมื่อประมวลความแล้ว นี่คงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า คำว่าคนดีไม่ได้อยู่ที่ภายนอกที่เห็น และคนที่จิตใจต่ำชั้นเที่ยวชี้ร้ายใครต่อใคร ผมก็ต้องยอมรับว่าผมแบ่งชนชั้น และคนชั้นจิตใจต่ำๆ ชอบชี้ร้ายคิดกับคนอื่นร้ายๆ ...... ผมไม่คบหา
Create Date : 20 พฤษภาคม 2553 |
|
4 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2553 23:19:52 น. |
Counter : 939 Pageviews. |
|
|
|